อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 12/3 วันที่ 21 เม.ย. 56
ช้อยกะสนตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย เด็กติ๋วจะฆ่าคุณหนูอี๊ดๆๆๆ”ผู้คนในบ้านพวกบริวารพากันมาทันที
“คุณหนูอี๊ด”
“พวกแกรีบพาคุณหนูอี๊ดไปปฐมพยาบาลที่เรือนท่านขุน” สนสั่ง
พวกบ่าวพากันกุลีกุจอช่วยทานตะวันยกใหญ่ สนกับช้อยพยักหน้า
“ฉันจะไปเสี้ยมพี่ขุนให้โกรธนังติ๋วถึงขั้นฆ่านังเนียนตายได้เพราะผลที่ลูกมันทำกับหนูอี๊ด”
สนวิ่งโร่นำไปก่อนมีช้อยวิ่งตาม
เอกพาเนื้อทองขึ้นมาบนฝั่งแล้ว อุ้มพาดบ่าไว้ เพื่อไล่น้ำออก
“หนูติ๋ว หนูติ๋ว โธ่เอ๋ย ทำไมเป็นอย่างนี้”
เนื้อทองอยู่หลังบ่าของเอกที่พาเดินมาครู่หนึ่ง ขยอกน้ำออกามาจากปากจำนวนมาก พึมพำออกมา
เอกดีใจมาก “หนูติ๋วไม่เป็นอะไรแล้ว”
เอกค่อยๆ วางเนื้อทองลง เนื้อทองร้องไห้โฮๆ เป็นห่วงทานตะวัน
“คุณหนูอี๊ด ปลอดภัยไหมคะ...ลุงเอก”
“ลุงไม่รู้..ว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ลุงฟังให้หมด อย่าปิดบังแม้แต่นิดเดียว”
“แต่หนูเป็นห่วงคุณหนูอี๊ดค่ะ หนูจะไปดูคุณหนูอี๊ดก่อน”
เนื้อทองพยายามจะลุกไปดูทานตะวันให้ได้ แดงน้อยเดินมาพอดี เห็นเนื้อทองปลอดภัยก็ดีใจมาก
“ไม่ต้องไปดูเขาหรอก เขาปลอดภัยแล้ว ดูแลตัวน้องติ๋วเองดีกว่าครับ”
“พี่แดงน้อย”
“น้องติ๋วเป็นยังบ้างครับ ลุงเอก”
“ผมมาถึงมือของหนูติ๋วกำลังจมหายไปในน้ำ ผมโดดลงไปช่วยไว้ทันพอดี”
“ขอบพระคุณลุงเอกมากครับที่ช่วยน้องติ๋วเอาไว้ทัน” แดงน้อยไหว้ขอบคุณเอกอย่างนอบน้อม
เนื้อทองยกมือไหว้เอกตามไปด้วย
“หนูก็ขอบพระคุณมากค่ะ เอ้อ..พี่แดงน้อย ทราบได้ยังไงคะ ว่าคุณหนูอี๊ดปลอดภัยแล้ว”
“พี่ช่วยเขาไว้เอง ความจริงไม่ต้องช่วยก็ได้ เพราะเขาว่ายน้ำเป็น”
“หนูก็ว่ายน้ำเป็นค่ะ”
“แล้วทำไมจมน้ำครับ”
“เอ้อ... ช่างเถิดค่ะ หนูดีใจมาก หนูกลัวจะแย่ว่าคุณหนูอี๊ดจะเป็นอะไรไป”
“ลุงกำลังสังหรณ์ว่าคนที่กำลังจะเป็นอะไรไปอาจเป็นหนูเสียเอง”
“ทำไมหรือคะ” เนื้อทองประหลาดใจ
“นั่นสิครับ ทำไมลุงเอกคิดเช่นนั้น”
เอกถอนใจนึกแผนร้ายออก
“ปากผมมันจมน้ำอยู่ไม่อาจพูดได้ครับคุณแดงน้อย ขืนพูดไปผมจะกลายเป็นคนอกตัญญู”
แดงน้อยพอจะเข้าใจจึงเงียบไป มองเนื้อทองด้วยความสงสาร
ด้านขุนภักดีนั่งดื่มเหล้ารอเอกอยู่บนเรือนคนเดียว เมาแล้วไม่น้อย มีคนรับใช้ชายคนดูแลอยู่
ท่านขุนหันมาถามคนรับใช้ “ไอ้เอกหายไปนานแท้ๆ ทำไมมันไม่มาสักที”
ระหว่างนั้นสนวิ่งหน้าตั้งมา ตามด้วยช้อย
“มาแล้ว มาแล้วค่ะ สนมาแล้ว”
“มาทำไมพี่ไม่ได้เรียกสน พี่กำลังรอไอ้เอก”
“พี่ขุนขาอย่าไปรอมันค่ะ ฟังสนดีกว่า นังเด็กติ๋วล่มเรือหนูอี๊ด มันจะฆ่าหนูอี๊ดค่ะ”
ขุนภักดีลุกพรวด
“หา ว่าอะไรนะ”
ช้อยรับลูกต่อ “เด็กติ๋วล่มเรือให้คุณหนูอี๊ดจมน้ำเจ้าค่ะ”
“หนูอี๊ดของพ่อ หนูอี๊ดเป็นยังไงบ้าง หนูอี๊ดอยู่ที่ไหน มีใครช่วยหนูอี๊ดทันไหม”
ทานตะวันที่มีบริวารประคองมา วิ่งโผเข้ามากอดท่านขุนได้โดยที่ไม่ต้องมีใครประคองร้องไห้จะเป็นจะตาย
“คุณพ่อขา นังติ๋วมันจะฆ่าหนูค่ะ มันรู้ว่าหนูว่ายน้ำไม่เป็น มันแกล้งชวนหนูไปนั่งเรือ มันผลักหนูตกน้ำแล้ว ตบตาทำเรือล่มค่ะ”
“อีเนรคุณ อีขุนไม่ขึ้น อีเลี้ยงเสียข้าวสุก ไปลากตัวมันมามัดไว้กับต้นมะขามกูจะโบยมันให้สลบคาต้นมะขาม” ขุนภักดีผู้หูเบาสั่งการ
“น้อยไปค่ะ ต้องโบยมันให้ตายเลยนะคะ คุณพ่อ”
“ค่ะ มันสมควรโดนโบยจนตาย สนจะไปเอาแส้ม้ามานะคะ”
สนวิ่งจู๊ดออกไป ท่านขุนกอดลูกไว้สั่นด้วยความโกรธ
“มันไปหลบอยู่ที่ไหน กูจะไปลากตัวมันโบยให้สาสม”
ขุนภักดีปราดออกไปมีทานตะวันตามติดไปด้วย
“โชคดีนะคะที่หนูไม่ตายสมใจมัน”
“ใครกันที่มาช่วยลูกพ่อ”
ทานตะวันอึกอัก
“ตอนนั้นหนูหมดสิตไปแล้ว หนูไม่รู้ดอกค่ะ ว่าใครช่วยหนู”
ท่านขุนยิ่งแค้นเคืองมากขึ้น
“พ่อนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กเงียบๆ ติ๋มๆ อย่างมันใจอำมหิตเพียงนี้”
“ใครจะไปคิดเล่าค่ะ คุณพ่อคุณแม่คุณย่าดีกับมันและแม่มันขนาดนี้มันยังริษยาหนู ลงโทษมันให้สาสมกับที่มันทำหนูนะคะ”
ทานตะวันร้องไห้เกาะขุนภักดีไว้แน่น
ทางด้านสามคนพากันเดินกลับมาตรงไปยังเรือนคุณนายทองจันทร์
“หนูอธิบายได้ค่ะ ว่าหนูไม่ได้ชวนคุณหนูอี๊ดไปพายเรือเล่น แต่คุณหนูอี๊ดต่างหากที่เป็นคนชวนหนู”
กบวิ่งมาเจอสามคน
“หนูติ๋วขา เกิดเหตุร้ายไฟลามทุ่งอีกแล้วค่ะ”
“เรื่องเรือล่มใช่ไหมคะ หนูกำลังจะไปอธิบายความจริงให้ท่านขุนเข้าใจค่ะ” เนื้อทองว่า
“ท่านไม่เข้าใจดอกค่ะ ท่านกำลังเข้าใจว่าหนูติ๋วหลอกพาคุณหนูอี๊ดไปจมเรือจงใจจะฆ่าเธอให้ตาย เพราะรู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น”
แดงน้อย กะเนื้อทองงง เอกร้องอ๋อ
“นั่นปะไรครับ” เอกตบเข่าดังฉาดใหญ่ คาดไม่ผิด
“พี่จะช่วยยืนยันว่าน้องอี๊ดเธอว่ายน้ำเป็น”
“อธิบายจนปากฉีก ท่านก็เชื่อแต่คำพูดของคุณหนูอี๊ดเท่านั้นแหละค่ะ ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัย หนูติ๋วรีบหลบไปหาคุณท่านกับคุณนายเรียมที่วัดก่อนเถิดค่ะ” กบบอก
เนื้อทองส่ายหน้า บอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ค่ะ หนูไม่ผิดทำไมต้องหนีหน้า ถ้าหนูหนีหน้าท่านจะคิดว่าหนูผิดจริง”
“แต่..พี่กลัวว่า...” แดงน้อยท้วง
“หนูไม่กลัว...”
เนื้อทองไม่ฟังเสียงใคร รีบวิ่งออกไปทันที แดงน้อย เอก และกบ ส่ายหน้า
“ทุกคนกำลังกลัวมากค่ะ เพราะคุณสนเธอไปหยิบแส้ม้ามาเตรียมให้ท่านขุน โบยหนูติ๋วแล้วค่ะ”
“นิสัยเหมือนเนียนไม่มีผิด ไม่หนี ไม่กลัวยอมโดนลงโทษ ไม่กล่าวโทษคนอื่นแม้ว่าคนนั้นทำร้ายตนเอง” เอกบ่นงึมงำ
“โดนแน่ๆ พวกเราจะช่วยหนูติ๋วได้ยังไงกันคะ”
“ฉันจะรีบตามไปพยายามชี้แจงกับท่านขุน”
“กบจะรีบไปบอกเนียนเองค่ะ”
แดงน้อยวิ่งตามเนื้อทองไป กบแยกตัวไปตามเนียน เอกยืนถอนใจ
“นี่มันริษยาอาฆาตข้ามรุ่นกันเลยหรือนี่ ตามคุณท่านกับคุณนายเรียมที่วัดมาช่วยกันดีกว่าเรา”
เอกหันหน้าไปทางวัด
เนื้อทองวิ่งมาหาขุนภักดีเพื่อจะอธิบาย เจอท่านขุนพรวดมาตามหาเนื้อทองเช่นกัน ทั้งเมาทั้งโกรธ
“นังติ๋ว นางอกตัญญู ไม่รู้คุณคน นังเนรคุณขุนไม่ขึ้น”
เนื้อทองชะงัก รีบทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่านขุนปลกๆ
“กรุณาเมตตาฟังหนูบ้าง หนูขอพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
“กูไม่ฟังมึง กูฟังลูกสาวกูเท่านั้น”
เนื้อทองขยับตัวจะก้มลงกราบเท้า
ทานตะวันโผนทะยานกระโดดไปจิกหัวไว้ ใส่ความว่าจะหนี
“แกตั้งใจจะหนี พอดีฉันกับคุณพ่อมาเจอแกก่อน อย่ามาแก้ตัวอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
“ฉันไม่ได้แก้ตัวค่ะ แต่...ฉันอยากพูดความจริง”
“ความโกหกพกลมน่ะสิ คุณพ่อขามันกำลังจะใส่ความหนู…”
ขุนภักดีบันดาลโทสะปราดเข้ามากระชากจนร่างเนื้อทองเซถลา
“มึงยังมีหน้ามาทำหน้าซื่อตาใส บังอาจนักนังเด็กสารเลว อีลูกชู้ใจร้าย มึงแกล้งจมเรือจะให้ลูกกูจมน้ำตาย กูจะโบยมึงให้ตายคามือ อีเนื้อทอง มึงเลวเหมือนแม่มึงไม่มีผิด”
“หนูไม่ผิด หนูไม่ผิด หนูไม่ได้ทำร้ายคุณหนูอี๊ดๆๆๆ”
เนื้อทองตกใจกลัวจนตัวสั่นร้องไห้โฮ แต่ท่านขุนไม่ปราณีปราศรัย กระชากจนเนื้อทองล้มลง ทานตะวันมาช่วยทุบตีซ้ำ เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก เนื้อทองโดนลากมาตามพื้นโดยสองพ่อลูก
เนียนกำลังปั้นขนมอยู่ อย่างตั้งอกตั้งใจฝันหวานว่าแดงน้อยจะได้กินขนมที่ตนทำ
“อร่อยมากครับ ผมขอทานให้หมดทั้งจานได้ไหมครับ”
เนียนเยื้อนยิ้มอย่างมีความสุข รำพึงกับตัวเอง
“ทานมากกว่านี้ก็ได้จ้ะ ขอบใจลูกรักที่ชอบกินขนมของแม่
กบวิ่งผวากระหืดกระหอบหน้าทิ่มลงไปบนขนมของเนียนเละเทะไปหมด
“ตายแล้ว”
“ตายแน่ๆ เนียน เนียน นั่งฝันหวานยิ้มอยู่ทำไม”
“หมดเลยขนมของลูกฉัน รีบร้อนตื่นไฟอะไรมาหรือพี่กบ”
“ตื่นไฟก็ยังน้อยไป ท่านขุนกับคุณหนูอี๊ดกำลังช่วยกันฉุดกระชากลากหนูติ๋วไปมัดที่ต้นมะขามจะโบยให้ตายคามือ”
เนียนกรีดร้องโหยหวนดังลั่น ตัวสั่นไปหมด
“หนูติ๋วลูกแม่ ไม่นะ ไม่นะ”
เนียนพุ่งออกไปราวกับพายุ วิ่งทั้งที่หน้าตาและเนื้อตัวเลอะเทอะขนมอยู่
สนกับช้อยและทานตะวันช่วยกันจับเนื้อทองกดหน้าลงกับต้นมะขาม มัดมือทั้งสองข้างโยงไว้กับต้นมะขาม ขุนภักดีลงมือโบยหลังเนื้อทองจนเลือดไหลซิบๆ
“กูจะฆ่ามึง มึงมันใจร้ายอยากฆ่าลูกกูให้ตายทำไม” ขุนภักดีทั้งโกรธแค้นผสมเมากึ่มๆ
พวกบริวารยืนมองท่าทีตื่นตระหนก
“ไม่จริงค่ะ หนูไม่เคยคิดเช่นนั้น” เนื้อทองเถียง
“อีปากแข้ง อีลูกโจรดำ มึงจะรับสารภาพไหมว่ามึงจงใจฆ่าลูกกู”
“หนูไม่ได้ทำค่ะ”
“นางผู้ร้ายลูกชู้มันใจดำ พี่ขุนขา มันหนังหนาหน้าด้านหน้าทนทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ ตีมันเบาไปมันถึงไม่สารภาพ” สนยุส่ง
“แรงๆ สิคะ โบยมันตีมันแรงๆ กว่าเดิมให้มันรู้จักเจ็บ รู้จักเลิกด้านทน รับสารภาพว่ามันต้องการให้หนูตาย” ทานตะวันใส่ไฟเป็นการใหญ่
ขุนภักดียุขึ้น บันดาลโทสะฟาดแส้ลงไปบนหลังติ๋วแรงขึ้นๆ “อีลูกชู้มึงจะยอมรับผิดไหม”
“หนูไม่ผิด คุณหนูอี๊ดเป็นคนชวนหนูพายเรือเล่นค่ะ” เนื้อทองบอก
“โกหกแกใส่ร้ายฉัน แกว่ายน้ำเก่ง แต่ฉันว่ายน้ำไม่เป็น มันใส่ร้ายหนูค่ะคุณพ่อ อย่าหยุดค่ะ”
“หมดแรงเมื่อไหร่สนช่วยอีกแรงคะ พี่ขุน เลวแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ค่ะ” สนทั้งเสี้ยมทั้งยุ
“ใช่คนอย่างมึงเอาไว้ไม่ได้ มึงใส่ร้ายลูกกู มึงสมควรตาย”
สน ช้อย และอี๊ดประสานพลังชั่ว “แกสมควรตายๆๆๆ”
ขุนภักดีฟาดไม่ยั้งเหมือนคนบ้าคลั่ง แดงน้อยมาถึง ปราดมาหาท่านขุนยกมือไหว้
“ท่านขุนครับ น้องติ๋วไม่ได้โกหกครับ”
“พี่แดงน้อยใจร้าย พี่แดงน้อยหลงรักมัน เข้าข้างมันไม่ดูดำดูดีค่ะ คุณพ่ออย่าไปฟังพี่แดงน้อย” ทานตะวันตะบึงตะบอนใส่
“ใช่ แดงน้อยไม่รู้อะไรไม่ต้องมาเข้าข้างนังลูกชู้ คนอย่างท่านขุนภักดีภูบาล เกลียดนักนังคนแพศยายั่วผู้ชายให้เข้าข้างแบบนี้” ขุนภักดีพาลใส่แดงน้อย
“ท่านขุนครับ กรุณาเถิดครับ ฟังผมสักนิด”
“ไม่ฟัง เงียบไปเลยนะแดงน้อยนี่มันเรื่องในบ้านของฉัน”
แดงน้อยจึงเงียบไปทันที
ขุนภักดีหน้ามืดตามัวฟาดเนื้อทองต่อไป เนียนวิ่งมาถึงกระโดดมานอนขวางโอบทับลูกเอาไว้
“หนูติ๋วของแม่ โธ่...”
สนกะช้อยและทานตะวันสบตากัน
“เหยื่อมาอีกราย แล้วคุณหนูอี๊ด”
“ลูกรักของแม่ อย่าทำลูกอิฉัน ตีฉันฆ่าอิฉันให้ตายแต่อย่าทำลูกอิฉัน ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ”
“นังเนียน แกอย่ามาขวางฉันจะทำโทษลูกแกให้สาสมกับความเลวความใจร้ายของมัน”
“แกสั่งสอนลูกแกให้ทำร้ายหนูอี๊ด แกกับลูกริษยาหนูอี๊ด” สนด่า
ช้อยตาม “จริงเจ้าค่ะ ช้อยเห็นเวลามันสองคนแม่ลูกมองคุณหนูสายตางี้อาฆาตมาดร้ายทีเดียวเจ้าค่ะ”
ปิดท้ายด้วยทานตะวัน “นังแม่มันสะเออะมาก็ดีแล้วค่ะ คุณพ่อตีมันทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ”
“โบยมันเข้าไปค่ะพี่ขุนมันท้าทายอำนาจพี่ขุนค่ะ”
ขุนภักดีโกรธหนักฟาดลงไปบนหลังสองแม่ลูกที่พยายามปกป้องให้กันและกัน
“แม่จ๋าหนูทนได้ แม่อย่ามาเจ็บตัวกับหนูเลยจ้ะ”
“ไม่จ้ะ แม่ต้องปกป้องหนูเท่าชีวิตของแม่”
“มึงสองแม่ลูกไม่ต้องเกี่ยงกันตายเกี่ยงกันเจ็บ กูจะตีมึงทั้งสองคนเอาให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก”
แดงน้อยสงสารใจแทบขาด “โธ่ น้าเนียน น้องติ๋ว”
กบสะกิดแดงน้อยที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะสงสารสองแม่ลูก
“ทำอะไรสักอย่างสิคะ คุณแดงน้อย”
“ฉันพยายามแล้วแต่ท่านขุนไม่ฟัง จะทำยังไงดีล่ะ จริงสิ เทิดศักดิ์ ฉันจะไปตามเทิดศักดิ์ที่บ้านท่านผู้กำกับ”
แดงน้อยวิ่งกลับออกไป ฝ่ายท่านขุนกระหน่ำโบยจนเนื้อทองกับเนียนเลือดสาด แต่สองแม่ลูกกัดฟันกรอดไม่
ร้องสักแอะ
“อดทนไว้ เขาอยากเห็นเราร้องไห้ร้องขอชีวิต แต่เราไม่ผิด ทำไมเราต้องขอความเมตตาจากเขา”
“จ้ะแม่เนียน เราไม่ผิดเราไม่ร้องขอความเมตตาจากใคร”
“ต๊าย พวกมันไม่ยอมร้องสักแอะ มันจะเอาชนะพี่ขุนว่ามันไม่เจ็บค่ะ” สนยุอีก
ขุนภักดียิ่งโกรธ “พวกมึงไม่ร้อง แปลว่าพวกมึงไม่เจ็บ ดีละ มึงจะเอาชนะกู กูก็จะเอาชนะมึง กูต้องการให้พวกมึงร้องขอชีวิต ร้อง ร้องสิ”
สองคนแม่ลูกไม่ร้องสักคำ เอาแต่ส่ายหน้าแล้วกอดกันเอาไว้ แล้วมองมาที่ท่านขุนน้ำตาไหลพรากแต่ไม่มีคำวิงวอน จนท่านขุนชะงักนิดหนึ่ง สนรีบใส่ไคล้ทันที
“ต๊ายมันจ้องหน้าด่าพี่ขุนในใจค่ะ”
“มันส่งสายตาอาฆาตแค้นเกลียดชังใส่หนูอี๊ดค่ะ หนูกลัวค่ะ” ทานตะวันออกอาการตกใจ
ท่านขุนผู้หูเบา ของขึ้นอีก โบยเต็มแรง
“นี่แน่ะ มึงจ้องตาอาฆาตลูกกูมึงด่ากูในใจ
สนและทานตะวันผู้ไม่รู้กำลังทำบาปมหันต์ ยิ้มเยาะสองแม่ลูก
ด้านทองจันทร์กับเรียมนั่งพนมมือฟังท่านพระครูเทศนา มีแมวนั่งถัดไป
“คนที่ทำตัวเหมือนหมาป่าคอยตามล่าลูกแกะ เขาเรียกว่าเดียรฉาน จิตวิญญาณไม่สมประกอบ หารู้ไม่ว่าที่ลูกแกะเขายอมแพ้เพราะอำนาจของตนเอง ไม่ใช่ยอมสบายเพราะกลัวเกรง แต่กรรมเวรไม่เคยยอมแพ้และยอมสยบให้ผู้ใด เวรกรรมที่ก่อไว้จักต้องได้รับการชำระเสมอ แม้ว่าผู้ที่ถูกทำร้ายทำเขาจะให้อภัยไปแล้วก็ตามที ที่นี้แหละแม้ยังเป็นมนุษย์เดินดินกินน้ำพริกอยู่บนโลกใบนี้ ไฟนรกก็จะถาโถมมาทับตัวทับหัวใจอยู่ทุกเมื่อชั่วยาม จนกว่าชีวิตจะดับสิ้นแล้วลงสู่นรกแท้จริง”
“สาธุ” สามคนเปล่งวาจาพร้อมเพรียง
“เจริญพรนะโยม”
เอกวิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาอยากจะตาย
“ขอประทานอภัยท่านพระครูขอรับ คุณท่านขอรับ คุณนายเรียมขอรับ”
“ไอ้เอกเอ็งทำหน้าเหมือนหนีนรกมาจากไหนรึ”
“พรวดพราดมามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านรึ นายเอก”
“ขอรับ เนียนกับหนูติ๋วกำลังโดนท่านขุนโบยใกล้สลบคาแส้ม้าแล้วขอรับ”
“โธ่เอ๊ย” เรียมกะทองจันทร์ครวญ
“มันเรื่องราวบ้าอะไรกัน”
“รีบกลับไปก่อนเถิดค่ะ คุณแม่ ให้นายเอกเล่าไปตามทางเดินกลับบ้านนะคะ”
“กราบลาท่านพระครูเจ้าค่ะ”
สองคนก้มลงกราบรวมทั้งแมวและเอกด้วย เรียมกะแมวช่วยกันประคองทองจันทร์ลงศาลาไป ทั้งหมดสีหน้าหวาดหวั่น
“กว่าเราจะเดินกลับไปถึง สองแม่ลูกนั่นมิตายแล้วหรอกรีแม่เรียม แม่ละกลัวใจพ่อเทพจริ๊งจริง ลูกคนนี้อะไรดีหมด เลวที่หูเบานี่แหละ” หญิงชราส่ายหัว
“ถ้าพี่เทพหลงลืมตัวขนาดฆ่าสองคนนั่นตาย พี่เทพก็ต้องกลายเป็นฆาตกรแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่มีคนห้ามแถมยังมีแต่คนยุ กระผมว่าจะบานปลายใหญ่โตแน่ขอรับ” เอกบอก
“คุณหนู เอ๊ยคุณสนเธอก็ช่างเจรจาให้ท่านขุนเกิดโทสะจะตายไปเจ้าค่ะ” แมวว่า
“ยิ่งตอนนี้มีคุณหนูอี๊ดเป็นต้นตอ ถึงขั้นเอาไม่อยู่แน่ๆ ขอรับ” เอกบอกอีก
ทองจันทร์ยิ่งอยากรู้ “ก็บอกมาสิว่ามันเกิดอะไรกัน
“คุณหนูอี๊ดกับหนูติ๋วพากันไปพายเรือเล่น แล้วเรือล่ม คุณหนูเธอบอกว่าหนูติ๋วจงใจชวนเธอไปล่มเรือแล้วหลอกฆ่าให้ตายขอรับ”
“เหลวไหล”
“ใส่ร้ายกันชัดๆ”
ท่านพระครูเอ่ยขึ้น “พายุร้ายเมฆหมอกดำกำลังครอบงำบ้านภักดีภูบาล เมื่อใดที่มืดมิดถึงสุด เมื่อนั้นเมฆหมอก จะค่อยมลายหายสิ้น วันนั้นฟ้าสีทองย่อมผ่องอำไพ คนใดที่ถูกทำร้ายทำลาย จะสิ้นกรรม ใครผู้ก่อกรรมโดยเจตนาจะถึงวาระไปสู่นรก ใครที่ก่อกรรมโดยไม่เจตนาต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ แล้วความสุขสงบจะกลับมาสู่บ้านภักดีภูบาล ยาวนานตราบที่ผู้มีอำนาจไม่ขาดเมตตาในหัวใจ รีบกลับไปเยียวยาสองคนนั่นเถิดโยม เจริญพร”
ทั้งหมดยกมือขึ้นจบหัวไหว้อีกครั้ง
แดงน้อยมาตามเทิดศักดิ์ สองหนุ่มพากันวิ่งออกมาจากหน้าบ้านผู้กำกับอย่างเร่งร้อน
“คุณพ่อของกันท่านหูเบาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของน้าเนียน และน้องติ๋ว ท่านจะเชื่อฟังคำพูดของน้องอี๊ดกับคุณแม่สนโดยไม่สนใจไตร่ตรองว่าถูกหรือผิด ขอเพียงให้พูดออกมาท่านก็เห็นด้วย”
“รีบไปไวๆ เถิดป่านนี้น้องติ๋วกับน้าเนียนคงสาหัสสากรรจ์ถึงที่สุดแล้ว โน่นมอเตอร์ไซค์พ่วง”
สองคนรีบโดดขึ้นมอร์เตอร์ไซค์พ่วงขับออกไปโดยเร็ว ด้วยสีหน้าวิตกมาก
ใต้ต้นมะขามข้างเรือนใหญ่ สองแม่ลูกกำลังจะหมดสติน้ำตาแห้งเหือดหายเพราะตกในไปหมดแล้ว มีแต่ดวงตาที่ยังมั่นคง สะดุ้งทุกรอยหวาย แต่ตายังจับจ้องที่ท่านขุนและทานตะวันจนแม้แต่ขุนภักดีกับทานตะวันยังหวั่นไหวกับสายตาสองแม่ลูก
“มึงหยุดจ้องตากูสักทีได้ไหม อีเนียน อีติ๋ว”
สนสะกิดกระซิบบอกทานตะวัน
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 12/3 วันที่ 21 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager