อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 11-12 วันที่ 16 เม.ย. 56


อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 11

“แล้วคุณไม่อายเหรอ ที่ฉันจะไปทำงานพวกนั้น”

“จะอายทำไม ถ้าเธอไม่ไปขายยาบ้า ไม่ได้โกงใคร ไม่ทำงานทุจริตเสี่ยงๆที่จะเดือดร้อนถึงฉัน ก็ทำได้ทั้งนั้น ใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ เธอก็เป็นอิสระ”

“รับรองว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแน่ๆ ฉันจะรีบหาเงินมาให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องอยู่ให้คุณรำคาญสายตาอีก”

“ก็ดี...จะได้จบๆกันไปเสียที ไม่ต้องมารู้จักกันอีกแล้ว”

“ค่ะ...ดีจริงๆ” ไข่มุกประชดกลับ เม้มปากแน่นอย่างเสียใจระคนน้อยใจ คีรินทร์วางท่าเย็นชาแต่แววตาบ่งบอกว่าเจ็บปวดสะเทือนใจ


วัฒนาเดินหน้าตีสนิทไข่มุกและหาโอกาสยุแหย่เพื่อหาแนวร่วมทำลายชื่อเสียงคีรินทร์ แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรเธอก็ไม่คล้อยตามแถมยังออกรับแทนเสียด้วยซ้ำ

“นายรินทร์นี่ก็แปลกนะครับ ปล่อยให้คุณมาขายส้มตำได้ยังไง ถึงจะโกรธแค่ไหนแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้”

“ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไร ขายส้มตำก็สบายใจดี”

“แต่ผมว่านายรินทร์ใจร้ายเกินไป อยู่ด้วยกันตั้งนานไม่เห็นใจคุณเลย คุณเป็นเมียเขานะครับ อย่างน้อยก็น่าจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองบ้าง ถ้าคุณกลัวก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาทนายให้”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันอยู่แบบนี้ก็พอใจแล้ว”

วัฒนาปั้นยิ้มแต่ความจริงผิดหวังที่ยุไม่ขึ้น ขณะเดียวกันทวยไทยก็ยังเล่นงานคีรินทร์ไม่ได้เหมือนกัน หนำซ้ำโดนตอกหน้าในที่ประชุมบอร์ดจนอึ้งด้วยความเจ็บใจ เพราะดันไปวิจารณ์ไข่มุกทำตัวเป็นขาใหญ่ขายส้มตำ พวกพนักงานซุบซิบกันสนุกปาก ไม่อายบ้างหรือไง

“เขาทำมาหากินสุจริตก็ไม่เห็นแปลกเลย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกงใคร หรือคิดจะฮุบกิจการของใคร ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”

“นี่แสดงว่าคุณส่งเสริมให้ภรรยาไปตำส้มตำงั้นเหรอ”

“ผมว่าอย่าพูดเรื่องนี้มากไปดีกว่า แค่นี้ก็เหมือนรังแกผู้หญิงอยู่แล้ว ลูกผู้ชายดีๆเขาไม่ทำกันหรอก จะเล่นกันก็ต้องเอาตรงๆ อย่าใช้ใครมาเป็นเครื่องมือ”

ทวยไทยสะอึก จ้องหน้าคีรินทร์อย่างโกรธจัด...บ่ายวันเดียวกัน จินจูมากินส้มตำร้านไข่มุกแต่ไม่เจอวันดีที่เดินไปเม้าท์กับแม่ค้าร้านอื่น ด้วยความผูกพันทางสายเลือดทำให้จินจูห่วงใยไข่มุกเป็นพิเศษ เห็นเหน็ดเหนื่อยก็อยากช่วยเหลือจะหางานอื่นให้ทำ แต่หญิงสาวเกรงใจจึงปฏิเสธว่าไม่เป็นไร หนูชอบตำส้มตำ

“ถ้ามีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็บอกได้นะ จะเรื่องเงินหรืออะไรก็ได้ อย่าเห็นว่าเป็นคนอื่นเลย”

“ขอบคุณมากนะคะ แต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่หนูต้องจัดการเอง แค่นี้สบายมากค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่หนูจะบอกคุณแน่ๆ”

“พูดแล้วก็อย่าลืม ต้องนึกถึงกัน ฉันพร้อมจะช่วยหนูเสมอ เพิ่งเคยกินส้มตำของไทย ไม่แปลกใจเลยที่ขายดี อร่อยกว่าอาหารแพงๆอีก”

“ไว้มาทานบ่อยๆนะคะ หนูจะตำให้สุดฝีมือเลย” ไข่มุกแสร้งยิ้มแย้มร่าเริง จินจูสังเกตอย่างรู้ทัน

ขายส้มตำเสร็จ ไข่มุกรีบเก็บอุปกรณ์กลับมาล้างที่บ้านเช่าแล้วต้องไปทำงานที่บ้านคีรินทร์ต่อ ช้อยเห็นว่ามาช้าก็เลยทั้งบ่นทั้งด่า ส่วนกีกี้ที่รอกินข้าวเย็นก็หัวเสียเข้ามาเร่งถึงในครัว ไข่มุกเลยโดนกระหน่ำแทบร้องไห้

เขมทัตรู้เห็นก็อดสงสารไม่ได้ พยายามพูดไม่ให้ไข่มุกน้อยเนื้อต่ำใจแต่คีรินทร์กลับคอยขัดคอ ทำเหมือนตัวเองไม่มีเยื่อใย ทั้งที่ลึกๆก็สงสารเธอเหมือนกัน

หลังอาหารมื้อนั้น คีรินทร์เข้ามาคุยกับไข่มุกในครัว บอกให้เลิกขายส้มตำ วิ่งรอกทำงานหลายที่เดี๋ยวได้ป่วยตายคาบ้าน

“เลิกแล้วแม่จะขายกับใคร ไม่ได้หรอกค่ะ”

“งั้นฉันให้คนไปช่วย โอเคมั้ย”

“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากรับน้ำใจให้เป็นบุญคุณเยอะ กลัวใช้คืนไม่หมด”

“แต่มาขายอย่างนี้เกิดใครรู้จักเธอ คิดว่าเธอยังเป็นเมียฉัน เขาจะมองยังไง เอาเป็นว่าเธอเลิกขายซะ แล้วจะขึ้นเงินเดือนให้”

“แต่คุณเคยบอกเองว่าแค่ฉันทำงานสุจริต ไม่โกงใคร คุณก็โอเค ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน”

“แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ว่าไงจะเอาเพิ่มเท่าไหร่ หมื่น...สองหมื่น ฉันให้เธอเพิ่มสามหมื่นเลยก็ได้ แต่ต้องเลิกขายตั้งแต่พรุ่งนี้”

ไข่มุกเลี่ยงมานั่งเช็ดจานไม่พูดไม่จา คีรินทร์เดินมายืนตรงหน้าดึงผ้าเช็ดในมือออก

“ฉันจะรีบไปนอนค่ะ ขอผ้าคืนด้วย”

“ไม่...เธอต้องคุยให้รู้เรื่องก่อน เลิกขายซะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”

“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ไม่เลิก ฉันก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ให้เอาเงินฟาดหัวได้ง่ายๆ ถึงคุณจะว่าเป็นอาชีพต่ำต้อยไม่มีเกียรติ แต่ก็เป็นอาชีพสุจริตที่น่าภูมิใจ ไม่ต้องพึ่งใครทั้งนั้น”

“ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ จะทำให้สงสารหรือไง ฉันเลิกโง่แล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าที่เธอมาขายส้มตำหน้าโรงแรม ก็เพราะอยากให้ฉันขายหน้าคนอื่น ให้ลูกน้องมันหัวเราะเยาะเอา ขอบอกเลยว่าฉันจะไม่หลงกลเธออีกแน่นอน...ไงล่ะ เถียงไม่ออกล่ะสิ เงียบไปเลย”

ไข่มุกก้มหน้านิ่งเงียบ คีรินทร์เริ่มโมโหจับเธอเงยหน้า ปรากฏว่าเธอหลับไปเสียแล้ว ด้วยความสงสารเลยอุ้มขึ้นไปนอนบนห้อง ทั้งคู่นอนกอดกันทั้งคืนจนกระทั่งเช้าไข่มุกตื่นก่อน มองหน้าเขาด้วยแววตาทั้งรักและขอโทษ

คีรินทร์รู้สึกตัว ขยับออกห่างพร้อมกับเอ่ยปากด้วยท่าทีมึนตึง “เธอลงไปได้แล้ว” ไข่มุกปวดร้าว ลุกจากมาหน้าเศร้า มณีเห็นอดีตลูกสะใภ้ออกจากห้องลูกชายก็หน้าตึงตรงดิ่งมาด่า ชลลดากับภัททิมางัวเงียออกมาสมทบ ช่วยกันคาดคั้นเสียงเขียว

“แก...นังมุก แกมาอยู่หน้าห้องคุณรินทร์ได้ยังไง หรือว่าแกนอนที่ห้องนี้เมื่อคืน”

ไข่มุกไม่ตอบจะเดินเลี่ยงไป พอดีกีกี้ส่งเสียงมาจากชั้นล่าง

“มอร์นิ่งค่ะคุณแม่ กีกี้มาแต่เช้าจะเอาของมาฝากคุณรินทร์” พูดจบเงยหน้าเห็นไข่มุก วิ่งพรวดมากรีดเสียงใส่อย่างไม่พอใจ “แกมาทำอะไรตรงนี้ยะ”

“อุ๊ย โง่หรือเซ่อจ๊ะ มันออกมาจากห้องนอนคุณรินทร์ มาทำกับข้าวบนนี้มั้ง” ภัททิมาลอยหน้าลอยตา กีกี้ถลึงตาดุใส่ ชลลดารีบเบนความสนใจ ใส่ไฟไข่มุกเพื่อยืมมือกีกี้จัดการ

“เธอนี่ร้ายไม่เลิก คงอยากจะเป็นสะใภ้บ้านนี้อีกครั้งจนตัวสั่นถึงขั้นลงทุนปีนบันไดมานอนด้วย แหมแรงได้อีก”

ได้ผลทันที! กีกี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกระโจนเข้าใส่ไข่มุก ภัททิมาจัดแจงล็อกตัวเอาไว้ให้ มณีตกใจร้องลั่น

“ว้าย! อะไรกัน มาทะเลาะอะไรตรงนี้ พอๆพอได้แล้ว”

ปรากฏว่าไม่มีใครฟังสักคน กีกี้กับภัททิมารุมไข่มุก ทั้งหยิกทั้งทึ้งพัลวันไปหมด ชลลดายืนดูอย่างสะใจ กว่ามณีจะห้ามสำเร็จ ไข่มุกก็ฟกช้ำไม่ใช่น้อย ช้อยเห็นแล้วหัวเราะเยาะ ขนมในปากเกือบติดคอตายถ้าไข่มุกไม่ช่วยเหลือ...เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ช้อยเริ่มมองไข่มุกในแง่ดี พูดจาเป็นมิตรมากขึ้น

ooooooo

อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 12


วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์จากยุโรปยกเลิกห้องพักที่จองไว้เพราะทนบรรยากาศจอแจหน้าโรงแรมไม่ไหว วัฒนากระตุ้นให้คีรินทร์จัดการพ่อค้าแม่ขายขั้นเด็ดขาด ขืนยืดเยื้อนานไปงบประกอบการสิ้นปีไม่สวยแน่

“นี่เป็นโรงแรมของฉัน ฉันไม่ปล่อยให้ขาดทุนหรอก ขอบใจที่เตือน”

คีรินทร์พูดขาดคำ ภัททิมาหน้าตื่นมารายงานว่าแย่แล้ว สงสัยฝั่งตรงข้ามจะไฟไหม้ควันโขมงเต็มไปหมด คีรินทร์ร้อนใจรีบออกไปดู ที่แท้วันดีปิ้งไก่ ยืนพัดเตาจนควันตลบ

“ทำอย่างงี้ได้ไง ควันโขมงยังกับไฟไหม้ รู้ไหมว่ามันเป็นมลพิษ ที่โลกร้อนก็เพราะเจอคนไม่มีจิตสำนึกแบบป้านี่แหละ”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง รู้แต่ฉันปิ้งไก่ขายแล้วหนักหัวใคร”

“ไม่หนัก แต่เป็นพิษ ดับเตาเลิกขายได้แล้ว”

“หน็อย...ทำมาเป็นสั่ง ใหญ่โตมาจากไหนกัน ไอ้ลูกเขยเฮงซวย เพราะแกนั่นแหละฉันถึงต้องมาตากแดด ขายของริมถนนแบบนี้...ไม่ดับโว้ย มีปัญหาอะไรมั้ย” วันดีท้าทาย คีรินทร์ฉุนจัด เหลือบเห็นไข่มุกเดินมาก็หน้าตูมเข้าใส่

“มีอะไรคะ คุณมาที่นี่ทำไม”

“ก็แม่เธอปิ้งไก่จนควันโขมง แขกในโรงแรมตกใจกันหมด ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เลิกขาย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง”

“คุณนั่นแหละไม่รู้เรื่อง ถ้าเลิกขายแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้”

“ก็บอกแล้วไงว่าจะขึ้นเงินเดือนให้”

“ก็บอกแล้วเหมือนกันว่าไม่เอา อย่าเอาเงินมาฟาดหัวฉัน”

คีรินทร์โกรธหันรีหันขวางจะพังรถเข็น ไข่มุกกางกั้นไม่ยอมให้เขาทำลายเครื่องมือทำมาหากินแถมเหน็บแนมว่าคนรวยอย่างเขาไม่เข้าใจหรอก

“เออ ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ พอใจหรือยัง บอกให้เลิกก็เลิกซะสิ จะทำตัวมีปัญหาอะไรนักหนา...โธ่เว้ย” คีรินทร์โวยวายเผลอปัดครกหล่นแตกกระจาย เขารู้สึกผิดแต่ทำเก๊กเสียงแข็งใส่ “ไหนๆก็แตกแล้ว ก็เลิกขายมันซะเลย”

“เสียใจ รู้จักแม่ยายอย่างนังวันดีน้อยไปแล้ว” วันดีหยิบครกใต้รถเข็นออกมาโชว์ ยักคิ้วหลิ่วตาท้าทาย “แตกได้แตกไป ยังมีอีกหลายอันเว้ย”

คีรินทร์อึ้งกิมกี่ ผลุนผลันกลับเข้าโรงแรมอย่างหัวเสีย ไข่มุกเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เหนื่อยกายและใจจนเผลอแสดงออกต่อหน้าจินจู

“ฉันรู้จักบริษัทเกาหลีในไทยหลายแห่ง พอจะฝากหนูให้ทำงานได้นะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”

“คุณรินทร์ให้คุณมาพูดใช่ไหมคะ”

“เปล่า...ฉันเป็นห่วงหนู”

“คนจนไม่มีทางเลือกมากหรอกค่ะ อะไรที่หาเงินได้ก็ต้องทำ”

“ใช่ แต่คนมีความสามารถอย่างหนูยังทำอย่างอื่นได้เยอะแยะ ไข่มุก...เลิกทำร้ายตัวเองเพื่อประชดคนอื่นสักทีเถอะ”

ไข่มุกแววตาเจ็บปวด น้อยใจและคิดว่าตัวเองไม่มีค่า จินจูเข้าใจจะเอื้อมมือไปจับแต่ไข่มุกหดมือหนี

“คนที่มาจากข้างถนนจะทำอะไรได้คะ นอกจากเป็นแม่ค้าอยู่ตามถนน ทำดีแค่ไหนก็ยังโดนดูถูกเหยียดหยาม ขอบคุณที่อยากช่วย แต่หนูขอไปตามทางของหนู ไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ”

ไข่มุกผละออกมา สวนกับคธาที่อ้าปากจะทักแต่ไม่ทัน จินจูเดินเข้ามาพูดกับเขาหน้าเศร้า

“ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บและเสียใจแทนเด็กคนนี้เหลือเกิน ทั้งที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักนิด”

“คงเพราะเขาอายุพอๆกับลูกเรา...อย่าคิดมากนะจินจู”

“จะพอมีทางไหนช่วยเขาได้บ้างไหมคะ ฉันอยากเห็น ไข่มุกกลับมาสดใสเหมือนเดิม ไม่ใช่มีแต่ความทุกข์แบบนี้”

คธาฟังแล้วคิดหนัก อยากช่วยเหลือไข่มุกเพราะสงสาร ที่สำคัญจินจูจะได้คลายกังวล

ooooooo

ไข่มุกกลับเข้ามาสอนฟิตเนส แต่ยังไม่ทันเริ่มก็โดนกี้ แองจี้ และแพรววิพากษ์วิจารณ์ดูถูกดูแคลนว่าเป็นแม่ค้าข้างถนน ไข่มุกตอบโต้เพราะทนไม่ไหว สองฝ่ายเลยตั้งท่าจะฟ้อนเล็บใส่กัน วัฒนาเห็นดังนั้นวิ่งเข้ามาห้ามและตำหนิสามสาวเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน

“แหม...ดูเป็นห่วงกันมากจริงนะ ขออนุญาตคีรินทร์ รึยัง” กีกี้ยิ้มหยัน

“ฝันไปเถอะไอ้วัฒน์” คีรินทร์พูดโพล่ง เดินหน้าตึงเข้ามากลางวง

“นายเข้าใจผิด ฉันแค่ไม่อยากให้คุณมุกถูกรุมทำร้าย นายเองก็เหมือนกัน เป็นสามีแท้ๆทำไมไม่ปกป้องบ้าง อย่าทำร้ายจิตใจคุณมุกนักเลย”

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน จะยกขึ้นหิ้งหรือจะเตะลงดินมันก็อยู่ที่ฉัน หน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”

“นายเป็นบ้าไปแล้ว...ไปเถอะครับ อย่าสนใจพวกนี้เลย”

ไข่มุกเสียใจ มองคีรินทร์อย่างตัดพ้อ แล้วทำท่าจะไปกับวัฒนา แต่คีรินทร์กระชากแขนเธอไว้

“จะไปไหน ตราบใดที่ฉันยังไม่เบื่อ จะกิ๊กใหม่หรือใครก็แตะไม่ได้ทั้งนั้น รอไปก่อนนะ ถ้าเบื่ออาจจะโอนต่อให้”

ไข่มุกอึ้งอีกครา ผิดหวังและเสียใจ สะบัดมือคีรินทร์ ออกแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป วัฒนารับไม่ได้ตำหนิคีรินทร์ทำเกินไปแล้ว

“อ๋อเหรอ ฉันว่านี่ยังแค่เริ่มต้น ต่อไปจะมีมากกว่านี้ ถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับเมียฉัน”

สองหนุ่มประสานสายตาเข้มดุ ประกาศสงครามอย่างเปิดเผย...ไข่มุกหลบเข้ามาร้องไห้ในห้องน้ำ สามสาวยังตามมาเยาะเย้ย เธอเลยจัดหนักให้คนละกระบวนท่าแล้วบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง จากนั้นบุกไปถึงห้องทำงาน คีรินทร์ เปิดประตูผางและผลักภัททิมาพ้นทาง

“ไงแม่ค้า ไม่ไปขายส้มตำล่ะ ป่านนี้ลูกค้ารอแย่แล้ว...” เขาพูดไม่ทันขาดคำ ฝ่ามือไข่มุกฟาดหน้าดังฉาด “เฮ้ย ตบฉันทำไม”

“ถึงฉันจะจน จะมาจากข้างถนน แต่ก็มีศักดิ์ศรี ฉันจะไม่ยอมให้คุณเหยียดหยามอีกต่อไปแล้ว”

คีรินทร์อึ้งหนัก ทำท่าจะพูดแต่ไข่มุกชี้หน้าพร้อมกับแผดเสียง

“หยุด! ยังพูดไม่จบ แล้วต่อไปถ้ายังว่าฉันต่อหน้าคนอื่นอีก ฉันก็จะตบคุณต่อหน้าคนพวกนั้น”

“พูดจบหรือยัง”

“จบแล้ว” ไข่มุกทำท่าจะเดินออกไป คีรินทร์คว้าแขนดึงตัวเข้ามาจูบหนักหน่วง พอเธอเงื้อมือจะตบ เขาชี้หน้าส่ายนิ้วไปมาด้วยท่าทียียวน

“เอาสิ แลกกัน ตบอีกจูบอีก จะฟัดให้ปากบานเลยคราวนี้”

ไข่มุกทั้งโกรธทั้งเขิน ลดมือลงแล้วเดินออกไป ภัททิมามองคีรินทร์ตาลอย เพ้อว่าอยากโดนตบจูบแบบนี้จัง

ooooooo

ค่ำนั้น จินจูแวะมาชวนไข่มุกกินข้าวให้ชวนแม่ไปด้วยก็ได้ ไข่มุกแบ่งรับแบ่งสู้เพราะเกรงใจ แต่เมื่อโดนตื๊อหนักเข้าก็ปฏิเสธไม่ลง ขอตัวไปดูแม่ก่อน ไม่รู้เดินไปทางไหน

วันดีไปซื้อโอเลี้ยง เดินกลับมาเห็นจินจูคุยกับไข่มุกก็รีบหันหลังเดินหนี ไข่มุกตามหาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะเจอ

“มาอยู่ตรงนี้เอง...ไปกินข้าวกับคุณจินจูกัน เขาอยากเจอแม่ จะเลี้ยงข้าวด้วย”

“ไม่ไป เรื่องอะไรต้องไปปั้นหน้ากินหรูเป็นผู้ดี นังคุณจินจูอะไรของเอ็งก็ด้วย มาตีสนิทอย่างงี้ต้องการอะไรหรือเปล่า เทียวมาหา มาเลี้ยงข้าวกันอยู่ได้”

“หนูไม่เห็นมีอะไรที่เขาอยากได้เลย เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ รู้จักกันตั้งแต่เกาหลี เขาคงถูกชะตามั้ง”

“ชะตาจะขาดล่ะไม่ว่า อยู่ห่างๆไว้เลยนะ ไอ้พวกคนรวยไว้ใจไม่ได้ ยิ่งดังยิ่งรู้หน้าไม่รู้ใจ ระวังโดนจับไปขายเนื้อสดนะโว้ย”

“โธ่แม่ เขาเป็นซุปตาร์ในดวงใจหนูนะ ไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

“จะยังไงก็ช่าง แม่สั่งให้เอ็งห้ามยุ่งเด็ดขาด เอาเวลาไปง้อผัวเศรษฐีดีกว่าจะได้สบายทั้งคู่...เอากระป๋องตังค์มา แล้วจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวเก็บร้านเอง”

“สรุปว่าให้ไปใช่ไหมแม่ พูดตั้งนานนึกว่าไม่ให้ไปแล้ว”

“เออ แต่ให้วันนี้วันสุดท้าย ต่อไปห้ามยุ่งอีกเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่”

ไข่มุกหน้าเสียที่โดนสั่งห้าม แต่พอไปเจอดาราในดวงใจก็ยิ้มได้ คธามากับจินจูด้วย ทั้งหมดกินข้าวต้มร้านข้างทางอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะจินจูเจริญอาหารมากจนไข่มุกอดทักไม่ได้ว่าท่าทางชอบข้าวต้มกุ๊ย

“ฉันชอบร้านข้างทาง นึกถึงตอนเด็กๆที่บ้านไม่ค่อยมีเงิน ได้กินร้านแบบนี้ก็หรูแล้ว” ไข่มุกฟังแล้วทำหน้าไม่อยากเชื่อ จินจูยืนยันด้วยรอยยิ้ม “เรื่องจริง...เชื่อสิ จำไว้นะไข่มุก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกจะเป็นคนดีได้ หนูเองก็เป็นคนดี แถมยังสวยและเก่ง รับรองว่าไปได้อีกไกล เชื่อสายตาฉันเถอะ เก่งไม่แพ้แมวมองหรอกน่า”

“คงยาก...ไม่ใช่สิ คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”

“เชื่อฉันเถอะ หนูต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่นอน”

จินจูให้กำลังใจเต็มที่ ไข่มุกยิ้มบางๆไม่มั่นใจแต่วัฒนาที่เดินเฉียดเข้ามายิ้มกว้าง ทักทายทุกคนอย่างคุ้นเคยก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะตามคำชวนของคธา

“มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้ามือนะ จัดตะเกียบมาเลยครับคุณมุก ผมหิวท้องกิ่วแล้ว”

ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางขี้เล่นของชายหนุ่ม หารู้ไม่ว่าสีหน้าเป็นมิตรนั้นซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มิดชิด...เวลาเดียวกันนั้น คีรินทร์อยู่ที่ร้านส้มตำ เขามาถามหาไข่มุก วันดีตอบเสียงขุ่นเพราะยังหมั่นไส้ไม่หาย

“มันไปกินข้าวกับยายซุปตาร์เกาหลีนู่น ถามทำไม จะมาง้อก็ฝากฉันง้อได้ คิดไม่แพง”

“แล้วรู้ไหมว่าไปที่ไหน”

“ไม่รู้...เอ๊ย...อาจจะรู้ แต่เอามาสักห้าพันก่อนจะได้คิดออก”

“ไม่ให้ จะเอาไปทำไม ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน”

“ก็เป็นแม่ยายไง เมียคุณน่ะลูกฉันนะ ไอ้ลูกเขยขี้งก ไม่ให้ก็ไปเลยไป๊ เกะกะคนเก็บของ”

“นิสัยเหมือนคุณชลลดาไม่มีผิด เป็นพี่น้องกันเปล่าเนี่ย นิสัยผิดกับลูกสาวลิบลับ ถามจริงเหอะ เก็บไข่มุกมาเลี้ยงรึเปล่า”

“เออ ถ้าไม่เอามาตอนนั้นได้นอนให้มดแทะไปแล้ว”

“ว่าไงนะป้า”

วันดีนึกได้รีบเอามือปิดปากตัวเองแล้วจะเข็นรถหนี คีรินทร์รีบดักหน้าคาดคั้นว่าเก็บไข่มุกมาเลี้ยงใช่ไหม?

“เปล่า...ถอยไป ถอยไปสิ ไม่งั้นชนนะ”

“ไปเอามาจากไหน ขโมยลูกใครมา พ่อแม่จริงๆของเขาเป็นใคร”

“จะใคร...ก็ฉันนี่ไง นังมุกน่ะลูกฉันเอง อย่าถามมาก รำคาญ เงินไม่ให้ยังจะถามเยอะ เซ็งโว้ย” วันดีทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน เข็นรถหนีไป...

ooooooo

อ่านละคร มายาสีมุก ตอนที่ 11-12 วันที่ 16 เม.ย. 56

ละคร มายาสีมุกบทประพันธ์ : ทวิตา
ละคร มายาสีมุกบทโทรทัศน์ : เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ, เทอดโชค เกียรติสุขเกษม, จุฑามาศ สาคร
ละคร มายาสีมุกกำกับการแสดง : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ละคร มายาสีมุกแนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละคร มายาสีมุกผลิต : บริษัท กันตนา
ติดตามชมละคร มายาสีมุก ได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ