อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7 วันที่ 7 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7 วันที่ 7 เม.ย. 56

พอสนหันไปมอง เห็นเพียงแมวกับกบ กำลังหัวเราะกันคิกคักออกท่าออกทาง แล้วสองคนก็หยิบปี๊บมาคลุมหัวเดินชนกัน เองสนุกสนาน
“น่าอายแท้ๆ” กบเยาะ
แมวหยัน “อายจนต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดิน”
สองคนหัวร่อร่า “ฮะๆๆๆๆ”

ช้อยกับสนกลับมาถึงเรือนไม่พอใจที่กบกับแมวมาหัวเราะเยาะเหมือนยั่ว
“ถ้าไม่มีอะไร ทำไมนางสองคนนั่นมันต้องมาแสร้งเล่นเอาปี๊บคลุมหัวหัวร่อเยาะเราะเจ้าคะ คุณสน”
“ไอ้เอกมันฉายา มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก มันเล่นกลแน่ๆ แต่เราจับมันไม่ได้นึกออกแล้ว เร็ว เอ็งรีบไปดูเด็กติ๋วอยู่กับอีเนียนหรือเปล่า ไปให้ถึงก่อนไอ้เอกมันนะ” สนสั่ง


ช้อยพรวดพราดทำท่าจะลงทางหน้าต่าง สนกระชากไว้ ช้อยรีบกระโดดลงบันไดเรือนไป
“อีเนียน อีเรียม พวกมึงกำลังเล่นกับไฟ พวกมึงทำให้กูขายหน้า”

สนคำรามออกมาด้วยความแค้น
ฟากเนียนนั่งหลบในกระท่อม ใจคอไม่ดีกลัวใครมาเห็นว่าหนูติ๋วไม่ได้อยู่ด้วย เสียงช้อยตะโกนเรียกมาทางหน้ากระท่อม

“เนียนๆ เนียนอยู่ไหม”
เนียนตกใจ เสียงช้อยแหลมเข้ามาอีก
“เนียนคุณสนให้เอาของกินมาให้ ออกมาสิ ไม่ออกมาจะเข้าไปหาแล้วนะ”
เนียนตกใจมากขึ้นละล้าละลัง เสียงกระซิบมาจากหน้าต่างหลังกระท่อม
“เนียน เนียน”
เนียนหันไปหน้าหันมาหลัง ละล้าละลังหนัก
“เปิดหน้าต่างสิ” เอกบอกอีก
เนียนยกหน้าต่างขึ้นเอาไม้ยันเปิดไว้
“พี่เอก”
“รับหนูติ๋วไปเร็ว อย่าให้นางช้อยจอมสาระแน มันเห็นเครื่องประดับที่คุณนายเรียมใส่ให้มาทีเดียวนะ”
“จ้ะ เอ๊ะ หน้าพี่เอกโดนอะไรมา”
“ท่านขุนซ้อม แต่ช่างเถิด หนูติ๋วโกนผมไฟ รดน้ำมนต์มีชื่อจริงว่าเนื้อทอง ได้รับพรจากพระครบเป็นมงคลแก่ตัวทุกประการ”
เนียนรีบรับหนูติ๋วมากอดแนนบอก เอา ผ้าห่อติ๋วไว้จนมิดชิด เนียนดีใจจนน้ำตาคลอ
“ขอบคุณมากจ้ะพี่เอก ฝากกราบขอบพระคุณคุณนายเรียมด้วยจ้ะ”
ที่ด้านหน้ากระท่อม ช้อยพรวดเข้ามา พอดีกับที่เอกปิดหน้าต่างด้านหลังให้เนียน
เนียนยืนหันหลังให้ประตู
“เด็กติ๋วไม่ได้อยู่กับเนียนรึ”
เนียน หันกลับมาพร้อมเด็กในอ้อมกอดปิดบังมิดชิด
“ทำไมถึงคิดว่าหนูติ๋วไม่ได้อยู่กับฉัน”
“ก้อ ก้อ เอาน่า ร้องไห้ทำไมน่ะ”
“หนูติ๋วเป็นหวัด ไม่ค่อยสบาย ช้อยแทบจะพังประตูเข้ามามีอะไรรึ”
ช้อยยืนนิ่งเงียบงันไป

เอกแอบดูอยู่หลังกระท่อม มองลอดรูจากข้างนอกเข้ามาในกระท่อม ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แม่สนกับนางช้อยมันจองล้างจองผลาญเนียนไม่สิ้นสุด ทั้งที่เนียนก็ตกอับจนถึงที่สุดแล้ว เพราะเหตุใดกันหนอ”
เอกข้องใจนัก พยายามคิดไขปัญหาเรื่องนี้ให้กระจ่าง

ฟากสนผิดหวังปนแค้น มีช้อยนั่งกอดขาประจบเอาใจบีบนวดเท้า
“อีเนียน กูต้องจองล้างจองผลาญมึงไม่เลิกรา จนกว่า ไม่ชีวิตมึงก็ชีวิตกูจะหาไม่ เพราะมึงวางแผนกับพี่มึง มาทำร้ายกู ทำชีวิตกูเกือบพังพินาศ”
“ช้อย จะช่วยคุณสน จองล้างจองผลาญมันจนกว่าชีวิตจะหาไม่เช่นกันเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเอ็ง อีเนียนมึงทำให้ชีวิตที่ควรจะมีแต่ความสุขของกูสุขไม่เต็มที่ เพราะมีมึงกับลูกมีอีเรียมเป็นหอกคอยทิ่มแทงสะกิดให้กูรำคาญ”
“ช้อยละกลัวว่าไอ้เสือหนักมันจะให้อีเนียนไปบอกท่านขุนว่ามันเคยฉุดคุณสนไปข่มขืน จนได้ลูกเป็นคุณหนูแทิดศักดิ์”
“ข้าก็กลัว แต่ถ้ามันรู้ ทำไมอีเนียนมันจึงไม่เอ่ยปากบอกใครว่าไอ้หนักกับข้า...รึว่ามันไม่รู้”
“รึว่ามันรู้แต่มันดีมาก ไม่อยากเห็นคุณสนตกนรกเหมือนมัน”
“เอ็งห้ามชมมัน ข้าค่อนจะเชื่อมาทางว่ามันคงไม่รู้ พี่มันคงไม่ทันบอกเพราะไม่มีโอกาสบอก ขอให้ไอ้เสือหนักมันไปตายที่ไหนก็ไปซะอย่าได้วนกลับมารังควาญชีวิตข้าอีกเลย”
“นี่ไงเจ้าคะ ที่พระครูท่านว่า สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ ช้อยเองก็แสร้งสุขไปวันๆ แต่ในใจมันเหมือนมีอะไรมาตอกย้ำในสิ่งที่ทำไป ช้อยฝันร้าย เสมอ”
“ข้าฝันเห็นหน้าไอ้เหิม ไอ้หวาน ไอ้หมอเสน่ห์มันมักมาแทรกในความฝันสวยๆ ของข้าตลอดเวลา ภาพพวกมันน่ากลัวขึ้นทุกที พวกมันโกรธ เกลียดข้ารุมด่าประณามข้า”

ดูเหมือนสนและช้อยยังคงกังวลใจเรื่องหนักเสมอ
สามคนแพร โพล้ง และยายอ่อน ยังคุยกันต่อ ยายอ่อนเล่าเรื่องเนียนจบก็เข้าธุระของตัวเอง

“สาเหตุที่ฉันเข้าเมืองสุพรรณไม่ได้อีก เพราะสาบานไว้กับคุณนายเรียมไว้ ฉันบอกหมดเปลือกแล้ว ทีนี้มาคุยเรื่องที่นากันต่อ”
“นานั่นเนียนเขาได้มรดกตกทอดมาจากลุงน้อม” โพล้งบอก
“ถ้าจะซื้อก็ต้องซื้อจากเนียน” แพรเสริม
“แต่ฉันไม่อาจติดต่อกับเนียนได้”
“เอาอย่างนี้สิ ให้นายอิ่มลูกยายอ่อนเช่า ทำกินไปก่อน สบโอกาสเมื่อไหร่ก็ค่อยมาว่ากันเรื่องซื้อขาย” โพล้งออกความคิด
“แต่ถ้ามันยาวนานเกินไปจะรอไหวรึ เพราะคนที่นี่ก็ไม่อาจติดต่อเนียนได้เหมือนกัน” แพรท้วง
“ฉันจะปรึกษาลูกชายดู ถ้าสามารถช่วยให้ฉันซื้อได้อย่าบอกว่าเป็นฉัน บอกว่าคนซื้อชื่อ นายอิ่ม กระจ่างใจ นี่จ้ะ ที่อยู่ของเขา”
“ยายอ่อนก็ลองให้ลูกชายเขียนจดหมายไปหาเนียนดูสิ” โพล้งแนะ
“จริงสินะ”
ยายอ่อนเห็นดีด้วย

ด้านหนักอุ้มแดงน้อยนั่งครุ่นคิดอยู่หลังร้าน รู้สึกเศร้าสร้อยเรื่องชะตาชีวิตของเนียนกับลูกแฝด และตื่นเต้นเรื่องลูกกับสนที่มั่นใจว่าเกิดกับตัวเองแน่ๆ แพรกับโพล้งเข้ามาหา
“ข้าได้ยินยายอ่อนคนนั้นเล่า เข้าใจดีหมดแล้ว ข้าจะไปหาขุนภักดี ไปบอกความจริง ว่าเนียนคือน้องของข้า ส่วนอีคนมีชู้ก็คืออีสน ลูกของอีสนไม่ใช่ลูกเขา ข้าทนไมได้ที่เห็นเนียนต้องอาภัพอัปภาคย์ถึงเพียงนี้เพราะข้าคือต้นเหตุ”
“พี่หนักไปถึงแค่บ้านแพนหรือเจ้าเจ็ด พี่ก็เจอตำรวจยิงตายก่อนถึงบ้านท่านขุนแน่” โพล้งเตือน
“ถ้าพี่หนักมีอันต้องตายไป แล้วใครจะส่งเสียแดงน้อย มันเพิ่งจะสองขวบเท่านั้น” แพรว่า
“อีกประการ ถ้าพี่ผ่านด่านพวกนั้นไปถึงตัวท่านขุน พี่นึกบ้างไหมว่าลูกชายพี่ที่เกิดจากนางคนใจสัตว์นั่น จะย่ำแย่แค่ไหน” โพล้งบอกอีก
“ประการสำคัญอีกประการ แม้เนียนจะพ้นข้อหาคบชู้ แต่เนียนยังติดข้อหาหลอกท่านว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ ทั้งที่มีลูกมาแล้ว เนียนตายทุกประตู”
“มันสายเกินแก้ไขแล้ว ปล่อยให้เรื่องราวมันค่อยๆ คลี่คลายไปเอง ตามเวรตามกรรมที่ตัวใครตัวคนนั้นใครก่อไว้เถิด”
แพรบอกอย่างมั่นใจ “คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ดอก ยายอ่อนแกบอกว่า แม้นางสนคนนั้นจะชั่วร้าย แต่คุณนายเรียม ท่านแสนดีมีเมตตา และน่าจะระลึกบุญคุณของเนียนเรื่องยกลูกแฝดคนพี่ให้อยู่หรอกน่า”
“ข้าจะไม่ไปหาขุนภักดี และถ้าไม่จำเป็นข้าก็จะไม่มาที่นี่อีก ส่วนเรื่องเงินทองไม่ต้องห่วง จะส่งมาให้ แดงน้อยจนจำความได้ บอกเขาว่าลุงของเขาที่ชื่อลุงสิน รักเขามากและจะส่งเสียดูแลเขาจนเรียนจบแดงน้อยเอ๋ย หลานเป็นยิ่งกว่าชีวิตของลุง ลาก่อนหลานรัก”
หนักคิดตก ส่งแดงน้อยให้แพร แล้วผลุนผลันออกไปทันที

วันและเวลาหมุนเวียนเคลื่อนคล้อยไปอีก “ห้าปีผ่านไป”
ในวันนี้เรียมจูงเด็กหญิงทานตะวันวัย 5 ขวบ ที่ในมืออุ้มตุ๊กตามาด้วย ลงมาเล่นที่ลานเด็กเล่นในสวนหน้าเรือน ซึ่งมีชิงช้าให้นั่งเล่น โดยมีแมวกับกบตามติดมาคอยดูแล
“หนูอี๊ดจ๋า หนูอยากเล่นชิงช้าไปเล่นกับพี่กบพี่แมวนะคะ แม่เล่นไม่ไหวดอกเจ้าค่ะ” เรียมเอ่ยขึ้น
“พี่กบพี่แมวแก่แล้ว หนูไม่ชอบเล่นกับคนแก่ หนูอยากเล่นกับเด็กเหมือนหนู”
“เดี๋ยวกบจะไปเชิญคุณพี่เทิดศักดิ์ให้มาเล่นด้วยเจ้าค่ะ” กบเอาใจ
“หนูไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้ชาย หนูอยากเล่นกับเด็กผู้หญิง” ทานตะวันว่า
เรียมนิ่งไป ขุนภักดีเดินลงมาจากเรือนได้ยินเข้า
“บ้านนี้ไม่มีเด็กผู้หญิงเป็นเพื่อนหนูดอกลูกรัก รอให้หนูไปโรงเรียนก่อนหนูจะมีเพื่อนผู้หญิงเยอะแยะนะคะ”
“คุณพ่อโกหก บ้านนี้มีเด็กผู้หญิงหนึ่งคน หนูเคยเห็นเขาเล่นดินปั้นอยู่ที่เล้าหมู”
ทุกคนอึ้งไปทั้งแถบ

ขณะที่เด็กหญิงเนื้อทองกำลังเล่นวัวควายที่แม่เนียนปั้นให้อยู่นั้น จู่ๆ ก็รีบวางของเล่นลง เมื่อเห็นเนียนหิ้วข้าวหมูมา เนียนให้ข้าวหมู เนื้อทองเดินไปหาพยายามช่วยแม่
“หนูช่วยแม่เนียนนะ หนูรักแม่เนียนนะ แม่เนียนรักหนูไหม”
“โถ แม่ก็รักหนูที่สุด ในโลกสิจ้ะ แม่ขอบใจที่หนูช่วยแม่ แต่แม่ว่า หนูไปนั่งเล่นที่ชิงช้าดีไหมจ๊ะ”
“หนูช่วยแม่เสร็จก่อน หนูจะไปเล่นชิงช้า หนูกลัวแม่เหนื่อย” เด็กหญิงเนื้อทองว่า
เนียนซึ้งจนน้ำตาซึม

ส่วนที่ลานเด็กเล่นหน้าเรือนหลังใหญ่ ขุนภักดียังนิ่งงันอยู่ เรียมทำนิ่งเฉย พอดีทองจันทร์เดินมาสมทบอีกคน
“หลานจ๋า...เด็กนั่น นั่นมันลูกช...เอ้อ ลูกคนรับใช้ หนูไม่ควรไปเล่นกับมันดอกหลานอี๊ด”
“หนูโกรธคุณย่า คุณอย่าไม่ฟังหนู ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หนูอยากเล่นกับเด็กเหมือนหนู” ทานตะวันตะบึงตะบอนใส่ย่าอีกคน
แทนที่โกรธแล้วตักเตือนทองจันทร์ยิ่งชอบใจหัวเราะขำใหญ่
“ดูดู๋ ยัยหลานนิสัยหมือนพ่อเทพไม่มีผิด จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้”
ทานตะวันเดินมากอดมาหอม พร้อมกับอ้าแขนให้ขุนภักดีอุ้ม
“คุณพ่อขา ถ้าเขาเป็นลูกคนใช้ ของคุณพ่อ ก็ให้เด็กนั่นมาเป็นคนใช้ของหนูสิคะ หนูอยากใช้มัน”
ทุกคนมองหน้ากัน เรียมสอน
“หนูอี๊ดขา พูดจาดูถูกคนอื่นแต่เด็กแต่เล็ก ไม่น่ารักเลยค่ะ”
“แม่สนบอกว่าพูดจาแบบนี้น่ารักค่ะ เราเป็นนาย อย่าให้บ่าวมาตีเสมอ” ทานตะวันว่า
ทองจันทร์กลับเห็นงามตามหลาน “หนูอี๊ดพูดถูกจ้ะ แม่เรียม พ่อเทพว่าอย่างไร แค่ให้เด็กมันเล่นกันแต่ต้องให้รู้ว่าใครนายใครบ่าว จะมาตีเสมอไม่ได้”
เรียมท้วงอีก “แหม..คุณแม่ขา เด็กเล็กๆ แท้ๆ”
“ก็ได้ พ่ออนุญาตค่ะ หนูอี๊ด” ขุนภักดีเอ่ยขึ้น
“คุณพ่อใจดีจังเลย หนูรักคุณพ่อที่สุด”
ขาดคำทานตะวันก็วิ่งฉิวไปตรงไปทางเรือนเนียนทันที คุณย่าทองจันทร์ยิ้มปลื้ม
“ฉลาดเกินเด็กแท้ๆ หนูอี๊ดของย่า นางกบ ตามไปสิ นางแมวมานี่ ฉันอยากให้นวดสักหน่อย”
เรียมนิ่งเงียบไม่ออกความเห็น แต่แอบยิ้มดีใจ
“หนูอี๊ดใส่ทองหยองอะไรติดตัวไปหรือเปล่า ระวังจะตกหาย”
“กบ เขาดูอยู่ค่ะ พี่เทพ คงไม่หายดอกค่ะ”
ขุนภักดีพยักหน้า อดปรายตาไปทางเรือนเล้าหมูไม่ได้

ทานตะวันวิ่งตะลุยมาใกล้เรือนของเนียน ที่คอสวมสร้อยลูกปะคำทองคำแท้
“มีใครอยู่บ้าง ชั้นอยากเล่นกับเด็กลูกคนใช้”
เนียนกำลังแกว่งชิงช้าที่เอกมาทำไว้ให้เนื้อทองเล่น ตกตะลึง หยุดแกว่งทันที ที่ได้ยินเสียงของทานตะวัน
เนียนเหลียวมองไปน้ำตาพาลจะไหล
“หนูอี๊ดลูกแม่” เนียนรำพึงเบาๆ
เนียนเห็นทานตะวัน วิ่งมาทางที่เนียนอยู่อย่างร่าเริง แล้วมาหยุดตรงหน้ามองเนียน แบบไว้ตัวยกมือกอดอกจ้องหน้า
“ชื่นใจแท้ๆ” เนียนลืมตัวจะอ้าแขนออก แล้วนึกได้ รีบหุบเข้าไป “หนู เอ้อ...คุณหนูอี๊ด”
“ใช่ ชั้นชื่อคุณหนูอี๊ด แก แกเป็นคนใช้เลี้ยงหมูที่เป็นแม่เด็กคนนั้นใช่ไหม”
“เอ้อ ค่ะ”
“ชั้นอยากเล่นกับลูกแก แต่คุณย่าบอกว่า ลูกแกต้องเล่นเป็นคนใช้ชั้น เพราะชั้นเป็นนายของมัน”
กบตามมาทันพอดี ได้ยินก็ตกใจ “ตายแล้ว คุณหนูอี๊ดขา พูดจาเพราะๆ สิเจ้าคะ ทำไมพูดแทนตัวเองว่าชั้น ทำไม เรียกน้าเนียนว่าแกเจ้าคะ”
“มันไม่ใช่น้าหนู แม่สนบอกว่าใครๆ ก็เรียกคนใช้ว่าแกทั้งนั้น นี่แก บอกให้ลูกแกมาเล่นกับชั้นสิ”
เนียนสะเทือนใจกับคำพูดของหนูอี๊ด หรือทานตะวัน แต่ไม่ถือสาเพราะรักลูกมาก
“ค่ะ หนูติ๋วจ๋า หยุดเล่นชิงช้าก่อน แล้วมาเล่นกับคุณหนูอี๊ดนะจ๊ะ”
เนื้อทองลงมาตามที่เนียนบอก
“มาเล่นซ่อนหา แกเป็นคนหา ชั้นจะเป็นคนซ่อน”
เนื้อทองดูงงกับท่าทีคุกคามของทานตะวัน เนียนพยักหน้าให้ จึงเดินไปเล่นด้วย
“นิสัยถอดมาจากคุณนายสนเปี๊ยบ เพราะเขามาเอาไปเล่นที่บ้านเหมือนจงใจสอนอะไรที่แย่ๆ ให้จนกลายเป็นเด็กไม่น่ารัก” กบบ่น
“ก็น่ารักดีอยู่จ้ะ เอ้อ แล้วคุณนายเรียม ว่ากระไรบ้างจ้ะ”
“คุณนายเรียมท่านก็ว่าเอาสิจ๊ะ แต่คุณท่านกับท่านขุนให้ท้ายนี่จ๊ะ ทำอะไรน่ารักน่าเอ็นดู ฉลาดไปหมด อย่างที่เห็นนี่แหละจ้ะ”
ตลอดเวลาที่ฟังกบพูด สายตาของเนียนจับจ้องที่ทานตะวันอย่างมีความสุข
“แกนับไปนะ หนึ่งสองสามถึงสิบ ชั้นจะไปซ่อน” ทานตะวันบอก
เนื้อทองนับไป ทานตะวันวิ่งไปหาที่ซ่อน

ช้อยแอบมองอยู่ ผุดยิ้มออกมาเหมือนมีแผนการร้ายอีก
เรียมเรียกเอกมาพบบนเรือน แล้วยื่นสร้อยประคำทองแท้เช่นเดียวกับที่ให้ทานตะวันใส่ให้เอก

“สร้อยประคำของแท้ เหมือนกับของหนูอี๊ด รีบเอาไปให้หนูติ๋วระวังให้ดีอย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
“ขอรับ กระผมจะไม่ให้ใครเห็นเด็ดขาด ขอรับ”
“ตอนนี้ หนูอี๊ดขอไปเล่นกับหนูติ๋ว ชั้นก็เลยให้ไป พี่น้องจะได้พบเจอกันเล่นกัน รักผูกพันกันเนียนจะได้มีควาสมสุขที่เห็นลูกสองคนเล่นด้วยกัน”
“ดีมากขอรับ”
เอกรีบกำถุงสร้อยประคำ เดินออกไป

ที่เรือนเล็กของสน เด็กชายเทิดศักดิ์ เติบโตขึ้นมาดูเป็นเด็กสงบเสงี่ยม เรียบร้อยมาก อายุ 6 ขวบ แก่กว่าทานตะวันกับเนื้อทองหนึ่งปี
“ลูกเทิดศักดิ์จ๋า อีกไม่นานลูกต้องไปเรียนหนังสือที่บางกอก ดีใจไหมลูก”
“ดีใจนิดหน่อยครับ คุณแม่ คุณแม่เรียมจะให้น้องทานตะวัน ไปเรียนที่บางกอกด้วยไหมครับ”
“คงจะไปมั้ง แต่คงไม่ได้เรียนที่เดียวกับลูกดอกจ้ะ”
“แล้วน้องเนื้อทองเด็กผู้หญิงที่เรือนเล้าหมูนั่นเล่าครับ ไปเรียนด้วยไหมครับ”
สนฉุนกึก “ตายแล้วลูกแม่ แม่ฟังลูกเรียกเด็กนั่นว่าน้องแล้วแม่ คันมือคันไม้ไปหมด มันไม่ใช่น้องของลูก มันคือลูกคนใช้ ห้ามเรียกมันว่าน้อง”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ครับ ผมชอบน้องเนื้อทองเขาน่ารัก แต่ผมไม่ชอบน้องทานตะวัน เขาไม่น่ารัก เล่นด้วยก็ไม่สนุกเด็กอะไรเอาแต่ใจตัว”
สนยิ้มแอบพึมพำเบาๆ
“แม่ต้องการให้มันเอาแต่ใจเป็นเด็กไม่น่ารัก” พลางหันมาจ๊ะจ๋าโอบกอดเทิดศักดิ์ นานวันเข้าสนหลงรักเทิดศักดิ์เพราะยิ่งโตก็ยิ่งนิสัยดีงาม และหน้าตาน่ารักมาก “เราเป็นลูกนายจ้ะ จำเอาไว้ อย่าไปคบกับพวกลูกนางเนียนคนใช้ คนใช้นิสัยไม่ดีด้วย”
“น้าเนียนนิสัยดี พูดจาเพราะ ใจดี ปั้นวัวปั้นควายให้ผมเล่นด้วย”
สนไม่พอใจ “ต๊าย นี่ลูกไปหลงรักมันแล้วใช่ไหม ลูกจะรักมันมากกว่าแม่ไม่ได้นะ ไหนวัวควายที่มันให้อยู่ที่ไหน แม่จะเอาไปขว้างทิ้ง”
“ไม่ดอก ไม่ให้ขว้างทิ้ง”
สนงอนลูก “ไม่รักแม่ใช่ไหม แต่ไปรักคนใช้”
“ผมรักคุณแม่ที่สุด แต่ผมก็ชอบน้าเนียนที่สุดด้วย”
สนไม่ทันพูดอะไรต่อ ช้อยวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“คุณสนเจ้าขา คุณหนูอี๊ดกำลังเล่นซ่อนหากับเด็กติ๋ว ที่ใกล้เล้าหมูเจ้าค่ะ”
“ไปเล่นด้วยดีกว่า”
เทิดศักดิ์ได้ยิน วิ่งออกไปทันที สนห้ามไม่ทัน
“อีเรียม มันยังไม่ละความพยายามยาจะยกย่องลูกอีเนียน ข้าแปลกใจจริงๆ เหมือนกับที่ข้าไม่เข้าใจพี่ขุน ปล่อยให้ลูกตัวเองมาเล่นกับลูกมันได้ยังไง”
ช้อยครุ่นคิด “หรือว่าสายสัมพันธ์มันลึกซึ้ง ผูกผันกันโดยไม่รู้ตัวว่าที่แท้คือพ่อลูกกันจะพูดไป ก็ดองกันไปจนนับญาติไม่ถูกนะเจ้าคะ”
สนแว้ดใส่ “หยุดนะ เอ็งห้ามพูดเรื่องนี้อีกเด็ดขาด เอ็งกับฉันมีหน้าที่ทำให้หนูอี๊ดเกลียดนังเด็กติ๋วมากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
“ช้อยมีแผนการดีๆ เจ้าค่ะ ช้อยเห็น คุณหนูอี๊ดใส่สร้อยประคำทองคำแท้เจ้าค่ะ ช้อยว่า…”
สนนึกแผนออกสวนขึ้นทันควัน “ข้าไม่ได้ฟาดฟันอีเนียนมานานห้าปีแล้ว ถึงเวลาสักที แต่ข้าจะอ้างว่าไปตามหาลูกเทิดศักดิ์”
ช้อยกับสนเดินตามกันฉับๆ ออกไป

ขุนภักดีเดินอยู่แถวเรือนใหญ่ อดที่จะชำเลืองมองมาทางเรือนข้างเล้าหมูของเนียนไม่ได้ จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ที่พบเนียนครั้งแรกก็ผุดขึ้นในหัวท่านขุน เป็นเนียนที่แสนสวยงามและอ่อนหวาน
ขุนภักดีครุ่นคิด
“ทำไม ทำไม เด็กสองคนนั้นหน้าตาเหมือนกันราวกับเด็กฝาแฝด”
ขุนภักดีใจลอยเผลอตัว เดินลัดเลาะมาตามเสียงเด็กหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วหยุดฟังเสียงเด็กแล้วแอบมองไปตามเสียงหัวเราะ

เห็นเนียนยืนมองดูเด็กๆ เล่นกันอย่างเพลิดเพลิน และมีความสุขเป็นที่สุด เนียนยิ้มเต็มยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน ส่งสายตา มองแต่หนูอี๊ด หรือ ทานตะวัน
กบอยู่ด้วยเอ่ยขึ้น “เนียน เนียนยิ้มสวยจัง ยิ้มสวยที่สุดตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านนี้ เนียนไม่เคยยิ้มแบบนี้มาก่อนนี่นา ดูสิเอาแต่มองคุณหนูอี๊ดแล้วยิ้มมีความสุข ทำยังกะ เธอเป็นลูกของเนียน”
เนียนสะดุ้งตกใจตัวเองที่คงแสดงออกมากไปรีบหยุดยิ้ม
“เอ้อ ฉันมีความสุขที่เห็นคุณหนูเธอมีความสุขสนุกสนานจ้ะ”
“แล้วไม่ทุกข์บ้างรึที่คุณหนู เธอเล่นแบบข่มหนูติ๋วตลอดเวลา” กบว่า
“เธอเป็นลูกนายนี่จ๊ะ”

กบคอยวิ่งตามดูเด็กๆ
เด็กหญิงทานตะวันเล่นแบบข่มๆ เด็กหญิงเนื้อทอง แต่เนื้อทองก็ยอมโดยดี

“แกหาอีก ชั้นจะซ่อนอีก เข้าใจไหม” ทานตะวันวางอำนาจใส่
“แต่ หนูติ๋วหามานานแล้วนี่คะ คุณหนูอี๊ด” เนื้อทองว่า
“แกจะขัดใจชั้นหรือ บอกให้หาก็หาสิแกเป็นลูกคนใช้ แกต้องทำตามที่ชั้นสั่ง แกเข้าใจไหม”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7 วันที่ 7 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager