อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/5 วันที่ 6 เม.ย. 56
“แล้วพวกฟูกนอนหมอนผ้าห่มสวยๆ เหมือนของหนูอี๊ดนั่นเล่า ญาติฝ่ายไหนของนายเอกท่านให้ รึว่าไปรับมาจากงานเทกระจาดวัดไหน” สนยังไม่ยอมเอกสบตากับเรียมอีกครั้ง
“คือท่านพระครูท่านว่า คุณหนูอี๊ดควรใช้ฟูกนอนหมอนผ้าห่มให้ถูกโฉลกกัน คล้องจองกับวันเกิด เช่นวันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง”
กบผสมโรง “วันอังคารสีชมพู”
แมวต่อให้ “วันพุทธสีเขียว”
ทองจันทร์เอ็ด “เอ็งสองคนหยุด”
เรียมรีบเอ่ยขึ้น “เรียมก็เลย เปลี่ยนใหม่ตามคำพระครูท่านว่า ค่ะ”
“เอามาให้แมวเอาไปทิ้งเจ้าค่ะ” แมวต่อ
กบตาม “แมวก็เลยปรึกษากับนางกบ ว่าบ้านภักดีภูบาลเหมือนไม้ใหญ่มีนกกามาอาศัย ก็เลย…”
คราวนี้ทองจันทร์เป็นคนพูดเอง “เอาไปยกให้เด็กติ๋ว เลิกแล้วต่อกันเถิด พ่อเทพ นึกว่าทำทาน”
ขุนภักดีลุกพรวด ประกาศก้อง
“ต่อไปนี้อย่าให้รู้ว่าใครใช้อุบายเล่ห์กลเอาของไปให้พวกกระท่อมเล้าหมูนั่นอีก หาไม่เช่นนั้น ข้าเอาเรื่องแน่”
เอก กบ และแมวรับอ่อยๆ “ขอรับ” / “เจ้าค่ะ”
ทุกคนเงียบไป ขุนภักดีเดินมา ตบหน้าเอกฉาดใหญ่
“เอ็ง ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก สักวันจะเจอแส้ม้า”
เอกทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เดือดร้อน สนกะช้อยสะใจ เรียมสงสารเอกมากเบือนหน้าหนี
ที่บางกอก ในวันต่อมาร้านกาแฟไทยเจริญเห็นหน้าร้านยังไม่เปิดขายของ โพล้งกับแพรกำลังเตรียมของเปิดร้านขายตามปกติ แต่ยังไม่มีคนเพราะเช้าอยู่มาก
“แดงน้อยยังไม่ตื่นรึ” โพล้งเอ่ยขึ้น
“ตื่นแล้ว”
โพล้งนึกสงสัย ยังไม่เห็นหน้าหลาน “สายแล้วมันไม่กินข้าวรึ”
“มันกำลังกินความสุข” แพรตีฝีปากใส่
“นางแพร ตั้งกะแกมาอยู่บางกอก สำบัดสำนวนชวนเขกหัวแท้ๆ” โพล้งหมั่นไส้
แพรกระซิบบอก “ลุงมันมาหา เอาเพชรนิลจินดามาให้เป็นค่าเลี้ยงดูมันอีกแล้ว มันรักลุงมันยังกับพ่อก็ไม่ปาน นอนกอดกันกลมดิกทั้งลุงทั้งหลาน แล้วจะไม่ให้บอกว่าแดงน้อยมันกำลังกินความสุขได้ยังไง”
โพล้งยิ้มพอใจ ระหว่างนั้นยายอ่อนเดินหน้าชื่น แต่งตัวสวยเป็นคุณนายบ้านนา มีทองหยองเต็มไปหมดเข้ามา
“สวัสดีจ้า คนบางกอก ขอข้าวราดแกงไก่หนึ่ง กาแฟเย็นแก้ว”
สองคนหันไปมองท่าทีตื่นเต้น เพราะจำได้
“ยายอ่อน”
ยายอ่อนนั่งแปะลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งมุมร้่าน
หนักนอนกอดแดงน้อยเอาไว้อย่างมีความสุข ได้ยินเสียงเรียกยายอ่อน เหมือนแพรกับโพล้งรู้จักดี จึงอาจรู้จักตนด้วย หนักเอามือล้วงในกระเป๋ากางเกงเตรียมพร้อม เห็นด้ามปืนโผล่ไวๆ
“แต่งตัวโก้ทองหยองเต็มตัวไปหมด ไปถูกหวยรวยสมบัติที่ไหนมารึ” เสียงแพรดังเข้ามาในห้องหนัก
ตามด้วยเสียงโพล้ง “รึว่าหมอตำแยสมัยนี้เขาทำคลอดกันได้เงินแพงๆ”
“ไม่รู้ว่าจะบอกเล่าเก้าสิบให้เข้าใจยังไง คือว่าที่ผ่านมา ข้าไปทำคลอด ที่บ้านเศรษฐีใหญ่เมืองสุพรรณ ท่านขุนภักดีภูบาล”
หนักหูผึ่ง ตื่นเต้นมาก ลูกพรวดมานั่งอุ้มแดงน้อยไว้กับอก เงี่ยหูฟังเต็มที่
ยายอ่อนไม่พูดพล่ามทำเพลง
โพล้งกะแพรอุทานพร้อมเพรียง “ไปทำคลอดให้ใครรึ”
“คุณนายเรียมกับแม่เนียน”
สองคนร้อง “ฮ้า”
ยายอ่อนพูดอย่างภาคภูมิใจ “คุณนายเรียมท่านตกรางวัลค่าทำคลอดมาร้อยชั่ง”
สองคนร้อง “โอ้โฮ”
ยายอ่อนเอ่ยขึ้น “ฉันจะเปลี่ยนอาชีพดีกว่า เอาเป็นว่า ฉันต้องการซื้อที่นาของตาน้อมอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ”
โพล้งกับแพรมองหน้ากัน
“เรื่องที่นาเอาไว้ก่อน เล่าเรื่องไปทำคลอดบ้านท่านขุนภักดีก่อน” แพรซัก
“เรื่องมันยาว เรื่องราวยอกย้อนซ้อนซับสลับเงื่อนเหมือนยี่เก”
“งั้นรีบสาธยายมาถ้าอยากซื้อที่นา บอกมาให้หมดไส้หมดพุง” โพล้งตื่นเต้น
ยายอ่อนพยักหน้า
“ถ้าฉันสาธยายฉันก็ทวนสาบานสิ คุณนายเรียมท่านแช่งเอาไว้ ให้ชั้นโดนฟ้าผ่าตาย”
แพรคะยั้นคะยอ “ก็ถ้ามันเป็นเรื่องดีๆ ไม่ใช่เรื่องชั่วๆ ฟ้าก็ไปผ่าคนชั่วเองนั่นแหละ เล่ามายายอ่อน รึว่าแกอยากโดนฆ่าหมกคูหลังร้านชั้น แถวนี้เปลี่ยว”
ยายอ่อนเล่นแง่ พยักหน้าพนมมือสาบานอีกครั้ง
“ลูกช้างขออนุญาตทวนสาบานเพื่อเปิดเผยความจริงที่ถูกต้อง หาไม่วันใดถ้าลูกช้างตายไป ใครจะมารู้ความจริง ที่ไม่สมควรปกปิดนี่”
สองคนหมั่นไส้ “เล่าได้แล้ว”
“เริ่มเรื่องโหมโรงตั้งกะเนียนโดนท่านขุนโบยด้วยแส้ม้าปางตายว่ามีลูกแล้วมาหลอกลวงท่าน และลูกในท้องก็เป็นลูกชู้ ที่ชื่อไอ้เสือหนัก ที่มันแอบนัดไปหากันท่าน้ำให้แหวนให้สร้อยกันต่อหน้าต่อท่านขุน”
โพล้งกับแพรตกใจมาก
“ว่ากระไรนะ”
หนักฟังอยู่หลังบ้าน เสียใจแสนสาหัส น้ำตาซึม
“เนียน โธ่ เนียน เนียนเอ๊ย พี่ทำร้ายเนียนแสนสาหัสแท้ๆ”
หนักฟังต่อไป
ยายอ่อนทำหน้าเศร้าขณะเล่า
“แม่เนียนผู้น่าสงสาร ช่างมีกรรรม ฉันเห็นตอนโดนโบยด้วยแส้ม้าฉันงี้น้ำตาตก หลายคนในบ้านไม่อยากเชื่อว่าเนียนเป็นชู้กับเสือหนัก”
แพรและโพล้งพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันก็ไม่เชื่อ”
“แต่ มิใยที่ท่านขุนจะถามเนียนอย่างไร มิใยจะโดนโบยจนเนื้อแตกยับ เนียนก็ไม่ปริปากเอ่ยว่ากระไร”
สองคนครวญ “โธ่เอ๊ยเนียน”
“เนียนจึงโดนอาญาไล่มาอยู่กระท่อมเล้าหมู จากคุณเนียนกลายเป็นนางคนเลี้ยงหมู โดนคุณนายสนกับนางช้อยบ่าวมันเย้ยหยันย่ำยี จนกระทั่งวันคลอดลูก เนียนกับคุณนายเรียมเจ็บท้องพร้อมกัน ฉันก็วิ่งจนหัวหมุนเป็นลูกข่าง”
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นลูกของเรียมตาย แล้วยายอ่อนรับปากจะหาทางออกให้
จนถึงตอนที่เนียนคลอดลูกมาแล้วหนึ่งคน แล้วออกมาอีกหนึ่งคน และจบลงที่เอกกับยายอ่อนอ้อนวอนขอลูกเนียนให้ เพื่อตบตาท่านขุนและชดเชยที่เรียมเสียลูกจนแทบคลั่ง
สองคนนั่งฟังหน้าศร้า สงสารเนียนจับจิต
“พุทโธ่พุธถัง เนียนเอ๊ย”
“เนียนก็เลยตอบแทนพระคุณ คุณนายเรียมด้วยการยกแฝดคนโตให้ไป ส่วนชั้นกับนายเอกก็ต้องปิดความลับนี้ไปจนตาย คุณนายตกรางวัลมาให้ร้อยชั่ง ที่จะเอามาขอซื้อที่นานี่แหละ” ยายอ่อนสรุปเข้าธุระตัวเอง
ฝ่ายหนักทั้งตื่นเต้นตกใจ และเสียใจ สงสารน้องมาก จนหนักอดร้องไห้ไม่ได้
“เนียน เนียนน้องรักของพี่”
“ยุง อย่าร้องไห้นะ ยุงอย่าร้องไห้”
แดงน้อยปลอบ แต่หนักก็หยุดไม่ได้
เวลาเดียวกัน เนียนอุ้มลูกก้มหน้าก้มตาเลี้ยงหมู มีเสียงดนตรีไทยประกอบคลอดังแว่วมาจากเรือนใหญ่
ช้อยเดินเข้ามา
“กระตู้วู้”
ร้องข้างหูหนูติ๋ว จนเด็กตกใจร้องไห้จ้า
เนียนฉุนนิดๆ “มาตะโกนใส่หูหนูติ๋วดังๆทำไม ไม่สงสารกลัวแกแก้วหูแตกรึช้อย”
“อ้าว! รึ ไม่รู้นี่ นึกว่าเป็นลูกบ่าวแล้วทนทาน” นางบ่าวใจบาปว่า
“ไม่มีธุระใช่ไหม ฉันจะทำงานต่อ”
“จะว่ามีธุระก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มี แต่มีก็ได้ ไม่ใช่ธุระดอก แค่จะมาบอกให้ใจหายเล่น ว่าวันนี้ คือวันโกนผมไฟคุณหนูอี๊ด น่าสงสารลูกเนียนนะเกิดวันเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่มีใครแล ใครเหลียวพาไปโกนผมไฟ ทำใจเถิดนะยะเนียน อยู่ดีๆ ไม่ว่าดีริอ่านมีชู้ ริอ่านมาหลอกลวงว่าไม่เคยต้องมือชาย ที่ไหนผ่านมาจนเปรอะ มันก็สาสม ดีนะที่ท่านขุนไม่ยักเฉดหัวออกจากบ้าน”
เนียนเมินหน้า พลางเดินหนีไป ช้อยดึงแขนไว้ให้หันกลับมา
“ทำไมต้องหลบลี้หนีความจริง ฟังแล้วแสลงหัวใจรึ”
ระหว่างนั้นกบกับแมวมาแต่ไหนไม่รู้ มาร้องใส่หูช้อยดังลั่น
“กระตู้วู้ๆๆๆๆ”
ช้อยเอามือปิดหูแทบไม่ทัน
“ว๊าย นางกบ นางแมว พวกเอ็งมาตะโกนใส่หูข้าทำไม เดี๋ยวเถิดแก้วหูข้าแตก”
“แล้วทำไม่กลัวแก้วหูหนูติ๋วแตกบ้าง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” กบเยาะ
ช้อยทำท่าจะต่อยตี สองคนตั้งท่ารุม
“คุณท่านให้มาตามเอ็งไปกวนกาละแม ย่ะ” แมวบอก
ช้อยอยากจะหันมาเล่นงานสองคน แต่นึกกลัวและขยาด
“ฝากไว้ก่อนย่ะ”
กบกะแมวร้องตามพร้อมเพรียงกัน “อย่าลืมมาเอาคืนนะย่ะ นางหน้ากะละแมไหม้”
เนียนมองสองคนที่หัวเราะสนุกสนานส่ายหน้า แล้วอยากรู้เรื่องลูกสาวคนโต
“ท่านพระครูมาทำพิธีโกนผมไฟให้คุณหนูอี๊ดหรือจ๊ะ”
“ใช่นะสิ เฮ้อ อยากให้เนียนไปเห็นคุณหนูอี๊ดจัง” กบบอก
“น่ารักน่าชังหน้าตาเหมือนหนูติ๋ว ยังกับฝาแฝด เฮ้อ...” แมวพูดพาซื่อ
เนียนสะดุ้ง “อย่าพูดอย่างนี้สิ”
“ก็มันจริงนี่นา”
สองคนประสานเสียง แถมไม่พูดเปล่า ยื่นหน้ามาดูหน้าหนูติ๋วจังๆ
ระหว่างนั้นกบกับแมวมาแต่ไหนไม่รู้ มาร้องใส่หูช้อยดังลั่น
“กระตู้วู้ๆๆๆๆ”
ช้อยเอามือปิดหูแทบไม่ทัน
“ว๊าย นางกบ นางแมว พวกเอ็งมาตะโกนใส่หูข้าทำไม เดี๋ยวเถิดแก้วหูข้าแตก”
“แล้วทำไม่กลัวแก้วหูหนูติ๋วแตกบ้าง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” กบเยาะ
ช้อยทำท่าจะต่อยตี สองคนตั้งท่ารุม
“คุณท่านให้มาตามเอ็งไปกวนกาละแม ย่ะ” แมวบอก
ช้อยอยากจะหันมาเล่นงานสองคน แต่นึกกลัวและขยาด
“ฝากไว้ก่อนย่ะ”
กบกะแมวร้องตามพร้อมเพรียงกัน “ อย่าลืมมาเอาคืนนะย่ะ นางหน้ากะละแมไหม้”
เนียนมองสองคนที่หัวเราะสนุกสนานส่ายหน้า แล้วอยากรู้เรื่องลูกสาวคนโต
“ท่านพระครูมาทำพิธีโกนผมไฟให้คุณหนูอี๊ดหรือจ๊ะ”
“ใช่นะสิ เฮ้อ อยากให้เนียนไปเห็นคุณหนูอี๊ดจัง” กบบอก
“น่ารักน่าชังหน้าตาเหมือนหนูติ๋ว ยังกับฝาแฝด เฮ้อ...” แมวพูดพาซื่อ
เนียนสะดุ้ง “อย่าพูดอย่างนี้สิ”
“ก็มันจริงนี่นา” สองคนประสานเสียง
สองคนไม่พูดเปล่า ยื่นหน้ามาดูหน้าหนูติ๋ว
เด็กหญิงอี๊ดต่างกันแค่การแต่งตัว แต่หน้าตาคือหนูติ๋วชัดๆ เรียมกำลังอุ้มอี๊ดอยู่รำพึงออกมา
“หนูอี๊ดจ๋า แม่สงสารน้องสาวกับแม่ของหนูเหลือเกิน แม่จะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เขาทั้งสองมีชีวิตที่ดีมีความสุขนะจ้ะ แม่สัญญา”
เอกโผล่มาตาม
“คุณนายเรียมขอรับ ท่านพระครูให้มาเรียนว่าได้ฤกษ์โกนผมไฟแล้วขอรับ”
“จ้ะ จ้ะ นายเอก ไปกันจ้ะ หนูอี๊ด”
“เฮ้อ...คุณนายเรียมขอรับ ขณะที่ชีวิตหนึ่งราวกับนางฟ้า แต่อีกชีวิตหนึ่งราวกับเศษขยะเศษอาหารที่ให้หมูกินก็ไม่ปานนะขอรับ”
เรียมชะงักกึก ใจฝ่อ
“ใช่ว่าฉันจะละเลยหนูติ๋วกับเนียน แต่ว่า ยามนี้ทั้งพี่เทพ ทั้งคุณแม่กับสนจับตามองตลอดเวลา จนชั้นไม่กล้ากระดิกตัว เรื่องปลาตะเพียนยังไม่ทันจางหาย จะก่อเรื่องใหม่อีกจะพาลย่อยยับกันไปทั้งหมดรวมทั้งเนียนกับหนูติ๋ว”
“กระผมทราบขอรับ ถึงได้สลดใจอยู่ทุกวันนี้ ว่าไฉนทำดีถึงได้แต่ร้าย ทำไมทำร้ายจึงได้แต่ดี” เอกบ่นบ้าไปเรื่อย
เรียมนิ่งใคร่ครวญ
“นายเอก วันนี้ฉันขอเสี่ยงอีกสักครั้ง เพราะมันคือวันสำคัญวันมงคลของชีวิตเด็กสองคนนี้ มันคือวันแห่งความภาคภูมิใจของคนเป็นแม่ ฟังชั้นนะ”
เอกตั้งใจฟัง
ส่วนที่ร้านกาแฟในบางกอก สามคน แพร โพล้งและยายอ่อน คุยกันต่อ
“ลูกแคนแรกของเนียนก็ลูกผัวเก่าที่ตายไปแล้ว” โพล้งบอก
“ลูกคนใหม่ก็ลูกท่านขุนนั่นแหละไม่ใช่ลูกชู้ที่ไหนหรอก” แพรว่า
“ถ้าอย่างนั้น ไอ้เสือหนักมันไปหาเนียนทำไม ถ้าไม่ใช่ชู้”
ยายอ่อนตั้งข้อสงสัย สองคนนิ่งไปสบตากัน
“มีใครเห็นหน้ารึ ว่าเป็นเสือหนัก” โพล้งเอ่ยขึ้น
“ไม่มีดอกเพราะเดือนมืดสิบห้าค่ำ แค่มือตัวเองยังมองแทบไม่เห็น” ยายอ่อนว่า
“รึว่ามีใครไปใส่ความเจาะจงเป่าหู ว่าต้องเป็นเสือหนัก เพื่อให้ท่านขุนขุ่นเคืองอับอาย” แพรเอ่ยขึ้น
หนักฟังอยู่ในห้องหลังร้าน มั่นใจมากว่าต้องเป็นสน
“อีสน สักวันเถิด”
สามคนพุดกันต่อ
“ถึงว่าละสิ ฉันละก็สลดใจแทนเนียนเหลือเกิน อันความริษยาของมนุษย์นี่มันรุนแรงถึงขนาดฟาดฟันกันให้ถึงตาย อีนางคุณนายสนตะหากที่มีชู้ ลูกมันน่ะไม่ใช่ลูกท่านขุนดอก แต่เป็นลูกชู้ มันอาศัยใจกล้าหน้าหมดยางหลอกล่อให้ทุกคนเข้าใจว่ามันท้องหนักท้องสิบสองเดือน ไม่คลอดสักที เพราะหลังจากแม่เนียนเข้าบ้านท่านขุน ท่านไม่เคยเยี่ยมกรายมาหาแม่สน เกือบสามเดือน มันจึงแอบไปเล่นชู้จนท้องแล้วยัดลูกใส่ให้ท่านขุน”
สองคนนั่งฟังอ้าปากค้างหวอ
หนักคำรามในคอ
“ลูกกู กูมีลูกกับนางคนชั่ว ลูกเอ๋ย ขออย่าได้จิตใจชั่วดังเช่นแม่ของเจ้าเลย”
หนักยิ่งฟังยิ่งเศร้าสะเทือนใจ
ด้านเนียนกำลังพยายามชะเง้อ เพราะรู้ว่า หนูอี๊ดกำลังจะโกนผมไฟ เอกเดินยิ้มเข้ามาหา
“มามะหนูติ๋ว มากับลุงเอกนะจ้ะ”
“พี่เอกจะพาหนูติ๋วไปไหนรึ”
“ไปโกนผมไฟจ้ะ” เอกบอก
เนียนตะลึง
“พี่เอก อย่ามาเย้ากันสิ”
“พี่ไม่ได้เย้า พี่เล่าความจริง คุณนายเรียมให้พี่มารับหนูติ๋วไปโกนผมไฟ” เอกย้ำคำ
เนียนทั้งดีใจทั้งกลัว “แต่ หนูติ๋วไม่ใช่ลูกคุณนายเรียม”
“คุณหนูอี๊ดก็ใช่ซะที่ไหนกัน เนียนอย่าร่ำไร จะเสียงานเสียการ เกิดมาต้องได้โกนผมไฟในวันที่อายุครบหนึ่งเดือน มงคลของหนูติ๋วนะเนียน อีกอย่าง หนูติ๋วยังไม่มีชื่อจริง”
“คุณหนูอี๊ด เธอมีชื่อว่ากระไรรึ พี่เอก”
“ป่านนี้พระท่านคงตั้งกันไปแล้วแหละ”
เอกพูดพร้อมกับคว้าตัวหนูติ๋วมาจากเนียน เดินลิ่วออกไป เนียนมองตามใจคอไม่ดีเอาเลย
บนเรือนใหญ่ ขุนภักดีกับเรียมอยู่ในพิธีโกนผมไฟให้หนูอี๊ด โดยท่านพระครูกำลังประกอบพิธี
“โยมทองจันทร์ นั่นน้ำมนต์ของอาตมา เอาล้างผมไฟออกให้โยมหลานสิ”
ทุกคนปลาบปลื้มมากทองจันทร์รับน้ำมนต์มาล้างเช็ดหัวให้หนูอี๊ด
“เป็นเด็กดีเป็นเด็กแข็งแรง นะหลานนะ”
“ท่านพระครูขอรับ หนูอี๊ดยังไม่มีชื่อขอรับ” ขุนภักดีเอ่ยขึ้น
“เตรียมมาให้แล้ว ให้ชื่อว่า...ทานตะวัน” ท่านพระครูบอก
“ทานตะวัน เพราะเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านพระครู มีความหมายดีนะคะพี่เทพ” เรียมยิ้มแย้ม
“ดอกทานตะวัน แข็งแรงมาก สู้ได้แม้ดวงอาทิตย์” ขุนภักดียิ้มย่อง พอใจมาก
“แต่การสู้นั้น มันต้องประกอบสติ สติคือรั้วของชีวิต สติพังชีวิตก็พินาศ” ท่านพระครูเสริม
ทุกคนปลาบปลื้ม ก้มลงกราบท่านพระครูตามๆ กัน
“คุณแม่ ครับ เรียมจ๊ะ เสร็จธุระสำคัญแล้วขอเวลาไปต้อนรับท่านนายอำเภอก่อน”
ขุนภักดี เดินออกไป ทองจันทร์ก็ขอตัว
“แม่ก็จะกลับไปเอนหลังที่เรือน นั่งพับเพียบมาก มันไม่ไหวไขข้อไม่สู้จะดี”
ทองจันทร์ตามออกไปอีกคน
เรียมเดินตามแผนทันที “ท่านพระครู เจ้าขา ดิฉันขอปันน้ำมันของท่านพระครูสักขวดหนึ่งนะเจ้าคะ”
“ตามสบายโยม นี่เอาไปเลย”
เรียมหันมามองทางกบ กับแมว พยักหน้าให้ สองคนคลานมาหยิบเอาไปโดยไว
ฝ่ายช้อยกำลังกวนกาละแม กวนไปสอดส่ายสายตาหาเรื่องไป
“เอ๊ะ...นั่น...”
ช้อยได้เรื่องจนได้ เมื่อเห็นเอกอุ้มหนูติ๋วผ่านไปแว้บๆ ดูออกว่าเอกรีบเร่งมาก
“ไปนะจ้ะหนูติ๋วไปทำพิธีมงคลให้กับตัวหนูเองนะจ๊ะ”
ช้อยนึกสงสัย
“ไอ้เอกมันไปอุ้มเด็กที่ไหนมา แล้วมันจะอุ้มไปไหน รึว่า...แย่แล้ว”
ช้อยโยนไม้กวนกาละเมทิ้ง วิ่งอ้าวออกไปทันที
ส่วนแมวกับกบมองซ้ายมองขวารับหนูติ๋วมาจากเอกอย่างรวดเร็ว
“รีบเอาไปให้คุณนายเรียมไวๆ เข้า”
“มีใครเห็นหรือเปล่า” กบถาม
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/5 วันที่ 6 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager