คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 15 เม.ย. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 15 เม.ย. 56

ชาติกล้าไม่อยากบอกว่ามาหาปลายฟ้า เลยปดว่าเป็นความลับของทางราชการ ภูวนัยคิดว่าคงเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดจึงไม่ถามต่อ แต่ปลายฟ้าขัดขึ้นว่า

“ความลับอะไรล่ะ ไม่มีอะไรหรอก ชาติเขาติดเลี้ยงข้าวฉันน่ะ ภูมาก็ดีแล้ว ไปด้วยกันนะ ไปกันสามคนนี่แหละ”

ภูวนัยแกล้งแซวว่าไม่อยากไปเป็น กขค.ปลายฟ้า หันไปหาพวกกับชาติกล้าว่าเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันสามคนมานานแล้วนะ ชาติกล้าเลยจำต้องชวนภูวนัยไปด้วย


“ก็ได้...งั้นเราไปเอายากันไหม” ภูวนัยชวน

ปลายฟ้า บอกชาติกล้าว่าให้รอแป๊บเดียว แล้วทั้งสองก็เดินออกไป ชาติกล้ามองตามอย่างพยายามข่มใจที่นอกจากจะผิดแผนแล้วยังถูกภูวนัยแยกปลายฟ้าไปอีก

เอายามาแล้ว ปลายฟ้ากับชาติกล้าเดินนำไปที่ร้านอาหาร ภูวนัยทักว่าร้านนี้อีกแล้วหรือ

“อ้าว...ก็อยากรำลึกความหลังก็ต้องมาร้านเดิมซิ” ปลายฟ้าพูดอย่างร่าเริง

ชาติกล้ารีบไปเลื่อนเก้าอี้ให้ปลายฟ้านั่งกับตน แต่เก้าอี้ชำรุดปลายฟ้าเลยไปนั่งฝั่งเดียวกับภูวนัย เท่านั้นไม่พอเมื่อสั่งอาหาร ชาติกล้าสั่งต้มยำกุ้ง ปลายฟ้าขอเปลี่ยนเป็นปลาดีไหมเพราะภูวนัยแพ้กุ้ง ชาติกล้าหน้าเสียถามว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไรดี ภูวนัยพูดสบายๆว่าตนกินอะไรก็ได้ สั่งมาเถอะ

“ได้ไง...เดี๋ยวก็ปากบวมลิ้นแข็งเหมือนตอนเด็กๆหรอก” ปลายฟ้าค้อนๆแล้วสั่งบริกร “เอาต้มยำเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นปลา แล้วก็...เอาปลาทอดสมุนไพร ไข่เจียวปู...หลนปูม้า ข้าวโถนึง” เธอสั่งแบบไม่ต้องดูเมนูเลย จนภูวนัยทักว่า

“โห...สั่งเหมือนเดิมทุกอย่าง...เป๊ะ”

ปลายฟ้าพยักพเยิดกับเขาทำนองว่าแน่ไหม แล้วขอตัวไปแต่งสวยเดี๋ยวมา ภูวนัยเลยแซวว่า

“ไม่ต้องแต่หรอก ยังไงชาติมันก็ไม่เปลี่ยนใจแล้ว”

ปลายฟ้าตีแขนภูวนัยเพียะปรามงอนๆ “เดี๋ยวเถอะ...ฝากจองที่ด้วย อย่าให้ผู้หญิงคนไหนมานั่งล่ะ”

เมื่อเข้าห้องนํ้า ปลายฟ้านึกถึงคำพูดของภูวนัยที่ว่ายังไงชาติกล้าก็ไม่เปลี่ยนใจ แล้วพึมพำ “นายก็คงไม่เปลี่ยนใจเหมือนกันใช่ไหม” พูดแล้วก็ยิ้มเศร้าๆเมื่อรู้ว่าอย่างไรเสียภูวนัยก็ไม่มีวันลืมเหมือนฝัน...

ระหว่างรอปลายฟ้าไปแต่งสวย ภูวนัยพูดให้กำลังใจชาติกล้าที่หลงรักปลายฟ้ามานาน ว่าให้พยายามหน่อย เดี๋ยวตนจะช่วยอีกแรง ทำให้ชาติกล้าไม่พอใจถามว่าพูดแบบนี้อยากให้ตนสมเพชตัวเองมากขึ้นใช่ไหม เพราะรู้อยู่ว่าปลายฟ้าชอบใคร พูดแล้วลุกพรวดบอกว่ามีงานด่วน

ภูวนัยรู้ว่าเพื่อนไม่พอใจ พยายามจะปรับความเข้าใจ แต่ชาติกล้าพูดเป็นนัยประชดว่า

“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบกินปลา” พูดแล้วเดินผละไปทันที ครู่เดียวปลายฟ้าก็กลับมาถามว่าชาติกล้าไปไหน ภูวนัยบอกตามข้ออ้างของชาติกล้าว่ามีงานด่วน

“เอ๊า...อะไรเนี่ย” ปลายฟ้าทำหน้างง และภูวนัยไม่พูดอะไรให้มากความไปกว่านี้

ชาติกล้ากลับไปนั่งที่รถ ล้วงเอากล่องกำมะหยี่เล็กๆออกจากเสื้อแจ็กเกตเปิดดูอย่างผิดหวัง...

มันคือแหวนที่เขาเตรียมจะเอามาให้ปลายฟ้านั่นเอง...

ooooooo

วันนี้...อนันต์ ทนายของคุณนายหยาดฟ้าเอาเอกสารมาให้พายัพที่บ้านบอกว่านี่คือพินัยกรรมของเสี่ยสมสุข พายัพเหล่มองพินัยกรรมถามขำๆ ว่า เอามาให้ตนทำไม ตนไม่ใช่ญาติพี่น้องของเสี่ยสักหน่อย

“เสี่ยแกเขียนพินัยกรรมฉบับนี้เอาไว้ให้คุณนายครับ แต่ตอนนี้คุณนายก็ตายไปแล้ว ผมก็เลยคิดว่า ถ้าคุณพายัพอยากเป็นผู้จัดการมรดก บางทีผมอาจจะช่วยจัดการให้ได้”

พายัพรับไปดูแล้วโยนแหมะลงบนโต๊ะพูดเยาะ “แค่เนี้ยนะ” อนันต์ตาโตถามว่าเกือบร้อยล้านยังบอกว่า “แค่นี้” หรือ

“เงินแค่ร้อยล้าน ผมหาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้แล้ว คุณเอากลับไปเถอะ”

เมื่อเอาพินัยกรรมมาให้แต่พายัพไม่สนใจ อนันต์เปลี่ยนเป็นเอากล่องเหล็กมาวางบนโต๊ะแทน บอกว่าสิ่งนี้เขาน่าจะสนใจ พลางเปิดกล่องเหล็กให้ดู พายัพมองแท่งข้อมูลในกล่อง

“ข้อมูลที่เสี่ยแกสั่งให้คุณนายหยาดฟ้านำไปให้ตำรวจถ้าแกตายครับ” อนันต์บอก

“คุณดูหรือยังว่าข้อมูลที่อยู่ในนี้คืออะไร” ถามพลางหยิบแท่งข้อมูลขึ้นดู

“แหม...ผมเองก็ฉลาดพอที่จะไม่หาเหาใส่หัวครับ แต่ผมรู้ว่ามันต้องเป็นข้อมูลสำคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเสี่ยแกคงไม่ระบุไว้ในพินัยกรรมให้คุณนายเอาไปให้ตำรวจหรอกครับ”

พายัพถามว่ารู้ไหมว่าเสี่ยก๊อบปี้ข้อมูลเอาไว้กี่ชุด อนันต์บอกว่าเท่าที่รู้ไม่มี แต่นึกขึ้นได้บอกให้พายัพลองอ่านพินัยกรรมข้อสุดท้ายดู พายัพหยิบพินัยกรรมมาเปิดอ่านแล้วพึมพำ

“ให้เอาพระสมเด็จที่แกแขวนอยู่ให้ตำรวจเหรอ”

อนันต์ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อนี้มันแปลกๆ หรือบางทีเสี่ยอาจจะก๊อบปี้ข้อมูลซ่อนไว้ในพระสมเด็จที่เสี่ยห้อยติดตัวไว้ตลอดเวลาก็ได้ พายัพคล้อยตามว่าอาจเป็นไปได้เพราะเสี่ยเป็นคนระวังตัวมาก บอกอนันต์ว่ากลับไปได้แล้ว อนันต์ทำกะลิ้มกะเหลี่ยถามว่าไม่มีอะไรให้ติดไม้ติดมือกลับไปบ้างหรือ

พอเจอพายัพมองขวับตาคมกริบ อนันต์ก็เสียวสันหลังวาบรีบบอกว่าถืิอเสียว่าตนไม่ได้พูดก็แล้วกัน คิดว่าเมื่อกี้เป็นเสียงเห่าเสียงหอนของลูกหมาตัวเล็กๆ พลันก็ฉุกคิดได้ถามว่า

“พูดถึงหมา คุณพายัพไม่อยากจะเลี้ยงหมาเหรอครับ” พายัพถามว่าทำไมต้องเลี้ยง “ก็...พอเสี่ยแกตายไป ผมก็เหมือนหมาไร้เจ้าของ ถ้าคุณพายัพจะเอ็นดูชุบเลี้ยงผมไว้ รับรองว่าผมมีประโยชน์กับคุณพายัพแน่นอน”

พายัพหันมายกมือตบไหล่อนันต์ป้าบอย่างสนิทสนม อนันต์ยิ้มดีใจ แต่พอฟังพายัพพูดว่า “ผมลืมบอกไปว่า ผมเกลียดหมา!” อนันต์ก็หน้าเหลือสองนิ้ว ไม่ทันที่อนันต์จะพูดอะไรอีก พายัพก็คว้าหมอนอิงมากดใส่หน้าอนันต์จนแน่นิ่งเอาหมอนออกแน่ใจว่าอนันต์ไม่หายใจแล้ว เขาสั่งลูกน้องอย่างเลือดเย็นว่า

“จัดการเหมือนเดิม แล้วก็...หาด้วยว่าตอนนี้ไอ้ผู้หญิงที่อยู่กับเสี่ยคืนนั้นอยู่ที่ไหน”

ooooooo

ที่ฟาร์มสุข...ไผ่พญาเข้าไปช่วยพรรษาล้างจาน ตีสนิทเลียบเคียงถามว่าทำไมภูวนัยกับพรรณรายหรือ “พั้นซ์” ถึงได้เลิกกัน พรรษาเล่าอย่างคนเก่าแก่ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังดีว่า

พรรณรายกับภูวนัยนั้นคงรักกันแบบเด็กๆ พอห่างกันเพราะพรรณรายถูกเสกสรรส่งไปเรียนที่อเมริกาก็พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะมารื้อฟื้นอะไรกับภูวนัยอีก

“รักแรกไงคะ...ป้าไม่เคยได้ยินเหรอว่ารักแรกมักจะเป็นรักที่เราจำไปตลอดชีวิต” ไผ่พูดราวกับกูรูเรื่องรัก

“ถ้าจะพูดว่ารัก...ป้าว่าคุณภูมีความรักให้กับคุณเหมือนฝันคนเดียวแหละค่ะ” ไผ่หูผึ่งเพราะเข้าทางตนถามว่า แล้วตั้งแต่คุณเหมือนฝันจากไป ภูวนัยไม่เคยมองใครเลยหรือ ถามแล้วรอฟังหูผึ่ง

“ตายแล้ว!” พรรษาร้องอย่างตกใจ ไผ่ถามว่ามีอะไรหรือ “อ๋อ...สองทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย ตายจริงละครมาแล้ว เดี๋ยวป้ามานะคะ” ว่าแล้วลุกจ้ำอ้าวไปเลย

ไผ่ถอนใจเซ็งๆ เรื่องที่อยากรู้เลยยังไม่รู้ ก้มหน้าล้างจานแต่ในใจสงสัยว่า “สมัยนี้ยังจะมีคนรักเดียวใจเดียวอยู่อีกหรือ?...หรือว่า...ไม่ละมั้ง” ไผ่คิดเองเถียงเอง

ครู่หนึ่ง มีเสียงคนเดินมา ไผ่นึกว่าพรรษามาแล้ว พูดโดยไม่หันมองว่า

“ฉันคิดออกแล้วคะว่าทำไมเจ้านายป้าถึงไม่ยอม มีใคร...ฉันว่า...คุณภูวนัยต้องเป็นเกย์แน่ๆ เลยค่ะ”

ที่แท้เป็นภูวนัย เขาได้ยินไผ่พูดถึงตัวเองแบบนั้นก็ชักสีหน้าไม่พอใจ ไผ่เห็นยังเงียบๆก็จ้อต่ออย่างมันปาก

“นี่ฉันไม่ได้คิดเอาเองนะคะ ป้าลองดูซิ พวกเกย์สมัยนี้น่ะ กล้ามใหญ่จะตาย แล้วคุณภูของป้าก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ถ้าใหญ่อีกนิดตัวเขียวอีกหน่อย คงเป็นเดอะฮัคได้เลย”

ไผ่คุยฟุ้ง เห็นเงียบผิดปกติเลยเงยหน้าดู ตกใจ แทบตายเมื่อกลายเป็นภูวนัยยืนตาขวางอยู่ จานในมือตก เพล้ง! เศษกระเบื้องกระดอนขึ้นมาบาดน่องพอดี เลือดไหลเป็นทาง

ภูวนัยพาไผ่ไปนอนคว่ำหน้ากับเก้าอี้ที่เอามาวาง เรียงกันเพื่อทำแผลที่น่อง ไผ่บ่นว่าทำไมไม่พาไปนั่งที่มันสบายหน่อย เก้าอี้มันแข็งจะตาย ภูวนัยถามอย่างหมั่นไส้ว่าจะให้อุ้มไปที่โซฟาเหมือนนางเอกละครงั้นหรือ

“อ๋อ...รู้ละ นายไม่อยากโดนตัวผู้หญิงใช่ไหม”

“ผมไม่อยากโดนตัวคุณต่างหาก” ภูวนัยหมั่นไส้เลยแกล้งราดแอลกอฮอล์ใส่แผลจนไผ่ร้องจ้ากว่ามันแสบ ภูวนัยประชดว่า “คงจะแสบน้อยกว่าคนที่โดนนินทามั้ง”

ภูวนัยทำแผลไปก็โต้เถียงกันไป ฝ่ายหนึ่งขี้โวยอีกฝ่ายชอบแกล้ง กว่าจะเสร็จโต้เถียงกันจนเหนื่อย เมื่อทำแผลเสร็จ ขณะภูวนัยเก็บอุปกรณ์ ไผ่ลุกขึ้นเอ่ยขอบคุณ เขาตอบโดยไม่มองหน้าว่า

“ไม่เป็นไร...ผมจะหักค่าทำแผลกับค่าจานจากเงินเดือนคุณแล้วกัน”

“โห...” ไผ่จะด่าว่าเค็มแต่พอเห็นแววตาเพชฌฆาตของภูวนัยก็เฉไฉเป็นว่า “ฉันขอบคุณนาย...เรื่องที่นายไม่ไล่ฉันออกต่างหาก” พูดแล้วเห็นเขาทำหน้าแปลกใจ ไผ่ชี้แจง “ก็ที่คุณพั้นซ์เขาบอกให้นายไล่ฉันออกไง”

ภูวนัยพูดอย่างไม่แยแสว่าตนมีเหตุผลและไม่ได้ช่วยเธอแต่ไม่อยากทำให้เมฆกับหมอกเสียใจต่างหาก พูดแล้วนึกได้ถามว่าเมื่อไรจะเริ่มสอนลูกๆตนเสียที สั่งว่าพรุ่งนี้ให้เริ่มสอนเมฆกับหมอกได้แล้ว ไผ่ทำเป็นดี๊ด๊าว่าอยากสอนมานานแล้ว แต่พอภูวนัยเดินไป ก็เครียดทันที ถามตัวเองว่า “สอน...? แล้วฉันจะสอนยังไงเนี่ย!”

รุ่งขึ้น เมื่อภูวนัยไปแอบดูการสอน เห็นม่านหมอกกับม่านเมฆก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมุดบนโต๊ะอย่างมี สมาธิ ส่วนไผ่พญานั่งหันหลังเอาเท้าพาดขอบหน้าต่างทำท่าเหมือนอ่านหนังสืออยู่

แต่พอเข้าไปดูเห็นสมุดของเด็กทั้งสองวาดเป็นรูปการ์ตูน เดินไปดูไผ่ปรากฏว่ากรนฟี้...เบาๆ อย่างหลับลึกทีเดียว พอปลุกก็สะดุ้งโหยง ภูวนัยเอาสมุดของหมอกกับเมฆให้ดู พูดอย่างไม่พอใจว่า ตนให้มาสอนหนังสือไม่ใช่ให้มาวาดการ์ตูนอย่างนี้

ไผ่พญาเถียงคอเป็นเอ็นว่าตนสอนให้พวกเขาวาดตามจินตนาการ และที่ตนไปนั่งหลับนั่นก็เป็นการลองประยุกต์วิธีสอนแบบใหม่ ภูวนัยโมโหจนพูดไม่ออก ซ้ำม่านเมฆกับม่านหมอกยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเรียนแบบนี้สนุกดี ไผ่พญาได้ทีขี่แพะไล่ ท้าเหยงๆ

“แต่ถ้านายอยากไล่ฉันออกก็ได้นะ...ฉันจะได้ขึ้นไปเก็บกระเป๋าเลย...ดีไหม”

ภูวนัยกัดฟันเจ็บใจที่กลายเป็นฝ่ายโดดเดี่ยวเดินหน้าดำออกไป ไผ่มองตามกลั้นหัวเราะกึกๆ ในคออย่างผู้ชนะ!

แต่หารู้ไม่ว่า คืนนี้ ขิงกับกระดังงา ถูกพายัพไปคุกคามในร้านอาหาร เอารูปไผ่ให้ดู ถามขิงว่า

“เพื่อนมึงอยู่ไหน!”

“พี่...ผมไม่รู้จริงๆ ตั้งแต่ไอ้ไผ่มันหนีไป มันก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย” ขิงหน้าเหลือสองนิ้ว ถูกลูกน้องพายัพจับกดคว่ำหน้ากับโต๊ะ แล้วพายัพก็คว้าส้อมปักฉึกลงไปเฉียดจมูกขิงไปเส้นยาแดงเดียว สั่งตายก่อนออกไปว่า

“กูให้เวลามึงสามวัน...ไปหามาว่าเพื่อนมึงอยู่ที่ไหน คงไม่ต้องบอกนะว่า ถ้าไม่เจอพวกมึงจะเป็นยังไง!”

ooooooo

นับวันชาติกล้าก็สงสัยพฤติกรรมที่เอาจริงเอาจังกับการตามจับคนร้ายที่ดักฆ่าหยาดฟ้าของมารุต ถึงขั้นลงไปหาหลักฐานบางอย่างที่ห้องเก็บหลักฐานเอง

มารุตเรียกชาติกล้าไปถามความคืบหน้าของคดี ชาติกล้าบอกว่าพวกมันตัดทุกอย่างที่จะสาวไปถึงพวกมันได้หมด

“ผมให้เวลาคุณอีกหนึ่งเดือน เราต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่าคุณนายหยาดฟ้า”

ฝ่ายจ่าราชัยกับวีระต่างก็บ่นคิดถึงหมวดภูวนัย คุยกันว่า ตอนทำงานกับหมวดมันส์เป็นบ้า บังเอิญชาติกล้ามาได้ยินอดรู้สึกน้อยใจนิดๆไม่ได้ แต่ความคับข้องใจในการทำงานและเคลือบแคลงในตัวมารุตที่เป็นผู้บังคับ– บัญชา เขาจึงเดินทางไปหาภูวนัยที่ฟาร์มสุข

เป็นเวลาที่ฟาร์มสุขกับเสกสรรรีสอร์ตกำลังมีปัญหากันพอดี เป็นปัญหาเก่าๆ คือลูกหมูหลุดไปวิ่งเพ่นพ่านที่รีสอร์ตนั่นเอง แต่คราวนี้เสกสรรวางแผนแก้เผ็ดอย่างเจ็บแสบ

ภูวนัยเองก็กำลังปวดหัวกับการสอนที่ไผ่พญาอวดอ้างว่าเป็นการสอนแบบประยุกต์โดยใช้การจินตนาการ ให้นึกเป็นภาพแล้วคิดว่าจริง ภูวนัยเถียงไม่ชนะจึงหาทางแก้เผ็ดไผ่ ขณะนั่งทานอาหารด้วยกัน ก็แกล้งตักกับข้าวของไผ่ไปแล้วให้ไผ่นึกเอาว่าตัวมีกับข้าวอยู่ หนักเข้าก็จะให้นึกเอาว่ามีข้าวอยู่ในจานเปล่าแล้วอิ่มได้

ทั้งสองหาทางกลั่นแกล้งกันจนแทบไม่เป็นอันกินข้าว แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพรรษาเข้ามาบอกภูวนัยว่าชาติกล้ามาหา

ชาติกล้าเข้ามาเห็นไผ่พญาก็มองงงๆ เธอรีบแนะนำตัวเองว่า

“ฉันชื่อไผ่...เป็นครูของเมฆกับหมอกค่ะ”

ภูวนัยถามชาติกล้าว่ามาเพราะเรื่องไปกินอาหารกับปลายฟ้าวันนั้นหรือ

“ไม่หรอก ฉันต้องขอบใจแกต่างหากที่พยายามช่วย แต่ที่ฉันมา เพราะเรื่องคดี แกเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงจับพวกสมสุขไม่ได้สักที”

ไผ่แอบดูทั้งสองคุยกันอยู่มุมหนึ่ง ม่านเมฆเข้ามาสะกิดถามว่าแอบฟังอะไรอยู่หรือ ไผ่ปฏิเสธว่าเปล่าถามว่าคนนั้นเป็นใครหรือ

“น้าชาติ...เพื่อนพ่อภูน่ะครับ”

ทันใดนั้นเสียงโวยวายของเสกสรรก็ดังขึ้น ตะโกนถามว่าไปไหนกันหมด ภูวนัยออกไปถามว่ามีอะไรหรือ

“เฮ้ย! มันต้องมีอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันไม่มาเหยียบให้ความซวยมันติดเท้ากลับไปหรอกเว้ย”

เสกสรรมาโวยวายเรื่องหมูจากฟาร์มหลุดไปที่รีสอร์ต ตนจึงเอามาคืน ว่าแล้วเรียกสมหมายเข้ามา

สมหมายถือจานเปลเข้ามาเปิดฝาครอบออก ภูวนัยตะลึงงันเมื่อเห็นหมูน้อยกลายเป็นหมูหันนอนแผ่อยู่ในจานเปล!

“มันจะมากไปแล้วคุณเสกสรร” ภูวนัยโกรธจนลมออกหู

“อ้าว...มากไปเหรอ...แบ่งให้ฉันเอากลับบ้านก็ได้นะ” เสกสรรปั้นยิ้มกวนสุดๆภูวนัยสุดทนปรี่เข้าไป ดีแต่ชาติกล้ารั้งไว้บอกให้ใจเย็นๆเสกสรรยิ่งท้าทาย “ทำไม...คิดว่าเป็นตำรวจแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไง”

ไผ่ตาเหลือกถามม่านเมฆว่าใคร! หมอนั่นเป็นตำรวจหรือ?

“ก็พ่อภูกับน้าชาติไงครับ อ้าว...ครูไผ่ไม่รู้เหรอครับว่าพ่อภูเป็นตำรวจ”

“หา!!” ไผ่ครางออกมา อยากตายไปเดี๋ยวนั้นเลย หูอื้อจนฟังอะไรไม่รู้เรื่อง ในขณะที่เสกสรรยังท้าทายด่าไม่เลิก

“ตำรวจน่ะเขาต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่มารังแกประชาชนอย่างนี้” หันไปจ้องหน้าชาติกล้า

“เป็นตำรวจเหมือนกันใช่ไหม อย่างหมูของเขาหลุดมาในรีสอร์ตผม อย่างนี้จะแจ้งข้อหาอะไรได้บ้างครับ”

ชาติกล้าบอกว่าคงแจ้งความอะไรไม่ได้แต่จะถูกแจ้งความกลับในข้อหาทำลายทรัพย์สินของเขาได้ พูดพลางหางตาไปที่หมูหันในจานเปล เสกสรรโวยวายหาว่าเข้าข้างกัน

“ผมไม่ได้เข้าข้างใคร คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ สถานีตำรวจก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล จะไปเลยไหม” ชาติกล้าถามแล้วบอกภูวนัย “เดี๋ยวฉันเป็นพยานให้แก”

เสกสรรโวยวายลั่นว่าไม่จริง ขู่จะไปร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน ป.ป.ช. ป.ป.ส. กกต. หยุดคิดแต่นึกไม่ออกว่ายังมีอะไรอีก เลยตัดบทว่าจะร้องเรียนทุกองค์กรให้ตรวจสอบ ชาติกล้าเลยบอกว่าแต่ตอนนี้เขาอยู่ในที่ของภูวนัยถ้าเพื่อนตนทำอะไรลงไปก็เอาผิดไม่ได้เพราะ “คุณเป็นฝ่ายบุกรุกเข้ามา”

“ไอ้...ไอ้...ไอ้พวกตำรวจหางแถว...ฝากไว้ก่อนเถอะ” เสกสรรเสียท่าเลยหุนหันกลับไปพร้อมสมหมายและหมูหัน

ภูวนัยขอบใจชาติกล้าที่มาห้ามไว้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องเป็นราวกันอีก

“แกทนให้มันมาหาเรื่องได้ยังไง ผิดกับนิสัยแกเลยนี่หว่า...เออ ฉันต้องกลับก่อน ส่วนเรื่องที่เราคุยกันไว้ ฉันอยากให้แกไปที่กรุงเทพฯ แล้วฉันจะเอาบางอย่างให้แกดู”

ชาติกล้ากลับไปแล้ว ภูวนัยหันมาเห็นม่านเมฆยืนอยู่ ถามว่าแล้วครูไผ่ล่ะ ม่านเมฆหันมองหาบอกว่าเมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้เลยนี่นา...ภูวนัยนิ่งไปอย่างแปลกใจ

ooooooo

ไผ่พญาหูตาเหลือกจ้ำอ้าวเข้าบ้านเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังไม่อยากเจอใครตอนนี้เลย พลันก็สะดุ้งเมื่อได้ยินพรรษาถามภูวนัยว่า เสกสรรกลับไปแล้วหรือ

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 4 วันที่ 15 เม.ย. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ