อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/6 วันที่ 6 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/6 วันที่ 6 เม.ย. 56

ส่วนแมวกับกบมองซ้ายมองขวารับหนูติ๋วมาจากเอกอย่างรวดเร็ว
“รีบเอาไปให้คุณนายเรียมไวๆ เข้า”
“มีใครเห็นหรือเปล่า” กบถาม
“ถ้านางช้อยเห็นละก็ ไปยาวเป็นคุ้งเป็นแควปิงวังยมน่านแน่ๆ เจ้าข้าเอ๋ย” แมวกังวล
เอกพยักหน้าให้รีบไป สองคนรีบไปทันที พอสองคนคล้อยหลังไป เอกหันกลับ
“โฮ้ย ทำความดีนี่มันยากแท้ๆ”

“ไอ้พี่เอก” ช้อยพยายามชะโงกหา
เอกรู้ในทันที “หาอะไรรึ นางช้อยจอมสอดรู้สู่เห็น”


“เอาเด็กไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“เด็กอะไรรึ”
“ก็เด็กที่เอ็งอุ้มมาเมื่อตะกี้ ใช่เด็กติ๋วหรือเปล่า”
“ข้าไม่ได้อุ้มเด็กอะไรทั้งนั้น ข้ากำลังจะไปหาข้าวกิน ไปให้พ้น อย่ามาใส่ความกัน”
ช้อยมองหน้าเอกเย้ยๆ
“ดีละ อยากหาเรื่องใส่ตัว ใช่ไหม อีกประเดี๋ยวเป็นได้เรื่องแน่ๆ”
ช้อยเดินสะบัดกลับไป เอกเริ่มใจคอไม่ดี

ภาพในกระจกหนูติ๋วกับหนูอี๊ดถูกเรียมอุ้มในอ้อมกอดซ้ายขวาหน้าตาเหมือนกัน แต่งตัวเหมือนกัน เรียมยิ้ม
“หนูจ๋า น่ารักน่าเอ็นดูแท้ๆ”
“หน้าเหมือนกันราวกับขนมมาจากพิมพ์เดียวกันนะเจ้าคะ” กบว่า
“เหมือนกันกับเนียนราวกับเป็นลูก...” แมวจะบอกว่าลูกเนียนทั้งสองคน
เรียมหน้าเสียไป กบกับแมวแค่พูดตามประสา ไม่ได้รู้ความจริง
“พูดจาเหลวไหลเพ้อเจ้อใหญ่ทั้งสองคน เด็กตัวเล็กก็น่ารักเหมือนกันทั้งนั้น เอาละ ชั้นจะโกนหัวหนูติ๋ว กบไปเอามีดโกนมา แมว ไปเอาน้ำมนต์มา”
สองคนทำตามสั่ง เรียมเริ่มทำการโกนผมไฟให้หนูติ๋ว

สนกำลังทำท่าใหญ่โต ควบคุมการจัดดอกไม้
“พวกเอ็ง มันมือห่างตีนห่าง มือหยาบตีนหยาบ ทำของสวยๆ งามๆ กันไม่เป็น ตั้งอกตั้งใจหน่อยสิยะ”
ช้อยวิ่งกระหืดกระหอบมา
“คุณสนเจ้าขา งามหน้างามเนตรอีกแล้วเจ้าค่ะ คราวนี้ใหญ่โตหนักหนาสาหัสสากรรจ์แน่แน่ เจ้าค่ะ”
“อะไรอีก วันนี้วันมงคล เอ็งยังมาบอกว่ามีเรี่องไม่ดีบัดสีอะไรกันอีก”
“ไอ้พี่เอกมันอุ้มลูกอีเนียน หายแว๊บล่องหนไปทางเรือนคุณนายใหญ่โน่นเจ้าค่ะ”
สนตื่นเต้น “ฮ้า เอ็งอย่าพูดพล่อยๆ นะ”
“ขืนชักช้าไม่ทันการนะเจ้าคะ มันต้องสมคบกับอีเนียนคิดการใหญ่อะไรสักอย่างแน่ๆ เจ้าค่ะ” ช้อยมั่นใจนัก
“คิดการอะไรน้อ” สนคิดไปคิดมา “นึกออกแล้ว ลูกมันเกิดวันเดียวกันกับหนูอี๊ด”
“มันกำลังเอาลูกชู้ไปเสนอหน้าโกนผมไฟให้ท่านพระครูตั้งชื่อให้” ช้อยบอก
สนโยนดอกไม้ ใส่พวกคนรับใช้อื่นกระจัดกระจาย
“ไม่ได้เด็ดขาด จะให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด คุณเรียมช่างวอนหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ช่วยไม่ได้”
สนหันพรวดไปทางเรือนทองจันทร์ ช้อยหันมาชี้หน้าคนอื่นๆ
“พวกเอ็งรีบทำงานให้แล้วเสร็จ อย่าอืดเป็นเรือเกลือเด็ดขาด”
แล้วช้อยก็หันกลับตามสนไป พวกที่เหลือมองตาม แสยะหน้าไล่หลังอย่างเกลียดชัง
“นางคางคกขึ้นวอ”

เรียมโกนหัวหนูติ๋วเรียบร้อย
“ทีนี้หัวก็สะอาดแล้วหนูติ๋ว นี่สร้อยคอ” เรียมใส่ให้ “นี่สร้อยข้อมือข้างละเส้น”
“แล้วนั่นตะปิ้งเงิน ผูกด้วยสายสร้อยเงิน” กบบอก
แมวยิ้มดีใจ “หนูติ๋ว ช่างมีบุญมีวาสนาที่คุณนายเรียมเมตตาราวกับเป็นลูก”
“ชื่นใจแทนเนียน” สองคนยิ้มปลื้ม
“เอ็งสองคน อย่าได้ปากสว่างเอาเรื่องนี้ไปโพธนาที่ไหนทีเดียวล่ะ”
มีเสียงเคาะห้องดังขึ้น
“แม่เรียมจ๊ะ แม่เรียม เปิดประตู แม่มีอะไรจะถาม”
เรียมตกใจ หันมามองกบกับแมวที่กำลังตกใจเช่นกัน
“ทำอย่างไรกันดีล่ะ กบเอาคุณหนูอี๊ดไปหลังตู้โน่น”
กบรีบฉวยหนูอี๊ดไปหลังตู้
“ขอบใจมากกบ เอาละทีนี้แมว รีบ เปิดประตูสิ”
แมวตกใจชี้ไปที่หนูติ๋ว “คุณนายเรียมเจ้าขา ก็นี่ไม่ใช่คุณหนูอี๊ด”
“ข้ารู้ รึว่าเอ็งจะปล่อยให้คุณแม่สงสัย”
แมวรีบเดินไปเปิดประตู เรียมก้าวออกไปทันทีโดยมีหนูติ๋วในอ้อมกอด แมวใจหายใจคว่ำเอามือทาบอก

“อกอีแป้นจะแตก”
ทองจันทร์เพ่งมองเรียมที่อุ้มหนูติ๋วมา แต่จับไม่ได้ว่าเป็นหนูติ๋ว

“คุณแม่มีอะไรหรือคะ”
“มีสิ เอ๊ะ เอ้อ...นี่นี่ หนูอี๊ดนี่นา”
“ค่ะ หนูอี๊ด”
“ก็แล้วไหนแม่สนมันว่า...”
“ว่าอะไรหรือคะ คุณแม่”
“ว่าแม่เรียมสมคบกับไอ้เอกทำงามหน้าเอาลูกชู้มาแอบโกนผมไฟ แล้วหมายจะให้ท่านพระครู ตั้งชื่อ”
“แม่สนบอกคุณแม่อย่างนั้นหรือคะ แม่สนไปเอามาจากไหนหรือคะ”
“แม่สนคงสับสนไปเองน่ะ นางช้อยมันเพ้อเจ้อ อีนางนี่ต้องจับมาอบรมเรื่องปากยาวยิ่งกว่าปากกาซะแล้ว”
“ถ้าคุณแม่ไม่มีอะไร เรียมขอตัวพาหนูอี๊ดไปกราบขอพรจากท่านพระครู ตอนตั้งชื่อ เรียมลืมขอพรจากท่านค่ะ” เรียมแข็งใจพูด “เชิญ ไปด้วยกัน ไหมคะคุณแม่”
ทองจันทร์พยักหน้าอ้าแขนอุ้มหนูติ๋ว คิดว่าเป็นหนูอี๊ด
“ก็ดี มาให้ย่าอุ้มนะจ้ะ หนูอี๊ด”
เรียมใจหายวับ
“เอ้อ เรียมอุ้มเองก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูต..เอ้อ..หนูอี๊ดจะทำเลอะเทอะใส่คุณแม่”
“จะเป็นไร หลานอึใส่ฉี่ใส่หมายความว่า แม่เป็นย่าเต็มตัวแล้วจ้ะ มามะคนดีทูนหัวของย่ามาให้ย่าอุ้มนะลูกนะ”
เรียมแอบถอนใจแต่ก็จำยอม

ฟากกบกะแมวอุ้มหนูอี๊ดแอบดูอยู่ในห้อง กบเอ่ยขึ้น
“ดูดู๋ นางแมวเอ็งดูคุณนายเรียมบทท่านจะใจกล้าขึ้นมาท่านก็กล้าจนน่ากลัว”
“คงเป็นเพราะมั่นใจว่าหนูติ๋วหน้าตาเหมือนคุณหนูอี๊ดมาก ท่านเลยพาลหลงรัก ดูของขวัญที่ท่านให้นั่นสิ มะลังมะเลืองทีเดียว” แมวว่า
“แล้วทำไมคุณหนูอี๊ดกับหนูติ๋วหน้าตาเหมือนกันอย่างนี้” กบเริ่มสงสัยอีก
“เหมือนกันเองแล้วยังไปเหมือนกับเนียนเข้าให้อีก” แมวก็ด้วย
สองคน แปลกใจ

ฝ่ายขุนภักดีพูดคุยเฮฮาอยู่กับนายอำเภอ จิบชากับอาหารว่างไปด้วย
“ขอบพระคุณคุณเหลือเกินครับ นายอำเภอ ที่ให้เกียรติมางานโกนผมไฟลูกสาวผม”
“แล้วกัน ท่านขุนภักดีภูบาลเศรษฐีใหญ่เมืองสุพรรณผู้มีที่นามหึมามหาศาล ผมไม่มาก็ผิดไปแล้วสิท่านขุน”
“ลือกันไปเองต่างๆ นานา น่ะครับ นายอำเภอ ไอ้ที่นามากๆ นั่น ของท่านเจ้าพระยาท่านให้ผมดูแลให้ต่างหาก ของผมแค่เล็กๆ น้อยๆ” ขุนภักดีถ่อมตน
“ไฮ้ เล็กน้อยแบบไหนกัน ผมไปปราบโจรที่ไหน ก็เจอที่นาท่านขุน ยั้วเยี้ยไปหมด” นายอำเภอว่า
“ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อย มรดกตกทอด มาจากคุณพ่อ กับของคุณแม่ผสมกัน รวมกับของเรียมเขาด้วย ก็เลยดูมากครับ”
“แม่เรียม ภรรยาคนแรกละสิ ท่านขุนมีลูกกี่คนครับ”
“สาม เอ๊ย สองเท่านั้นครับ” ขุนภักดีหน้าไม่ค่อยจะดี
“ผมก็ถามไปตามเรื่องตามราวน่ะครับไม่มีเจตนาละลาบละล้วง”
สนนวยนาดเข้ามาไหว้นายอำเภอ
“พี่ขุนขา คุณแม่ให้เชิญไปหาท่านว่ามีอะไรจะถาม แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นค่ะ”
ขุนภักดีกำลังคุยติดพัน ไม่อยากจะไป
“ไฮ้ มีอะไรจะถามสนรู้ไหม”
“ทราบสิคะ”
“สนถามมาตรงนี่ก็ได้ กันเองทั้งนั้น”
สนแอบยิ้มฉวยโอกาสทันที
“จะไม่สู้ดีกระมังคะ ถ้าจะให้สนถามแทนคุณแม่”
“ถามมาเถิดน่าสน”
“คุณแม่ท่านจะถามว่า ทำไมคุณนายเรียมจึงกล้าสมคบกับนายเอก เอาลูกชู้มาโกนผมไฟ แถมจะให้พระครูตั้งชื่อด้วยค่ะ นี่สนไม่ได้ว่านะคะคุณแม่ท่านว่านะคะ”
นายอำเภอวางหน้าไม่ถูก ขุนภักดีตะบะแตกลุกพรวด
“อุเหม่ ไอ้เอกอยู่ไหน เรียมอยู่ไหน พี่จะไปจัดการทั้งสองคนให้หลาบจำ”
แต่แล้วขุนภักดีก็นึกได้ว่านายอำเภอนั่งอ้าปากหวออยู่ด้วย
นายอำเภอรีบยกมือลา “เชิญตามสบาย ผมลากลับก่อนละครับ”
โดยไม่รอให้ท่านขุนพูดต่อ นายอำเภอหันกลับโกยอ้าว สนแอบยิ้มสะใจ
“ที่นี้ละ งามหน้าไปเจ็ดคุ้งน้ำแน่ๆ” สนพึมพำ
ขุนภักดีวิ่งหายไปแล้ว สนนวยนาดตามไป

“สะใจอีเนียนกับอีเรียมแท้ๆ ตกกระป๋องแน่อีเรียมเอ๋ย”
ฝ่ายท่านพระครูกำลังเอาน้ำมนต์สลัดใส่หัวหนูติ๋ว ทองจันทร์อุ้มไว้ และมีเรียมนั่งกระอักกระอ่วนใกล้ๆ แต่ก็สมหวังดังใจที่ต้องการ

“โชคดีมีชัยนะจ้ะหนู ชื่ออะไรดีน้อ เนื้อทองดีไหม” ท่านพระครูดูออกว่าเป็นคนละคนกัน
เรียมเสียววาบ ใจหล่นวูบทองจันทร์แปลกใจ
“อ้าว ท่านพระครูเจ้าขา เมื่อสักครู่ท่านตั้งชื่อหนูอี๊ดไปแล้วว่า ทานตะวันนะเจ้าคะ”
“อ้าว ก็แล้วนี่หนูอะไรล่ะ” ท่านพระครูสงสัย
“ก็หนูอี๊ด นั่นแหละเจ้าค่ะ”
ท่านพระครูทำหน้างงๆ
“ท่านพระครู แปลกใจอะไรหรือเจ้าคะ” ทองจันทร์แปลกใจ
ท่านพระครู ยังไม่ทันเอ่ย มีเสียงขุนภักดีอาละวาดใส่เอกดังลอดมา
“ไอ้เอก กูจะฆ่ามึง ไอ้คนบังอาจ ไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”
ทองจันทร์กับเรียมตกใจ ท่านพระครูนั่งนิ่ง
“พี่เทพอาละวาดอะไรกันคะนั่น” เรียมตกใจ แต่พยายามคุมอารมณ์ไว้
“แย่แล้ว แม่เอง แม่ให้แม่สนไปตามพ่อเทพ แม่เข้าใจว่าไอ้เอกกับแม่เรียมสมคบกันเอาลูกชู้มาโกนผมไฟมาให้ท่านพระครูรดน้ำมนต์ตั้งชื่อ”
“รีบไปห้ามสิโยม วันนี้วันมงคลนะ” พระครูร้องบอกทองจันทร์
“ส่งหนูต.. เอ้อ...ส่งหนูอี๊ดให้เรียมเถิดค่ะ”
เรียมรีบเอาหนูติ๋วมาจากทองจันทร์ ขณะที่ทองรีบตรงไปที่หน้าเรือน

ท่านพระครูมองหน้าเรียม ถามยิ้มๆ
“ตกลงนี่หนูอี๊ดหรือหนูติ๋ว กันแน่โยม”
“อิชั้นไม่กล้ามุสาท่านพระครูดอกเจ้าค่ะ”
“โยมมีใจเมตตาเป็นธรรม เป็นสิ่งประเสริฐ หนูติ๋วคนนี้ได้โกนผมไฟได้รับน้ำมนต์ได้พร ได้ชื่อไปแล้วเขาโชคดีแน่” ท่านพระครูพูดอย่างเมตตา
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านพระครู เอ้อ... เด็กหน้าตาคล้ายกันแต่งตัวเหมือนกัน ทำไมท่านดูออกว่าคนละคนเจ้าคะ” เรียมอดสังสัยไม่ได้
“อาตมาดูลักษณะนิสัยน่ะ คนนี้หนักแน่นอดทน ใจเย็น เหมือนแม่เขา ละมัง แต่อีกคนใจร้อนหูเบา เชื่อคนง่าย น่าจะคล้ายพ่อ”
เรียมฟังแล้วใจไม่ดี
“แล้วโตขึ้นจะเป็นอย่างไรคะ”
“ขึ้นอยู่กับการอบรม โยมรีบพาเด็กไปเถิดก่อนที่จะมีเรื่องใหญ่”
เรียมกราบลาแล้วรีบพาหนูติ๋วไป

เอกโดนชกโดนเตะ โดนต่อย สภาพย่ำแย่ไปทั้งตัว เอกไม่ปัดป้อง
“ทำไมมึงช่างสาระแนดีนักไอ้เอก รึว่ามึงอยากเป็นชู้กับมันอีกคน”
เอกได้แต่ยกมือไหว้
“กระผมไม่บังอาจขอรับ”
“กูอยากฆ่ามึงให้ตายนัก”
“ได้ขอรับกระผม”
“มึงท้าทายกู”
ช้อยกับสน สะใจนัก
“สะใจ อีกประเดี๋ยวถึงรายอีเรียมแน่” สนยิ้มร่า
“คุณท่านมาแล้วเจ้าค่ะ” ช้อยหันไปเห็นทองจันทร์
“หยุดนะพ่อเทพ”
สนกับช้อยมองหน้ากัน สนงง
“หยุดรึ นี่มันอะไรกัน นางช้อย”
“นั่นสิเจ้าคะ ทำไมคุณท่านมาสั่งห้าม” ช้อยก็งง
“คุณแม่ให้สนไปตามผมบอกว่าไอ้เอกมันสมคบกับเรียม เอาอีเด็กลูกชู้มาเสนอหน้าเทียมเทียบลูกสาวผม ผมก็ต้องลงโทษมัน”
“มันไม่ได้ทำดอก”
“อะไรนะครับ คุณแม่”

“แม่สนบอกพ่อเทพอย่างนั้นรึ แม่สน นางช้อยมานี่สิ”
ทองจันทร์กราดตามองไปยังที่สนและช้อยอยู่ แต่สองบ่าวนายใจบาปไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เห็นแต่เรียมอุ้มหนูติ๋วเดินลงเรือนมา

“หนูอี๊ดจ๋าถามคุณพ่อสิจ้ะว่าทำไมหูเบาเช่นนี้”
“เรียม หนูอี๊ด”
“ค่ะ เรียมกับหนูอี๊ด ถ้าพี่ขุนคิดว่าเด็กคนนี้ เป็นหนูติ๋วเชิญพี่ขุน ลงอาญาเอ็งสิคะ ลงอาญาเหมือนกับที่ทำกับนายเอก”
ขุนภักดีหน้าเสียถนัดตา
“พ่อขอโทษหนูอี๊ด พี่ขอโทษจ้ะเรียม ไอ้เอก เจ็บมากใช่ไหม”
“พอทนได้ขอรับ”
“นายเอกฉันขอโทษด้วย ที่เป็นต้นเหตุให้โดนทุบตี ตามมาสิฉัน อยากจะรู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน”
“เอ็งไม่ได้เล่นตลกมะกอกสามตะกร้าใส่งาแน่นะ ไอ้เอก” ขุนภักดีไม่วายคาใจ
“มิบังอาจขอรับ”
เรียมฉวยโอกาสเดินนำไป เอกเดินตามหลังเรียม

สนโมโหตบหน้าช้อยโดยแรง จนหน้าหงาย
“อีช้อย นี่ไงงามหน้า ที่มุสาฟ้องกู งามหน้ากูไงละ”
“ช้อยเห็นจริงๆ นะเจ้าคะว่าไอ้พี่เอกมันอุ้มเด็กไปทางหลังเรือนอีเรียม”
“แล้วยังไง เด็กที่เอ็งเห็นมันเป็นหนูอี๊ด ไม่ใช่อีเด็กติ๋ว เด็กที่เอ็งเห็น ทีนี้ฉันจะไปมองหน้าอีแก่กับพี่เทพได้ยังไง อีเรียมก็อีกคน ตอนนี้มันนั่งหัวเราะเยาะฉันฟันฟางโยกไปหมดทั้งปากแล้ว”
“ช้อยว่ามันน่าจะมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ เจ้าค่ะ คุณสน นั่น นั่นเจ้าค่ะ ไอ้พี่เอกอุ้มเด็กเดินผ่านไปแว้บๆ กลับไปทางเล้าหมูแล้วเจ้าค่ะ”
“ไหน”
พอสนหันไปมอง เห็นเพียงแมวกับกบ กำลังหัวเราะกันคิกคักออกท่าออกทาง แล้วสองคนก็หยิบปี๊บมาคลุมหัวเดินชนกัน เองสนุกสนาน
“น่าอายแท้ๆ” กบเยาะ

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/6 วันที่ 6 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager