อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/2 วันที่ 29 เม.ย. 56
เจ้าของร้าน หันมาเจอหน้าทานตะวันถึงกับสะดุ้ง เพราะหน้าเหมือนเนื้อทองที่เพิ่งจากไปแหม่บๆ“เฮ้ยผะ ผีหลอก” เจ้าของร้านชี้หน้าทานจตะวัน
“ผีอะไรหลอกไม่ทราบ” สนงง
“คุณหนูเพิ่งนั่งรถออกไปกับท่านข้าหลวง เดี๋ยวนี้ แล้วทำไมกลับมาได้อีก ถ้าไม่ใช่ ผ…”
สนกับทานตะวันสบตากันเข้าใจทันที
“นังติ๋ว”
เอกถอนใจโล่งอก สองคนหันมามองเอก ปรี่มาใส่
“แกเจตนามาร้านนี้สุดท้าย”
“แกกลัวชั้นมาเจอนังติ๋ว นี่เจ้าของร้านจำไว้นะ ที่เจอเมื่อกี้มันชื่ออีนังติ๋ว มันไม่ใช่คุณหนูมันเป็นลูกคนเลี้ยงหมูบ้านชั้น ไม่ใช่ลูกท่านข้าหลวงพ่อชั้น”
สนสำทับ “นี่แหละคุณหนูตัวจริง”
“อย่ามัวสาธยาย กลับเดี๋ยวนี้ ไอ้เอกชั้นหมายหัวแกไว้แล้ว”
“ก็แล้วแต่จะกรุณาหมายเถิดขอรับ คุณนายสน ผมโดนหมายหัว ระวังไว้ให้ดีอาจมีบางคนโดนหมายศาล” เอกย้อน
“ไอ้เอก”
“แกว่าแดกใครนายเอก” ทานตะวันฉุน
“ไม่มีขอรับ”
สองคนขึ้นรถกลับไปเอกหันไปแอบยิ้ม หลิ่วตาให้เจ้าของร้านที่ยังงงๆ อยู่อย่างนั้น
สนมาส่งทานตะวันที่หน้าเรือนใหญ่ กระซิบสอน
“อย่าเอะอะโวยวายใส่คุณพ่อนะคะ”
“แม่สนมีแผนอะไรคะ”
“เย็นไว้ ให้มันปะทุอยู่แต่ภายในค่ะ แม่สนกำลังหาทางกำจัดเสี้ยนหนามของคุณหนูอยู่ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ที่เตือนสติหนู”
“แค้นมากยิ่งต้องนิ่งมาก เพื่อการแก้แค้น มันจะได้ราบรื่นค่ะ”
พอทานตะวันขึ้นเรือน สนมีสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตมาก
“นังเด็กโง่ หลงคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบัญชีแค้นของชั้น อีติ๋ว อีเนียน มึงกำลังลองดีกับกู มึงยังไม่ยอมรู้ตัวว่ากำลังเล่นกับอะไร”
สนเดินบ่นงึมงำออกไปจากตรงนั้น
ทางด้านเนียนนั้น รู้สึกดีใจมากที่รู้จากลูกสาวคนเล็กว่าขุนภักดีพาแดงน้อยไปเลี้ยงฉลอง แถมยังให้เนื้อทองติดตามไปด้วย
“เขาไม่แสดงทีท่าว่ารังเกียจหนูเลยหรือลูก” เนียนซักด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ค่ะแม่ ทำเฉยๆ แถมถามหนูว่าโรงเรียนไปถึงไหน”
เนียนดีใจจนน้ำตาคลอ “โถ...นี่ เขาถามเลยรึ โชคดีของหนูเหลือเกินจ้ะ
“ทำไมแม่ต้องดีใจจนน้ำตาคลออีกแล้ว แล้วทำไมแม่คิดว่าเป็นโชคดีของหนู”
“แม่ดีใจที่เขาไม่รังเกียจลูกของ เอ้อ ลูกของแม่”
“ทีแรกเห็นเขาเดินเข้ามากับพี่เทิดศักดิ์ หนูใจสั่นไปหมด”
“กาลเวลาผ่านไป ความรู้สึกในใจคนอาจผันเปลี่ยนไปได้”
“หรืออาจเป็นเพราะแม่จงรักภักดี ยอมตายถวายหัว ไม่ว่าเขาจะมาทำร้ายจิกหัวด่าเฆี่ยนตีขนาดไหนเขาจึงใจอ่อนกับหนู แปลกนะคะแม่”
เนียนไม่พูดว่าอะไร เอาแต่ยิ้มมีความสุข
เช่นเดียวกับเรียมก็ดีใจมากเช่นกันที่ขุนภักดีไม่รังเกียจ ให้เนื้อทองร่วมกินอาหารด้วย ดีใจจนท่านขุนแขวะ
“ขอบคุณพี่เทพมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ ที่ยอมร่วมโต๊ะอาหารกับหนูติ๋ว”
“เรียมดีใจที่พี่ยอมร่วมโต๊ะอาหารกับเด็กนั่น มากมายเกินไปแล้วนะ”
“เอ้อ เรียมดีใจที่พี่เทพ ใจเย็น ควบคุมอารมณ์ร้ายๆ ได้มากขึ้นค่ะ”
“ขืนพี่ไปไล่เด็กนั่น ต่อหน้าคนทั้งร้านอาหาร แถมมันเป็นคุณครูของนักเรียนทั้งจังหวัด พี่ก็ถูกมองว่าเป็นข้าหลวงใจแคบสิ”
“ถึงกระนั้นก็เถิดค่ะ มันคือสิ่งสวยงาม ที่พี่เทพมีต่อคนในบ้าน เพราะพี่เทพคือร่มโพธิ์ร่มไทร ร่มใหญ่ๆ ที่สองรองจากคุณแม่”
“พี่ตัวจะลอยเพราะเรียมยกยอแล้วนะ แต่จะพูดไป เวลาผ่านไป ความรู้สึกในใจของพี่เปลี่ยนผันไปมาก เขาอาจจำใจเป็นเมียพี่เพราะจำเป็นแต่ที่พี่เสียใจเอ๊ย ไม่ชอบใจอยู่ที่ เขาไม่จริงใจกับพี่ ไม่ยอมบอกว่าไอ้บ้านั่นมันเป็นใคร”
“คงเป็นความจำเป็นอีกนั่นแหละค่ะ”
“เรียมอย่ามาเข้าใจผิดคิดว่า พี่อกหักเด็ดขาดนะ”
“ค่ะ พี่เทพ เรียมทราบค่ะ”
เรียมยิ้มขำๆ สบายใจมาก ขุนภักดียังคงนึกถึงแต่เนียน ไม่เข้าใจเนียนอยู่อย่างนั้น
ทานตะวันมาแอบฟังอยู่นอกห้อง อกแทบระเบิดร้อนรุ่มไปหมด
“โอ๊ยอยากจะด่าอีสองแม่ลูกนั่น มือไม้สั่น แม่สนไม่น่าห้ามไว้เลย คุณพ่อเลิกรังเกียจมันแล้ว อีกหน่อยก็เริ่มรักมัน รักมากกว่าเรา”
ฝ่ายสนกระซิบกระซาบช้อย พอช้อยฟังจบก็มีท่าทีสะดุ้งตกใจ
“ไม่นะเจ้าคะ คุณสน”
“นังช้อย แกต้องทำตามที่ชั้นสั่ง ส่งความไปบอกไอ้แช่มตามนี้”
“มันหนีตำรวจอยู่ มันหนีคุณเทิดศักดิ์ด้วยนะเจ้าคะ”
“แกแค่สั่งให้มันทำตามที่ชั้นสั่ง มันจะได้เงินหมื่นไปหลบซ่อน ถ้ามันมีปัญหา ชั้นสัญญาว่าจะช่วยมัน”
“จริงนะเจ้าคะ”
“จริงสิแก ไม่ต้องให้มันมาที่นี่ ให้รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน จะได้ส่งแกไปพบมัน”
“แต่ที่คุณสนคิดจะให้มันทำนั่นน่ะมันยากมากนะเจ้าคะ”
“แต่ถ้าไม่กำจัดอีสองแม่ลูกนั่น ชีวิตชั้นก็จบสิ้น แบบไม่ดีแน่ๆ รวมทั้งแกด้วย”
“คุณสน”
เทิดศักดิ์เดินมาพอดีมองสองคนตาเป๋ง
“วันนี้ มีรายงานมาว่า นายแช่มหนีพ้นตำรวจไปเส้นยาแดงผ่าแปดยัยช้อย ถ้าเจอนายแช่มช่วยแนะนำให้เขามอบตัวซะ หนักจะได้เป็นเบา”
สองคนมองหน้ากัน เทิดศักดิ์พูดจบเดินเข้าห้องไป
“เข้าทางของเรา แกได้ทีที่จะทำทีไปตามหาไอ้แช่ม แต่อย่าบอกใครว่าแกพบมันทีเดียว”
“กรรมใหญ่ของอีช้อยกำลังจะมาถึงแล้วหรือเจ้าคะ”
“หุบปาก หรืออยากให้ความชั่วของแกเปิดเผย อย่าลืมสิอะไรอะไรแกก็ลงมือทั้งนั้น แม้กระทั่งเรื่องไอ้หนักที่เราใส่ร้ายอีเนียน ถ้าความแตกว่ามันเป็นพี่อีเนียน แกก็ต้นคิด ไม่ใช่ชั้น”
ช้อยเริ่มหมดหนทาง ก้มหน้าซ่อนน้ำตา
วันต่อมา ทองจันทร์ เนื้อทอง และเนียนร่วมกินอาหารด้วยกัน
“เมื่อวานไม่มากินอาหารเย็นกับย่า หายไปไหนมายัยติ๋ว”
เนื้อทองขยับปากจะบอก ทานตะวันโผล่พรวดมา แล้วปราดมานั่งข้างทองจันทร์
“ยัยติ๋วไปกินข้าวเย็นกับคุณพ่อที่ภัตตาคารในเมืองมาค่ะ คุณย่า”
เนื้อทองกับเนียนถึงกับสะดุ้ง
“มิน่า” หญิงชราบอก
“อร่อยมากละสิยัยติ๋ว มีพี่เทิดศักดิ์กับพี่แดงน้อยไปด้วยค่ะ เขาไปฉลองนายอำเภอคนใหม่อายุแค่ยี่สิบหกคนเดียวในประเทศไทยค่ะ”
เนื้อทองกับเนียนสะดุ้งอีกรอบ ยังไม่ทันตั้งตัว สนมาสมทบอีกราย
“ดูสองแม่ลูกนี่สิคะ คุณแม่ ทำท่าตกอกตกใจ เหมือนไปแอบทำความผิดมา ก็แค่กินข้าวกับพี่ขุนและ กับผู้ชายหนุ่มหล่อที่สุดสองคนในเมืองนี้”
ทองจันทร์เอ่ยขึ้น “นางกบ นางแมว เอาพัดมาโบกไวไวเข้า ชั้นปรับใจไม่ทันวันนี้มันวันดีศรีวันอะไรกันรึ ยัยติ๋ว แม่สน ทำท่าโปรดปรานสองแม่ลูกนี่ ราวกับนัดหมายกันเอาไว้ ดิบดี ทั้งที่เมื่อวานยังหวีดหวาดอาฆาตมาดร้ายหมายขวัญ”
“แหม หนู ลืมไปแล้วค่ะ เรื่องเมื่อวาน จำได้แต่ว่าหนูพาแม่สนไปดูร้านแล้วก็เอ้อ…” ทานตะวันรีบแก้ตัว
“แล้วสนก็พาหนูอี๊ดไปไหว้พระ เลยประทับคำสั่งสอนของพระไว้เต็มหัวสมองค่ะ คุณแม่” สนเหน็บ
ทานตะวันสบตาสนที่ต่อเรื่องให้ เป็นเชิงขอบคุณ “ใช่ค่ะ หนูซึ้งในรสพระธรรมค่ะ ความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทเป็นบ่อเกิด แห่งความพินาศของตนเอง”
“เรื่องราวมันผ่านนานไปหัวใจของสนก็เปลี่ยนแปรตาม ว่าแต่เนียนเถิดยัยติ๋วด้วย เลิกเจ็บช้ำน้ำใจชั้นหรือยัง”
เนียนกับเนื้อทองมองหน้ากัน
“ชั้นไม่เคยมีความอาฆาตแค้นใครดอกค่ะ” เนียนบอก
ทานตะวันเกือบหลุด “หมั่น...”
สนสะกิด
“หมั่นสวดมนต์เป็นอาจินต์ เลยจิตใจสงบใช่ไหมเนียน”
“ค่ะ แม่เนียนสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอนค่ะ” เนื้อทองตอบแทน
“ยัยแมว ยัยกบ ขอจานข้าว”
แมวกะกบร้อง “ว้าย”
“ชั้นอยากกินอาหารกับทุกคนที่นี่ นะคะ คุณแม่ขา”
“อืม มาสิ มากินกัน แต่ชั้นนี่แหละกำลังจะอิ่ม จนสำลักความดีเข้าให้แล้ว”
สองคนลงนั่ง กบกะแมวเสิร์ฟจานข้าวและน้ำ ส่วนเนียนกับติ๋วยังระวังตัวแจ
ทองจันทร์ทำท่าเหมือนจะสำลักความดีงามของสน แมวกะกบไอแค่กๆ ตาม
ช้อยเดินทางมาที่บางปลาม้าตามแผนร้ายที่สนสั่ง กำลังถูกเหมญาติของเหิมด่าว่าสาดเสียเทเสีย
“มาทำไมนังช้อย กูได้ยินเขาลือกันมานานร่วมยี่สิบปีแล้ว ว่ามึงกับนายมึง วางยาไอ้เหิมพี่กู”
“วุ๊ย พี่เหมเอาอะไรมาพูด ชั้นน่ะหรือจะมีปัญญาไปทำร้ายพี่เหิมได้ มานี่จะมาถามว่าได้ข่าวไอ้แช่มบ้างไหม”
“มันไม่มาที่นี่นานแล้ว” เหมมีพิรุธ “มาถามหามันทำไม จะไปบอกใครมาจับมันไปฆ่าวางยาพิษอีกรึ”
“พูดบ้าๆ ไอ้แช่มมันลูกชั้นนะ”
“ลูกก็ลูกเถิด มันเกิดจากผัวคือพี่เหิมที่มึงรังเกียจ มึงจะไปรักอะไรมันหนักหนา หรือว่าจะให้กูบอกไอ้แช่มว่ามึงนั่นแหละผู้ต้องสงสัยวางยาพิษพ่อมัน”
“ชั้นห่วงไอ้แช่มมาก ได้ยินว่ามันเพิ่งรอดเงื้อมมือตำรวจไปเส้นยาแดงผ่าแปด จะเอาเงินมาให้มัน หลบซ่อนตัว อย่าออกไปเพ่นพ่าน”
เหมตาวาว
“เท่าไหร่วะ”
“ก็บอกมาสิวะ ว่ามันมาหลบที่นี่ไหม ตามใจไม่บอกก็อย่าบอก ชั้นจะเอาเงินหมื่นกลับไปละ”
ช้อยหันกลับ เหมมองไปทางพุ่มไม้ด้านหลังบ้าน
“ตั้งหมื่น อุบ๊ะ”
ขณะที่ช้อยกำลังจะหลุดพ้นเขตเรือนเหม ช้อยชำเลืองมองซ้ายขวารู้ว่าแช่มอาจอยู่
“แม่”
ช้อยหยุด
“แม่”
ช้อยหันแล้วมองไปที่พุ่มไม้ไหวๆ เดินตรงไปที่นั่น แช่มนั่งซุกตัวอยู่ โทรมสกปรก สีหน้าทุกข์ร้อน
“ไอ้แช่ม”
ช้อยทรุดตัวลงนั่งจับเนื้อตัวสำรวจแช่ม
“แม่ ชั้น กลัว”
“เอ็งกลัวแล้วทำไมเอ็งถึงเที่ยวๆ ได้ออกไปปล้นเขาอีก ได้ยินว่าเหยื่อปางตาย” ช้อยด่า
“แถมไม่ได้เงินมาด้วย โง่เหมือนพ่อมึงนั่นแหละ” เหมว่า
“ได้ยินว่าแม่จะเอาเงินมาให้ชั้นตั้งหมื่น”
“ไม่ใช่เงินแม่ดอก เงิน...”
แช่มรู้ทันที “อีคุณนายสน อีตัวร้ายแม่กำลังโดนมันหลอกใช้”
“แม่ไม่ได้โดนหลอก แต่แม่โดนมันบังคับ ถ้าแม่ไม่ทำมันจะเปิดโปงแม่”
“แม่ก็เปิดโปงมันบ้างสิ” แช่มโมโห
“พูดง่ายแต่ทำยาก มันมีอำนาจ มันมีคนเข้าข้างมัน แม่มานี่ก็เพราะ...”
“โดนมันบังคับ ให้มาสั่งไอ้แช่มไปทำความชั่ว” เหมเยาะ
“ก็แค่ง่ายๆ แม่จะหลอก อีเนียนกับอีติ๋ว อาจรวมถึงอีอี๊ดมาให้เอ็งเจี๊ยนไม่ใช่ปล้ำนะ ฆ่ามันทิ้ง” ช้อยบอก
“ไหนว่าพูดง่ายแต่ทำยาก แล้วมาสั่งให้ทำ ทำไมวะ” เหมบ่นอุบ
“วันนี้เขาฝากมาหมื่นนึงก่อนทำ ทำสำเร็จอีกสองหมื่น พี่เหมลองตัดสินใจดูเถิด ถ้าตกลง ก็ส่งคนไปบอก”
“ถ้าทำแล้วพลาด ตายแน่” แช่มว่า
“ถ้าแม่ตาย เอ็งก็เปิดโปงอีสนมันสิ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ชีวิตต่อชีวิต แม่น่ะยิ่งกว่าทาสของมันอีก ทาสที่ปลดปล่อยตัวเองไม่สำเร็จนี่แหละ ทาสความชั่ว มันปลดปล่อยยากเย็นเหลือเกินลูกเอ๊ย แม่ผิดพลาดไปแล้ว แม่ถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งดิ้นยิ่งจมเหวของความเลวร้าย”
ช้อยร้องไห้กอดแช่ม เหมมองแล้วส่ายหน้า
ฝ่ายสนนั่งกินข้าวตามลำพัง ไม่มีช้อยประกบข้างเช่นเคย มัวแต่คิดเรื่องชั่ว เลยไม่เห็นว่าเทิดศักดิ์เดินเข้ามา
“นังช้อย จะทำสำเร็จไหมหนอ”
“คุณแม่”
สนสะดุ้ง
“ว้าย เทิดศักดิ์ ทำไมมาเงียบๆ”
“ผมมาดังๆ แต่คุณแม่กำลังอยู่ในภวังค์ เลยไม่ได้ยินผม คุณแม่ใจลอยมาก คิดอะไรอยู่ครับ”
“เปล่านะ แม่กำลังคิดว่า แม่เลิกเคียดแค้น เนียนกับยัยติ๋ว ทำใจให้ว่างเปล่า ใจแม่นิ่งขึ้นแยะ”
“ผมก็ได้ยินคุณย่าท่านบอกเรื่องนี้ ผมดีใจมากครับ คุณแม่ ยัยช้อยหายไปไหนครับ ทำไมไม่มารับใช้คุณแม่”
“เอ้อ มัน มันเอ้อ มันไปหาแม่ชีแม่มันน่ะลูก”
“อ้อ ยัยช้อยปลงตกคิดได้จะไปบวชชีหรือครับ”
“เอ้อ แม่ก็ไม่รู้มัน เหมือนจะมีใครมาส่งข่าวว่าแม่ชีป่วยน่ะ”
“อ้อ...”
แล้วเทิดศักดิ์ก็ลงนั่ง จับสองมือแม่ไว้ มองหน้าแม่ ด้วยความห่วงใยรักใคร่
“คุณแม่ครับ”
“มีอะไรรึ ลูก” สนเริ่มระวังตัว
“ผมห่วงใยคุณแม่มาก ผมไม่อยากให้มีเรื่องอะไรที่ร้ายแรงมาข้องแวะกับคุณแม่”
“แม่ขอบใจ ทำไมจู่ๆ ถึงมาพูดเรื่องนี้กับแม่”
“คือ มีหลายเรื่องที่คุณแม่ไม่ยอมพูดความจริงกับผม เช่นเรื่องนายแช่มเช่นเรื่อง ลุงสิน ลุงของแดงน้อย ที่คุณแม่บอกว่าเป็นลุงของผมด้วยเขาไม่ได้เป็นญาติกับเราเหมือนที่คุณแม่หลอกว่านายแช่มเป็นญาติเรา ทั้งๆ ที่เป็นลูกยัยช้อย”
“แม่ ไม่ได้โกหกลูกนะ แม่ แม่...”
“ลุงสินไม่ได้อยู่สวนแตงสักหน่อย ผมให้แดงน้อย สำรวจสำมะโนครัวก็ไม่พบ ลุงสินเป็นลุงแดงน้อยน่ะจริง แต่ลุงสินเป็นอะไรกับเรากันแน่ครับ”
สนนิ่งไป หน้าซีดพยายามข่มอารมณ์บอกตัวเองในใจ “เป็นพ่อของแกน่ะสิ”
เทิดศักดิ์มองแม่ แล้วรู้ว่าแม่ไม่มีวันพูดความจริงออกมาแน่ พยักหน้าแล้วลุกหนีไป
“ผมไม่อยากรู้แล้วครับ ว่าตกลงลุงสินเป็นอะไรกับเรากันแน่ ผมเข้าใจแล้วว่าเราสองคนแม่ลูก พูดความจริงกันไม่ได้หรอก เราสองคนมีหมอกควันกั้นเราไว้ เราถึงไม่เข้าใจกัน ผิดใจกันมาตลอดเวลา ผมน้อยใจนะครับ ผมสงสัยเสมอว่าคุณแม่รักผมจริง หรือไม่ได้รักจริงๆ กันแน่เพราะคุณแม่ไม่พูดความจริง”
เทิดศักดิ์เดินลงเรือนไป สนมองตามน้ำตาคลอ เป็นครั้งแรกที่สนสลดหดหู่จริงๆ
“แม่จะกล้าพูดความจริง” สนพูดกับตัวเอง “กับลูกได้อย่างไร ถึงแม้ว่าลูกเกิดจากไอ้คนอับปรีย์ที่แม่แสนเกลียดชัง เคยอยากจะเกลียดชังลูกเพราะชังมันแต่แม่ก็ทำไม่ได้ แม่รักลูกห่วงลูกสุดหัวใจ แม่จึง ไม่มีวันให้ความจริงนี้เปิดเผย ลูกของแม่ต้องเป็นลูกชายขุนภักดีภูบาล ที่มีทั้งเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มั่งมีเงินทอง เท่านั้น”
สนระเบิดสะอื้นออกมา
“แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก แม่ทำเลวกับคนอื่นเพราะต้องการทำดีกับลูก ทำไมต้องสงสัยในความรักของแม่ด้วย ลูกต่างหากที่ไม่รักแม่เท่าที่แม่รักลูก”
สนสะอื้นไห้อยู่คนเดียวบนเรือนที่เงียบสงัด
หลายวันต่อมา ที่ร้านกาแฟไทยเจริญ กรุงเทพฯ ลูกค้าในร้านกลับไปหมดแล้ว แพรและโพล้งคุยกับแดงน้อย ที่เพิ่งกลับมามาจากเมืองสุพรรณ แพรนั้นลูบหน้าลูบหลังด้วยสายตาชื่นชม ขณะที่โพล้งยิ้มร่า
“ท่านนายอำเภอขอรับ กระผ้ม” โพล้งเสียงสูง “นายโพล้ง บ้านแพน ขอร้องเรียนท่านนายอำเภอขอรับ เนื่องจากว่า มีนางผู้หญิงยิงเรือ ชื่อนางแพร มันบังอาจมากดขี่ผม มานานมากแล้วขอรับ ช่วยจับมันไปส่งโรงหมอด้วยขอรับ”
“ไอ้เปรตโพล้ง อย่ามาทะลึ่งกับข้านะ ท่านนายอำเภอเจ้าขา อิฉันมีเรื่องร้องเรียน มีไอ้ผู้ชายพายเรือคนหนึ่ง มันขี้เกียจทำงานทำการมากเจ้าคะมันชอบแอบดื่มเหล้าเวลาทำงานเจ้าค่ะ”
แดงน้อยหัวเราะ “ต้องไปฟ้องผู้หมวดเทิดศักดิ์ดีกว่าไหม แม่แพรครับ น้าเนียนบอกว่าให้ยายอ่อนคนนั้นรอการซื้อที่นาไปก่อน เพราะแกยังไม่ได้บอกให้คนที่แกยกที่นาให้รู้ตัวว่าแกยกให้”
แพรกับโพล้งมองหน้ากัน
“แล้วแดงน้อยถามแม่เนียนหรือเปล่าว่าทำไมไม่ยอมบอกคนคนนั้นสักที” โพล้งบอก
“ในเมื่อคนคนนั้นก็อายุครบยี่สิบปีแล้วนี่นา” แพรว่า
“ผมไม่กล้าละลาบละล้วงแกครับ รอให้แกอยากเปิดเผยเอง เถิดครับ”
สองคนมองหน้ากัน
“นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ” แพรพึมพำ
“นิสัยใครหรือครับ” แดงน้อยสงสัย
“นิสัยลุงกับยายแพรไงล่ะ”
แดงน้อยไม่ติดใจต่อ แล้วนึกบางอย่างได้
“เอ้อ ลุงสินส่งข่าวมาบ้างไหมครับ แม่แพร ลุงโพล้ง”
สองคนสบตากันแล้วส่ายหน้า
“ผมเห็นลุงดูเงียบขรึมมาก เหมือนมีอะไรในใจ ผมห่วงลุงน่ะครับ อยากตอบแทนอะไรลุงบ้าง แม้เพียงน้อยนิดแต่ลุงก็ไม่ยอม”
“ลุงเขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ เขาทำอะไรไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน” โพล้งบอก
“อ้อ ยังมีอีกเรื่อง เทิดศักดิ์ เขา แปลกใจมาก คือเขาเคยเจอลุงสินที่บ้านแม่สน”
สองคนตะลึง อุทานลั่น “ว่ากระไรนะ”
“ทำไมตกใจมากอย่างนี้ครับ ก็แค่ลุงสิน เป็นคนรู้จักกับคุณแม่สน”
“แล้วยังไงอีก” แพรซัก
“แม่สนปิดแดงน้อยว่าลุงสินเป็นญาติ แม่สนบ้านอยู่สวนแตง แต่ทั้งเทิดศักดิ์ และผมสืบมาแล้ว ลุงสินไม่เคยอยู่สวนแตง มีสินเหมือนกันแต่ไม่ใช่ลุงสิน ทำไมลุงสินช่างดูลึกลับเหลือเกินครับ”
แพรกะโพล้งหน้าหมองลงไปพูดไม่ออก
“แดงน้อยเอ๋ย ชีวิต มันก็อย่างนี้แหละหลาน มีบางสิ่ง ที่บางคนไม่อยากเปิดเผย”
“มองในส่วนดีงามที่ลุงเขาเปิดเผยกับหลาน เถิดนะ”
“ครับ ลุงโพล้ง แม่แพร ผมมาเยี่ยมได้คืนเดียว แล้วต้องกลับไปทำงานส่วนเรื่องร้าน ถ้าทำกันต่อแล้วมันหนักหนา ผมว่าขายซะ แล้วกลับไปอยู่สุพรรณที่บ้านเก่าของลุงกับป้าดีกว่า ผมจะได้ไปดูแลได้สะดวกขึ้น”
สองคนมองหน้ากัน เริ่มคิดตามและเห็นด้วย
วันหนึ่งสนกับทานตะวันกระซิบกระซาบกันอยู่บนเรือนเล็กของสน
“แม่สนว่ามันจะได้ผลหรือคะ”
“ได้สิคะ อย่างน้อยมันก็ต้องขวัญกระเจิงแน่ๆ”
“แล้วทำไมแม่เนียนถึงต้องเอาเสือหนักมาขู่มันด้วยคะ”
“เสือหนักนี่แหละ ขู่มันแล้วมันขวัญเสียแน่นอน มันรักมันห่วงของมันมากค่ะ”
“นานเป็นยี่สิบปี มันยังรักยังห่วงกันทั้งที่เสือหนักทำให้คุณพ่อชิงชังรังเกียจมันมากหรือคะ”
“รับรองว่าแม่สนพูดความจริงค่ะ มันมาแล้วค่ะ”
จังหวะนี้เนียนมานั่งตรงหน้าสนกับอี๊ด
“คุณสนมีอะไรจะให้ชั้นทำหรือคะ”
“เปล๊า ใครจะกล้าใช้เธอเล่าเนียน คุณแม่เอง คุณพี่เรียมเอย ยกย่องเธอกับยัยติ๋วจะเป็นจะตาย”
“แม่สนเขาแค่มีเรื่องไม่ค่อยดีมาบอกให้รู้ตัวน่ะ ยัยเนียน”
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 14/2 วันที่ 29 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager