คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 17 เม.ย. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 17 เม.ย. 56

แม้จะเสียใจที่ทำให้ป้าคนนั้นเสียใจจนจะเป็นลม แต่ไผ่ก็แอบดีใจที่เห็นภูวนัยเชื่อสนิท ระหว่างนั้นมือถือของภูวนัยดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้วถามไผ่ว่าจะกลับเมื่อไร ตนต้องไปทำธุระหน่อย ไผ่ดีใจบอกเขาให้ไปเลย ตนอยู่ได้ ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้ก็คงกลับ

“ถ้างั้นคุณโทร.บอกผมแล้วกัน” เขาทำท่าจะพูดอะไรอีกแต่ก็ไม่พูดแล้วเดินไปเลย

“เยส!” ไผ่ทำเสียงเบาๆแต่นัยน์ตาเป็นประกายดีใจสุดๆที่หลุดจากภูวนัยมาได้


ภูวนัยเดินแยกไปคุยโทรศัพท์ต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เออชาติ...ตอนนี้ฉันอยู่กรุงเทพฯแล้ว”

ooooooo

เมื่อลำไยไม่ยอมหนีไปด้วย ขิงกับกระดังงาจึงไปขอเบิกเงินจากโสภีเตรียมหนีกัน แต่ถูกโสภีหักยุบยับจนเหลือแค่ 500 บาท

ขณะนั้นมีลูกน้องคนหนึ่งเข้ามากระซิบอะไรกับโสภี ขิงกับกระดังงาจึงยกมือไหว้ลา โสภีเรียกกระดังงาถามว่า อยากได้อีกสักสองพันไหมเพราะมีแขกอยากเจอ ด้วยความอยากได้เงิน กระดังงาสวมวิญญาณสาวนั่งดริ๊งก์

ไปพบแขกคนนั้น

แต่พอเห็นหน้า กระดังงาก็แทบช็อก เพราะมันคือมือขวาของพายัพ มันยิ้มทักอย่างรู้ทันว่า

“ได้ข่าวว่าพวกแกเบิกเงินเดือนเตรียมหนีแล้วเหรอ” กระดังงาปฏิเสธลนลานว่าเปล่า ตนโทรศัพท์ตามหาไผ่จนเงินหมดเลยต้องมาเบิก “ก็ดี...เอ้า...เอาเงินนี่ไปใช้ พี่เขารู้ว่าคนทำงานมันต้องกินต้องใช้” มันจับมือกระดังงามาเอาเงินยัดใส่ “ถ้าพวกแกพาเพื่อนแกมาได้ พี่เขาจะให้แกอีก แต่ถ้าไม่เจอ...พี่เขาฝากนี่มาให้”

ลูกน้องพายัพเอากล่องกำมะหยี่เล็กๆให้ กระดังงานึกว่าเป็นแหวน แต่พอเปิดดูก็ผงะแทบหงายหลัง เพราะมันคือกระสุนปืน!

ขิงไปรอกระดังงาข้างนอก บ่นกระวนกระวายใจว่าทำอะไรอยู่ชักช้าจริงๆ แล้วก็สะดุ้งเมื่อมีเศษกรวดลอยมาโดนหัวหันมองไม่เห็นอะไร แต่อีกอึดใจเดียวก็ลอยมาอีก เลยตะโกนถาม “ใครวะ!” แล้วเดินไปมุมตึกที่เห็นมือโผล่ออกมา พอขิงเดินไปถึงก็ถูกกระชากหลบเข้าไปในมุม พอเห็นหน้ากันชัดๆขิงอุทานดีใจสุดๆ

“ไอ้ไผ่!”

ooooooo

ไผ่ให้ขิงพาไปหาลำไยที่กำลังล้างจานหลังขดหลังแข็งอยู่ในครัว พอเห็นไผ่ ลำไยก็ทั้งด่าทั้งโอดครวญที่ทำให้ตนต้องลำบากอย่างนี้

ครู่หนึ่ง กระดังงาก็เข้ามา พอเห็นไผ่ก็ดีใจเหมือนรอดตาย กระดังงาขอร้องไผ่คืนสร้อยให้พวกนั้นไปเสียเถิด

“สร้อย? สร้อยอะไร” ลำไยหูผึ่ง หาว่าไผ่เอาสร้อยไปขายแล้วงุบงิบไม่แบ่งเงินให้ใช้ไล่ตีจนขิงต้องขอร้องว่า

“พอแล้วแม่...แม่ตีไอ้ไผ่ให้ตาย ไอ้พวกนั้นมันก็ไม่ยอมหยุด จนกว่ามันจะได้สร้อยมันคืนหรอก” กระดังงาบอกไผ่ให้คืนมันไปเสีย ขิงเห็นด้วย “ใช่...ในเมื่อมันอยากได้สร้อย ถ้าเราไปคืน ทุกอย่างก็น่าจะจบนะ”

“แล้วสร้อยนั่นมันอยู่ไหนวะไผ่” กระดังงาถาม ไผ่พญามองหน้าทุกคน ทุกสายตามองเธออย่างหมดหนทางแล้วจริงๆ

รุ่งขึ้น ไผ่ไปนั่งโยนอาหารปลาที่ริมน้ำในวัด โยนไปโยนมาเผลอเอายัดเข้าปากตัวเอง ภูวนัยมาเห็นพอดีถามว่าไม่มีอะไรกินแล้วหรือถึงได้กินอาหารปลา ไผ่จึงรู้สึกตัวแหวะออกมา พูดแก้เกี้ยวว่ากำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ไผ่บอกภูวนัยว่าตนคงต้องอยู่ต่ออีกหน่อย ภูวนัยเองก็ยังไม่เสร็จธุระเหมือนกัน เลยนัดกันว่าเสร็จธุระค่อยโทร.ติดต่อกันอีกที แต่ภูวนัยสังเกตเห็นไผ่เศร้าๆถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณโอเคไหม”

“อืม...” ไผ่ปากไว แต่พอภูวนัยเดินไปแล้วก็บ่นตัวเอง “ไอ้ไผ่เอ๊ยไอ้ไผ่...ทำไมไม่พูดออกไปว้า...อย่างน้อยพาตำรวจไปด้วยจะได้อุ่นใจ” แต่แล้วก็ตัดใจ ปลอบใจตัวเองว่า “แค่เอาของไปคืน...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”

ooooooo

ไผ่พญาไปที่โรงรับจำนำเพื่อไถ่ของ เฮียรับเงินไปนับแล้วบอกให้รอเดี๋ยว ครู่หนึ่งก็เดินเอาของออกมาให้ดูถามว่าใช่ไหม ไผ่ดีใจบอกว่าใช่ รีบหยิบสร้อย เจ้าปัญหาขึ้นมาดูโดยไม่สนใจแหวนกับนาฬิกาเลย

“อ้าว...แล้วพระล่ะเฮีย” ไผ่แปลกใจเมื่อไม่เห็นพระสมเด็จ

“อ๋อ...มีนักการเมืองคนนึงเขาอยากได้พระสมเด็จมานานแล้ว อั๊วก็เลยปล่อยไป” เฮียบอกหน้าตาเฉย ไผ่โวยว่า ของตนยังไม่ขาดและเงินตนก็ให้ครบ แล้วมาปล่อยของของตนได้ยังไง เฮียพูดหน้าตาเฉยว่า “ไอ้เงินสองหมื่นเนี่ยมันได้แค่สร้อย ส่วนพระสมเด็จของแท้หายากอย่างนั้นน่ะ ลื้อต้องเอามาสองล้าน”

“สองล้าน! ของแท้เหรอเฮีย...แล้วตอนนั้นทำไมเฮียบอกว่าของปลอม!”

เฮียชะงักที่หลุดปากออกไป ตัดบทไล่ไผ่เอาดื้อๆ อ้างว่าจะปิดร้านแล้ว ไผ่ไม่ยอม บอกว่าตนต้องการพระนั้นจริงๆ เฮียก็ยังเอาแต่ไล่ ไผ่เลยยื่นมือเข้าไปกระชากคอเสื้อเฮีย ดึงมาจนติดลูกกรง สั่ง “เอาพระมาให้ฉัน!”

เฮียตะโกนทันที “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...อีนี่มันจะปล้นอั๊ว!!!”

คนในร้านวิ่งกรูออกมาพร้อมปืน ไผ่พญาเห็นท่าไม่ดีเลยหนีออกไป

ไผ่กลับมาบอกทุกคนว่าพระสมเด็จหายไปแล้ว ทุกคนตกใจเพราะวันนี้ครบกำหนดสามวันที่พายัพขีด

เส้นตายไว้พอดี ทุกคนมองหน้าไผ่อย่างหวังเป็นที่พึ่ง ไผ่เองก็คิดหนัก ครู่หนึ่งก็โพล่งออกมาว่า

“ฉันรู้แล้ว...”

ooooooo

จากการพบกับชาติกล้า ภูวนัยได้ข้อมูลสำคัญการใช้โทรศัพท์ของหยาดฟ้าเมียเสี่ยสมสุขนับแต่วันที่เสี่ยตายจนถึงวันที่หยาดฟ้าถูกมือปืนยิงตาย

เบอร์โทรศัพท์นั้นคือเบอร์ของผู้กำกับมารุต!

วันนี้ ภูวนัยจึงไปดักพบมารุตที่ลานจอดรถ แล้วนั่งรถไปคุยกันในที่ลับตาคน มารุตบอกภูวนัยว่า

“ตอนนี้คณะกรรมการกำลังดูจากหลักฐานอยู่ คิดว่า เดือนหน้าอาจจะเรียกคุณเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติม”

“ผมคิดว่าผมพอจะรู้คำตอบอยู่แล้วครับ” มารุตมองหน้าถามว่าทำไมคิดอย่างนั้น “ผมได้ข่าวมาว่า มีผู้ใหญ่หลายคนร่วมขบวนการค้ายา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คงไม่มีใครเก็บคนที่จะเปิดโปงพวกเขาเอาไว้หรอกครับ”

“ใครเป็นคนบอกคุณ” เสียงมารุตเครียด

“ผู้กำกับก็รู้ว่าผมพูดไม่ได้...แล้วบางที...การที่คุณนายหยาดฟ้าตาย ก็อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน”

ภูวนัยพูดหยั่งเชิง เห็นมารุตกำพวงมาลัยแน่น

ooooooo

วันนี้ ตะวันฉายไปช่วยยายสีทำโน่นทำนี่เพราะแกไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน มีอะไรก็ได้อาศัยตะวันฉายที่มีน้ำใจมาช่วยดูแล เพื่อตอบแทนน้ำใจยายสีเอามะยมใส่ถุงมาให้ บอกให้เอาไปแบ่งให้แฟนกินด้วย

ตะวันฉายบอกว่าตนยังไม่มีแฟน ยายสีบอกว่าไม่อยากเชื่อคนหน้าตาดีๆอย่างนี้จะไม่มีแฟน ถามว่าแล้วไม่มีคนที่ชอบหรือ ตะวันฉายยิ้มเขินๆ นึกถึงไผ่พญาขึ้นมาไม่รู้ตัว หิ้วถุงมะยมบ่ายหน้าไปฟาร์มสุขอย่างอารมณ์ดี

เป็นเวลาที่ม่านหมอกกำลังพยายามจะออกข้างนอก พรรษาอ้อนวอนอย่าทำอย่างนั้นเลย ถ้าเบื่อก็มาช่วยตนรดน้ำต้นไม้ก็ได้ ระหว่างนั้นม่านหมอกเหลือบเห็นตะวันฉายเดินมา ก็หลบเข้าบ้านไปเขินๆ พรรษาถอนใจนึกว่าม่าน– หมอกโกรธตน ก็พอดีตะวันฉายหิ้วถุงมะยมเข้ามาทัก พรรษาแปลกใจถามว่ามาได้ยังไง เพิ่งตรวจไปไม่ถึงเดือนไม่ใช่หรือ

“ผมไม่ได้มาตรวจหรอกครับ...พอดีผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเข้ามาเยี่ยมน่ะครับ” พูดแล้วมองไปรอบๆ ถาม “แล้วนี่ไปไหนกันหมดครับ” พรรษาบอกว่าอยู่ในบ้านกัน ตะวันฉายเจาะจงถามว่า “แล้วคุณครูล่ะครับ”

“โทษทีค่ะ เมื่อกี๊คุณตะวันถามถึงคุณภูหรือคุณครูคะ” ตะวันฉายโมเมว่าทั้งสองคนแหละ “ถ้าอย่างนั้นสองคนนั้นที่คุณตะวันถามหาไม่อยู่หรอกค่ะ คุณแม่ของครูไผ่เสียค่ะ คุณภูก็เลยอาสาขับรถพาครูไผ่กลับกรุงเทพฯ”

ม่านหมอกที่หลบเข้าไปในบ้าน แอบดูตะวันฉายแล้วคิดอะไรบางอย่าง เมื่อตะวันฉายหิ้วถุงมะยมกลับไปที่รถ ม่านหมอกจึงตามไปขอให้พาตนไปข้างนอกหน่อย

“อยากให้พี่โดนจับรึไง” ตะวันฉายพูดทีเล่นทีจริง ม่านหมอกถามว่าโดนจับเรื่องอะไร “อ้าว...ก็โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไง ยิ่งคุณภูเป็นตำรวจด้วย พี่ตายแน่”

ม่านหมอกอ้างว่าตนไม่ใช่เด็กแล้ว ให้อยู่แต่บ้านเบื่อจะแย่ ตะวันฉายเลยบอกให้กินมะยมดู ถ้ากินแล้วหน้าไม่เป็นแบบตนก็สัญญาว่าจะยอมเสี่ยงพาออกไป ม่านหมอกดีใจหยิบมะยมไปกิน พอเคี้ยวกร้วมเท่านั้นก็หน้าเบ้ ตะวันฉายเลยปรับให้แพ้ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องอยู่บ้านไปก่อน แล้วยื่นมะยมให้ทั้งถุง บอกให้เอาไปฝึกกินคราวหน้าตนอาจจะแพ้ก็ได้ ว่าแล้วก็เอามือขยี้หัวม่านหมอกอย่างเอ็นดูแล้วกลับไป

ม่านหมอกรับถุงมะยมเอามือจับหัวที่ตะวันฉายขยี้เมื่อครู่นี้เหมือนจะซึมซับความรู้สึกยิ้มเขินๆ เดินกลับไป

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 17 เม.ย. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ