อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 9 วันที่ 12 เม.ย. 56
“โฮ้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เบื่อก็เบื่อ วัดอะไรก็ไม่รู้อยู่ห่างไกลผู้คนจะกินจะอยู่ก็ลำเข็ญ เป็นที่สุด รู้งี้ไม่ลาออกมาอยู่กับแม่ชีดอก”แม่ชีปราม “นางช้อย ไหนทีแรกเอ็งบอกว่าเบื่อหน้านายเก่าใจร้ายใจดำใจจืด เอ็งขอหลบหน้ามาบวชชีอยู่กับแม่ นี่นานเป็นสิบปี เอ็งยังท่องศีลห้าไม่ได้ แล้วจะบวชชีได้ยังไง”
“แม่ ไอ้เรื่องบวชชีนั่นมันก็แค่ข้ออ้าง ที่จะลาออกจากอีนายใจร้ายนั่นแต่มันจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะไปปักหลักอยู่ที่ไหนดี”
“ปักหลักอยู่ในป่าหรือว่าในวัง ถ้าใจเอ็งยังมืดมนโอนเอน เอ็งอยู่ที่ไหนก็คงไม่หายเบื่อสักแห่ง แม่ว่า เอ็งตัดสินใจใหม่ดีกว่า..ว่าจะไปทางไหน”
ช้อยโยนไม้กวาดออกไปโดยแรง ไม้กวาดไปตกเอาที่เท้าเปล่าคู่หนึ่ง เห็นชายผ้าเหลืองไวๆ มีเท้าเปล่าอีกคู่อยู่ด้านหลัง
เสียงคุ้นหูของพระหนักดังขั้น “มีปัญหาอะไรรึโยม”
ช้อยถึงกับตาค้าง “พระ” แต่ไม่กล้าพูดต่อ จำหนักได้แม่น
“ก็พระน่ะสิ ยังไม่ก้มลงกราบขอโทษท่านอีกนางช้อย”
ช้อยยืนตัวสั่นก้าวขาไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ช้อยเห็นหนักกลายเป็นพระ นอกจากนี้ยังมีหมอเสน่ห์ยืนเป็นลูกศิษย์อยู่เบื้องหลัง ช้อยตกใจแทบช็อก!
“หมอเสน่ห์ ยังไม่ตาย”
หมอเสน่ห์เอ่ยขึ้น “หรือแกคิดว่าข้าเป็นผี” และจำนางช้อยใจชั่วได้ดี
“นางช้อยแกรู้จักลูกศิษย์พระนั่นรึ”
ช้อยส่ายหัวดิก
“ไม่ ไม่ ไม่อยู่แล้ว”
ช้อยหันกลับวิ่งเตลิดหนีออกไปอย่างว่องไว ปากร้องลั่น
“อีช้อย อยู่ไม่ไหวแล้ว”
แม่ชีแปลกใจ ก้มลงไหว้พระหนัก
“ฉันต้องขอโทษแทน ลูกสาวของฉันที่มันป้ำๆ เป๋อๆ มาสิบปีแล้วเจ้าค่ะ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมน่ะโยม ปลงเสียเถิด อาตมากับลูกศิษย์ ไม่ใช่พระที่นี่ แต่ธุดงค์ผ่านมาพักแรม สักคืนสองคืน แล้วจะธุดงค์ต่อไป”
พูดจบพระหนักก็เดินไปจากที่นั่น มีหมอเสน่ห์ที่หน้าตาเสียโฉม เดินถือกลดตามหลัง
ช้อยแอบมองใจเต้นระรัวตัวสั่นเทา
“ไอ้หมอเสน่ห์มันไม่ตาย มันก็ต้องเอาเราตายแน่ แย่แล้ว จะหนีไปไหนดี พระรูปนั้น ใครกันนะ ดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก”
ช้อยแอบมองอยู่อย่างนั้นไม่กล้าออกมา
หนักกับหมอเสน่ห์เดินพ้นวัดออกมาแล้ว
สองคนเดินมาด้วยกัน
“นางช้อยมันมาทำอะไรที่นี่ นะ” หมอเสน่ห์สงสัย
“มาตามเวรตามกรรมของเขา ช่างเขาเถิด อาตมาปลงแล้วโยมเสน่ห์ก็ปลงเสียเถิด”
“หลวงพี่ปลง ผมปลง แต่นางนั่นมันจะปลงรึ มันมิแล่นไปฟ้องนายมันให้มาเล่นงานหลวงพี่กับผมรึ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าไปกังวลเลยนะโยม ไปธุดงค์กันต่อเถิด”
พระหนักเดินลิ่วไป หมอเสน่ห์ยังไม่วายมองไปรอบๆ ดูช้อย อย่างเป็นกังวล
วันต่อมา สองหนุ่มอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แดงน้อยหน้าเสียไป แต่ก็พยักหน้ารับที่เทิดศักดิ์บอก
“ตกลงกันจะช่วยสนับสนุนแกเรื่องน้องติ๋ว”
“ขอบใจมากเพื่อนรัก”
“แต่มีข้อแม้ว่า แกไม่ควรทำอะไรเกินเลยเพราะทั้งแกและน้องติ๋วยังเรียนไม่จบ”
“ตกลง กันเข้าใจ เอ้อ กันไม่ได้ให้แกช่วยฟรีๆ ดอกนะ กันยินดีตอบแทนแก ถ้าแกพึงพอใจใคร”
แดงน้อยเมินหน้าไปไม่ให้เทิดศักดิ์เห็นสีหน้า
“ขอบใจ แต่กันคงพึงใจใครยาก วันนี้เราพูดเรื่องของแกคนเดียวเถิดนะเรื่องของกันก็คืออยากกินอาหารฝีมือน้าเนียนของแกเต็มแก่แล้วเพื่อน”
สองหนุ่มน้อยหัวเราะให้กัน หยอกล้อเล่นไล่ชกกัน เทิดศักดิ์มีความสุข แต่แดงน้อยกล้ำกลืน
สองแม่ลูกอยู่ด้วยกันตรงมุมหนึ่งบนเรือนคุณนายทองจันทร์ เนื้อทองกำลังช่วยเนียนจัดดอกไม้ เนียนเลียบเคียงถามเรื่องเพื่อนของเทิดศักดิ์
“หนูติ๋ว เมื่อไหร่คุณเทิดศักดิ์จะพาเพื่อนมากินข้าวที่นี่สักที”
“แม่เนียนสนใจเพื่อนคนนี้ของคุณเทิดศักดิ์จริงๆ นะจ้ะ”
“คุณเทิดศักดิ์เธอเป็นคนดีมีน้ำใจกับแม่และหนูติ๋ว แม่ต้องตอบแทนน้ำใจของเธอ เอ้อ... เพื่อนของคุณเทิดศักดิ์คนนี้ เขาเขา ชอบกินอะไรจ๊ะ...”
“แม่เนียนจ๋า นี่แม่เนียนอยากเจอเขาจริงๆ ด้วย” เนื้อทองตื่นเต้น
“แม่อยากตอบแทนคุณเทิดศักดิ์ ต่างหาก”
“แม่เนียน ว่าเขาชื่อแปลกไหมจ๊ะ คนอะไรชื่อจริงว่าแดงน้อย ใครน้อช่างตั้งชื่อให้เขา แม่เขาหรือเปล่านะ”
ขณะพูดถึงแดงน้อย ดวงตาของเนื้อทองแจ่มใสแวววาว ทำเอาเนียนใจหล่นวูบ
“หนูติ๋ว นี่นี่ หนู หนูสนใจเขาใช่ไหมจ๊ะ”
เนื้อทองเขินอาย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาตอบหลบตาแม่ เนียนใจหายวับ เพราะถ้าใช่แดงน้อยลูกของเนียน ก็แปลว่าเด็กสองคนเป็นลูกตนทั้งคู่ และเป็นพี่น้องกันจะมาชอบพอกันไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่นะ หนูติ๋ว ไม่ได้นะ แม่ห้ามเด็ดขาด” เนียนเผลอดุแรงๆ เสียงเข้ม
เนื้อทองตกใจเสียงแม่
“หนูทำอะไรผิดหรือ ทำไมแม่เนียนโกรธหนู แม่เนียนไม่เคยดุหนูแรงอย่างนี้มาก่อน”
เนียนรู้สึกตัว
“แม่กลัวว่าลูกจะทำอะไรไม่เหมาะสมในวัยเรียนจ้ะ แม่ไม่ได้ตั้งใจดุหนู”
“แม่เนียนจ๋า ว่าหนูรู้ว่าหนูต้องเรียนหนังสือ หนูไม่ทำเสียหายดอกจ้ะ อย่าโกรธหนูเลยจ้ะ หนูขอโทษที่ชื่นชมพี่แดงน้อยมากเกินไป”
เนื้อทองทำท่าจะร้องไห้เนียนเสียใจที่เผลอไปดุลูก จึงดึงลูกมากอด
“แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู แม่เสียใจแม่เจ็บที่หัวใจที่เผลอไปดุลูก สาเหตุเพราะแม่ห่วงลูกมากเกินไป ยกโทษให้แม่นะลูก”
“แม่อย่าพูดให้หนูบาปสิจ้ะ แม่ไม่เคยผิด แม่รักหนู แม่ทำทุกอย่างเพื่อหนู หนูสัญญาจ้ะว่าหนูจะไม่คิดอะไรกับใครทั้งนั้น”
เทิดศักดิ์เดินเข้ามาหาสองคน ส่งสายตาออดอ้อนลึกซึ้งมายังเนื้อทอง เนียนมองแล้วให้หวั่นไหวอ่อนอกอ่อนใจ
“น้าเนียนครับ น้องติ๋วจ้ะ”
วันต่อมาทานตะวันกับสนคุยกันอยู่บนเรือนของสน ทานตะวันใส่ร้ายป้ายสีเนื้อทองกับเนียนเต็มที่
“แม่สนกำลังจะได้ลูกสะใภ้เป็นบ่าวรับใช้ในบ้านแล้วนะคะ”
“ไฮ้ หนูอี๊ดอย่ามาล้อแม่สนเล่นสิคะ สะภ้งสะไภ้บ่าวอะไรกันหรือ”
“ก็อีติ๋วไงคะ มันเจริญรอยตามแม่มัน มัน มันหว่านเสน่ห์ใส่พี่เทิดศักดิ์จนหลงรักหัวปักหัวปำค่ะ”
สนปรี๊ดแตกทันที
“ว้าย ไม่ได้ แม่สนไม่ยอม แม่สนไม่ยอมให้มีเรื่องชั่วๆ นี่เกิดขึ้นเด็ดขาดแม่สนจะไปจัดการอีเด็กนั่นกับแม่มัน”
เทิดศักดิ์กลับมาพอดี
“คุณแม่สนกับน้องอี๊ด กำลังซ้อมออกงิ้วจะไปแสดงที่ไหนหรือครับ” เทิดศักดิ์เหน็บแนม
“เทิดศักดิ์อย่ามาล้อแม่เล่นนะ เราทำอะไรแย่ๆ ลงไปรู้ตัวบ้างหรือไม่”
เทิดศักดิ์งวยงง
“ผมเรียนวิชาปกครองได้คะแนนเป็นที่สองนี่ผมทำอะไรแย่ๆ หรือครับ”
ทานตะวันกระซิบ เพราะรู้ว่าเทิดศักดิ์เอาตา เพราะรู้ทันตนแน่
“แม่สนขา” ทานตะวันกระซิบ “ใจเย็นๆ ค่ะ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า พี่เทิดศักดิ์เขาไม่รู้ตัวดอกค่ะว่าโดนเสน่ห์ยาแฝด”
สนชะงักไป
“ผมกลับบ้านมาทั้งที่ แทนทีคุณแม่สนจะดีใจ ทำไมตีหน้ายักษ์ใส่ผม หรือว่ามีใครมาใส่ใคล้ใส่ความผมไว้” เทิดศักดิ์รู้ทันทานตะวัน
“อย่ามาว่าหนูอี๊ดนะ เทิดศักดิ์ ตัวเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่รักแม่เท่าหนูอี๊ด”
“คุณแม่”
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ช้อยก็ผวามากราบแทบเท้าสน
“คุณสนเจ้าขา ช้อยกลับมาตายรังแล้วเจ้าค่ะ”
“ช้อย” สนดีใจ
ทานตะวันแปลกใจ “ช้อย รึ”
เทิดศักดิ์ด่าออกมา “ยัยช้อยปากปลาหมอ”
ช้อยสะดุ้งโหยง สนมองหน้าทานตะวัน เด็กสาวมองหน้าเป็นเชิงถาม สนพยักหน้าให้
“ชั้นดีใจที่แกกลับมา ทุกอย่างสำหรับแก ยังคงเป็นเช่นเดิม”
“ยังคงก่อให้เกิดเหตุร้ายเป็นระยะน่ะไม่ว่า อย่าทีเดียวนะยัยช้อย ตอนนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในบ้านนี้อีกเด็ดขาด”
เทิดศักดิ์ประกาศกร้าว แล้วเดินหนีไปทันที ไม่พอใจที่ช้อยกลับมา
ขณะที่เนื้อทองกำลังตัดดอกไม้อยู่ในสวนหลังบ้าน จะเอาไปปักแจกัน แต่ถูกหนามกุหลาบตำมือเอา
“อุ๊ย”
เนื้อทองเอามือมาดู เห็นเลือดไหลออกมาซิบๆ แต่กลับมีมือใครคนหนึ่งมาจับมือเนื้อทองไว้ พร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือด ที่ไหลซิบๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ น้องติ๋ว” ที่แท้เป็นเทิดศักดิ์
เนื้อทองตกใจมาก ไม่เคยโดนผู้ชายจับมือ
“คุณเทิดศักดิ์”
เนื้อทองทำอะไรไม่ถูก พยายามชักมือหนี แต่เทิดศักดิ์ฝืนไว้ ซับเลือดให้ต่อ
“พี่จะซับเลือดให้นะจ๊ะ”
แต่เทิดศักดิ์กลับกุมมือเนื้อทองเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย
เนียนเดินเข้าสวนมาชะงักใจหายวับ
“คุณเทิดศักดิ์ หนูติ๋ว โธ่ อะไรกันอีกเล่า ไม่นะ ไม่ได้นะ”
สนเดินเข้ามากระชากบ่าเนียน
“ดีใจสมใจละสิ ที่ลูกของแกจะไต่เต้ามาเป็นลูกสะไภ้ฉัน”
เนียนตกใจ “คุณสน”
“ฉันกลับมายืนข้างคุณสนแล้ว อะไรๆ ที่แกคิดทำอยู่มันคงไม่ง่ายดอกนะ เนียน” นางช้อยคนชั่วเยาะ
พูดจบสนเดินตรงไปที่เนื้อทองกับเทิดศักดิ์ มีช้อยตามไปติดๆ เนียนรีบตามไป
เนื้อทองพยายามดึงมือออกจากการจับกุมของเทิดศักดิ์ สนปราดเข้ามากระชากแขนเนื้อทองเหวี่ยงลงไปที่พื้นสุดแรง
“แกจงใจยั่วยวนลูกฉัน แกกับแม่แกก็แพศยาเหมือนกัน”
“คุณแม่” เทิดศักดิ์ผวาไปกางแขนกั้นเนื้อทองไว้ “คุณแม่ทำเกินไป คุณแม่ดูถูกน้ำใจของทั้งผมและน้องติ๋ว”
“แกหลงเสน่ห์มัน ผู้หญิงสองคนแม่ลูกนี่ไร้ยางอาย” สนด่ากราด
เนียนรีบประคองเนื้อทองที่ตื่นตกใจจนร้องไห้ ให้ลุกขึ้น
เทิดศักดิ์ดึงแขนสนออกไป พลางกล่าวขอโทษเนียนกับเนื้อทอง
“น้าเนียน น้องติ๋ว ผมขอโทษ คุณแม่สน กลับบ้านไปกับผม ถ้าไม่ฟังกันผมจะไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก ยัยช้อย แกเหยียบบ้านฉันไม่ทันถึงชั่วโมงก็เกิดเหตุร้าย แกมันตัวเสนียดตัวจริง”
“ว้าย” ช้อยตกใจ
“ไปนะไปให้พ้น อย่ามาให้เห็นหน้าอีก”
ช้อยวิ่งเตลิดหนีไป สนสะบัดมือเทิดศักดิ์แล้วเดินหนีไป
เนียนประคองลูกสาวเดินออกไป สองแม่ลูกน้ำตาไหลพราก
ด้านสนกำลังจีบปากจีบคอฟ้องทองจันทร์กับขุนภักดีและเรียม ที่นั่งรวมญาติอยู่บนเรือนคุณนายทองจันทร์ มีเทิดศักดิ์ตามมาอธิบายเรื่องราว
“สนหวังดี เกรงว่า จะเรียนหนังสือหนังหากันไม่ทันจบ กลัวว่าจะชิงสุกก่อนห่าม สนเสียใจที่เจตนาดีของสนกลายเป็นเจตนาร้าย แต่เรื่องทำนองนี้มันเสียหายมานักต่อนักเห็นๆ กันอยู่นะคะ”
เทิดศักดิ์พูดแย้ง อธิบายแรงๆ ใส่อารมณ์
“น้องติ๋วเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ผมต่างหากที่ทำให้เกิดความเสียหายกับเขา ผมจับมือกุมมือเขา เนื่องจากเขาโดนหนามกุหลาบตำเลือดออก คุณแม่สนวู่วามไม่ถามไถ่ไปฉุดกระชากลากน้องจนล้มลง ยังกล่าวหาเขากับน้าเนียนว่าสมคบกันยั่วยวนผม”
“อืม...ก็จริงแม่สนวู่วามไปนิด ฉันจับตาดูเด็กนี่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตีนใหญ่เท่าไม้พาย ตะแรกไม่คิดจะดูดำดูดี แต่ดูไปดูมามันดีจนเอาชนะใจคนแก่อวดดีหัวดื้ออย่างฉันได้ ฉันขอรับรองว่าเด็กนี่รักดี” ทองจันทร์ว่า
“ลูกเทิดศักดิ์ทำเกินไป กะอีแค่หนามกุหลาบตำ ไม่ใช่โดนมีดผาหน้าไม้บาด ทำไมต้องไปกุมมือกุมไม้ให้แม่เขาเข้าใจผิดแม่เขาหวังดีนะลูก” ขุนภักดีไม่วายตำหนิลูกชาย
“หวังดีมีสองแบบ หวังดีด้วยเจตนาดี กับหวังดีแต่เจตนาร้าย เอาเป็นว่าจะหาตัวว่าใครผิดให้ได้ก็มาลงที่อีแก่หัวหงอกนี่ เพราะฉันใช้เด็กมันไปเก็บดอกไม้มาใส่แจกันหน้าหิ้งพระ” ทองจันทร์ตัดบท
เนียนเอ่ยขึ้น “เนียนต้องกราบขอประทานโทษเจ้าคะ ความจริงเนียนน่าจะเป็นคนไปเก็บดอกไม้เอง ตำหนิเนียนคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ”
สนได้ที แดกดันให้ร้ายเนียน “ก็ถึงว่าละสิ ทำไมต้องใช้ลูกสาวไปเก็บ มีเจตานาอะไรแอบแฝงรึเนียน”
เรียมทนไม่ไหว “ถ้าจะไล่กันเป็นลูกระนาดหรือพูดหยาบๆว่าไล่กันแบบหมาป่ากับลูกแกะ มาตำหนิฉัน เพราะฉันใช้ให้เนียนไปถักผ้าคลุมเตียงที่ค้างไว้ให้เสร็จ เนื่องจากผืนเก่ามันขาด”
ขุนภักดีหันขวับ
“ผ้าคลุมเตียงของคุณแม่รึ”
“ของเรียมค่ะ”
“ของคุณพี่เรียมก็ของพี่ขุนนั่นแหละคะ จะพูดเฉไฉให้แชเชือนไปทำไม” สนประชด
“ก็แค่ของใช้ ถ้าพ่อเทพรังเกียจก็เอามาให้แม่สิจ๊ะ” ทองจันทร์ออกรับแทน
“เอ้อ เอ้อ...” ลึกๆ ขุนภักดีแอบพอใจ แต่รั้น และพาลต่อ “ไอ้เรื่องชอบไม่ชอบไม่ใช่ประเด็น ผมไม่ใช่คนบ้าจี้ใครทักอะไรไม่ได้ เอาละ เอาละ อย่าให้มีเรื่องเช่นนี้อีก กินข้าวกงสีเดียวกันแท้ๆ”
ขุนภักดีเดินปึงปังออกไป สนจะเดินตาม ถามประจบ
“พี่ขุนจะไปกินน้ำพริกปลาทูเรือนสนใช่ไหมคะ เชิญค่ะ”
“เปล่า”
ขุนภักดีตอบห้วนๆ แล้วเดินปึงปังออกไปต่อ สนจ๋อย เรียมมองตามยิ้มๆ ทองจันทร์หัวเราะหึๆ เนียนนั่งก้มหน้า สนเฉียดกรายมาด่าเนียนเบาๆ
“แกทำฉันอับอายขายหน้า ระวังให้ดี”
สนเดินกระแทกส้นปังๆ ออกไป
“แม่สน กระแทกเท้าแรงอย่างนั้น พื้นบ้านฉันจะสึกเอานะจ๊ะ” ทองจันทร์พูดไล่หลัง
แมวกับกบกำลังคลุมเตียงด้วยผ้าถักฝีมือเนียน สองคนหัวเราะคิกคัก
“ผ้าคลุมเตียงผืนนี้สวยแท้ๆ เนียนเขามีฝีมือไปซะทุกเรื่อง” แมวว่า
“ยกเว้นฝีมือในการต่อสู้กับอันธพาลที่หมายมุ่งร้ายทำลายตัวเอง” กบเสริม
“ตอนนี้พวกมันเพิ่มคนที่มุ่งร้ายหมายขวัญมาอีกหนึ่งคน คือหนูติ๋ว” แมวบอก
“หนูติ๋ว จะรอดปากเหยี่ยวปากกา ปากหมาปาก…”
ขุนภักดีเดินเข้ามา สองคนรีบปิดปากตกใจ สายตาท่านขุนจ้องเป๋งไปที่ผ้าคลุมเตียงฝีมือเนียน
“ออกไปซะ”
สองคนมองหน้ากันงงๆ
“เอ้อ ยังคลุมเตียงไม่เสร็จนะเจ้าคะ” แมวท้วง
“บอกให้ออกไป”
“ไปเจ้าค่ะ” กบกระซิบแมว “โกรธอะไรมาน้อ”
แมวสะกิดกบพากันออกไป พอสองคนพ้นไป ท่านขุนเดินไปที่ผ้าคลุมเตียงที่คลุมค้างกระชากออก ทำท่าจะขว้างทิ้ง แล้วชะงัก รวบๆ เอามาไว้ในมือทั้งหมด ก้มหน้ามอง
ขุนภักดีมองผ้าคลุมเตียงในมือ กลับมีดวงหน้าของเนียนที่ทอดสายตามองมาเว้าวอนน้ำตาซึมเหมือนตัดพ้อต่อวาท่านขุน
ขุนภักดีดึงตัวเองกลับมา “โธ่เว๊ย ฉันไม่มีวันใจอ่อนกับนางแพศยาคบชู้ดอก”
ท่านขุนใช้อีกมือลูบไล้ผ้าคลุมเตียงไปมาเบาๆ อย่างลืมตัว
ระหว่างนั้นเรียมที่เดินตาม หยุดชะงักมอง เห็นทุกอิริยาบถ เรียมเดินไปหาแล้วแบมือขอผ้าคลุมเตียง
“ส่งมาให้เรียมสิคะ เรียมจะเอาไปไว้ให้ไกลตาพี่เทพ”
“ไม่ต้อง เรียกกบกับแมวให้มันเอาไปคลุมเตียงซะ”
พูดจบขุนภักดีก็เดินหนีเรียมไปอีก เพื่อซ่อนความรู้สึกที่ทำอย่างไรก็ตัดเนียนไม่ขาดทั้งที่เชื่อว่าเนียนมีชู้
เรียมได้แต่มองตาม ให้แปลกใจว่าท่านขุนจะเอายังไงกันแน่
ครู่ต่อมากบกับแมวปูผ้าคลุมเตียงเสร็จแล้วหัวเราะคิกคักต่อ
“เกลียดตัวกินๆไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” กบว่า
“สายอะไรตัดขาดได้ แต่สวาทตัดไม่ขาดดอกจะบอกให้” แมวบอก
สองคนหัวเราะกันอีก
ส่วนสนนั่งหน้าตึงเพราะจัดการเล่นงานเนื้อทองกับเนียนไม่สำเร็จ
“โธ่ แม่สนขา ทำไมคุณย่าถึงเข้าข้างนังเด็กติ๋วกับแม่มันแทนที่จะเข้าข้างแม่สน มันคนละชั้นกับเรานะคะ” ทานตะวันติดนิสัยชั่วร้ายมาจากสนที่เสี้ยมตั้งแต่เด็ก
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 9 วันที่ 12 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager