อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 2-3 วันที่ 11 เม.ย. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 2

ไผ่ตีซี้เข้าไปทัก “ไอ้ยอด” ถามว่าจำกันไม่ได้หรือ ทำตัวเหมือนแฟนกัน แต่พอภูวนัยบอกว่าเธอจำคนผิด ไผ่ก็ทำหน้าตายขอนั่งด้วยคนก็แล้วกัน

ไผ่กินข้าวอย่างหิวโหย ตักคำสุดท้ายยัดเข้าปากอย่างฝืดคอ เอาจานวางซ้อนที่กินไว้นับได้ 3 ใบ! แล้วทำหน้าตายรินน้ำอัดลมตรงหน้าใส่แก้ว ภูวนัยทักว่านั่นของเขา ของเธอหมดไปแล้ว ไผ่ทำเฉไฉบอกว่าเดี๋ยวสั่งให้ใหม่

“ไม่เป็นไร” ภูวนัยคร้านจะวุ่นวายด้วย

“แหม...ฉันว่าแล้ว ว่าคนนครปฐมใจกว๊าง...กว้าง...”

พอกินอิ่มมีแรงแล้ว ไผ่เริ่มแผนขั้นต่อไป ทำทีปวดท้อง สั่งข้าวขาหมูเฮียอีก 10 กล่อง ขอเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวมาเอา พอแว่บเข้าห้องน้ำก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย


ภูวนัยยังนั่งรอครูที่จะมาพบ จนเลยเวลานัดไปนานก็ยังไม่มา...

ไผ่หนีออกจากร้านจ้ำอ้าวไปจนเห็นว่าไกลปั๊มน้ำมันพอสมควรแล้วจึงเข้าไปนั่งพักที่ศาลาริมทาง เปิดกระเป๋าดูอีกทีว่าพอจะมีสตางค์หลงเหลืออยู่บ้างไหม เจอแต่จดหมายฉบับหนึ่งร่วงลงมา ไผ่รีบคลี่อ่าน

“ขอยืนยันว่านางสาวจงกลนี เป็นอาจารย์ผู้มีความรู้ความสามารถจริง” พลิกดูอีกหน้าเห็นเป็นแผนที่ไปฟาร์มสุข พอจับทางได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สารพัดแผนการก็ผุดพรายขึ้นในสมอง จินตนาการเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะว่า...

“ตอนนี้ ยัยป้านั่นก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง...ถ้าเราสวมรอยเข้าไปอยู่ในฟาร์มแทน...คิดยังไงก็มีแต่ข้อดี...เอาวะ! เสี่ยงมาขนาดนี้แล้ว” ไผ่ตัดสินใจแน่วแน่ แต่แล้วก็ชะงักหยิบแผนที่ขึ้นมาดู ถามตัวเองว่า “แล้วจะไปยังไงล่ะทีนี้”

ooooooo

ที่ฟาร์มสุข...ภูวนัยกลับมาเห็นผจญกำลังช่วยพรรษาจัดห้องเตรียมรับครู เขาบอกว่าไม่ต้องจัดแล้ว ไปรอตั้งสองชั่วโมงไม่เห็นครู เจอแต่ผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้

ผจญกับพรรษามองงงๆ ภูวนัยส่งถุงใส่ข้าวขาหมู 10 กล่องให้ บอกเอาไปแบ่งกันกิน พรรษาพูดขำๆว่าเลี้ยงหมูตั้งฟาร์มยังกินข้าวขาหมูอีก ไม่เบื่อบ้างรึไง

ส่วนไผ่ พอหนีจากปั๊มน้ำมันมาได้ก็โบกรถกระบะขอโดยสารไปฟาร์มสุข คนขับท่าทางใจดี ไผ่อ้อนว่าตอนนี้กระเป๋าสตางค์หาย เดี๋ยวถึงฟาร์มแล้วจะบอกให้เขาจ่ายค่ารถให้เป็นสองเท่าเลย แต่ครู่เดียวคนขับก็เลี้ยวเข้าทางเปลี่ยว บอกว่าขอเก็บมัดจำก่อนก็แล้วกัน ไผ่สู้สุดชีวิต ขณะกำลังจะเสียท่า ก็มีเสียงดัง “พลั่ก!” หมอนั่นหงายผลึ่งตาตั้ง

ไผ่เงยหน้าตะลึง เมื่อเห็นหนุ่มหล่อถือไม้ในมาดเท่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อตะวันฉาย ไผ่ก็แนะนำตัวเองว่าชื่อไผ่พญา แต่เรียกไผ่เฉยๆก็ได้ พอรู้ว่าไผ่จะไปฟาร์มสุข ก็อาสาพาไปส่ง ระหว่างทางไผ่กอดท่อนไม้ไว้แน่น เตรียมว่าถ้าเจอแบบคนนั้นก็จะแพ่นให้กะโหลกแยกไปเลย แต่นั่งไปอึดใจเดียว ไผ่ก็กอดไม้หลับคออ่อนคอพับไปแล้ว

ขณะภูวนัยกำลังเครียดเรื่องครูนั้น ก็ได้รับโทรศัพท์จากหมู่วีระว่าผลตรวจลายนิ้วมือออกมาแล้วว่าเสี่ยสมสุขไม่ได้อยู่คนเดียวก่อนตายจริงๆ ภูวนัยมีความหวังขึ้นมา บอกหมู่วีระให้เอาข้อมูลมาให้ตนด้วย นัดแนะกันเรียบร้อย

แต่หมู่วีระถูกหมวดชาติกล้ามาขู่ว่า หมู่กำลังทำผิดกฎหมายนี่เป็นข้อมูลของราชการถ้าหมู่อยากช่วยหมวดภูวนัยจริงๆ ก็ให้อยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้ไว้ดีที่สุด เอาข้อมูลจากหมู่สั่งเข้ม “ไปได้แล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”

ตะวันฉายพาไผ่มาถึงฟาร์มสุข ปลุกให้ลง เอ่ยลาว่า “แล้วเจอกันนะครับ” ไผ่งงๆ กับคำพูดนั้นแต่เรื่องข้างหน้าตึงเครียดกว่า ลงจากรถแล้วเดินไปเคาะประตูหน้าบ้าน ไม่มีใครมาเปิด เลยลองบิดดู โชคดี เปิดเข้าไปได้ เดินพูด “สวัสดีค่ะ...สวัสดีค่ะ...” พลางเดินเข้าไปในบ้าน

ร้องทักไปจนถึงห้องครัว เห็นหลังชายคนหนึ่งยืนอยู่ พอเขาหันมาเธอก็ร้องกรี๊ด เพราะชายคนนั้นหน้าเต็มไปด้วยขน ซ้ำแยกเขี้ยวประกาศ “ข้าคือมนุษย์หมาป่า!” ไผ่โกยแน่บไปเจอเด็กโผล่มาประกาศว่า “ข้าคือ...ชัคกี้!” เข้าอีกไผ่แทบช็อก

ทันใดนั้น พรรษาโผล่มาเห็นไผ่ ถามอย่างแปลกใจ “คุณเป็นใคร!”

เมื่อมาพบกันพร้อมหน้า ปรากฏว่ามนุษย์หมาป่าคือเผ่าพงศ์กำลังเล่นกับม่านเมฆที่ประกาศว่า ข้าคือชัคกี้ นั่นเอง พรรษาแนะนำด้วยว่าเผ่าพงศ์เป็นคุณพ่อของภูวนัย แล้วพาไผ่ไปที่ห้องพัก ไผ่ตื่นเต้นกับห้องหรูมาก แต่ก็นอนไม่หลับเพราะหิวจัด ตกดึกคิดว่าทุกคนนอนกันแล้ว เลยย่องไปห้องครัว เปิดตู้เย็นเห็นของกินมากมาย คว้ามาใส่ปากจนเคี้ยวไม่ทัน

ฝ่ายลำไยที่ถูกพวกพายัพซ้อมจนยับเยิน ขิงกับกระดังงาจึงพาไปอยู่กับโสภี บอกว่าพามาใช้หนี้แทนไผ่ที่หายตัวไป โสภีจัดให้ไปล้างจาน ลำไยผิดหวังมากอยากเต้นมากกว่า แต่ก็กังวลถามขิงว่าอยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่หรือ

“แม่ไม่เคยได้ยินเหรอว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” ขิงถาม

“ไม่เคยเว้ย เคยได้ยินแต่ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ตายง่ายที่สุด”

ลำไยจำต้องอยู่ที่นั่นเพราะกระดังงาบอกว่า อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่าอยู่ที่บ้าน ลำไยถามว่าแล้วจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ขิงถามอย่างเห็นใจว่า แม่เป็นห่วงบ้านเหรอ ลำไยตอบหน้าเศร้าว่า “เปล่า...ฉันอยากเล่นไพ่”

ooooooo

ขณะไผ่กำลังสวาปามทุกอย่างที่หยิบได้จากตู้เย็นอย่างหิวโหยนั้น ม่านหมอกสะพายเป้จะหนี ลงมาเจอนึกว่าขโมย ไผ่ถามว่าเธอคือม่านหมอกใช่ไหม แนะนำว่าตนคือครูที่จะมาสอน ถามว่าดึกแล้วจะไปไหนหรือ

“หนูบอกแล้วไง ว่าหนูไม่ต้องการครู อย่ามายุ่งกับหนู”

ไผ่ขวางเต็มที่ไม่ยอมให้ม่านหมอกไปไหนเพราะถ้าเธอไปแล้วตนจะสอนใคร ระหว่างนั้นไผ่เห็นรูปภูวนัยจำได้ว่าเจอกันที่ร้านข้าวขาหมู ถามว่านั่นใคร พอม่านหมอกบอกว่า คือภูวนัยเท่านั้น ไผ่ตกใจถามว่า

“เธอจะหนีออกจากบ้านใช่ไหม...ฉันไปด้วยนะ” ม่านหมอกไม่ให้ไปด้วย เลยยื้อยุดกันอยู่ตรงนั้น จนกระทั่ง...

“ทำอะไรกัน!” เสียงภูวนัยดุดัน ทั้งสองหยุดกึก หันมอง พอภูวนัยเห็นหน้าไผ่เท่านั้น เขาจ้องหน้าอุทาน “เธอ!”

ไผ่อยากให้โลกแตกไปในวินาทีนั้นเลย!

ไผ่พญาสวมรอยเป็นครูจงกลนี ภูวนัยมองอย่างไม่เชื่อถือ อนุญาตให้เธอนอนที่นี่คืนหนึ่งพรุ่งนี้จะพาไปส่งที่ท่ารถเพราะตนไม่อยากให้ลูกๆ ตน เรียนวิชาแอบอ้างเป็นแฟนคนอื่นแล้วกินข้าวฟรี

“หนูอยากเรียนกับครูไผ่” ม่านหมอกโพล่งออกมา ครั้นภูวนัยจะไม่อนุญาต ม่านหมอกยื่นคำขาดว่า “ถ้าเป็นครูคนอื่น หนูก็จะไม่อยู่ที่นี่” ทำให้ภูวนัยพูดไม่ออก พอเขาเดินออกไป ไผ่รีบขอบใจม่านหมอกที่ช่วยพูดให้ ถูกสวนทันทีว่า

“อย่าคิดว่าที่หนูต้องการให้คุณเป็นครูอยู่ที่นี่เพราะหนูชอบคุณ แต่เพราะหนูเกลียดเขาต่างหาก” พูดแล้วเดินเชิดไป

“เด็กอะไร...กล้าทำกับครูบาอาจารย์อย่างนี้ได้ไง... เออ...มันต้องอย่างนี้ ต้องคิดว่าตัวเองเป็นครู เริ่มต้นได้ดี...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอคือ...คุณครูไผ่พญา!” ไผ่ให้กำลังใจตัวเอง

ไผ่พญามุ่งมั่นเต็มที่ แต่แล้วเธอก็รู้ว่า ทุกอย่างที่ฟาร์มสุขนี้ ไม่ได้สุขสมชื่อเลย เพราะผู้คนที่เห็นในบ้านนี้ ไม่ประหลาดก็แปลก ไม่แปลกก็พิลึกกึกกือ เริ่มจากม่าน–หมอก รับปากกับภูวนัยว่าจะไม่หนีออกจากบ้านแต่ไม่เกี่ยวกับจะเรียนหรือไม่เรียน ส่วนม่านเมฆ นับแต่ครูไผ่มาก็แตกหน่อหนุ่มขึ้นมาทันตา
ที่ทำให้ไผ่ปวดหัวที่สุดคือเผ่าพงศ์ที่ขี้หลงขี้ลืม อัลไซเมอร์ ซ้ำยังแข็งแรงที่จะทำอะไรแผลงๆ ได้อย่างที่อยากทำด้วย จึงก่อเรื่องวุ่นขึ้นไม่ได้หยุด

“บ้านนี้มันแหล่งรวมคนประหลาดรึไง...หึ!” ไผ่มองสภาพปลงๆ ยิ่งปวดหัวหนักเมื่อภูวนัยบอกเธอว่าไม่ให้สอนตามตารางสอนที่เสนอมา แต่ให้ “ละลายพฤติกรรม” ของม่านหมอกกับม่านเมฆให้ได้

ooooooo

อยู่ไม่ทันถึงสองวัน ไผ่รู้อีกว่า ที่ข้างๆฟาร์มหมูนี้มีรีสอร์ตของเสกสรร เขาใช้เทคโนโลยีสร้างภาพ เสียง และกลิ่นให้เป็นรีสอร์ตที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ แต่ของจริงคือ มีกลิ่นขี้หมูโชยมาทั้งวันทั้งคืน มีเสียงหมูทะเลาะกันอี๊ดอ๊าดลั่นไปหมดจนทำให้นักท่องเที่ยวเช็กเอาต์ทยอยหนี

เป็นปัญหาขัดแย้งคาราคาซังระหว่างเสกสรรรีสอร์ตกับฟาร์มสุขตลอดมา วันนี้ก็มีลูกหมูหลุดออกไปเพ่นพ่านวิ่งไล่แขกที่มาพักอีก เสกสรรจับลูกหมูอุ้มมาที่ฟาร์มสุขอย่างเอาเรื่อง พอดีตะวันฉายที่เป็นเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอมาตรวจ เสกสรรยื่นคำขาดให้ตะวันฉายสั่งปิดเล้าหมูนี่เสีย

“คงทำไม่ได้ครับ...เพราะเท่าที่ผมตรวจดูฟาร์มของคุณภูก็ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง” ตะวันฉายยืนยัน

“ถ้าถูกต้องแล้วไอ้หมูนี่มันจะหลุดมาในรีสอร์ตผมได้ยังไง”

“รั้วของคุณกับผมมันติดกัน ถ้าเกิดรั้วมันพังเพราะฝีมือคนของผม ผมยินดีรับผิดชอบ” ภูวนัยพยายามเจรจา แต่เพราะมีอคติต่อกัน ไม่ว่าฝ่ายไหนพูดอะไรออกมาอีกฝ่ายก็ฟังขัดหู ขวางหู โต้แย้งโต้เถียงกันได้ทุกคำ สุดท้ายเสกสรรพูดอาฆาตก่อนกลับไปว่า

“คอยดูเถอะ...ฉันจะลบฟาร์มแกออกไปจากที่นี่ ให้ได้”

ooooooo

ที่ ป.ป.ส. ชาติกล้าได้รับผลการวิเคราะห์เกลียวลูกปืนที่ใช้ฆ่าเสี่ยสมสุข เขากำลังดูว่าตรงกับใครที่ใช้ปืนแบบเดียวกันบ้าง ผู้กำกับมารุตเข้ามาบอกว่า กำลังอยากคุยเรื่องนี้พอดี

ผู้กำกับตั้งข้อสังเกตว่า หัวหน้าแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางถูกฆ่าตาย แต่ทำไมกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ชาติกล้าคาดว่าคงเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจไปยังหยาดฟ้าภรรยาของเสี่ย ระหว่างนั้นมีโทร.เข้ามือถือมารุต เขามองเบอร์แล้วเลี่ยงไปคุย เห็นปลอดคนดีแล้วจึงตอบปลายสายว่า “ก็ได้ครับ...เจอกันตามนั้น”

ชาติกล้าจับตาสังเกตมารุตอยู่ เขารู้สึกได้ว่ามารุตมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง

ส่วนพายัพก็ติดต่อกับยันอ่องคู่ค้าเก่าของเสี่ยสมสุข พายัพทำการใหญ่กว่า บอกยันอ่องว่าตนต้องการของมากกว่าเดิมสามเท่า ยังความยินดีแก่ยันอ่องมาก

หลังจากนั้น มารุตได้รับโทรศัพท์จากชาติกล้าว่าหยาดฟ้าถูกยิง แล้วชาติกล้าก็สั่งทีมงานภายในห้อง

“ผมต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดทุกแยกที่รถของคุณนายหยาดฟ้าขับผ่าน ต้องการทะเบียนรถทุกคันที่ขับตามหลัง” แล้วสั่งอีกหน่วย “เช็กปลอกกระสุนทุกปลอก...ผมอยากรู้ทุกอย่าง” พอดีมารุตเข้ามา ชาติกล้ารีบรายงานว่า “ครับท่าน ตอนนี้ผมกำลังให้ทุกคนหาข้อมูลทุกอย่าง”

“แล้วเรื่องยาลอตใหญ่ที่จะส่งคืนนี้เป็นยังไง” มารุตถาม

“ไม่ต้องห่วงครับท่าน ผมรับรองว่าคราวนี้เราจับพวกมันได้แน่นอน” ชาติกล้ารับรองแข็งขัน แอบสังเกตเห็นมารุตหน้าเครียดลง ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น...

ooooooo
อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 3
จากการคุยกับตะวันฉาย ทำให้ไผ่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของเสกสรรกับภูวนัยว่า เป็นมานานแล้ว และตะวันฉายก็ฟังออกว่าท่าทางไผ่จะไม่ชอบภูวนัยนัก

ระหว่างทั้งสองเดินคุยกัน ม่านหมอกเดินตามแอบดู จนเมื่อตะวันฉายกลับไปเขียนรายงาน ไผ่จึงเห็นม่านหมอก ถามว่าสะกดรอยครูหรือ พอม่านหมอกปฏิเสธก็ดักคอว่า หรือว่าแอบดูนายตะวัน

เหมือนถูกถามแทงใจดำ ม่านหมอกอึกอัก ไผ่เลยทำเป็นนึกได้บ่นตัวเองว่าทำไมไม่ติดรถตะวันฉายเข้าเมือง...ขี้ลืมจริงๆ แต่พอม่านหมอกถามว่าจะเข้าเมืองไปทำอะไร ไผ่ก็อึกอัก ไม่รู้จะบอกอย่างไร

แล้วไผ่ก็แปลกใจ เมื่อม่านหมอกเอาชุดเดรสยาวสีขาวมาให้บอกว่าภูวดลให้เอามาให้ ไผ่เหยียดยิ้มทำเสียง

“ชิ...คงรู้สึกผิดล่ะสิ”

แต่ไผ่หารู้ไม่ว่า ชุดเดรสสีขาวนี้ทำให้เธอต้องประสบชะตากรรมพเนจรอีกครั้ง เพราะเป็นชุดที่ภูวนัยซื้อให้เหมือนฝัน เขาซื้อแล้วบอกให้เธอลองใส่ดู เธอบอกว่าไปรับเด็กๆ ก่อนกลับมาแล้วจะลองให้ดูและจะใส่ไปงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของเขาคืนนี้เลย

พอภูวนัยเห็นเธอใส่ชุดของเหมือนฝันก็สั่งให้ถอดออก ถ้าไม่ถอดตนจะถอดให้เอง ไผ่ตกใจวิ่งหนี ชุดเกี่ยวหนามขาดแควกๆ มันเหมือนฉีกหัวใจภูวนัย เขาสั่งไผ่ให้เก็บของออกจากที่นี่ไปภายในครึ่งชั่วโมง ไล่ตะเพิดว่า “ผมไล่คุณออก!”

“คนอย่างฉันมีศักดิ์ศรี...ไม่จำเป็นต้องให้นายมาไล่ ฉันขอลาออก!” ไผ่เชิดใส่อย่างถือดี

ตกกลางคืนภูวนัยมาคาดคั้นกับม่านหมอกว่าเป็นคนเอาชุดของเหมือนฝันไปให้ไผ่ใส่ใช่ไหม ทำไมต้องทำอย่างนั้น

“มันก็เหมือนกับที่อาพยายามจะทำตัวเป็นพ่อหนูไง อาจะได้รู้ว่า ไม่มีใครแทนที่คนที่เรารักได้”

ขณะนั้นเอง ม่านเมฆมาถามภูวนัยว่าครูไผ่ไปไหนแล้ว เขาปดว่าครูไผ่มีธุระ ต้องกลับกรุงเทพฯ ม่านหมอกโวยว่า

“พวกเราต้องการครูไผ่คนเดียวใช่ไหมเมฆ” ภูวนัยหันไปกล่อมม่านเมฆว่าเดี๋ยวจะหาครูใหม่ให้ ม่านหมอกแทรกขึ้นทันที “หนูบอกแล้วว่าถ้าไม่ใช่ครูไผ่ หนูก็จะไม่อยู่ที่นี่” พูดแล้วปิดประตูปังใส่หน้า

ภูวนัยเครียดทันที ยิ่งเห็นม่านเมฆเศร้าก็ยิ่งเครียด

ส่วนไผ่ อาศัยรถส่งหมูเป็นไปโรงฆ่าหมูในตลาด บอกกับตัวเองอย่างเจ็บใจว่า จะไม่มีวันกลับไปเหยียบที่นั่นอีก มาถึงตลาดบริเวณโรงฆ่าหมูเป็นเวลากลางคืนแล้ว พายัพที่นัดมาซื้อขายยาเสพติดกัน คิดว่ารถที่ไผ่นั่งมาเป็นรถที่นัดกันไว้ แต่พอเดินเข้าไปถึง พายัพก็ต้องอึ้ง เมื่อเห็นคนที่โดดลงจากรถคือ ไผ่พญา!

ooooooo

พรรณราย เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสกสรร แต่ถูกตามใจจนแม้แต่เสกสรรก็เอาไม่อยู่ เธอเปรี้ยว ซ่า เผ็ด ร้อนแรง จะเอาอะไรก็ต้องได้ดั่งใจ

เธอหลงรักภูวนัยฝ่ายเดียว เสกสรรต้องการตัดปัญหาจึงส่งไปเรียนอเมริกาหลายปีแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เมื่อมาอยู่ที่รีสอร์ต เสกสรรพลั้งปากเรื่องภูวนัยกลับมาอยู่ที่ฟาร์มสุข เธอหูผึ่งถามว่า

“ภูกลับมาอยู่ที่ฟาร์มแล้วเหรอ”

“ทำไม...แกหยุดความคิดอกตัญญูของแกไว้เลย รู้อยู่ว่าพ่อเกลียดมันขนาดไหน ก็ยังจะไปชอบมันอีก นี่แกยังไม่ลืมมันรึไง”

แต่พรรณรายฟังไม่เข้าหูเลย ถามพ่อว่าให้คนงานทำความสะอาดห้องให้ตนหรือยัง ทำท่าจะมาอยู่ที่รีสอร์ตถาวร เสกสรรยิ่งหัวเสียที่ตัวเองไม่น่าพลั้งปากหลุดไปเลย

ooooooo

ไผ่พญาตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เห็นรถจะไปราชบุรีก็เดินรี่เข้าไป พนักงานถามว่าลงตัวเมืองเลยหรือเปล่า ไผ่นึกไม่ออกเออออไปว่า “ก็ได้”

“ร้อยยี่สิบ” พนักงานยื่นมือมาจะเก็บเงิน ไผ่ เล่นแง่ว่าเก็บตังค์ก่อนแล้วเอาตนไปปล่อยกลางทางก็แย่สิ เล่นแง่ว่า เอาเป็นว่า เดี๋ยวถึงที่แล้วจ่ายให้

“กะนั่งรถฟรีดิ! ถ้าจะไปก็ต้องจ่าย...ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องไป”

“ฉันขอโทษค่ะพี่...ฉันโดนล้วงกระเป๋าเมื่อกี๊นี้เอง” ไผ่เปลี่ยนแผนใหม่ ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี แต่ยังไงไผ่ก็ไม่ยอมถอยหลังแน่ นาทีนี้เดินหน้าลูกเดียว!

ไม่มีเงินขึ้นรถ ไผ่จึงเดินไปเรื่อยๆ ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ไผ่ดีใจมากบอกตัวเองว่ารอดตายแล้วเดินปรี่เข้าไป สั่งคนขายทันที “เล็กน้ำพิเศษค่ะ” แล้วเดินไปนั่งกับชายคนหนึ่งที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ ไผ่ใช้ลูกไม้เดิมตรงเข้าไปทัก “ไอ้ยอด!” ชายคนนั้นไม่สนใจ ไผ่เล่นต่อ “เฮ้ย...มาทำอะไรแถวนี้วะ หายไปเลยนะ ทำไมไม่ติดต่อกลับไปมั่งวะ”

ที่แท้ชายคนนั้นเมายา พอเงยหน้าขึ้นก็มองไผ่ตาขวางระแวงว่าจะมาฆ่า ไผ่ผงะถูกชายเมายาจับล็อกคอ ไผ่ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกขู่ว่า “ใครเข้ามาอีนี่ตาย”

ขณะไผ่กำลังอยู่ในหน้าสิ่วหน้าขวานนั่นเอง ภูวนัยที่มาตามไผ่กลับเพราะสงสารม่านเมฆและกลัวม่านหมอกจะหนีออกจากบ้านมาเจอพอดี เขาช่วยไผ่ไว้ได้อย่างเท่ แล้วชวน “รีบกลับกันเถอะ”

“กลับ...เดี๋ยวๆ หมายความว่าไง จะให้ฉันกลับไปไหน” ภูวนัยบอกว่ากลับฟาร์ม “อ้าว...ไปทำไม นายเพิ่งไล่ฉันออก แล้วจะให้ฉันกลับไปทำไม”

“ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน” ภูวนัยตัดปัญหาเอาดื้อๆ ขอร้องว่า “ช่วยกลับไปสอนลูกฉันหน่อย หมอกกับเมฆบอกว่าจะเรียนกับเธอเท่านั้น” ไผ่บอกว่าไม่กลับไปให้เขาด่าอีกหรอก “ขอโทษ...ฉันขอโทษที่ทำกับเธอแบบนั้น”

ไผ่ยังเล่นตัว ภูวนัยจึงเพิ่มเงินเดือนให้ ไผ่หูผึ่งแต่ยังไว้เชิง ภูวนัยเพิ่มเงินเดือนให้อย่างรวดเร็ว จากสี่หมื่น เป็นห้าหมื่นและทุกอย่างที่เธออยากได้ ไผ่มองหน้าเขาทำท่าลังเล ทั้งที่ใจไปแล้ว...

แต่พอกลับไปฟาร์มสุข นึกว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไผ่กลับถูกม่านหมอกกระชากเสียงถามว่ากลับมาทำไม ทำเอาไผ่ร้อง “อ้าว...” ได้คำเดียว

ooooooo

ระหว่างที่ชาติกล้าไปแฝงตัวที่ตลาดดักจับพวกค้ายานั้น เขาเดินชนปลายฟ้าจนถุงแกงเธอตกแตก พอมองหน้ากันรู้ว่าใครเป็นใครก็ทักทายกันอย่างดีใจ ปลายฟ้าถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ชาติกล้าอึกอักเพราะเป็นภารกิจลับ

“ไม่ต้องบอกหรอก...ฉันเข้าใจ ไม่ว่าจะนายหรือภู ก็ชอบมีความลับกับฉันทั้งนั้นแหละ” ปลายฟ้าตัดพ้อ

“ไอ้ภูฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่เคยมีความลับกับเธอ” ชาติกล้ามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเพราะแอบรักข้างเดียว ใจอยากจะอยู่คุยและพาปลายฟ้าไปกินข้าวชดเชยที่ทำถุงแกงเธอตกแตก แต่ก็ต้องตัดใจเพราะมีภารกิจสำคัญรออยู่ ขอติดเลี้ยงมื้อเย็นไว้ก่อนแล้วแยกกัน

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 2-3 วันที่ 11 เม.ย. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ