อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/4 วันที่ 1 พ.ค. 56
เทิดศักดิ์กับขุนภุกดีตกใจ “คุณแม่” / “แม่สน”เอกกะแทนก็อุทาน “คุณสน”
สนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“เอ๊ะ...แม่สนตกใจแล้วทำไมไม่ไปแอบบนเรือน มาแอบทำอะไรแถวนี้”
“หรือว่าคุณแม่มาแอบดูโจร หรือว่าคุณแม่มารอยัยช้อย”
“เปล่านะ แม่ แม่ กลัว กลัวเหลือเกินกลัวจนป้ำๆ เป๋อๆ ทำอะไรไม่ถูก”
สนสั่นไปทั้งตัวจริงๆ แล้วแสร้งหมอแรงล้มลงไปกองที่พื้น
“คุณแม่”
“แม่สน”
เทิดศักดิ์ปราดไปหาสน ขณะที่สนแอบหรี่ตามองสองคน
ฝ่ายทองจันทร์ เรียม เนียน ทานตะวัน และเนื้อทอง มารวมตัวกันอยู่ในบ้านทองจันทร์กันแล้ว ทานตะวันยังเอาเรื่องเนียนต่อ
“ยัยเนียน แกบอกมาสิว่าแกกับเสือหนัก เป็นอะไรกัน พูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่แม่กับคุณย่าจะพูดจากับน้าเนียนเอง” เรียมขัด
“คุณแม่ อย่าใช้คำเรียกมันว่าน้ากับหนู หนูไม่ยอมเรียกคนอย่างมันว่าน้าเด็ดขาด”
“เออ เรามันเก่ง สักวันเถิด เรานั่นแหละ ที่จะสะดุดแข้งขาตัวเองจนน้ำตาเช็ดหัวเข่า” เรียมฉุน
“คุณแม่แช่งหนูอีกแล้ว คุณแม่อยากได้นังติ๋วมาเป็นลูกแทนหนู”
“ฟังพูดเข้า เดี๋ยวมันก็จริงจนได้ ให้ยัยติ๋วเป็นลูกแม่แก แล้วแกกลายเป็นลูกเนียนดีไหมล่ะ” ทองจันทร์หมั่นไส้
ทานตะวันโวยลั่น “โอ๊ย...คุณย่าขา อย่าเปรียบเทียบอะไรที่มันไม่จริง”
“วันหลังก็เลิกจิกเลิกด่าดูแคลนคนอื่นเขาเสียที” เรียมว่า
“ก่อนพูดอะไร สวดนะโมสามจบแล้วค่อยพูด” ทองจันทร์ผสมโรง
“คุณย่าก็เหมือนกัน อยากได้ นังติ๋วมาเป็นหลานแทนหนู หนูไปเป็นลูกแม่สนดีกว่า”
ทองจันทร์แขวะ “ทุกวันนี้แกก็ทำตัวเหมือนเป็นลูกแม่สนยิ่งกว่าตาเทิดศักดิ์เขาอีก กระซิบกระซาบกระเซาะกระแซะกันตลอดเวลา เชื่อฟังแม่สนจะเป็นจะตาย เดี๋ยวก็ตายเพราะมันเข้าสักวันหรอก”
“หนูอี๊ด กลับไปเรือนเรา แล้วไปสงบสติอารมณ์ ไตร่ตรองผิดชอบชั่วดี พิจารณาตัวเองว่าที่ผ่านมา ทำอะไรไม่เหมาะสมไปบ้าง ปรับปรุงตัวเองเรื่องความอิจฉาตาร้อนเกลียดชังดูแคลนคนอื่นซะ”
“แม่เขาพูดถูกนะหลาน หนูมีชีวิตที่ดีที่สุขสบายมากแล้ว ทำไมต้องจ้องไปโกรธไปชิงชังรังเกียจคนอื่นให้จิตใจหมองมัว แม่กับย่า จะมารักใครมากกว่าหนูไปน่ะไม่มีดอก แต่ที่ย่ากับแม่ทำดีกับเขาเพราะว่าเราเกิดมาเป็นคน ต้องรู้จักแบ่งปัน เขาดูแลย่า ปรนนิบัติรับใช้ย่า จงรักภักดีย่า ย่าก็ปันให้เขา มันเปรียบไม่ได้กับที่หนูและเทิดศักดิ์จะได้หรอก กลับไปเรือนตัวเอง แล้วทำตามที่แม่เขาบอกเถิด ยัยติ๋ว ย่าเหนื่อยมากแล้ว ย่าจะเข้านอน”
“ค่ะ"
เนื้อทองจะเข้ามาประคองเนียน เรียมเรียกไว้
“เนียน ไปที่ห้องของเนียน ชั้นมีอะไรจะคุยกับเนียน”
“ค่ะ”
เรียมจูงแขนเนียนพากันเดินไปห้องของเนียน ทานตะวันมองตามตาขวางไม่พอใจมาก
ฟากสนนอนเป็นลมอยู่บนเรือน มีเทิดศักดิ์กับท่านขุนดูแลพัดวีนวดเฟ้น
“ผมไม่เคยเห็นคุณแม่กลัวมากเท่านี้มาก่อนนะครับ คุณพ่อ”
“พ่อก็เห็นอย่างเดียวกับลูกนั่นแหละ หรือว่ามันมีอะไรมากกว่านี้”
“มีแน่ครับ มีใครบางคนมายิงปืนในบ้านของเรา แล้วเฉี่ยวแม่สนไป”
“หรือว่ามันตั้งใจยิงจริงๆ แม่เรามันปากร้ายนัก อาจมีใครจงเกลียดจงชังเอาจนอยากขู่ให้กลัวก็ได้”
“คุณแม่อาจรู้ว่าใครลอบยิงเอา”
“นั่นสิ แต่พ่อคิดว่ามันแค่ยิงขู่ให้กลัว ถ้ามันยิงจริง แม่แกตายแล้ว”
สองคนมองหน้ากัน
“มันเป็นใครกันแน่”
“แม่แกเท่านั้นที่อาจรู้”
สนลืมตามองมาที่ขุนภักดีกับเทิดศักดิ์แล้วต้องผงะ เพราพเห็นหน้าท่านขุนกับเทิดศักดิ์กลายเป็นหน้าหนักกับเหิม
“อ๊าย...กลัวแล้ว ๆๆ”
“คุณแม่ นี่ผมนะครับ”
“นี่พี่นะ แม่สน”
สนเขม้นมองดีๆ แล้วถอนใจแต่ยังสั่น
“ลูกเทิดศักดิ์...พี่ขุน”
“แล้วแม่สนคิดว่าใครรึ”
“คุณแม่กำลังกลัวใครอยู่หรือครับ”
สนส่ายหน้า
“มะ.. ไม่มีหรอกลูก พี่ขุนคะ สนมีอะไรจะบอก”
“บอกมาสิ”
สนอึกอัก ขุนภักดีกับเทิดศักดิ์รอฟัง
ขณะเดียวกันภายในห้องนอนของเนียน เรียมถามซักเอากับเนียน
“เนียนไม่ต้องไปบอกพี่เทพ เรื่องเสือหนัก แต่บอกชั้นคนเดียวเท่านั้น และชั้นสัญญาว่า จะไม่เอาไปพูดกับใครทั้งสิ้น แม้แต่กับคุณแม่”
“เอ้อ...”
“แต่ถ้าเนียนไม่ต้องการพูด ชั้นจะไม่เคี่ยวเข็ญ ชั้นเคารพการตัดสินใจของเนียน”
“ค่ะ ที่ท่านขุนท่านได้ยินนั่น มันคือเรื่องจริงค่ะ”
เรียมงวยงง “หมายความว่า เนียนพูดถึงเสือหนักจริง เสือหนักกับเนียนเกี่ยวข้องกันจริง”
“เอ้อ...”
“หนูติ๋วเป็นลูกเขา” เรียมถาม
เนียนส่ายหน้า) ไม่ใช่ดอกค่ะ แต่หนูติ๋ว เป็น...”
“เป็นอะไรรึ”
เรียมมองหน้าเนียนตั้งใจฟังที่เนียนบอก
ส่วนสนมีท่านขุนกับเทิดศักดิ์จ้องหน้ารอฟังคำบอกเล่า เสียงหนักดังก้องขึ้นในหูสนอีกครา
“สั่งให้พูดเรื่องเนียน”
“ไหนว่ามีอะไรจะบอก ทำไมเงียบไปเลย” ขุนภักดีถามอีก
“บอกมาสิครับคุณแม่ ว่ามันเรื่องอะไร”
“เรื่องเนียน”
ขุนภักดี กับเทิดศักดิ์อุทาน “เรื่องเนียน” / “เรื่องน้าเนียน”
“มีเรื่องอะไรกับน้าเนียนอีกแล้วหรือครับ”
“สนกลัวว่าพี่จะไม่เอาเรื่องนังแพศยานั่นรึ”
“น้าเนียนทำอะไรให้คุณพ่อโกรธครับ”
“มันกลัวว่าพ่อกับลูกและแดงน้อย จะช่วยกันฆ่าเสือหนัก มันไปสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้คุ้มครองเสือหนัก พ่อได้ยินกับสองหูของพ่อ”
“คุณพ่อไม่ได้หูฝาดแน่นะครับ”
“ไม่ฝาดแน่ ไม่เพียงได้ยิน พ่อเห็นกับตาด้วย มันสวดไปร้องไห้ไปเหมือนใจจะขาด”
สนโพล่งออกมา “เพราะสนค่ะ สนผิดเองค่ะ”
สองคนถึงกับงงมองหน้าสน อุทานลั่น
“อะไรนะ”
ทางด้านเนียนบอกความจริงกับเรียมไปว่าเสือหนักเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน พูดแล้วเนียนน้ำตาไหลพราก เรียมปลอบโยน
“ที่เนียนเรียนไปทั้งหมดนั่นคือความจริงที่เนียนต้องการจะเก็บไว้เป็นความลับไปจนตาย”
“ชั้นรู้ความจริงแล้ว ชั้นก็จะเก็บไว้เป็นความลับไปจนตายเช่นเดียวกันสบายใจเถิดเนียน เพราะอย่างน้อยก็ยังมีชั้นที่รู้ความจริงว่าเนียนกับเสือหนักไม่ได้ทำผิดต่อพี่เทพ”
“ขอบพระคุณ คุณเรียมมากค่ะ”
“ชั้นก็ขอบใจมากที่เนียนไว้ใจ เชื่อใจชั้น ต่อไปนี้ชั้นจะไม่ให้ใครมารังแกด่าว่าเนียนเรื่องนี้อีก”
“ช่างเถิดค่ะ พรุ่งนี้เนียนกับลูกคงต้องขอกราบลา”
“ไม่ได้นะเนียน ไม่ได้เด็ดขาด”
เนียนได้แต่ส่ายหน้า
“เนียนไม่อาจแก้ตัวกับท่านขุนได้ เนียนทำให้ท่านอับอายขายหน้าเพราะเนียนมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ทั้งโกหก เรื่องมีลูกมาแล้ว ทั้งปิดบังเรื่องเสือหนัก เนียนต้องจบเรื่องนี้ค่ะ และท่านก็ได้ออกปากไล่เนียนแล้วนะคะ”
เรียมพูดไม่ออก
สนฝืนใจพูด เทิดศักดิ์กับขุนภักดีฟังแล้วแปลกใจ
“คืนนั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผู้ชายที่สนบอกว่ามาเอาสร้อยกับแหวนไปจากเนียน ความจริง สนไม่เห็นเองดอกค่ะว่าเป็นใคร”
“คุณแม่ นี่คุณแม่ทำอะไรลงไป ไม่ได้เห็นเองว่าเป็นใคร แล้วทำไมคุณแม่บอกว่าเป็นเสือหนักครับ”
สนโยนบาปให้ช้อยตามเคย “แม่ คือแม่ ..นังช้อยมันบอกแม่ว่ามันจำได้ว่าเป็นเสือหนัก แม่ก็เชื่อมัน”
“เรื่องเกิดมายี่สิบกว่าปี ทำไมคุณแม่เพิ่งมาพูดความจริงเอาป่านนี้”
“แล้วทำไมเจ้าตัวมันไม่เคยปฏิเสธ เมื่อสักครู่มันก็ไม่ปฏิเสธ”
“คือ สนไม่สบายใจเรื่องนี้มานาน กลัวบาปกรรมตามสนอง เสือหนักจะอาฆาตตามเข่นฆ่าสน สนจึงตัดสินใจบอกความจริงเนียน ขอร้องเนียนให้ช่วยแก้กรรมให้สน ด้วยการสวดมนต์อ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องให้มันรอดพ้นจากการถูกจับมันจะได้เลิกจองเวรสน เพราะสนเอาชื่อมันไปแอบอ้าง”
“แปลว่าสนทำให้พี่เข้าใจผิดมันเอ้อ...เนียนมานานแล้ว”
“สนขอโทษค่ะ”
“ทำไมสนถึงจะคิดว่าเสือหนักจะรู้ความจริงว่าสนใส่ความมัน”
“มันคงรู้แหละครับ ผมมั่นใจว่าคนที่มายิงคุณแม่คือเสือหนัก” เทิดศักดิ์บอก
สนสะดุ้งโหยง ใจหายวาบส่ายหน้าไปมา
“แม่กลัว แม่กลัว...พี่ขุนขา อย่าไล่เนียนไปจากที่นี่ ช่วยไถ่บาปแทนสนสักครั้ง”
ขุนภักดีกับเทิดศักดิ์มองสนด้วยความแปลกใจ สนร้องไห้วิงวอนกราบกรานไม่เลิก ท่านขุนไม่ได้รับปาก
แต่เทิดศักดิ์ครุ่นคิดแปลกใจ
ฝ่ายเรียมนั่งรอขุนภักดีอยู่ในห้องนอน สักครู่หนึ่งท่านขุนเดินเข้ามาหน้าตาหงุดหงิดเอาการ
“พี่รู้นะว่าเรียมนั่งรอพี่เพื่อจะพูดอะไรกับพี่”
“ถ้าพี่เทพรู้ ก็ทำตามที่เรียมกำลังจะขอร้องเถิดนะคะ อย่าไล่เนียนไปจากที่นี่”
“พี่ไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ เมื่อสักครู่ สนก็บอกกับพี่เหมือนที่เรียมบอก”
เรียมแทบไม่เชื่อหู “อะไรนะคะ สนขอพี่เทพไม่ให้ไล่เนียนไปจากที่นี่ หมาจะงอกเขาเต่าจะมีหนวดแล้วกระมังคะ”
“สนอ้างว่าเรื่องเสือหนักกับเนียน ช้อยเป็นคนมาบอก สนไม่ได้เห็นเอง”
“แล้วทำไมมากลับคำเอาป่านนี้ไม่ทราบ”
เสียงคำพูดของเนียนที่บอกกับเรียมว่า ที่ขุนภักดีได้ยินเป็นเรื่องจริงดังก้องในหู
“สนกลัวเสือหนักตามอาฆาต เลยบอกความจริงเนียน ให้เนียนไปแก้กรรมแทนด้วยการสวดมนต์ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเสือหนัก” ขุนภักดีว่า
“ช่างเหลือเชื่อ ถ้าเช่นนั้นพี่เทพก็ไม่ต้องไล่เนียน”
“พี่เอ่ยปากไล่ไปแล้ว พี่จะคืนคำได้อย่างไร”
“คืนคำเพื่อทำสิ่งดีมีคุณธรรม ดีกว่ากลับคำเพื่อทำร้ายคน พรุ่งนี้เนียนกับลูกคงมากราบลา เรียมจะเปิดโอกาสให้พี่เทพพูดกับเนียนตามลำพังค่ะ”
“นี่พี่กำลังโดนเมียสองคน รุมขนาบซ้ายขวาให้เมตตา คนใจง่าย”
ขุนภักดีบ่น ไม่ให้คำตอบว่าอะไร เรียมได้แต่หวังว่าสามีจะใจอ่อน
ด้านสนนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เสียงหนัก บอกว่าจะยิงให้โดนในคราวหน้า ดังก้องในหู ตามด้วยภาพหน้าตาเอาจริงน้ำเสียงแข็งกร้าวของหนักที่สั่งให้สนไปแก้ต่างกับขุนภักดีเรื่องเนียน
สนคิดเครียดเผลอโวยวายดังลั่น
“อย่าฆ่าชั้นนะ อย่าทำ อย่าทำ ชั้นกลัวแล้ว”
เทิดศักดิ์ได้ยินรีบวิ่งเข้ามาในห้อง
“คุณแม่ ตกใจโวยวายอะไรอีกแล้ว”
สนส่ายหน้า
“แม่ฝันไปน่ะ แม่คงละเมอ”
เทิดศักดิ์มองที่นอน เห็นว่ายังไม่มีร่องรอยใครลงไปนอน จึงเดินไปดูใกล้ๆ
“คุณแม่นั่งหลับจนละเมอหรือครับ คุณแม่ไม่ได้นอนบนที่นอนนี่ครับ”
สนหงุดหงิด “จับผิดแม่อีกแล้ว ก็แม่เผลอหลับ ไม่รักไม่ห่วงแม่ ไม่คิดจะช่วย แต่ดันกลับมาจับผิด”
“ตรงกันข้ามครับ ผมจับผิดคนมาลอบยิงคุณแม่ต่างหาก ผมกลัวว่าจะมีใครแอบมาทำร้ายคุณแม่ คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไร ผมขอตัวครับ นอนนะครับคุณแม่”
พลางเทิดศักดิ์พาสนมานอน ห่มผ้าให้ แล้วเดินออกไป สนดึงมือเทิดศักดิ์ไว้ สีหน้าหมองเศร้า
“ลูกเอ๊ย...”
“ครับ..คุณแม่”
สนพูดพร่ำรำพันออกมา “แม่รักลูกมาก รักลูกจริงๆ แม่รักลูกจนบางครั้งอาจทำอะไรเกินเลยไป เพราะความรักลูกต้องการปกป้องลูก”
“ผมเป็นลูกขุนภักดีภูบาลนะครับ ไม่ใช่ลูกตาสีตาสา ผมมีทุกอย่างที่ใครๆ ต้องการจะมี ชีวิตผมดีงามสุขมากมายเกินใครๆ ไม่ต้องรักผมมากเกินไป ไม่ต้องห่วงใยผมจนเกิดปัญหา ถ้ารักผม ช่วยรักตัวเอง ห่วงตัวเอง อย่าก่อปัญหา ถ้าคุณแม่ลดอารมณ์ในด้านร้ายลงมากๆ ความสุขของผมจะเพิ่มพูน นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ ไม่ใช่สมบัติเงินทอง” หนุ่มแสนดีพูดเตือนสติมารดา
“จ้ะ...แม่เชื่อลูก”
“หลับแล้วตั้งจิตให้สงบ จะได้ไม่ฝันร้ายนะครับ”
เทิดศักดิ์ก้มลงไปโอบแม่
“ขอบใจมากที่รักแม่”
สนตื้นตันจนน้ำตาคลอ
เช้าวันต่อมาทองจันทร์ส่ายหน้า ออกคำสั่งใส่เนียนกับเนื้อทอง ที่กำลังก้มลงกราบลา
“เนียนกับลูกขอกราบลาเจ้าค่ะ” เนียนไหว้
“ชั้นไม่รับ ไม่ให้แกสองคนกราบลาไปไหนทั้งสิ้น บอกแล้วว่าที่นี่มันบ้านชั้น ใครจะมาไล่พวกแกไม่ได้” ทองจันทร์บอก
“เนียนสมควรโดนไล่ เนียนเป็นคนเลวมากไม่สมควรอยู่ที่นี่ต่อไปนะเจ้าคะ” เนียนยืนกราน
ทองจันทร์ถอนใจเฮือกใหญ่ “เรื่องความเลวของแก ชั้นไม่รู้แน่ชัด เพราะมีแค่ลมปากว่า เกิดถ้าแกไม่ผิด ก็เท่ากับชั้นปรักปรำแก แถมเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ท่านพระครูท่านสอนให้ปลง ทำใจให้ว่างเปล่า ชั้นจึงขอดูเอาจำเพาะสิ่งดีงามที่แกทำให้ชั้นมายี่สิบกว่าปี แต่ที่ฉงนใจ ทำไมแกต้องไปลงทุนสวดมนต์ภาวนาอย่างที่พ่อเทพเขาพบเห็นขนาดนั้น”
สนมาจากไหนไม่รู่ แต่หน้าตาหม่นหมอง เข้ามาไหว้ทองจันทร์
“สนเองค่ะ สนขอให้เนียนบนบานสวดมนต์แก้กรรมให้สนเรื่องเสือหนักค่ะ”
ทองจันทร์ประหลาดใจ “ไฮ้...นังกบ นังแมว ช้างจะบินได้ นกจะบินไม่ได้ตกลงมาตาย แกช่วยไปหาอะไรมาไขหูชั้นหน่อยสิ ชั้นฟังอะไรผิดไปใช่ไหม”
เนียนกับเนื้อทองเองก็ตกใจไปด้วย กบกะ แมวมองหน้ากันแบบเหลือเชื่อ
“ไม่ผิดดอกค่ะ คุณแม่ เรื่องมันเกิดเพราะนังช้อยมันใส่ความเนียนว่าคนที่มาหาเนียนเมื่อยี่สิบกว่าปีนั่นเป็นเสือหนัก สนก็หูเบาทั้งที่ไม่ได้รู้เห็นไปด้วยสักหน่อย เชื่อมันซะสนิทใจ ไม่ไตร่ไม่ตรอง”
กบกะแมวประสานเสียง “ต๊าย”
ทองจันทร์ตบเข่าฉาดใหญ่
“อยากจะตบหน้าอีช้อยนัก หล่อนก็หูเบา นี่เกิดนึกอะไรขึ้นมาทำตัวเป็นเสือสำนึกบาป หน็อยอมพะนำความจริงไว้ได้ทนทานนานยี่สิบกว่าปีทำไมจู่ๆ ตัดสินใจคายออกมาง่ายๆ ผีอะไรดลใจหล่อนยะ”
“สนกลัวบาปค่ะ”
“กลัวบาปหรือกลัวเสือหนัก กลัวมันรู้ว่าใส่ร้ายมันแล้วมันจะตามเข่นฆ่าราวีเอา” ทองจันทร์เยาะ
“ทั้งสองอย่างแหละค่ะ” สนหันมาทางเนียน “เนียนชั้นขอโทษ ความจริงเมื่อวานชั้นจะบอกพี่ขุนว่าชั้นใช้เนียนเอง ขออย่าลงโทษเนียน แต่เกิดเรื่องยิงปืนกันก่อน”
ทองจันทร์ไม่เชื่อ “หล่อนเนี่ยนะยะ จะบอกความจริงพ่อเทพ เห็นบอกแต่ให้พ่อเทพเอาแส้ม้าหวดเนียนมันแท้ๆ ยุบหนอพองหนอ ผีดีงามที่ไหนมาสิงสู่ในอกในใจคุณนายสน ผู้ไม่เคยระย่อต่อใดๆ ทำไมมากลัวเสือหนักซะมากมายจนยอมคายความจริง”
“ขอโทษนะเนียน” สนกล้ำกลืนฝืนใจบอกเนียนทั้งที่ในใจร้อนระอุ
ทานตะวันเดินเข้ามา ได้ยินสนขอโทษเนียนพอดี แหวใส่
“แม่สน ไปขอโทษมันทำไมคะ หนูกำลังจะมาดูว่ามันจะไปกันแล้วหรือยัง แอบขโมยอะไรติดไม้ติดมือไปหรือเปล่า”
“ย่ะ... ถ้าสองคนนี่มันขโมยอะไรไปได้ ชั้นจะขอให้พวกมันขโมยความเลวของใครหลายคนที่นี่ใส่หม้อลงอาคมไปทิ้งแม่น้ำท่าจีนซะให้หมดย่ะ” หญิงชราแดกดันหลานสาวตัวแสบ
กบกะแมวแอบหัวเราะ จังหวะนี้เอกเข้ามารายงาน
“ขอประทานอภัยที่มาสอดแทรกขอรับ คือว่าท่านขุน มีบัญชาให้เนียนไปพบที่เรือนโน้นขอรับ หมายเหตุว่าไปตามลำพัง”
“ไปเถิดย่ะ ฝากหมายเหตุไปบอกพ่อเทพด้วย ชั้นหวังว่าแม่เนียนไปตามลำพัง แม่เนียนคงจะไม่พบความลำเค็ญกลับมานะยะ” ทองจันทร์อดประชดไม่ได้
เนียนสบตาลูกสาว แล้วถอยออกไป ทานตะวันงวยงง กระซิบถามสน
“นี่มันอะไรกันคะแม่สน”
สนกระซิบตอบพร้อมกับส่ายหน้า ทองจันทร์แอบได้ยิน
“อะไรรึ ก็ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกกระมังหนูอี๊ด ใช่ไหมน่ะแม่สน”
สนแอบเบือนหน้าหนี ตาถลน คำรามในลำคอ แค้นจัด
“อีเนียนมึงทำกูขายหน้า”
ไม่นานต่อมาขุนภักดีมองเนียนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทีประดักประเดิด พูดไม่ถนัดปาก เนียนก้มหน้าไม่สบตา แล้วครู่หนึ่งท่านขุนก็พูดแบบพาลๆ
“ทำไมไม่บอกว่า แม่สนเขาสั่งให้สวดอ้อนวอนเหลวไหลนั่น”
“เอ้อ...”
“พูดอะไรออกมานอกจากคำว่าเอ่อ... เป็นสักคำไหม”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ”
“ก็พูดมาว่าความจริงคือกระไร สิ”
“เอ้อ…”
ขุนภักดีหงุดหงิดมากขึ้น “กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากมาก จนทำให้ชั้นกลายเป็นไอ้คนใจดำอำมหิตผิดมนุษย์ก็เพราะไม่ยอมพูดนี่แหละ บอกให้พูดออกมา”
“เจ้าค่ะ เนียนขอกราบลา” เนียนบอก
ท่านขุนตกใจ
“ว่ากระไรนะ”
“เอ้อ...เนียนขอกราบลา ไปตามบัญชาที่ท่านสั่งค่ะ”
“แล้วทำไมชั้นจึงสั่ง คิดเป็นบ้างไหม”
“เพราะเนียนเลวทรามต่ำช้าคบชู้สู่ชายเจ้าค่ะ” เนียนบอกเสียงเรียบ
“หยุดประชดกันนะ อย่ามาแกล้งประชดประชันให้ชั้นเสียหน้า นี่ถ้าแม่สนเขาไม่มาสารภาพละก็ ชั้นก็ต้องเข้าใจผิด ทุบตีทำร้ายหล่อนอีก จะให้ชั้นเข้าใจผิดไปจนตายรึ เจตนาจะให้ชั้นหอบกรรมตามติดตัวไปจนชาติหน้ารึ”
เนียนฟังขุนภักดีบอก ยิ่งแปลกใจในตัวสน ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ้อ...เนียนไปได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
“ไปไหน”
“ไปบ้านแพนค่ะ”
“ไปเพราะมีใครมันรออยู่รึ”
“เอ้อ...เปล่าเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีกลายเป็นฝ่ายอึกอักเสียเอง “แต่....ชั้น ชั้น ชั้นเอ้อ ไม่ให้ไป” พูดเอาดื้อๆ
เนียนอึ้ง “ท่านขุน”
“ก็ในเมื่อสนเขาว่า เขาขอให้เราทำ ไม่ใช่ตั้งใจทำเอง ก็แปลว่า ชั้นเข้าใจไขว้เขวไปเอง หล่อนไม่ผิด นี่คือคำสั่งห้ามไปไหนทั้งนั้น ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากชั้น คุณแม่ และคุณเรียม นึกจะไปก็ไปนึกถึงอนาคตของลูกเต้า เด็กมันกำลังจะเปิดโรงเรียน คิดจะมาประจานชั้นให้กลายเป็นปีศาจร้าย เป็นยักษ์มาร ขวางความเจริญของมันงั้นหรือ”
เนียนทั้งดีใจทั้งแปลกใจ “ท่านขุน”
“ไปให้พ้นไม่อยากจะเห็นหน้า ทีหน้าทีหลัง ใครเขาสั่งให้ทำอะไรก็อย่าโง่ซื่อจนเซ่อเชื่อเขาไปจนตัวตายเลยทีเดียวนะ ไปซะให้พ้น”
เนียนก้มลงกราบ แล้วถดตัวถอยออกไป ท่านขุนเมินหน้าหนี หน้างอรู้สึกเสียหน้าที่ต้องง้อเนียน ไม่วายพูดแก้เก้อไล่หลัง
“อย่ามาเข้าใจว่าง้อนะ ชั้นเพียงดำรงความยุติธรรมในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่นี่ตะหาก”
ขุนภักดีวางท่าปั้นปึ่ง ฮึดฮัดไปมา แต่ท่าทีดูน่าขัน
ฝ่ายเรียมซึ่งแอบฟังอยู่ในห้อง อดขำไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา แต่ต้องรีบเอามือปิดปาก
“น่าขบขันพี่เทพ ปากอย่างใจอย่าง ดีใจที่กลายมาเป็นสนที่ก่อเหตุทำพาล อยากจะรู้นักว่าถ้าเนียนไปจริงๆ พี่เทพจะทำอย่างไร”
สักครู่หนึ่งประตูห้องเปิดออกมา เรียมรีบปรับหน้าตาทำไม่รู้ไม่ชี้
“เรียม”
“อุ๊ยตาย”
“เรียมมาแอบฟังพี่” ขุนภักดีมองหน้าเมียหลวงแสนดี
“เปล่านะคะ เรียมเพิ่ง เพิ่งเอ้อ แต่งตัวเสร็จ กำลังจะเดินออกไปเรือนคุณแม่น่ะค่ะ”
“แก้ตัวได้แก้ตัวไป ทำไมนะ พี่ถึงต้องผจญกับพวกผู้หญิงเจ้าเล่ห์เจ้ากลมากมายนัก ยิ่งแก่ตัวกันยิ่งมีฤทธิ์เดช เล่ห์เหลี่ยมเพิ่มพูน”
“ไม่เอาแล้ว พี่เทพกำลังโมโหแล้วพาล ไปดีกว่าค่ะ”
เรียมตัดบท แต่หลุดหัวเราะดัง เพราะขำท่าทีสามีมากขึ้น ท่านขุนดุเสียงดังลั่น
“อย่าหัวเราะเยาะพี่ รู้นะว่าสมน้ำหน้าหาว่าพี่ง้อเนียน”
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/4 วันที่ 1 พ.ค. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager