อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 9/4 วันที่ 13 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 9/4 วันที่ 13 เม.ย. 56

ทานตะวันสะกิดสน
“แม่สนขา หนูว่ามันแปลกๆ”
สนพยักหน้ารับรู้จูงทานตะวันออกไป ขุนภักดีวึดวือ หันมาเหวี่ยงตะพดในมือไปทางพุ่มไม้
“มันห่วงใยกับขนาดนี้ จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงว่าไอ้เสือหนักไม่ได้เป็นชู้ของมัน”

เอกไม่พูดไม่จา รีบวิ่งไปหยิบตะพดมายื่นส่งคืนให้
ทางด้านแดงน้อยวางเนียนลงบนฟูกบางๆ ของเนียน ในใจให้นึกผูกพันอยากใกล้ชิดเนียน โดยไม่รู้ตัว

“น้าเนียนคงทำงานหนักจนเป็นลม” เทิดศักดิ์ว่า
“น้าเนียนดูเศร้าเหลือเกินนะเทิดศักดิ์”


“น้าเนียนมองแกเหมือนแม่มองลูก”
“อืม...” แดงน้อยรู้สึกได้เช่นกัน
“เป็นสายตาเดียวกับที่น้าเนียนมองน้องติ๋ว” เทิดศักดิ์บอก
ทานตะวันเข้ามาพร้อมกับเรียม
“แม่เนียนจ๋า พี่แดงน้อย พี่เทิดศักดิ์” เนื้อทองหันไปเห็นสองคน
แดงน้อยสบตาเนื้อทองยิ้มให้ เนื้อทองเองก็ส่งสายตายิ้มตอบ เทิดศักดิ์ลอบถอนใจ เรียมสังเกตเห็นหมด จึงรีบบอก
“สองหนุ่มรีบไปเถิดจ้ะ คุณพ่อรอนานจะหงุดหงิด ทางนี้แม่ดูแลกับหนูติ๋วเอง”
แดงน้อยไหว้ลาเนียนแล้วออกไปกับเทิดศักดิ์ ติ๋วปฐมพยาบาลแม่ เอายาดมมาให้ดม เนียนลืมตาขึ้นมาส่ายตามองหา
“แดงน้อย”
“ไปแล้วจ้ะแม่เนียน พี่แดงน้อยเข้าอุ้มแม่เนียนมาส่งให้ที่ห้องด้วยจ้ะ”
เนียนตื้นตันนัก ยิ้มสดใสในรอบหลายปี เรียมเห็นมองอย่างแปลกใจ

สามคนอยู่บนเรือนของสน ทานตะวันตั้งคำถาม
“ทำไมยัยเนียนมันต้องมาแอบดูคุณพ่อไปจับไอ้เสือหนักคะ ทำไมแม่สนพูดจากำกวมเรื่องไอ้เสือหนักคะ”
สนกับช้อยสบตากัน
“ไอ้เสือหนักมันก็คือ...พูดแล้วบาปกินปาก ช้อยเอ็งบอกคุณหนูอี๊ดต่อสิ” สนนำก่อน
“แหม เอากาลกิณีมาให้ช้อยเอ่ยถึงอีกแล้ว” ช้อยผสมโรง
“กาลกิณีเลยหรือ” ทานตะวันสงสัย
“เจ้าค่ะ ฟังแล้วเหยียบเอาไว้ อย่าแพร่งพรายนะเจ้าคะ” ช้อยทำเป็นตาโตมองซ้ายมองขวา
“ทำไมทุกคนต้องดูปิดๆ บังๆ กันกับไอ้เรื่องไปจับเสือชั่วๆ คนเดียวเท่านั้น” ทานตะวันยิ่งอยากรู้
“ก็ได้เจ้าค่ะ ไอ้เสือหนักมันเป็นพ่อของเด็กติ๋ว” สนบอก
ทานตะวันตาเบิกโพลง
“นางเนียนเป็นเมียเสือหนัก เจ้าค่ะ” ช้อยบอกต่อ
ทานตะวันหัวเราะชอบใจ “ที่แท้นางเด็กติ๋วเป็นลูกโจร นางเนียนเป็นเมียโจร สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ นี่พวกมันต่ำต้อยกว่าที่หนูคิดอีก”
“ใช่ค่ะ แม่สนถึงบอกให้หนูระวังตัว”
“แล้วทำไมคุณแม่เรียมเมตตามัน ทำไมคุณย่าก็เอ็นดูมัน มีแต่คุณพ่อ ที่ดูแค้นๆ มัน”
“เพราะนางเนียนมันพยายามมาหลอกเป็นเมียน้อยท่านขุนท่านขุนโดนมันหลอกเจ้าค่ะ” ช้อยเสริม
“ดีไม่ดีมันไปอ้างกับคนข้างนอกว่าเป็นลูกเป็นเมียคุณพ่อ หนูอี๊ดจะตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นพี่น้องกับลูกโจร”
“สุดจะทนฟังแล้วค่ะ หนูไม่อยากเห็นหน้ามันในบ้านนี้อีกต่อไป”
สนกะช้อยมองหน้ากัน

เรือแล่นออกมากลางแม่น้ำ ทุกคนในเรือ ต่างมีอาวุธครบมือ
“คุณพ่อครับ เล่าเรื่องเสือหนักให้ผมกับแดงน้อยฟังตั้งแต่มันเริ่มปล้นได้ไหมครับ”
“นายเอกแน่ะเล่าไป พ่อจะวางแผนจับกุมมันให้ได้ในคราวนี้” ท่านขุนบุ้ยใบ้ไปทางเอก
“จับเป็นหรือว่าจับตายครับ” แดงน้อยถาม
“เราพยายามจับเป็นทุกราย นอกจากซะว่าเขาต่อสู้ขัดขืน ก็อาจต้องจับตาย เพราะถ้าเขาไม่ตายเราก็ต้องตายซะเอง”
“คุณเทิดศักดิ์ยิงปืนเป็นหรือเปล่าครับ” เอกเอ่ยถามขึ้น
“เป็นบ้าง แต่ยังไมเก่งเท่า แดงน้อย แหมผมอยากเห็นหน้าคนใจดำอำมหิต ปล้นฆ่าคนอื่น หน้าตามันเป็นยังไงครับ ใครเคยมันเห็นบ้างไหม” เทิดศักดิ์ไม่รู้สักนิดว่าคนที่กำลังด่าคือ บิดาผู้ให้กำเนิด
“ไม่เคยเห็นจะๆ ชัดเจนดอกครับ แต่เท่าที่เขาเล่าลือ หน้าตามันดีมาก ถึงขั้นหล่อเลยแหละครับ”
เอกเล่า สองคนฟังตื่นเต้น และสนใจมาก

สามคนพากันมาแถวเรือนทองจันทร์ สนกับช้อยกำลังเสี้ยมทานตะวัน
“เรื่องแผนจัดการนางเด็กติ๋วไม่มีปัญหา แต่เอาเรื่องเฉพาะหน้าก่อนค่ะ อีเนียนมันทุกข์ระทมกลัวเสือหนักโดนจับตาย” สนว่า
“คุณหนูอี๊ด แสร้งไปทำเห็นใจมันหน่อยสิคะ เอาให้มันกระอักเลือดตาย ไหนจะห่วงผัวกำลังจะโดนจับกุม ไหนจะอับอายที่มีผัวเป็นโจร” ช้อยเสี้ยมต่อ
“ไปทดสอบฝีมือที่แม่สนอบรมมาให้ได้แล้วค่ะ”
ทานตะวันพยักหน้า

ส่วนเนียนนอนห่มผ้าอยู่ในห้อง นึกถึงภาพแดงน้อยที่ปรากฏตัว ต่อหน้าต่อตาอย่างไม่นึกฝันและไหว้เรียมอย่างนอบน้อมและสุภาพ
“แดงน้อยของแม่ช่างงดงาม กิริยามารยาทแสนดี พูดจามีน้ำใจขอบใจพี่แพรกับพี่โพล้งเหลือเกินที่ดูแลลูกเนียนอย่างดีที่สุดไม่มีอะไรที่แม่จะยินดีไปกว่านี้อีกแล้ว ในที่สุดเราก็พบกันอีกแม้ไม่อาจบอกความจริงต่อกันได้ ใจแม่ก็สุขเหลือล้น”

เนียนยิ้มปลื้มตื้นตันใจ
ส่วนที่วัดที่แม่ชีแม่ของช้อยจำศีลอยู่ แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ไหว้แล้วสอบถามแม่ชี

“ผมมาตามหาพระธุดงค์กับลูกศิษย์รูปหนึ่งครับ” แดงน้อยถามก่อน
“แม่ชีพอทราบไหมว่าท่านไปธุดงค์แถวไหน”
“ได้ยินว่า...”
แล้วชีก็ชะงักเมื่อเห็นหมอเสน่ห์ยืนอยู่เบื้องหลังของเทิดศักดิ์และแดงน้อย
“ว่ายังไงครับ” สองคนถามพร้อมกัน
หมอเสน่ห์จ้องชีถมึงทึง แล้วหันกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ชีหน้าซีดเผือด
“มีอะไรหรือครับ แม่ชี” แดงน้อยสงสัย
ท่านขุนกับคนอื่นพากันเข้ามา
“ตำรวจ” แม่ชีตื่นเต้นตกใจ
“มาจับโจรที่แอบอาศัยผ้าเหลืองหนีการจับกุม” ขุนภักดีบอก
แม่ชีชี้ไปทางที่เสน่ห์เดินไป “มัน...มัน ไอ้คนที่เป็นลูกศิษย์มันเพิ่งหนีออกไปตอนที่สองหนุ่มนี่มาถามหาพระ”
“รีบไปเร็วๆ” ขุนภักดีสั่ง
ทุกคนพากันรีบไปทันที

พระหนักปักกลดหน้าถ้ำ กำลังทำสมาธิ เห็นภาพสนกับช้อยที่หนักกับโพล้งลากไปข่มขืน และภาพล่าสุดที่ช้อยมาเจอหนักบวชเป็นพระที่วัดแล้ววิ่งหนีไป
หนักลืมตาโพลง
“นางสน...นางช้อย”
เสน่ห์วิ่งหน้าตั้งเข้ามา รวบกลด
“โยมเสน่ห์ทำอะไรน่ะ”
“มีไอ้หนุ่มสองคน มาถามหาท่านกับผมที่แม่ชีแม่นางช้อย”
“ใครกัน”
“ใครก็ช่าง ไม่ได้มาดีแน่ รีบไปจากทีนี่กันเถิด”
หนักถอนใจพึมพำ
“นางช้อย นางสน”
“นางมารผจญ”
เสน่ห์แค้นรีบรวบกลด หนักลุกขึ้น

ส่วนเนียนน้ำตาไหลอีกเริ่มนึกถึงเรื่องหนัก เนียนพนมมือ
“พี่หนักจ๋า แม้ว่าพี่จะทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เนียนเป็นน้องของพี่ เนียนไม่ต้องการเห็นพี่มีอันเป็นไป ขอให้พี่รอดปลอดภัยจากคมกระสุนของเขาด้วยเถิดจ้ะ”
ระหว่างนั้นทานตะวันเดินเข้ามาโดยไม่เคาะห้อง กวาดตามองห้องเล็กๆ แต่น่าอยู่ของเนียน
“โถน่าสงสารจริงๆ แต่มันช่วยไม่ได้นะยัยเนียน”
“คุณหนูอี๊ด”
เนียนทั้งดีใจทั้งตกใจยื่นมือออก ทานตะวันปัดทิ้งเต็มแรง
“อย่าเอามือโสโครก มาแตะต้องตัวฉัน แม้แต่เสื้อผ้าฉันก็ไม่ได้”
“คุณหนู เอ้อ มีอะไรจะให้เนียนรับใช้หรือคะ”
“ฉันไม่อยากใช้คนมีราคีล้างไม่หมดดอก แต่ฉันเป็นคนมีเมตตา ก็เลยมาสมเพชแกอยากมาเป็นเมียน้อยคุณพ่อ แถมไพล่มีชู้เป็นโจร”
“คุณหนูขา อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”
“ฉันจะพูด ใครจะทำไม”
ทานตะวันยิ้มเย้ยเนียนหัวใจสลาย

เนื้อทองยืนถือยาจะเอาไปให้แม่กิน ชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงทานตะวันพูดว่าเนียนมีชู้เป็นโจร
“ก้อแกมีชู้เป็นโจรจริงๆ นี่นา”
เนื้อทองยืนนิ่งตกตะลึงพรึงเพริด ทานตะวันด่าต่อ
“น่าสงสารยัยติ๋วลูกของแก มันรู้ตัวไหมว่าพ่อของมันเป็นโจร จะให้ฉันเอ่ยชื่อไอ้โจรตอกย้ำความจำของแกไหม”
“กรุณาพอทีค่ะ คุณหนู ได้โปรดหยุดพูดนะคะ จะให้กราบก็ได้ค่ะ ขออย่าได้พูดต่อนะคะ” เนียนอ้อนวอนขอร้อง
“กลัวหรือ ทียอมเป็นเมียโจรยังกล้า จะเอ่ยชื่อมันทำไมต้องกลัว กลัวเด็กติ๋วมันจะรู้ว่าพ่อมันเป็นโจรชื่อ...”
เนียนร้องไห้โฮ
“อย่า อย่าค่ะ”
เสียงทานตะวันดังลอดออกมา
“ไอ้เสือหนัก”
เนื้อทองทำชามยาหม้อตกแตกกระจาย แล้ววิ่งหนีออกไปจากที่นั่นทันที แทบจะชนเอากับเรียมที่กำลังสวนเข้ามาเพื่อดูอาการของเนียน
“หนูติ๋ว เกิดอะไรขึ้น”
แต่เนื้อทองไม่หยุด วิ่งเตลิดไปแล้ว เรียมมองตาม แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“หรือว่าเนียน เนียนเป็นอะไร”
เสียงทานตะวันตะโกนถามมา “ใครน่ะ”

เรียมตกใจมาก “หนูอี๊ด”
ส่วนในห้องเนียน ทานตะวันกำลังคุกคามเนียนอย่างหนัก จนเนียนตกใจ

“ทำไมใจร้ายอย่างนี้ ทำไมต้องทำร้ายกันถึงเพียงนี้คะ เนียนกราบนะคะ อย่าพูดต่อนะคะ”
เนียนยกมือจะพนม ทานตะวันยืนหัวเราะ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำบาปมหันต์
“ดีกราบมาเลย กราบมาที่พื้นตรงหน้าฉัน ฉันจะไม่ไปบอกเด็กติ๋วว่าพ่อมันคือเสือหนักโจรที่กำลังจะโดนคุณพ่อฆ่าตาย”
“ทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว”
เนียนลุกจะหนี ทานตะวันดึงไว้ เนียนพยายามจะหนีไม่ฟังแล้ว แต่ทานตะวันพยายามจะดึงรั้งไว้
“ต้องฟัง ฟังให้จบ ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นนะ”
ทานตะวันผลักเนียนเซล้มลงไป เรียมปราดเข้ามาเห็นภาพเนียนล้มลงไปที่พื้น เรียมโมโหตวาดแว้ดใส่อี๊ด
“ทำเกินไปแล้ว เด็กอกตัญญู”
เรียมตบหน้าอี๊ดทันที
“อย่าค่ะ..อย่าทำคุณหนูอี๊ด”
เนียนผวาไปหาทานตะวันเหมือนจะปกป้อง แค่กลับถูกผลักอีกครั้ง
“บอกว่าอย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันเกลียดแก ๆๆๆๆ”
เรียมโกรธจัด กระชากอี๊ดมาเต็มแรง
“กราบขอโทษ เขาเดี๋ยวนี้”
“หนูจะยอมขอโทษคนสามคนเท่านั้น คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่นี่จะให้กราบขอโทษคนใช้ คุณแม่เป็นอะไรไป คุณแม่ คุณแม่เห็นคนเลี้ยงหมูดีกว่าลูก ยัยเนียนแกทำให้คุณแม่ตบหน้าฉัน คุณพ่อไปฆ่าไอ้เสือหนักกลับมาฉันจะให้คุณพ่อไล่แกไปเป็นขอทานฉันเกลียดแก เกลียดแก ได้ยินไหม”
“เนียน ฉันขอโทษด้วยที่เลี้ยงดูอบรมเขาไม่ดีเหมือนหนูติ๋ว”
เรียมกระชากอี๊ดออกไปจากห้อง
เนียนซบหน้าร้องไห้ด้วยความขมขื่น แล้วเนียนก็นึกได้ว่าเนื้อทองหายไป
“หนูติ๋ว หนูติ๋วอยู่ไหน”
เนียนวิ่งออกมาตามหาลูกสาว

เนื้อทองหลบมุมมานั่งร้องไห้ ปากก็พูดพร่ำเสียใจ
“ที่แท้เรามีพ่อเป็นโจร พ่อเราคือไอ้เสือหนัก ทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้”
เนื้อทองคร่ำครวญอยู่คนเดียว

พวกขุนภักดีมาถึงหน้าถ้ำสำรวจหลักฐานที่หลงเหลือ
“ใบตองห่ออาหารยังสดใหม่อยู่ แสดงว่าเพิ่งจากไปไม่นาน”
“ลูกศิษย์พระที่ชีบอกคงรีบมารายงานเขา” แดงน้อยบอก
“รีบตามไปเถิดครับ น่าจะไปไม่ได้ไกล” เอกเร่ง
“ถ้าเราพบเขาเป็นพระ จะทำยังไงครับคุณพ่อ” เทิดศักดิ์สงสัย
ท่านขุนนิ่งคิด
“บอกให้เขาสึก”
“ถ้าเขาไม่สึก เราจะทำยังไงกับเขาครับ” แดงน้อยสงสัย
“จับสึก”
“ถ้าเขาขัดขืน เราจะยิงเขาทั้งผ้าเหลืองหรือครับ” เทิดศักดิ์ถามอีก
ขุนภักดีเจอคำถามสองหนุ่ม มึนไม่น้อย

หนักไม่ใส่ผ้าเหลืองแล้ว ทำการสึกตัวเอง สวมใส่ชุดฆราวาส มีเสน่ห์อยู่ด้วย
“มีทางออกอยู่หลังถ้ำ เอ็งรีบหนีไป”
“ผมไม่หนี ผมจะตอบแทนลูกพี่ด้วยชีวิตผม”
“แต่ข้าต้องการให้เอ็งตอบแทนข้าด้วยการ เอาความลับและความจริงทั้งหมด ที่เป็นทั้งของข้าและน้องสาวข้า ไปเปิดเผยให้คนในบ้านภักดีภูบาลรับรู้เมื่อสบโอกาส”
“โอกาสไหนเล่าลูกพี่”
“หลังจากที่ข้าตายแล้ว”
“แต่...”
เสน่ห์อิดออด หนักยกปืนขึ้นจ้องใส่
“กูบอกให้หนีไป”
เสน่ห์พยักหน้ายกมือไหว้ลา รีบผลุนผลันออกไป หนักแอบย่องไปมองที่ช่องโหว่ของถ้ำ ตกใจมาก

หนักมองไปที่หน้าถ้ำ เห็นเทิดศักดิ์ยืนคู่กับแดงน้อยกำลังส่ายตามองมาที่ในถ้ำ ส่วนขุนภักดีกับตำรวจ และเอกยืนล้อมรอบแถวนั้นไว้
เทิดศักดิ์กับแดงน้อย สองคนชี้เข้ามาในถ้ำ หนักตื่นตกใจมาก
“เทิดศักดิ์ลูกพ่อ แดงน้อยหลานลุง”
หนักทำอะไรไม่ถูก เสียงท่านขุนสั่งเข้ามา
“เข้าไปสำรวจในถ้ำ”
หนักปวดร้าวหัวใจ รู้สึกสับสน
“นรกมารุมเร้ากูแล้วหรือนี่”
ขณะเดียวกันเรียมลากทานตะวันมาด้วยสองมือ ทานตะวันดิ้นรน อาละวาดหนัก

“หยุดนะ บอกให้หยุดอาละวาด”
“ไม่หยุด คุณย่า คุณย่าขา คุณแม่ตบหน้าหนูอี๊ดจนหน้าหันค่ะ”
ทองจันทร์กระย่องกระแย่งออกมีแมวกบประคองซ้ายขวา
“อะไรกัน แม่เรียมไปฉุดกระชากลากหนูอี๊ดทำไม ปล่อยซะ”
“ไม่ปล่อยค่ะ เด็กคนนี้ทำตัวใจร้ายผิดพ่อผิดแม่มากเกินไป ไปฟังใครสั่งใครสอนมาจนกลายเป็นเด็กอำมหิตไปแล้ว”
ทานตะวันเถียง “คุณแม่ว่าแม่สนใช่ไหม ในบ้านมีแม่สนนี่แหละที่เข้าใจหนู”
“เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น แม่เรียม” ทองจันทร์อยากรู้มากๆ
“กบ แมวไปตามหาหนูติ๋วแล้วช่วยไปดูแลเนียนด้วย เขายังไม่หายป่วย”
สองคนรีบไป

แดงน้อยหยิบสบง ส่วนเทิดศักดิ์หยิบจีวรขึ้นมาดู
“มันอยู่ในนี้แน่นอน ตำรวจ แยกย้ายกันตามหามัน”
“ผมกับแดงน้อยไปกันสองคนนะครับ” เทิดศักดิ์บอก
“ไม่ได้ สองคนไปกับพ่อ เกิดเจอมันตามลำพัง มันเล่นงานถึงตายแน่”
“แล้วผมเล่าครับ” เอกถาม

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 9/4 วันที่ 13 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager