อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 8 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 8 เม.ย. 56

โพล้งกับแพรมองชื่นใจ
“เนียนคงดีใจถ้าได้เห็นว่าแดงน้อยน่ารักฉลาด ขนาดนี้” โพล้งว่า
“แถมสุภาพมีมารยาท รู้จักช่วยงานช่วยการ อยากรู้นักว่าถ้ามันรู้ตัวว่ามันรวยมาก มันจะกำแหงไหม”
“เอ็งละก้อพูดจาเหลวไหล คนจะดีจะชั่ว มาจากการอบมรมเบื้องต้น ข้าอมรมมากับมือ มันดีเหมือนข้า” โพล้งบอก

แพรทำท่าอ้วกใส่ “อยากจะอ๊วกรดหน้า ถ้าเหมือนเอ็งมันก็กลายเป็นโจรไปแล้ว มันดีเหมือนข้าตะหาก”
“นางขี้โม้ ถ้าเหมือนเอ็งมันก็ต้องปากมาก ปากปลาหมอ อยากโดนพี่หนักตัดลิ้นรึ พูดเรื่องโจรออกมาได้นี่”


แดงน้อยเดินมาหาสองคน
“ลุงครับป้าครับ แขกรออาหารครับ นี่ครับ ใบสั่งอาหาร”
สองคนหยุดเถียงกันหันไปรีบทำอาหาร คนส่งของเดินเข้ามา
“ใครชื่อเด็กชายแดงน้อยครับ”
ทุกคนหันไปมอง แดงน้อยเดินไปหาสวัสดีอย่างน่ารัก
“สวัสดีครับ ผมแดงน้อยครับ”
แดงน้อยรับของมา เห็นเป็นห่อของขวัญ โพล้งกับแพรมาอ่าน
“ของขวัญวันเกิดของแดงน้อย”
“ลุงสินส่งมา”
แดงน้อยตื่นเต้นรีบเอาของขวัญมากอดแนบอก ดีใจ และมีความสุขมาก

ส่วนที่ลานโบยเนียน ขุนภักดีหงุดหงิดไม่อาจตีเนียนได้ เพราะเทิดศักดิ์ขวางไว้
“พ่อบอกให้ออกมา เทิดศักดิ์”
“ถ้าผมไม่ออกเล่าครับ”
“แปลว่าอยากโดนโบย”
“ครับ โบยสิครับ คุณพ่อ”
สองคนจ้องหน้ากัน นิสัยเหมือนกันจะเอาชนะกัน ขุนภักดีไม่กล้าตี เทิดศักดิ์ก็รู้ สนกับช้อยมองหน้ากันสนโกรธลูกจนตัวสั่น
“ช้อยดูดู๋ดูลูกกูมันทำ”
ทองจันทร์อึ้งไป เรียมน้ำตาซึม
“นางเนียนมันมีดีอะไรทำไมหลานเทิดศักดิ์ถึงรักมันหนักหนา”
“เทิดศักดิ์มีความคิดโตเกินเด็กรุ่นเดียวกัน แกนิสัยเหมือนพี่เทพคือนิสัยไม่ยอมแพ้ค่ะ” เรียมว่า
“ออกไปเถิดค่ะ คุณเทิดศักดิ์ น้าเป็นคนเลวน้าสมควรโดนลงโทษ” เนียนบอก
“น้าเนียนเป็นคนดี คนไม่ดี พูดจาหยาบคาย ใจร้ายใส่ร้ายคนอื่นแต่น้าเนียนไม่ใช่” เทิดศักดิ์ย้ำ
ช้อยเห็นท่าไม่ดีรีบกระซิบ “เอาไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณสน ไปอุ้มมาเถิดเจ้าค่ะ”
สนปราดไปกระชากเทิดศักดิ์
“อยากเจ็บตัวใช่ไหม ไอ้เด็กดื้อ”
“ปล่อยผมนะคุณแม่สน”
“ไม่ปล่อย เด็กอะไรอวดดีกับพ่อแม่”
เทิดศักดิ์ผลักไสไม่ยอมให้จับตัว ยื้อกันไปมา สร้อยปะคำที่ชายพกของสนก็หล่นลงมาอีกเส้น
สร้อยปะคำหล่นตกลงที่พื้นทุกคนตกตะลึงไปทั้งแถบ โดยเฉพาะขุนภักดี
เรียม ทองจันทร์ ช้อย และสนตะลึง
“สร้อยปะคำ”
ทองขึ้นเสียง “นี่มันอะไรกัน”
สนโยนทันที “นางช้อยค่ะ คือ นางช้อย”
“คุณแม่ดึงไปจากคอน้องอี๊ดเองแท้ๆ” เทิดศักดิ์ว่า
ทุกคนเริ่มลังเล สนด่าลูกชาย
“เด็กอกตัญญู กล้าใส่ร้ายแม่”
“เด็กไร้เดียงสาโกหกไม่เป็นใช่ไหมครับคุณพ่อ” เทิดศักดิ์หันมาทางขุนภักดี
“เอาละ สรุปได้ว่า สร้อยปะคำมีสองเส้น”

ทองจันทร์เอ่ยขึ้นเสียงดัง
ขุนภักดีเริ่มได้คิด

“รึมันจะเข้าทำนองปลาตะเพียนมีสองตัว เมื่อห้าปีก่อน”
ขุนภักดีลดแส้ในมือลง นึกดีใจที่ไม่ฟาดลงไปอีก และเสียใจที่ฟาดไปแล้ว
“เนียนไม่ได้ขโมย รีบแก้เชือกเนียน ซะ” เรียมสั่ง
“เอาคนที่มันขโมยจริง มาโบยแทน” ทองจันทร์สั่ง
สนปัดสวะชี้ไปที่ช้อยทันที
“นางช้อย มันเอามาส่งให้สน มันบอกว่า เนียนปลดมาจากคอหนูอี๊ด นางช้อยโกหกสน ให้หลงเชื่อผิดๆ”
ช้อยตาเหลือก รับไปเต็มๆ “คุณสน”
พวกบ่าวชายหญิงทุกคนร้องพร้อมๆ กัน อย่างโกรธแค้น “นางช้อย”
ช้อยร้องลั่น “อย่านะเจ้าคะ อย่าโบย ช้อย”
“ความจริงปรากฏแล้ว เอ้อ..” ขุนภักดีไม่อยากจะเอ่ยชื่อเนียน หันมาทางช้อย “เป็นเพราะเจ้าจงใจใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาขโมย เจ้าต้องโดนโบย”
ช้อยยังคงร้องลั่น “คุณสนเจ้าขา แก้ต่างให้ช้อยสิเจ้าคะ ช้อยเป็นคนของคุณสนนะเจ้าคะ”
ขุนภักดีเสียงแข็ง “เป็นคนของใคร ข้าก็ไม่ละเว้น ถูกไหมสน”
“พ่อเทพพูดถูก”
“เอ็งเป็นคนของสน ข้าจะให้นายเอ็งโบยเอ็งยี่สิบที สนอย่ายั้ง สั่งสอนให้มันสำนึกเลิกทำตัวเป็นบ่างช่างยุ” ขุนภักดีมองหน้าสน
“กบ แมว นับให้แม่สนโบยมันยี่สิบทีอย่าให้ขาด แต่จะเกินสักหน่อยก็ปล่อยแม่สนเขาไป” ทองจันทร์บอกย้ำ
ช้อยร้องให้โฮ เนื้อทองรีบวิ่งไปกอดแม่ร้องไห้ไป หัวเราะไป
“คุณนายเรียมเจ้าขา สร้อยนี่ลุงเอกเอามาให้แม่เนียนต่างหาก”
ทุกคนหันไปมองเอก ที่มาถึงยืนหน้าจ๋อย

เวลาต่อมา ขุนภักดีกับทองจันทร์อยู่บนเรือนแล้ว กำลังนั่งจ้องหน้าเอกตาเป๋ง
“ไอ้เอก” ทองจันทร์เรียกเสียงดัง
ขุนภักดีชิงพูดแดกดันขึ้น “เอ็งอีกแล้ว คราวนี้ญาติมหาเศรษฐี ฝ่ายไหนของเอ็งทำสร้อยปะคำเกินมาให้เหมือนปลาตะเพียนอีกรึ”
“รึว่าเอ็งมีอะไรกับนางเนียนมันจริงๆ ดังที่ใครๆ สงสัย จะได้สั่งโบยเอ็ง อีกคน” ทองจันทร์ว่า
“นายเอกไม่มีเงินจะไปซื้อของแพงอย่างนั้นแจกใครดอกค่ะ คุณแม่” เรียมเอ่ยขึ้น
“นี่ เรียมจะบอกว่ากระไร”
“เรียมสั่งทำมาสองเส้นเรียมให้นายเอกเอาไปให้หนูติ๋วเองค่ะ คนผิดก็เรียมนี่แหละค่ะ”
“ทำไมใจดีกับมันเท่าเทียมลูกของตัวขนาดนั้น ทำราวยังกับว่าติดหนี้มันมาแต่ชาติปางก่อน”
“เรียมเห็นว่ากำลังจะถึงวันเกิดเด็กสองคนนี่ เรียมก็เลย…”
“จัดการให้ของขวัญมันเทียบเทียมลูกตัวเอง จะยกย่องมันไปถึงไหน” ขุนภักดีโมโหโกรธา
“พี่เทพอยากโบยเรียมก็ได้นะคะ”
“เรียมชักจะกล้าหาญกับพี่มากขึ้นทุกที ตั้งแต่มีหนูอี๊ด”
“เรียมขอโทษค่ะ” เรียมหันมาทางทานตะวัน “หนูอี๊ดพูดความจริงออกมา ว่าใครปลดสร้อยปะคำจากคอหนู”
ทุกคนจ้องไปที่ทานตะวัน
“พูดออกมาหนูอี๊ด ย่าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ใครมันจะกล้ามาทำอะไรหลานย่า” ทองจันทร์ว่า
เทิดศักดิ์ท้วงติง “คุณย่าให้ท้ายน้องอี๊ด ให้เป็นเด็กเสียคน”
เอกกับเรียมแอบยิ้ม ทองจันทร์ทั้งฉุนทั้งขันระคนเอ็นดูที่เทิดศักดิ์ฉลาดพูด
“ฉันโดนหลานมันถอนหงอกเข้าให้แล้ว จริงของหลานเทิดศักดิ์เอาละ ต่อไปนี้ย่าจะเพลาๆ เอาใจให้ท้ายหนูอี๊ดลงซะบ้าง แต่แม่เรียมจะไปบีบคั้นลูกตัวนิดเดียวให้มาตอบเรื่องผู้ใหญ่ไปทำไม”
“หนูอี๊ด แม่จะไม่บังคับให้หนูตอบว่าใครปลดสร้อยหนู แต่แม่จะขอเตือนว่าหนู เป็นลูกแม่ เชื่อฟังแม่อย่าเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่”
“อ้าวแม่เรียม ช่วยหลานเทิดศักด์ถอนหงอกแม่อีกคนแล้วรึ” ทองจันทร์นึกว่าเรียมว่าตัวเอง
“หามิได้ค่ะ เรียมหมายถึง คนอื่นที่ไม่ใช่คุณแม่ค่ะ”
“คุณแม่เรียมหมายถึงคุณแม่สนครับ คุณย่า คุณแม่สนชอบสอนน้องอี๊ดให้เสียเด็ก” เทิดศักดิ์เอ่ยขึ้น
“เรื่องนี้เลิกแล้วต่อกัน เรียมจ๊ะ พี่ขอเป็นครั้งสุดท้ายเรื่องให้ของเด็กนั่น เหมือนให้ลูกเรา อย่าทำอีก”
“ทำไมคนเราต้องแตกต่างครับคุณพ่อ ทำไมน้าเนียนต้องไปอยู่กระท่อมเล้าหมู เหม็นแคบยิ่งกว่าห้องคนรับใช้ ทำไมทุกคนต้องรังเกียจน้าเนียนทั้งที่น้าเนียนนิสัยดี หนูติ๋วก็ไม่ได้เป็นเด็กนิสัยเสีย พวกเขาน่าสงสารมาก”
คำพูดซื่อๆ ของเด็กชายวัย 6 ขวบ กระแทกเข้าหน้าขุนภักดี จนนิ่งงันไป ในใจสงสารเนียนไม่น้อยที่ทำร้ายเนียนไปผิดๆ ทองจันทร์ก็เช่นกัน
“เวทนาเด็กติ๋วไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เห็นหน้ามันทีไร เผลอจะเรียกผิดเป็นหนูอี๊ดทุกที จับไปแต่งตัวเหมือนกันทำผมเหมือนกันขึ้นมาละก้อ จำผิดจำถูกกันบ้างละ”
เรียมเอกเผลอมองหน้ากัน
“ไอ้เอก บอกแม่มัน ห้ามเด็กนั่นไว้ผมเหมือนหนูอี๊ดเด็ดขาด”
“คุณย่าเป็นใหญ่ในบ้านนี้ที่สุด อย่าให้เขาอยู่ที่กระท่อมเล้าหมูได้ไหม ครับ” เทิดศักดิ์ขอร้อง
“หลานย่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเวสสันดร พ่อเทพแม่ว่าให้มันกลับมาอยู่ ห้องที่มันเคยอยู่ตอนมาครั้งแรกนะพ่อเทพ”
“แล้วแต่คุณแม่เถิดครับ คุณแม่ใหญ่ที่สุดในบ้านนี่ครับ”
“วันนี้ฉันโดนรุมถอนหงอก จะเอาไปทำยำหัวหงอกกินมื้อเย็นรึ”
ทองจันทร์บ่นอุบ เรียมแอบยิ้มพอใจ ขุนภักดีหันมาทำตาเขียวใส่ เรียมจึงเสอุ้มทานตัวันขึ้นมาหอมไปมา

ฟากนางช้อยสันดานชั่วกำลังรับกรรม ถูกโยงกับต้นไม้ ร้องไห้โฮๆๆๆ มีสนกำลังโบย กบกับแมวช่วยกันนับ
“สิบสี่ สิบ…”
“โอ๊ย พอทีนะเจ้าคะ ช้อยเจ็บ ช้อยไม่ไหวแล้ว เนื้อคนนะเจ้าคะไม่ใช่หนังช้าง”
“เอ็งทำข้าเสียหายหลายแสนเอ็งทำให้ทุกคนอาจเข้าใจข้าผิดได้”
สนฟาดแส้ลงไปอีก
กบกะแมวนับต่อ “สิบห้า สิบ...”
“คุณสนเป็นต้นคิด ช้อยแค่เห็นดีเห็นงามต่างหาก คุณสนใจร้าย”
“หยุดนะ ข้าทำตาม คำสั่งพี่ขุน”
สนฟาดลงไปอีก
“สิบหก สิบ...”
ช้อยหันมามองสนอย่างน้อยใจ “คุณสนเจ้าขา ทำไมช้อยต้องรับกรรม ที่ไม่ได้ก่อขนาดนี้ คุณสนโยนบาปขว้างกรรมมาใส่ช้อยแท้ๆ”
“มึงหยุดนะอีช้อย นี่แน่ะ นี่แน่ะ”
สนบันดาลโทสะที่ถูกแฉ ฟาดแส้อย่างแรงๆ สี่ทีรวด
กบกะแมวนับเร็วๆ “สิบเจ็ด สิบแปด สิบเก้า ยี่สิบ”
ช้อยร้องครวญคราง “โอ๊ย ช้อยเจ็บใจจะขาดแล้ว แก้มัดช้อยไวไวสิเจ้าคะ”
“นางกบ นางแมว แก้มัดสิ”
สนหันมากบกับแมวหายหัวไปแล้ว
“มันวิ่งหนีไปแล้ว คุณสนช่วยช้อยก่อนเจ้าคะ”
“ตะโกนเรียกไอ้แทนให้มันมาแกะให้สิ สมน้ำหน้า”
สนสะบัดหน้าเดินหนีไป
ช้อยมองตามเริ่มจะไม่ไหวกับสน
“เสียแรง จงรักภักดี เสียแรง อีช้อยยอมพลีให้ทั้งชีวิต ทำไมไร้น้ำใจกับอีช้อยผู้ภักดีถึงปานนี้ รู้บ้างไหมว่าอีช้อยมันเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งหัวใจ”

ช้อยสะอื้นน้ำตาไหลพราก ทั้งเสียใจทั้งน้อยใจสน
ด้านเนียนกับเนื้อทองกำลังย้ายของมาอยู่ห้องเดิมที่เคยอยู่ตอนมาครั้งแรก ท่ามกลางความยินดีของเอก กบ และแมว

“แม่เนียนจ๋า หนูดีใจ ที่เราได้ย้ายมาอยู่ห้องใหม่”
“คุณเทิดศักดิ์เธอขออนุญาตคุณท่านให้เรามาอยู่ที่นี่จ้ะ” เนียน
“คุณหนูเทิดศักดิ์ เธอมีใจเมตตาผ่าเหล่าผ่ากอแท้ๆ” เอกว่า
“ผ่าเหล่าผ่ากอแม่สนน่ะสิ นิสัยกลับมาคล้ายทางเนียน ทั้งที่ไม่ได้ดองกัน” กบบอก
“ท่านขุน ยังพอมีเมตตา เพียงแต่ว่าหูเบาไปนิดหนึ่ง” แมวว่า
“ประมาณว่าปากร้ายใจดี ถ้าไม่วู่วามละก้อ ท่านมีน้ำใจไม่น้อย” กบ
เนียนไม่รู้สักนิดว่าเทิดศักดิ์เป็นหลานในไส้ “ฝากพี่เอกขอบคุณ คุณหนูเทิดศักดิ์ด้วยนะจ๊ะ วางของไว้ตรงนั้นแหละจ้ะ ฉันจะขนเข้าไปเอง”
“แม่เนียนจ๋า ทำไมพ่อของหนูติ๋วไม่มาหาแม่เนียน ไม่มาช่วยแม่เนียน ไม่ให้โดนรังแกบ้างจ๊ะ” เนื้อทองพูดพาซื่อ
เนียนนิ่งไป ทุกคนเงียบกริบ แล้วรีบออกไป เนียนดึงลูกมากอด
“พ่อหนูตายไปห้าปีแล้วจ้ะ” เนียนพูดเท่านั้นก็บิกตัวเองในใจ “ตายไปจากชีวิตจิตใจของแม่”
เนียนกลั้นน้ำตาไว้

ขุนภักดีให้นึกเสียใจที่วู่วามตีเนียนไปหลายที ได้แต่ทอดถอนใจ ขณะมองไปยังเรือนคนใช้
ภาพที่เนียนโดนโบย น้ำตานองผุดขึ้นมาหลอกหลอน
“นี่เราหูเบาวู่วามเกินไปอย่างที่ลูกเทิดศักดิ์ตำหนิจริงๆ ด้วย”
ขุนภักดีได้สติ มองไปที่เนียนนึกสะท้อนใจ

เนียนกับลูกโอบกอดกันน้ำตาคลอ
“พ่อเป็นอะไรตายจ้ะ แม่เนียน”
“เขา เขาเอ้อป่วยตายจ้ะหนูติ๋ว”
“เอ้อ จ้ะ เขาใจดี”
“เขารักแม่เนียนกับหนูมากใช่ไหมจ้ะ”
“จ้ะ เขารักเราสองคนมาก”
“หนูดีใจหนูกลัวเขาใจร้ายเหมือนท่านขุน หนูเกลียดท่านขุน”
“ตายแล้ว อย่าพูดอย่างนั้นนะหนูติ๋ว แม่ขอร้อง อย่าพูดอีก”
เนื้อทองพยักหน้า

ขุนภักดียังคงคิดไม่ตก
“เด็กติ๋ว เป็นลูกใครกันนะ ถ้ามันเป็นลูกเสือหนัก โตขึ้นมันอาจใจคอโหดร้ายเหมือนพ่อมัน เอ๊ะ...”
ท่านขุนเขม้นมองซ้ำไปที่เนียน
เห็นเหมือนว่าเนียนกำลังโอบกอดทานตะวันอยู่ เพียงแค่ใส่เสื้อสวยกว่าเนื้อทอง
ขุนภักดีขมวดคิ้ว สะบัดหัว
“เรานี่ถ้าจะบ้า เห็นเด็กนั่นเป็นหนูอี๊ดอีกแล้ว เด็กนั่นไม่ใช่ลูกเรา เด็กนั่นมันเป็นลูกชู้ แม่มันเป็นนางแพศยา”
ระหว่างนั้นทองจันทร์ไม่รู้เดินมาจากไหน มายืนใกล้ๆ ลูกชาย ถอนหายใจเช่นกัน
“เมื้อกี้แม่มองเห็นเด็กติ๋ว เป็นหนูอี๊ดอีกแล้ว”
“คุณแม่เห็นอย่างนั้นหรือครับ”
“ก็พ่อเทพเล่าเห็นอย่างนั้นหรือเปล่า เห็นขมวดคิ้วนิ่วหน้าร้องเอ๊ะๆ”
“ผมไม่ได้มาดูพวกนั้น ผมมาดูต้นไม้ครับ” ขุนภักดีแก้เกี้ยว
“แม่ก็มาดูต้นไม้” ทองจันทร์แก้เกี้ยวบ้าง “แต่เผอิญให้เห็นเนียนกับเด็กติ๋วมันดูน่าเวทนา บางครั้งแม่ก็อดเผลอคิดไปว่า เนียนไม่น่าจะมีชู้ เด็กนั่นน่าจะเป็นลูกของพ่อเทพ ดูปากคอคิ้วคางสิต่างกับพ่อเทพซะที่ไหน”
ขุนภักดีถูกแทงใจดำ รีบตัดบท “ขอทีครับ คุณแม่ ผมไม่อยากฟัง”
“เพราะพ่อเทพเองก็เคยแอบคิดเหมือนแม่ นึกถึงความดี สิ่งดีที่เนียนมันทำมาตลอดเวลาที่อยู่กับเรา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะกล้ามีชู้”
“ผู้หญิงคนนั้นโกหกหลอกลวงเราทุกคนมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ว่าไม่เคยมีลูกมีผัวนี่ไม่ใช่วิสัยคนดีดอกครับคุณแม่”
“แม่เข้าใจ แต่แม่น่ะแก่มากแล้ว พระครูท่านว่า ต้องตัดรักโลภโกรธหลงให้ได้ แม่ไม่อยากจะจองเวรกับเด็ก”
“เวลานี้ทุกคนกำลังเอนไปเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นหมด แม้กระทั่งลูกชายของผม ผมกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ” ขุนภักดีประชดประชัน
“แม่แค่อยากเป็นผู้ให้ อยากเป็นผู้สร้างมากกว่าเป็นผู้รับหรือผู้ทำลาย”
“คุณแม่ต้องการให้ผมทำอะไรหรือครับ”
“ได้ยินว่า พ่อเทพจะส่งหลานเทิดศักดิ์ไปเรียนประจำที่บางกอก”
“ครับ ผมจะส่งลูกเทิดศักดิ์ไปเรียนที่โรงเรียนวชิราวุธครับ”
“ก็โรงเรียนเก่าของพ่อเทพนั่นแหละ แม่จำได้ พ่อเทพเอาไอ้เอกมันไปเป็นเพื่อนด้วย”
“ไม่มีไอ้เอกผมคงเหงาแย่ มันรู้ว่าผมเมตตารักใคร่มัน มันเลยทำตัวเป็นไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกใส่ผมเสมอ”
“แต่มันก็ไม่ได้ทำชั่วร้าย เลวทราม อะไร ก็ยังถือว่าใช้ได้ หลานเทิดศักดิ์น่ะเก่งกาจฉลาดล้ำ คงไปหาเพื่อนใหม่เอาข้างหน้าได้ง่ายๆ แต่หนูอี๊ดน่ะสิ เอาใจยาก เข้ากับใครลำบาก คงหาเพื่อนยากสักหน่อยถ้ามีใครไปเป็นเพื่อนสักคนจะได้ไม่เหงา”
ขุนภักดีกับทองจันทร์มองไปที่เนียนกับเนื้อทอง
“คุณแม่มาตะเภาเดียวกับเรียมอีกคนแล้ว”

ทองจันทร์แอบยิ้มเจ้าเล่ห์
ขุนภักดีมองไปเห็นเนียนนั่งกอดเนื้อทอง สองแม่ลูกคุยกันไปมา

“หนูไม่อยากให้พ่อตาย” เนื้อทองว่า
“ทุกคนเกิดมาต้องตาย ต่างกันที่จะช้าหรือเร็ว แม่จะเป็นทุกอย่างของหนูติ๋วที่หนูติ๋วอยากให้แม่เป็น”
“แม่เป็นอย่างทุกวันนี้หนูก็ดีใจแล้วจ้ะ หนูรักแม่เนียน แม่ดีที่สุด”
“หนูก็ดีที่สุดจ้ะ แม่ก็รักหนูที่สุดจ้ะ”
เนียนน้ำตาซึม เนื้อทองซบตักแม่มีความสุขเป็นที่สุด

ฝ่ายขุนภักดีกับทองจันทร์ถอนใจออกมาพร้อมๆกัน
“เรียมให้คุณแม่มาบอกผมหรือครับ”
“ก็อะไรทำนองนั้นแหละ มองมันสิ มันซบตักแม่มันร้องไห้โหยหาความสุข มันต่างกับหนูอี๊ดตรงที่ดวงตามันเศร้า มันเว้าวอน เหมือนแม่มัน”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 8 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager