อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/3 วันที่ 30 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/3 วันที่ 30 เม.ย. 56

“เปล๊า ใครจะกล้าใช้เธอเล่าเนียน คุณแม่เอง คุณพี่เรียมเอย ยกย่องเธอกับยัยติ๋วจะเป็นจะตาย”
“แม่สนเขาแค่มีเรื่องไม่ค่อยดีมาบอกให้รู้ตัวน่ะ ยัยเนียน”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“ชั้นได้ยินพี่ขุนบอกว่า สืบหาที่อยู่ไอ้เสือหนักได้แล้ว”
เนียนหน้าซีด
“คุณพ่อคงจับตายมันละคราวนี้”
“เสียใจด้วยนะเนียน ถ้าจะดีให้สวดมนต์กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองเสือหนักของเธอให้ดีเถิดนะ ชั้นเห็นใจเธอนะ”

“น่าสงสารจัง แต่ทำไงได้ กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย”
เนียนนิ่งพูดไม่ออก สนกับทานตะวันแอบยิ้มเยาะ



คืนนั้นท่านขุน ยืนทอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง ครุ่นคิด แล้วสายตาท่านขุนก็มองเลยไปเห็น
“เอ๊ะ”
เป็นเนียนนั่นเองที่มานั่งเงียบๆ ที่ม้านั่งข้างเรือน น้ำตาไหล ใจลอยไปไกล
ขุนภักดียืนอยู่ที่หน้าต่าง เสียงเรียมยืนยันว่าไม่เชื่อเรื่องเนียนเป็นชู้กับเสือหนัก ดังก้องในหู
“เรียมไม่เชื่อดอกค่ะ ว่า เนียนมีชู้ และถ้าเนียนไม่มีชู้ แปลว่ายัยติ๋วคือลูกของพี่เทพ และมีสิทธิ์ทุกอย่างในภักดีภูบาล เท่ากับหนูอี๊ดและเทิดศักดิ์”
ขุนภักดีถอนใจเฮือกๆ ท่าทีอ่อนใจ พะว้าพะวง
“ในเมื่อเจ้าตัวเขาเองไม่เคยยอมเอ่ยปาก แล้วจะให้พี่เชื่อสนิทใจได้อย่างไร เท่าที่พี่ไม่กล้าตัดใจไล่เขาไปจากที่นี่ พี่ก็เท่ากับพ่ายแพ้ แก่หัวใจตัวเองมากมาย เสียศักดิ์ศรียอมให้ผู้คนทั้งเมืองแอบนินทาลับหลัง ว่าขุนภักดี มีเมียคบชู้ แล้วยังเลี้ยงดูเอาไว้ในบ้าน”

ขุนภักดีผละตัวจากหน้าต่าง ก้าวลงเรือนไป
ฟากเนียนนั่งหลบมุมร้องไห้อยู่ที่เดิม เศร้าใจป้ายน้ำตาป้อยๆ ภาพสนกับทานตะวันบอกเล่าเรื่องท่านขุนรู้ที่อยู่หนักจะจับตายผุดขึ้นมา เนียนครวญคร่ำสงสารพี่ชายจับจิต

“โธ่ พี่หนัก”
เสียงเนื้อทองดังก้องในหูอีก “แม่เนียนจ๋า ท่านขุน ท่านบอกกับพี่เทิดศักดิ์ พี่แดงน้อยว่าจะร่วมมือกันเล่นงานเสือหนัก จับให้ได้ ไม่ว่าจะจับตายหรือจับเป็น”
เนียนน้ำตาหยดเผาะๆ
“พี่หนัก โธ่พี่หนักของน้อง”
ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพนมมือ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ช่วยพี่หนักของลูกด้วยเจ้าค่ะ อย่าให้พี่หนักมีอันเป็นไป ถูกจับตายนะเจ้าคะ”
เนียนสะอื้นร้องไห้
ท่านขุนลงมาเพราะเผลอใจอยากมาใกล้เนียน แต่แล้วเมื่อมาได้ยินคำพูดของเนียนบนบานศาลกล่าวเรื่องหนักกับหูของตัวเอง ท่านขุนเลือดขึ้นหน้า ตรงมากระชากหัวเนียนปลิวติดมือไปทันที
“อีเนียน อีแพศยา คาหนังคาเขาจนได้ในวันนี้ ได้ยินกับหูได้ดูกับตา ว่ามึงทำอะไร พูดอะไรถึงชู้ของมึง”
เนียนหวีดร้องเพราะตกใจมาก
“ว้าย”
“มึงตกใจมากใช่ไหม ที่กูจับได้แท้แน่นอน หลงไม่มั่นใจในความแพศยาของมึงมานานยี่สิบกว่าปีที่สุดความจริงก็เปิดเผยจากปากของมึงเอง”
“เนียน เนียน ...”
“กูจะเอามึงไปประจาน ต่อหน้าผู้คนในบ้าน แล้วขับไล่มึงไปจากบ้านของกู ไป ไปเดี๋ยวนี้”
เนียนไม่อาจพูดอะไรได้อีก ท่านขุนกระชากลากเนียนไปจากที่นั่น เนียนร้องไห้คร่ำครวญแล้วสงบนิ่ง น้ำตาไหลนองไม่อาจแก้ตัวได้

ขุนภักดีลากเนียนมาที่ต้นมะขามใหญ่ ตะโกนก้อง
“ทุกคนในบ้านนี้ให้มาชุมนุมกันพร้อมหน้าที่ต้นมะขามนี้ทุกคน”
เอกพรวดมาเห็นก็ตกใจ
“เนียน ท่านขุน”
“ไอ้เอก ไอ้นกสองหัว มึงอย่ามัวมาตื่นตระหนกตกใจ มึงรีบไปป่าวประกาศให้ผู้คนในบ้านมาชุมนุม ดูหน้าอีนางแพศยา รุมประณามมันก่อนที่กูจะเฉดหัวมันไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“ท่านขุน เอ้อ....”
“อย่ามาเอ่อมาอ่า มึงไม่ได้ยินคำสั่งกูรึ รึจะให้กูนับเมิงเป็นชู้ของมันอีกคน”
เอกจำใจออกไป เนียนนั่งก้มหน้า ส่วนขุนภักดียืนมองเนียนทั้งรักทั้งแค้น

ฝ่ายทองจันทร์ และ เรียมคุยกับเนื้อทองเรื่องโรงเรียน กบ แมวนั่งฟังอ้าปากหวอ ชื่นชม
“เป็นอันว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นทั้งหมด”
“อุปกรณ์การสอนการเรียนทั้งหลาย กำลังทยอยมา ถึงเวลาเปิดโรงเรียนคุณแม่ต้องเป็นคนเปิดแพรคลุมป้ายนะคะ”
“ไฮ้ ได้ยังไง แม่เรียม ก็ต้องช่วยกันเปิดสิ”
“จริงสิคะ ถ้าจะให้ดีขอแรงพี่เทพมาช่วยเปิดให้เป็นสง่าราศีกับโรงเรียนนี้อีกคน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ” เนื้อทองไหว้ขอบคุณ
“เอ๊ะ แม่แกหายไปไหนยัยติ๋ว”
“นั่นสิสองสามวันนี้ เห็นนั่งซึมๆ ยิ้มหัวไม่เป็นอีกแล้ว” เรียมว่า
เอกพรวดมาแบบก้าวกระโดดขึ้นบันไดมา
กบกะแมวตกอกตกใจอุทานพร้อมกัน “พี่เอก”
“ไอ้เอกแก่แล้วยังบ้าบอไม่เลิก พรวดพราดมาทำไม เดี๋ยวตกกะไดคอหักตาย”
“หนีอะไรมา” เรียมถาม
“ท่านขุนขอรับ ท่านกำลังจะประจานเนียนเรื่องชู้” เอกบอก
“แม่เนียน” เนื้อทองใจหายวับ
ทองจันทร์กับเรียม บ่นไปในทางเดียวกัน “อะไรกันนี่ไม่จบไม่สิ้นกันสักที” / “หรือว่าผีเข้าพ่อเทพ”
เอกหอบไปบอกไป “ท่านให้เรียกคนทั้งบ้านไปรุมประณามเนียนก่อนไสหัวไปจากบ้านขอรับ”
เนื้อทองลุกพรวดออกไปทันที
“แม่”
ทองกับเรียมมองหน้ากัน เอกขยับแต่ทำรีรอ รอให้ใครห้ามสักคนได้ผล
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไอ้เอก ไม่งั้นชั้นเอาเชี่ยนหมากปาแกหน้าแหก”
เอกลอบยิ้ม หยุดทันทีทำท่าวิ่งค้าง

สนกับทานตะวันยืนดีใจอยู่ด้านล่างเพราะได้ยินที่เอกบอกทุกประการ
“ฟ้าดินลงโทษอีเนียนตามที่เราสองคนกำหนดกฎเกณฑ์จนได้”
“แม่สนเก่งจริงๆ มันโดนเฉดหัวแน่ ไปดูหน้ามันกันไปรุมประจานมันค่ะ แม่สน”
เนื้อทองวิ่งร้องไห้ลงมาจากเรือน สองคนไปดักหน้า
“ไงยะ ...นังลูกชู้ ผู้น่าสมเพทเวทนา”
“แกกับแม่แกโดนเฉดหัวออกจากบ้านชั้นวันนี้แน่นอน หมดโอกาสมาเสนอหน้า ทำตัวขี้ข้าอยากเป็นคุณนายสักที”
เนื้อทองหลบจากสองคนแล้ววิ่งไปต่อ
สนกับทานตะวันจูงมือกันเดินไป หัวเราะกันครื้นเครง
“แม่สนจะไปไหนคะ ต้นมะขามอยู่ทางโน้นค่ะ”
“แม่สนจะไปเอาแส้ที่เรือนคุณพ่อค่ะ รึหนูอี๊ดไม่อยากเห็นมันโดนโบยสั่งลา”
“แม่สนช่างฉลาดปราดเปรื่อง หนูตามไม่ทัน”
สนแอบยิ้มเยาะคิดในใจ
“ถ้าแกตามทัน บ้านมันจะปั่นป่วนขนาดนี้เรอะ อีเด็กโง่”
สองคนหัวเราะกันอีก

ฟากทองจันทร์เหลียวมองหน้าเรียม ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ แม่เรียม”
“นั่นสิคะ เหตุการณ์ทั้งหลายดูคลี่คลาย ไปในทางดี ทำไมจู่ๆ ก็กลับเลวร้ายขึ้นมาง่ายๆ”
“ว่ายังไงไอ้เอก”
“คิดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยขอรับ จู่ๆพายุก็โหมกระหน่ำ ไฟลุกท่วมบ้านขึ้นมา”
“หรือว่ามีใครไปจุดไฟในอกพี่เทพขึ้นมาคะ คุณแม่” เรียมปรารภ
“นั่นสิขอรับ เอ้อ..กระผมต้องจำใจรีบไปป่าวประกาศตามคำสั่งของท่านขุนแล้วขอรับ” เอกว่า
“ไม่ต้องไป ไม่ได้ยินหรือว่าชั้นสั่งให้แกหยุด”
“อ้าว เอ้อ ..ขอรับ ถนัดชัดสองหู แต่ไม่มั่นใจว่าให้หยุดแล้วให้ไปหรือไม่ให้ไป”
“ห้ามแกไปเรียกใครมาทั้งนั้น ชั้นต้องไปฟังความจากทั้งสองฝ่ายก่อนไปกันแม่เรียม นังกบนังแมว ห้ามไปสุมรุมชุมนุมกับเขานะ”
แมวกับกบชะงักเท้า
“แล้วใครจะช่วยกันประคองคุณท่านเจ้าคะ” กบบอก
“เราสองคนไม่ได้ไปสุมรุมชุมนุม แต่ไปดูแลคุณท่านตะหากเจ้าค่ะ” แมวว่า
“ข้ออ้างของคนสาระแน” ทองจันแขวะ
ทั้งหมดจึงพากันออกไป มีเอกเดินตามหลังแล้วเอกก็ชะงัก
“นายเอกจะไปไหน”
“ไปตามหาคุณเทิดศักดิ์ขอรับ ผมว่าคุณเทิดศักดิ์สามารถระงับเหตุได้ขอรับ ท่านเป็นตำรวจนะขอรับ สามารถจับคนทำผิดใส่ร้ายป้ายสีโบยตีทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้”

เรียมพยักหน้า ค่อยใจชื้นมา เพราะคนเดียวที่เอาท่านขุนอยู่คือเทิดศักดิ์ เอกรีบรุดไปในทันที
ด้านเนียนยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ใต้ต้นมะขาม มีขุนภักดีเดินวนรอบตัวเนียนอย่างเจ็บใจ

“ว่ากระไรล่ะ บอกมาสิว่าไอ้เสือหนักชู้ของมึงมุดหัวอยู่ตรงไหน กูจะ ไปลากคอมันมาเข้าตะราง”
ไม่พูดเปล่า ท่านขุนตรงเข้าไปจิกหัวเนียนจนหน้าหงาย ทำท่าจะตบซ้ำ
เนื้อทองพรวดมาถึง กันเนียนไว้ ขุนภักดีเลยตบไปโดนหน้าติ๋ว
“แม่จ๋า ว้าย...”
“หนูติ๋ว ไม่เกี่ยวออกไปนะลูก”
“หนูไม่ออกไป หนูต้องเกี่ยว ทุกเรื่องที่ทำให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจ”
“นังเด็กปากกล้า ข้านี่แหละที่เจ็บช้ำน้ำใจ อับอายขายหน้า เพราะแม่แกมันสิ้นคิด คบชู้สู่ชาย เลี้ยงไม่เชื่อง ขุนไม่ขึ้น อยากจะฆ่าให้ตายนัก”
“เจ้าค่ะ ฆ่าสิเจ้าคะ เนียนก็อยากตายเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“แม่ อย่าไปท้าเขา”
“มึงไม่ต้องมาท้ากู อีเนียน นังติ๋ว นังลูกชู้ ลูกเสือลูกตะเข้ มาเลยมาปกป้องแม่ของมึง ประเดี๋ยวเถิดคนในบ้านมากันทั่วหน้า กูจะประจานมึงสองคนแม่ลูก แล้วเฉดหัวไปจากบ้านกู คืนนี้ทันที ไอ้เอกๆ”
จังหวะนี้ทานตะวันกับสนพรวดเข้ามาพร้อมด้วยแส้ม้า
“คุณพ่อขา โวยวายอะไรคะ อ๊าว เนียน ยัยติ๋ว” ทานตะวันทำเป็นเพิ่งรู้เรื่อง
“พี่ขุนขาแส้ม้ามาแล้วค่ะ คือสนได้ยินเสียงพี่ขุนเอะอะ คิดว่าน่าจะมีเหตุร้ายเลยรีบไปเอาแส้ม้ากันไว้ก่อนดีกว่าแก้ค่ะ”
สนมองเนียนยิ้มเยาะเย้ย ส่งแส้ให้ท่านขุน ถูกเรียมมากระชากไปจากมือสน
“เอามานี่” เรียมบอก
“คุณแม่” ทานตะวันขัดใจ
“สมัยนี้ไม่มีใครเข้าใช้แส้ม้ามาโบยคน มันป่าเถื่อนมันผิดกฎหมายอาญาฐานะทำร้ายร่างกายผู้อื่น”
“ก็แค่ขี้ข้า” สนเบะหน้า
ทองจันทร์ฉุน “ว่ากระไรนะ บ้านนี้ไม่มีขี้ข้า มีแต่คนรับใช้ ทำงานแลกเงินนี่คือการตอบแทนกันและกัน ใครทำร้ายร่างกายใครจะให้เทิดศักดิ์มันจับไปเข้าตะรางซะ”
“คุณแม่ พูดอะไรจะให้ลูกมาจับเข้าตะราง”
“ก็ไม่รู้แหละ ตะรางมีไว้ขังคนทำผิดกฎหมาย รึพ่อเทพว่ามีไว้ขังหมา”
“คนผิดไม่ใช่ผม แต่คือนางแพศยานี่ต่างหาก”
“เอาละ ถ้าอย่างนั้นแม่ต้องการฟังจากปากของเนียนกับพ่อเทพทั้งสองคน ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ดีมากครับ รอไอ้เอกมันเรียกทุกคนมาพร้อมหน้าผมจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่า วันนี้ผมจะเฉดหัวนังสองแม่ลูกนี่ไปจากบ้านผม ด้วยเหตุอันใด”
“แม่ก็ขอประกาศว่าบ้านนี้มันไม่ใช่บ้านพ่อเทพคนเดียว ที่ดินนี่มันของผัวชั้นบ้านพ่อเทพก็คือเรือนหลังใหม่นั้น มันสองคนก็ไม่เคยไปอาศัยอยู่สักหน่อย แล้วจะไล่มันไปได้อย่างไรทำได้แค่ห้ามพวกมันเหยียบย่างไปบ้านพ่อเทพเท่านั้น” ทองจันทร์ของขึ้น
“คุณแม่กำลังหักหน้าผม ผมได้ยินกับหูว่าผู้หญิงแพศยาคนนี้มันเอ่ยถึงไอ้เสือหนัก ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไอ้เสือหนักไม่ให้โดนผมยิงตาย”
“ยี่สิบกว่าปีก็ยังลืมกันไม่ลง รักแท้แน่นอนเหลือเกินนะเนียน” สนเยาะ
“ทำไมไม่มีใครมาฟังมาดูคุณพ่อไล่นางแพศยาสักทีคะ” ทานตะวันงง
“จะไม่มีใครมาฟังใครด่าใครประจานใครไล่ใครทั้งสิ้น พี่เทพขา ไหนว่าเวลาผ่านไปจิตใจพี่เทพเปลี่ยนแปร เข้าใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความจำเป็นของแต่ละคน” เรียมบอก
“มันกล้าสาบานไหมล่ะ ว่ามันไม่ได้ สวดมนต์ให้ไอ้เสือหนักรอดพ้นเงื้อมือพี่ กล้าไหม กล้าไหม” ขุนภักดีตะคอก
ทุกคนมองไปที่เนียน
“พูดความจริงออกมาสิ ว่ามันเป็นอะไรกับมึง หา พูดมา พูดมา” ขุนภักดีตะคอกดังลั่นกว่าเดิม
ทุกคนมองเนียนเป็นตาเดียวกัน
“ถึงเวลาที่แกต้องพูดไอ้ที่แกอมพะนำไว้ยี่สิบกว่าปีออกมาแล้วละเนียน พูด พูด” ทองจันทร์คาดคั้น
“เอ้อ...”
เนียนเอ้ออ้าตามเคย มองไปที่สนซึ่งยิ้มเยาะอยู่
“ขอร้องละเนียน พูดออกมาให้มันจบสิ้นกันไปสักที ว่าเสือหนักกับเนียนเกี่ยวข้องกันไหม แล้วเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเนียนกันแน่”
“เจ้าค่ะ เนียนจะพูด”
จู่ๆ มีเสียงปืนดังขึ้น มาจากท่าน้ำ และแผดดังลั่นมาใกล้ๆ ที่ทุกคนชุมนุมกันอยู่ ทุกคนตกใจต่างหลบกันให้วุ่นวายไปหมด กระสุนปืนเฉียดหัวสนไปนิดเดียว

สนกรี๊ดตกใจคิดว่าตัวเองโดนยิง

“ตายแล้ว..ไอ้เสือหนักมาลอบยิงสน”
จังหวะนั้นเหมมาส่งช้อย แต่โดนเทิดศักดิ์เรียกตรวจ เหมพายเรือหนี เทิดศักดิ์จึงยิงขู่ไล่จับ เหมยิงใส่สู้กันลั่นคลอง เหมยิงสู้ไปหนีไป

ช้อยบ่นบ้าอยู่ในเรือด่าเหม “ไอ้โง่พี่เหม ยิงกลับทำไมนั่นมันเรือคุณเทิดศักดิ์”
“กูไม่ยิงกลับมันก็จับกูได้สิวะ มึงนั่นแหละโง่”
“แกโง่กว่า เขาบอกให้จอดทำไมไม่จอด แสดงพิรุธหนีเขา ก็ยิงใส่สิ”
“ถ้ากูจอดเกิดมันรู้ว่ากูเป็นพี่ไอ้เหิม กูก็โดนจับสอบสวนสิวะ”
“โฮ้ย เรื่องแค่นี้ชั้นโกหกให้เองก็ได้ว่าพี่เป็นผัวชั้น” ช้อยโมโหโวยลั่น
“กูรู้ว่ามึงโกหกเป็นไฟ มึงโกหกเก่งจนกูเผลอตามมึงมาดูบ้านนี้”
“ถ้าไม่มาดูแล้วจะตะครุบเหยื่อได้ยังไง”
“กู ...ไม่น่ามาส่งมึงเล๊ย...”
“เอาไปหมื่นนึงแล้ว อย่าปากมากสิ”
“มึงนั่นแหละหยุดปากมาก โดดลงไปในน้ำเดี๋ยวนี้ อีตัวสาระแน” เหมไล่ตะเพิด
“โดดลงไป เสียงดังตูมตาม เกิดเขายิงมาใส่ชั้น”
“มึงก็ตายเหมือนหมาสิวะ จะลงหรือไม่ลง อีนี่ทำกูมีปัญหาจนได้”
ขณะที่ช้อยอึกอักอยู่ เหมถีบช้อยลงเรือ แล้วกระโดดน้ำหนีตามช้อยลงไปทันที

ฝ่ายเทิดศักดิ์เห็นเบื้องหน้าเสียงปืนสงบเงียบลงมอง ถือปืนจ้องไปรอบๆ อย่างระแวดระวังตัว
“เสียงเหมือนคนโดดน้ำ หมู่เติม ฉายไฟดูสิ”
หมู่เติมส่องไฟไปดู เห็นเรือลอยเคว้งไม่มีคนพาย
“ใช่แล้วครับ มันสละเรือครับ หมวด”
เทิดศักดิ์หงุดหงิด
“รีบดูในน้ำ มันกลั้นหายใจไม่ได้นานดอก”
หมู่เติมฉายไฟลงไปในน้ำกราดส่องไปทั่วบริเวณ

ด้านช้อยกะเหม ลอยตัวหลบแสงไฟ ที่กราดไปมา
“ชั้นว่ายน้ำไม่แข็ง พี่เหม ช่วยด้วย”
“กูยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะให้ช่วยมึง จมน้ำตายซะได้ก็ดี”
“อย่าทำแชเชือนให้คุณสนเสียเงินฟรีสิ คุณสนเอาชั้นตาย”
“เอามึงตายไม่ได้เอากูตายสักหน่อย เฮ้ย มันส่องไฟมาทางนี้ มึงออกหน้าสิ”
“ไม่นะ อย่านะพี่เหม”
เหมผลักช้อยให้ลอยพรวดขึ้นมาใส่แสงไฟฉาย แล้วตัวเองดำน้ำหนีหายไป แสงไฟจากหมู่เติมฉายมาโดนช้อยพอดี
ช้อยยกมือโวยวายขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย จะจมน้ำตายแล้ว”

เทิดศักดิ์กับหมู่เติมเห็นช้อย
“ยัยช้อย” เทิดศักดิ์แปลกใจนัก
“หมวดรู้จักหรือครับ”
“นั่นมันคนสนิทคุณแม่ชั้น”
“แย่แล้ว เขากำลังจะจมน้ำตายแล้วครับ”
“ไปช่วยไวไวเข้า”
หมู่เติมกระโดดลงไปทันทีว่ายพุ่งตรงไปที่ช้อย เทิดศักดิ์งุนงงระคนแปลกใจ
“อะไรกันนี่ ก็เรือนั่นมันไม่ยอมให้ตรวจ มันกลับยิงสู้ เรือใคร ทำไมยัยช้อยไปอยู่ที่เรือลำนั้น ทำไมยัยช้อยไม่ตอบกลับเราตอนเรียกตรวจ”
เสียงปืนดังมาจากท่าน้ำบ้านภักดีภูบาล พร้อมเสียงตะโกนกึ่งตวาดของท่านขุน
“ไอ้ลูกหมาที่ไหนบังอาจมายิงปืนใส่บ้านท่านขุนภักดี ออกมาปรากฏตัวให้ไว เดี๋ยวนี้”
“คุณพ่อ” เทิดศักดิ์ทั้งขำทั้งฉุน
ฟากขุนภักดียืนถือปืนเล็งไปในคลอง มีเอกกับแทนถือปืนคนละกระบอกส่ายหาว่าใครมาเล่นงาน
“กูถามว่าลูกหมาที่ไหนมายิงปืนใส่บ้านกู มึงไม่ตอบกูยิงตายแน่”
เสียงเรือแล่นมาใกล้ เป็นเสียงเทิดศักดิ์
“ลูกคนครับ ไม่ใช่ลูกหมา ผมเองครับคุณพ่อ ขืนยิงผมตายคุณพ่อติดตะรางนะครับ”
“คุณเทิดศักดิ์” เอกจำเสียงได้
“พุดโธ่ ตาเทิดนี่เอง หลงด่าซะ”
“ด่าซะเข้าเนื้อตัวเอง”
เอกว่าพลางหัวเราะ ขุนภักดีหันมาด่าเอก
“หัวร่ออะไรไอ้เอก แกนั่นแหละไอ้ลูกหมา”
ทุกคนพากันไปยืนขอบท่าน้ำรอรับเรือของเทิดศักดิ์ที่พุ่งเข้ามา เรือเทียบท่า เทิดศักดิ์ก้าวขึ้นมาบนฝั่ง
“ผมไล่จับผู้ต้องสงสัยมาครับ มันพายเรือลับๆ ล่อๆ แถวบ้านเรา ตะโกนเรียกให้หยุด กลับพายหนี ไม่พายเปล่า มันยิงสวนกลับ”
“ก็เลยยิงสู้กันสนั่นคลอง ท่านขุนเลยหาว่าลูกหมายิง”
“ไอ้เอก อย่าล้น นี่มันหนีไปได้หรือลูก”
“มันหนีลงน้ำ ตามไปฉายไฟดูปรากฏว่าเป็น...”
หมู่เติมลากเอาช้อยช่วยพามาที่ท่าน้ำ ขุนภักดีกับเอกอุทานเมื่อเห็นเป็นช้อย
“ยัยช้อย”
ช้อยเอาแต่ร้องไห้โฮๆๆๆ

ทางด้านสนแอบมองอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ท่าน้ำค่อนมาทางเรือนเล็ก สีหน้าท่าทางตกใจมาก

“นังช้อย นังบ้า ดันพาไอ้เหมมาตอนลูกเทิดศักดิ์กลับบ้าน เวรละสิ”
ที่ท่าน้ำ ทุกคนต่างพากันแปลกใจไม่หายที่ทำไมช้อยมาเกี่ยวข้องด้วย

“มันยังไงกัน นังช้อยมาลอยคออยู่ในน้ำทำไมกัน” ขุนภักดีถาม
“อยู่ในเรือที่ยิงสู้ผมครับ ผมกำลังสงสัยอยู่ ว่าทำไมยัยช้อยไปอยู่ในเรือต้องสงสัยนั่น”
เอกกับแทน พากันไปรับช้อยที่อาการสะบักสะบอมทำท่าจะตาย ตัวสั่นงันงก
“มันมีพิรุธ นังช้อยแกเป็นสายโจร” ขุนภักดีว่า
“เปล่านะเจ้าคะ”
“ก็แกไปอยู่ในเรือที่หนีตำรวจทำไม”
ช้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น “ช้อยโดนมันจับตัวไปเจ้าค่ะ มันปล้นช้อยเจ้าค่ะ”
“ยัยช้อยมีอะไรให้มันปล้น โกหกแน่นอน”
ช้อยร้องไห้ สะอึกสะอื้นกลบความผิด
“ทองสิเจ้าคะ ทองเท่าหนวดกุ้งที่คุณสนให้”
“งั้นชั้นไปถามคุณแม่ว่าให้ทองยัยช้อยตอนไหน”
“เอ้อ..ไม่ได้ให้ทองเจ้าค่ะให้เงิน แต่ช้อยสะสมเอาไปซื้อทอง ดูสิเจ้าคะ มันถีบช้อยลงคลอง หวังฆ่าปิดปากช้อยค่ะ โชคดีนะเจ้าคะที่คุณเทิดศักดิ์ช่วยชีวิตช้อย”
ช้อยรีบกราบเทิด
“แล้วแกไปเซ่อซ่ายังไงให้มันจับตัว” ขุนภักดีคาใจ
“เอ้อ..แถวตลาดเจ้าค่ะ มันจี้ช้อยมาจากตลาด” ช้อยโกหกไปเรื่อยเปื่อย
“ไหนคุณแม่ว่ายัยช้อยไปหาแม่ชีที่วัด ตั้งแต่วันก่อน” เทิดศักดิ์ไม่เชื่อ
“ไปแล้ว มาแล้วมาแวะตลาดเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมไอ้คนจับตัวแกมันต้องยิงไปในบ้าน มันจะปล้นเรอะ” ขุนภักดีซัก
“เอ้อ...ช้อยเห็นมันยิงไปทางเรือคุณเทิดศักดิ์เจ้าค่ะ ไม่ได้ยิงเข้าในบ้าน”
“ผมก็ไม่ได้ยิงเข้าไปในบ้านครับ”
ท่านขุนและเทิดศักดิ์มองหน้ากัน
“งั้นใครยิงเข้ามาในบ้าน”
“ยิงเฉียดแม่สนไปเส้นยาแดงผ่าแปดเลยแหละ ใครกันนะ” ขุนภักดีพึมพำ
“ยิงแม่สนหรือครับ”
เทิดศักดิ์ตกใจมาก

ด้านสนแอบดูอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ท่าน้ำ ยังสั่นไม่หาย ใจหวนคิดว่าน่าจะเป็นหนักไหม
“นั่นสิใครยิงชั้น หรือว่าเป็น…”
จังหวะนี้มีคนมาจากด้านหลัง จิกหัวพร้อมกับปิดปากสนไว้ กระซิบด่า
“เป็นกูเองอย่างที่มึงสงสัยนั่นแหละ อีสนคนสารเลว มึงจะให้กูลากมึงออกไปบอกผัวมึงตอนนี้ดีไหม บอกลูกกูลูกมึงด้วยว่ากูคือใคร กูน่ะไม่กลัวตายดอก ดีเสียอีก ถ้ากูตายลูกกูจะได้หน้าได้ตาว่าจับเสือหนักได้”
หนักปล่อยสนแล้วทำท่าจะดึงออกไป สนส่ายหน้าลงนั่งคุกเข่ากอดขาหนักวิงวอน
“อย่า...อย่าทำอย่างนั้น ชีวิตชั้นต้องจบสิ้นไปด้วย จะสั่งให้ชั้นทำอะไร ชั้นทำได้ทั้งนั้น”
“ตอนทำมึงตั้งใจจะทำร้ายเนียน มึงจงไปบอกคุณนายทองจันทร์ท่านขุน คุณนายเรียม บอกยังไงก็ได้ ให้เรื่องนี้มันจบ”
“แล้วใครจะมาฟังชั้น”
“ก็ที่บ้านนี้มันพินาศ สันตะโรอยู่ ไม่ใช่เพราะเขาฟังมึงเรอะ มึงตอหลดตอแหล เก่งหาใครลอกเลียนแบบไม่ได้อีกแล้ว มึงก็ใช้วิชาโกหกของมึงไปสิ ถ้ามึงทำไม่ได้ มึงคอยดูว่าคราวหน้ากูจะยิงมึงโดนไหม ไม่ใช่ยิงเฉี่ยวเหมือนครั้งนี้ดอก อีใจชั่ว”
สนพยักหน้า หนักเอามือทิ่มหน้าสนจนหงายล้ม แล้วหันกลับ เสียงสนล้มดังไปถึงหูพวกท่าน้ำเพราะสนดันล้มไปโดนกิ่งไม้แห้ง

ขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าบ้าน
“เทิดศักดิ์ไปดูแม่สิ ป่านนี้ตกใจแทบตายแล้วกระมัง”
“ครับ ยัยช้อย เรื่องของแกยังไม่จบวันนี้ ชั้นมีอะไรจะถามอีกพรุ่งนี้”
“เจ้าค่ะ”
ช้อยลนลานหนีออกไปจากที่นั่น จังหวะนี้เสียงกิ่งไม้แห้งหักขึ้น
“เอ๊ะ”
ท่านขุนกับเทิดศักดิ์ สองคนหันปืนไปทางพุ่มไม้ทันที
“ใครอยู่ตรงนั้น” เทิดศักดิ์ตะโกน
“ออกมาเดี๋ยวนี้ไม่งั้นกูยิงตาย”
เสียงแหวกกิ่งไม้ออกมา ทุกคนตกใจอีกครั้ง สนผมกระเซิงไปเพราะหัวโดนหนักจิก
“สนเองค่ะพี่ขุน”
เทิดศักดิ์กับขุนภุกดีตกใจ “คุณแม่” / “แม่สน”
เอกกะแทนก็อุทาน “คุณสน”
สนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/3 วันที่ 30 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager