อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 17 วันที่ 30 เม.ย. 56
ไข่มุกทิ้งความเป็นดาราหนีมาใช้ชีวิตคนธรรมดาอย่างเดิมด้วยการเข็นรถขายส้มตำไปเรื่อยตามตรอกซอกซอย โดยพรางหน้าตาเพราะกลัวคนจำได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ติดใจสงสัย คิดว่าเธอเป็นไข้หวัดจริงๆถึงต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายแต่ถึงแม้จะขายส้มตำ ไข่มุกก็ยังทราบข่าววิวาห์ล่มของคีรินทร์จากบรรดาลูกค้าที่เม้าท์ข่าวในหนังสือพิมพ์กันอย่างออกรส ซึ่งสาเหตุนั้นยังเป็นปริศนา ไข่มุกแปลกใจและเป็นห่วงคีรินทร์ประสาคนที่ยังมีเยื่อใย
ด้านพวกมณีที่ถูกวัฒนากับนุชนารถจับตัวไปขังไว้ที่บ้านเช่าสุดซอยปลอดคน ทุกคนหมดหนทางหนีเพราะถูกล่ามโซ่ที่ขา ชลลดาโกรธมากด่าทอและขู่จะแจ้งตำรวจ เลยโดนนุชนารถตบคว่ำ ส่วนภัททิมาก็เกือบถูกบีบคอตายถ้าวัฒนาไม่เข้ามาห้ามนุชนารถเสียก่อน
“อย่าลืมสิว่าพวกนี้มีค่าตัวเท่าไหร่”
มณีมองวัฒนาอย่างเศร้าใจ นึกไม่ถึงว่าจะร่วมมือกับนุชนารถทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ ขณะเดียวกันนั้น คีรินทร์ก็มั่นใจแล้วว่าวัฒนาเตรียมพร้อมเป็นโจรเต็มที่ ถึงขนาดทิ้งบ้านแล้วขนข้าวของไปเกือบหมด คงไม่คิดกลับมาอีกเป็นแน่
หลังจากตบตีกับนุชนารถจนสภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้ ชลลดาเพิ่งนึกขึ้นได้ ถามหาเครื่องเพชรว่าอยู่ที่ไหน นุชนารถหยิบออกมาโชว์แต่ไม่ยอมคืนให้
“จะตายแล้วยังโลภ พวกแกไม่คู่ควรกับของพวกนี้หรอก”
นุชนารถมองสองแม่ลูกอย่างกึ่งแค้นกึ่งหยาม มณีมองวัฒนากับนุชนารถอย่างผิดหวัง ตัดพ้อต่อว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“วัฒน์...เธอเป็นเพื่อนกับรินทร์มาตั้งแต่เด็ก แม่เห็นเธอเหมือนลูกคนนึง เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แล้วทำไมถึงทำแบบนี้”
“ครอบครัวเดียวกัน แล้วที่ไอ้รินทร์ไล่ผมเหมือนหมาก็ครอบครัวงั้นสิ”
“เรื่องนั้นแม่ต้องขอโทษแทนรินทร์ด้วย”
“คุณไม่ต้องมาทำพูดดี ผมไม่ใช่ไอ้โง่ที่จะทำงานงกๆเพื่อโรงแรมเฮงซวยนั่นแล้ว”
“นุชนารถ...เราเคยอยู่ด้วยกันมานาน ฉันดีกับเธอตั้งเท่าไหร่ เธอต้องเตือนวัฒนานะ รู้ว่าเธอสองคนกำลังโกรธ แต่ขอให้นึกถึงสิ่งดีๆที่เคยทำให้กัน”
“ดีกับนังสองคนแม่ลูก กับนังกีกี้น่ะสิ รู้ทั้งรู้ว่าฉันเป็นเมียคีรินทร์อยู่ ยังหาผู้หญิงใหม่มาแต่งงานกับเขาอีก นี่น่ะเหรอดีของคุณ นังนุชนารถคนนี้มันเจ็บแล้วจำ ใครทำอะไรไว้ ตอนนี้จะเอาคืนเป็นสิบเท่า ให้รู้ไปว่าคนอย่างฉัน ไม่มีวันแพ้พวกแก”
ตัวประกันทั้งสามคนสะอึกอึ้ง มองนุชนารถสลับกับวัฒนาอย่างหวาดกลัว นุชนารถตาขวางใส่ภัททิมา แล้วกระชากชุดเจ้าสาวจนขาดคามือ!
คืนเดียวกันนั้น คีรินทร์เครียดจนนอนไม่หลับ บ่นกับเขมทัตและหนูนาว่าเป็นห่วงแม่และภัททิมา เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตนเป็นต้นเหตุ
“รินทร์ไม่ผิดหรอก เพียงแต่อาจจะคิดถึงจิตใจคนอื่นน้อยไปนิด บางเรื่องที่เราทำลงไปโดยไม่ตั้งใจก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้”
“แต่ผมนึกไม่ถึงเลย ทั้งนุชทั้งวัฒน์จะทำได้ขนาดนี้”
“แล้วเราล่ะ เคยทำอะไรกับเขาไว้บ้าง จำเอาไว้เป็นบทเรียน เราต้องรู้จักเห็นใจและคิดถึงจิตใจคนอื่นให้มาก ยิ่งเป็นหัวหน้าเขายิ่งต้องมีทั้งเมตตาและกรุณา อย่าต้อนใครให้จนตรอก จนเขาลุกขึ้นสู้หันมาทำกับเราอย่างนี้”
“ผมขอโทษครับพ่อ”
“ไม่เป็นไรลูก ใครบ้างไม่เคยทำผิด แต่ทำแล้วต้องรู้จักแก้ไข อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำสองได้”
คีรินทร์พยักหน้ารับรู้ หนูนากอดแขนพี่ชาย ให้กำลังใจว่าต้องสู้ และพาแม่กลับมาเร็วๆ
“พี่สัญญา...แม่จะต้องปลอดภัย” คีรินทร์กล่าวหนักแน่น...เขมทัตสบตาลูกชายอย่างเชื่อมั่นและเชื่อใจ
ooooooo
เช้าวันใหม่ ไข่มุกเข็นรถขายส้มตำลึกเข้ามาท้ายซอย ตะโกนปาวๆขายส้มตำไก่ย่างจนพวกมณีที่ถูกขังอยู่ในบ้านเช่าแตกตื่นชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างประสานเสียงขอความช่วยเหลือ ไข่มุกได้ยินแว่วๆแต่ไม่ใส่ใจนักจึงเข็นรถกลับไปทางเดิม ทิ้งทั้งสามคนยืนคอตกด้วยความผิดหวัง
ในที่สุดวัฒนาก็ติดต่อนัดพบคีรินทร์ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งตอนบ่ายสามโมง...สองหนุ่มเผชิญหน้ากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คีรินทร์เจ็บแค้นใจกับการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก ขณะที่วัฒนาก็สะใจที่ได้แก้แค้น ทำให้อีกฝ่ายเดือดเนื้อร้อนใจ
“เอาแม่กับลูกไก่ไปไว้ที่ไหน” คีรินทร์กระชากเสียงใส่
“ใจเย็นๆ ฉันมีอะไรให้นายดู”
วัฒนาเปิดคลิปในโทรศัพท์มือถือให้คีรินทร์ดู เป็นภาพตัวประกันทั้งสามคนที่ถูกคุมขังและโดนนุชนารถตบตีทำร้าย คีรินทร์เห็นแล้วอึ้งอย่างคิดไม่ถึง
“พวกแกทำอะไรแม่ฉัน”
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ทั้งสามคนยังสุขสบายดี”
“นายทำอย่างนี้ทำไม”
“เพื่อเงิน แล้วก็ความสะใจไง”
“แกทำได้ไงวะไอ้วัฒน์ แม่ฉันทั้งรักทั้งดีกับแกสารพัด ช่วยเหลือทุกอย่างเหมือนแกเป็นลูกคนหนึ่ง เป็นคนในครอบครัว ทำไมถึงทำได้ลงคอ”
“แม่ลูกพูดเหมือนกันไม่มีผิด จนป่านนี้ยังมีหน้ามาทวงบุญคุณอีกเหรอวะ เหมือนลูก เหมือนครอบครัวเดียวกัน...เห็นฉันเป็นขี้ข้ามากกว่ามั้ง”
“ฉันไม่เคย...”
“ไล่ฉันเหมือนหมา ทำลายอนาคตเรื่องงานทั้งหมด อย่างงี้เหรอวะที่เรียกว่าเพื่อน บอกสิว่าไม่ใช่เพราะฉันที่ทุ่มเททั้งหมดให้งาน โรงแรมถึงได้ดีขึ้นมาถึงขนาดนี้ ในตอนที่นายไปควงสาว ไปกินเหล้า ใครที่นั่งทำงานจนเกือบถึงสว่าง ถ้าไม่ใช่ไอ้วัฒนาคนนี้ แต่ไม่เห็นมีใครสักคนจะเห็นใจ ฉันทำเพื่อโรงแรม เพื่อให้นายเสวยสุขตั้งเท่าไหร่ แต่กลับตอบแทนด้วยการไล่ออกยิ่งกว่าหมาข้างถนน เป็นนายจะไม่แค้นเหรอ”
“แล้วทำไมไม่แก้แค้นที่ฉัน ไปทำคนอื่นทำไม”
“ทำนาย...นายก็แค่เจ็บตัว แต่ทำกับคนที่นายรัก... นายจะได้จำและไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตไง”
คีรินทร์กำหมัดแน่น วัฒนาแสยะยิ้มร้ายกาจ ยื่นคำขาดอย่างเป็นต่อ
“ฉันให้เวลาสามวัน เตรียมห้าสิบล้านไว้ให้พร้อม ถ้าไม่ได้...ก็เตรียมจัดงานศพได้เลย”
ooooooo
ไข่มุกมาเยี่ยมวันดีที่เรือนจำ โดยการพูดคุยเห็นหน้าตากันแต่ต้องใช้โทรศัพท์เป็นการสื่อสารตามกฎระเบียบ
“เป็นไงบ้างแม่”
“จะยังไงวะ ก็คุกน่ะสิ...แล้วนั่นเป็นอะไร ทำหน้าหมาป่วยแบบนี้ทีหลังไม่ต้องมาเยี่ยม นังมุกเอ๊ย...ทำไมไม่ไปคืนดีกับผัวเอ็งวะ ท่าทางเขาก็ยังรักเอ็งอยู่นะ”
“เขาไม่ได้รักหนูหรอก”
“ชะช้า...แม่นางเอก เล่นตัวซะจริง จะอะไรนักหนาวะ แกเองก็เป็นตั้งลูกดาราดัง ได้กะนายคีรินทร์ก็เหมาะสมกันแล้ว จะน้อยใจไปทำไม”
“อย่าพูดถึงคุณจินจูเลย หนูเป็นลูกแม่คนเดียว”
“เอ้า! เอาใหญ่แล้ว โรคอะไรกำเริบวะ เป็นข้าหน่อยไม่ได้ จะเอาทั้งผัวเก่าทั้งแม่ดารา เดินโชว์ชาวบ้านให้ทั่ว เท่จะตาย นี่อย่าบอกนะว่าจะไปตำส้มตำปิ้งไก่ขาย โอ๊ย...จะบ้าตาย รีบกลับไปง้อผัวด่วน...เอ็งนี่มันไม่ได้เลือดฉลาดจากนังวันดีเล้ย”
“ตำส้มตำขายยังดีกว่า...คุณรินทร์เองก็ไม่ได้ต้องการหนูแล้วจะกลับไปทำไม”
“ชีวิตเอ็งนี่มันน้ำเน่าจริงๆ เอาเหอะ ไม่รักไม่ห่วงก็ไม่ต้องกลับไปหาเขา...ถามใจตัวเองดีๆแล้วกันว่าคิดยังไง”
ไข่มุกนิ่งอึ้งไม่พูดอะไรอีก แต่ลึกๆยอมรับว่าคิดถึงและเป็นห่วงคีรินทร์เหลือเกิน
ooooooo
อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 17 วันที่ 30 เม.ย. 56
ละคร มายาสีมุกบทประพันธ์ : ทวิตาละคร มายาสีมุกบทโทรทัศน์ : เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ, เทอดโชค เกียรติสุขเกษม, จุฑามาศ สาคร
ละคร มายาสีมุกกำกับการแสดง : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ละคร มายาสีมุกแนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละคร มายาสีมุกผลิต : บริษัท กันตนา
ติดตามชมละคร มายาสีมุก ได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ