คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 3 วันที่ 13 เม.ย. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 3 วันที่ 13 เม.ย. 56

พวกวัยรุ่นพากันแซวเกรียวกราวว่าไม่นึกว่าม่าน-หมอกจะชอบสไตล์หนุ่มบ้านนอกแบบนี้

“พวกแกเก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่า” ม่านหมอกหันไปตวาด

“คุณหมอกไปพูดอย่างนั้นได้ยังไงครับ...” ผจญตกใจ หันไปทางพวกวัยรุ่น “ขอโทษนะครับ...ผมขอโทษแทนคุณหมอกด้วยนะครับ”

“หลีกไปไอ้บ้านนอก” ตัวหัวโจกสะอึกเข้ามาผลักผจญเซไปชนม่านหมอก ถูกม่านหมอกด่าว่าเล่นทีเผลอ แล้วจะเข้าตะลุมบอนกัน แต่พวกนั้นมีมากกว่ามันกรูกันเข้ามาจับม่านหมอกไว้ ลากไปตามคำสั่งของตัวหัวโจก


“ปล่อยคุณหมอกเดี๋ยวนี้...ไม่อย่างนั้นละก็...” ผจญสะอึกไปอย่างพร้อมสู้ตาย พวกนั้นย้อนเย้ยว่า ไม่อย่างนั้นอะไร!

ผจญไม่ตอบ กำหมัดแน่นวิ่งเข้าใส่แผดเสียงลั่น

“ย้ากกกกกก!”

กลายเป็นผจญพุ่งเข้าไปชนหมัดพวกนั้นเข้าเต็มๆ จนล้มทั้งยืน ม่านหมอกมองแล้วส่ายหน้าเซ็งๆ

ระหว่างนั้น ตัวหัวโจกที่กำลังกร่าง ก็โดนหมัดลึกลับตะบันเข้าอย่างแรงจนเซ “ใครวะ!” พอหันมองเห็นตะวันฉายยืนเท่อยู่

“เอาสิ” ตะวันฉายท้า พวกนักเลงกระดูกอ่อนตกใจเห็นท่าไม่ดีพากันขึ้นรถบิดหนีไป ตะวันฉายรีบเข้ามาดูม่านหมอกถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ” ม่านหมอกตอบอ่อนโยน

ผจญที่เอาหน้าไปรับหมัดพวกวัยรุ่น กุมหน้าตัวเองลุกขึ้น แม้แผลจะเจ็บแต่ก็ไม่เจ็บเท่าภาพที่เห็นตะวัน-ฉายกับม่านหมอกดูแลห่วงใยกัน...

ooooooo

ภูวนัยโมโหมากที่ม่านหมอกหายไปทั้งคน แต่คนในบ้านไม่มีใครรู้เลย เขาเอ็ดตะโรจนทุกคนเงียบกริบ ม่านเมฆหน้าจ๋อย มีแต่เผ่าพงศ์เท่านั้นที่กระซิบหยอกม่านเมฆว่า

“ปู่รอด เพราะปู่ความจำสั้น” เมื่อพรรษาตำหนิตัวเองว่าผิดที่ไม่คอยดูให้ดี เผ่าพงศ์ก็ติงว่า “ตอนนี้จะโทษว่าใครผิดมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร... พ่อว่า...เราช่วยกันคิดดีกว่าว่าหมอกจะไปไหน”

ไผ่ใช้มือถือโทร.หาม่านหมอก ได้ยินเหมือนฝ่ายนั้นรับสาย พอทัก “ฮัลโหล...หมอก...” เท่านั้น ภูวนัยก็กระโจนมาขอคุยเอง ถูกไผ่เอ็ด “จะบ้าเหรอ เดี๋ยว

ก็ได้เตลิดไปสุไหงโกลกพอดี...” ไผ่ไม่ยอมให้

“ฮัลโหล...ฮัลโหล...สัญญาณไม่ชัดเลย” เสียงม่านหมอกบ่น ไผ่ยังพยายามตะโกนถามว่าได้ยินไหม ม่านหมอกด่าอย่างสมเพชว่า “จะได้ยินยังไง...ก็ฉันปิดเครื่อง...โง่!”

ไผ่หันบอกภูวนัยว่าม่านหมอกปิดเครื่อง เขาคว้ากุญแจรถจะออกไปทันที แต่ไม่ทันพ้นประตู เสียงแก้ว-ใจก็ร้องบอกอย่างดีใจว่า

“คุณภูขา...คุณหมอกกลับมาแล้วค่ะ”

ooooooo

ที่หน้าบ้าน ตะวันฉายเดินเข้ามาก่อน ม่านหมอกกับผจญเดินตามมา จู่ๆเธอก็หยุด ตะวันฉายปลอบใจว่าไม่ต้องกลัวเดี๋ยวตนจะพูดกับภูวนัยให้เอง

“หมอกไม่ได้กลัว แต่ทำไมต้องพาหมอกกลับมานี่ด้วย”

“เพราะที่นี่คือบ้านของเธอไง” ภูวนัยตอบแทน ม่านหมอกกับผจญหันมอง เห็นภูวนัยเดินออกมาพร้อมทุกคน ม่านเมฆวิ่งเข้ากอดพี่สาวด้วยความดีใจ ถามว่าไปไหนมา รู้ไหมทุกคนเป็นห่วงมาก

ภูวนัยมองม่านหมอกด้วยสายตาที่ผิดหวัง ถามว่าตนทำตามสัญญาทุกอย่างแล้วทำไมจึงยังหนีออกจากบ้านอีก

“อยากรู้จริงๆไหม...ฉันทนอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ฆ่าพ่อแม่ฉันไม่ได้หรอก” ม่านหมอกพูดใส่หน้าจนภูวนัยชะงักอึ้ง

ไผ่หูผึ่งสงสัยว่าระหว่างม่านหมอกกับภูวนัยมีอะไรกัน ก็พอดีภูวนัยให้พรรษาพาเผ่าพงศ์กับม่านเมฆเข้าบ้านไปก่อน ไผ่ถามตะวันฉายว่าเป็นคนไปเจอม่านหมอกหรือ ส่วนแก้วใจเห็นหน้าผจญบวมปูดก็ถามว่าไปโดนอะไรมา ผจญอึกอักเอามือปิดรอยช้ำอึกๆอักๆถูกภูวนัยคาดคั้น

“บอกมาว่าไปโดนอะไรมา!”

“ผจญกับหมอกมีเรื่องกับวัยรุ่นที่ตลาดน่ะครับ” ตะวันฉายตอบแทน ทุกคนตกใจ ภูวนัยหันไปดุม่านหมอกว่า

“ทำอย่างนี้แล้วมันได้อะไรขึ้นมา...สะใจใช่ไหม”

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้น ทำไม...ไม่มีเรื่องให้ติดคุกไปเลยล่ะ จะได้สะใจกว่านี้ไง”

“ไม่จำเป็น เพราะเท่าที่อยู่ที่นี่ทุกวันนี้ มันก็เหมือนคุกอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง เลิกเรียกฉันว่าลูกเสียที อาไม่ต้องทำดีกับฉันถ้าไม่อยากทำ เพราะยังไงอาก็รู้อยู่แล้วว่าการที่อาทำดีกับฉันกับเมฆ ไม่ใช่เพราะอารักพวกเรา...แต่อาทำเพราะจะได้ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง”

ม่านหมอกพูดอย่างแข็งกร้าวแล้ววิ่งออกไป ภูวนัยอึ้งยืนแข็งทื่อ ตะวันฉายรีบวิ่งตามม่านหมอกออกไป

ผจญกลัวม่านหมอกถูกทำโทษ รีบเข้าไปบอกภูวนัยว่า

“เป็นเพราะผมเองครับคุณภู...ผม...ผมเห็นว่าคุณหมอกแกอยู่แต่ในฟาร์ม ผมก็เลยชวนคุณหมอกออกไปเที่ยวข้างนอกน่ะครับ”

ภูวนัยโมโหมากที่ผจญขัดคำสั่งตน สั่งให้พรุ่งนี้เก็บข้าวของออกไปจากที่นี่เลย ผจญช็อก!

“เฮ้ย! นายทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” ไผ่โวยลั่น

ภูวนัยตอกหน้าไผ่ว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของตนแล้วเดินออกไปเลย ไผ่วิ่งตามอย่างไม่ยอมแพ้ ส่วนผจญได้แต่ยืนเศร้าที่ความหวังดีหมายปกป้องม่านหมอกของตน กลับทำให้ตัวเองถูกไล่ออก

ooooooo

ไผ่พญา ตามภูวนัยออกไปอย่างทนไม่ได้กับความอยุติธรรมของเขา ถามว่าจะไล่ผจญออกจริงๆหรือ ถูกย้อนถามกวนๆว่า ตนเหมือนคนพูดเล่นรึไง!

“นายมันไม่มีเหตุผล ถึงฉันจะไม่รู้จักกับม่านหมอกดีเท่านาย แต่ฉันก็รู้ว่า เด็กคนนั้นไม่มีทางที่จะพาม่านหมอกหนีแน่นอน นายเองก็รู้ นายเองก็เป็นคนที่จะไม่ยอมรับถ้าตัวเองไม่ได้ทำ นายก็รู้ว่าที่ผจญทำอย่างนั้นเพราะปกป้องม่านหมอก”

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่า ผจญขัดคำสั่งผม”

“คนไม่มีเหตุผล” ไผ่พูดอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้แล้ววิ่งออกไป ภูวนัยมองตามอย่างครุ่นคิด

ส่วนตะวันฉายตามม่านหมอกไปยืนที่ริมน้ำ ต่างคนต่างเงียบกันอยู่นาน ม่านหมอกจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า

“พี่เคยเกลียดตัวเองไหม”

ตะวันฉายบอกว่าเรียกว่าโกรธดีกว่า ตนเคยโกรธจนไม่คิดที่จะอภัยให้ตัวเองได้อีก ถามม่านหมอกว่าอยากฟังเรื่องผิดพลาดของตนไหม ม่านหมอกพยักหน้า แล้วก็หน้าเสียเมื่อตะวันฉายบอกว่า

“พี่เคยทำให้เพื่อนพี่ตาย!”

เห็นม่านหมอกสนใจฟัง ตะวันฉายเล่าเรื่องสะเทือนใจในอดีตของตัวเองเศร้าๆ...

“พี่เคยโกรธกับเพื่อนของพี่คนนึงด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่ว่าเพื่อนพี่จะพยายามขอโทษหรือง้อพี่ยังไงก็ตาม แต่พี่ก็ไม่สามารถให้อภัยกับเรื่องที่ผิดพลาดที่เพื่อนพี่ทำกับพี่ได้ แล้วหมอกรู้ไหมว่าเพื่อนพี่ทำยังไง... เพื่อนพี่ฆ่าตัวตาย!”

ตะวันฉายเล่าว่า ตนไปงานศพเพื่อนแล้วพบกับแม่ของเพื่อน แม่ยื่นจอบอันหนึ่งให้ บอกว่าเป็นจอบที่เพื่อนฝากให้ตนก่อนฆ่าตัวตาย ตะวันฉายเล่าตามที่แม่เพื่อนเล่าว่า...

“เมื่อไหร่ที่เพื่อนพี่รู้สึกโกรธพี่ เขาจะไประบายอารมณ์ด้วยการขุดดินหลังบ้าน แต่พี่ก็สงสัยว่าทำไมจอบอันนั้นถึงได้ดูใหม่ แม่ของเพื่อนเลยบอกว่า เพราะเพื่อนพี่ยังไม่เคยใช้จอบอันนี้เลย...หมอกคิดดูสิ ว่าตลอดเวลาเพื่อนของพี่ไม่เคยโกรธพี่เลย แต่พี่กลับ...” ตะวัน–ฉายตีบตื้นขึ้นมาจนพูดไม่ออก ต้องหยุดไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อได้

“หมอกรู้ไหม ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่อยากจะบอกกับเพื่อนพี่ว่า พี่ไม่เคยโกรธเขาเลย...เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่...แต่พี่ก็พลาด...พี่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก...”

“แล้ว...แม่ของเพื่อนพี่ไม่โกรธพี่เหรอ”

“จะโกรธได้ยังไง ก็ในระหว่างที่พี่คุยกับแม่เขา ก็มีเจ้าของร้านขายของเก่าเอาเงินมาให้แม่ของเพื่อนตั้งหลายหมื่น หมอกรู้ไหมว่ามันคือเงินอะไร” ม่านหมอกส่ายหน้ามองตาเป๋ง “มันคือเงินที่เพื่อนพี่เอาจอบที่มันขุดจนหักไปขายให้เขาน่ะ”

ม่านหมอกชะงักไปทันที ตะวันฉายหันมาถามยิ้มๆว่า “ไง...ขำไหม”

ม่านหมอกโกรธมากถามว่าตะวันฉายเห็นเรื่องของตนเป็นเรื่องตลกหรือไง เธอนิ่งไปครู่หนึ่งจึงค่อยๆเอนหัวไปซบไหล่ตะวันฉาย เขาชะงักนิดหนึ่งแต่ก็ปล่อยให้เธอซบอยู่อย่างนั้น จนเธอเอ่ยถามว่า “ขอหมอกซบไหล่พี่ได้ไหม”

“ทำไมไม่ได้ล่ะ...ไม่อย่างนั้นร่างกายคนเราจะมีไหล่ไว้ทำไม”

ม่านหมอกซบไหล่ตะวันฉายอยู่อย่างนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าที่หลังต้นไม้ไม่ไกลนัก ผจญแอบดูอยู่ ภาพนั้นมันบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ และด้านหลังของผจญ ไผ่พญาแอบดูอยู่อีกต่อหนึ่งอย่างสังเกต สองภาพที่เห็นทำให้ไผ่แน่ใจว่าผจญแอบชอบม่านหมอก

ooooooo

เมื่อไผ่เอาเสื้อผ้าของครูจงกลนีไปให้พรรษา เธอถือโอกาสถามสิ่งที่ค้างคาใจว่า ม่านหมอกไม่ใช่ลูกของภูวนัยใช่ไหม ทำเอาพรรษาชะงัก สีหน้าลำบากใจ ไผ่ยกเหตุผลมาหว่านล้อมว่า

“คือ...ป้าก็รู้ใช่ไหมคะว่าคุณภูเขาบอกให้ฉันละลายพฤติกรรมเมฆกับหมอก แล้วถ้าฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันก็สอนไม่ได้” พรรษาจึงตัดสินใจบอกว่าภูวนัยเป็นอาของม่านหมอกและม่านเมฆ “อ้าว...แล้วพ่อกับแม่จริงๆ ไปไหนล่ะคะ หรือว่าจะเกี่ยวกับที่หมอกบอกว่าคุณภูเป็น...”

ไผ่ทิ้งจังหวะให้พรรษาตัดสินใจ พรรษาเห็นว่าอย่างไรเสียไผ่ก็ต้องรู้ เลยเล่า...

“แต่ก่อนคุณหมอกกับคุณภูไม่ได้โกรธกันอย่างนี้หรอกค่ะ แต่เรื่องมันเกิดเมื่อสองปีเห็นจะได้...”

พรรษาเล่าว่า วันนั้นเป็นวันเกิดครบรอบ 13 ปีของม่านหมอก มีการจัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันเหมือนทุกปี สุริยาในฐานะพ่ออวยพรให้ลูกเป็นเด็กดีของพ่อแม่อย่างนี้ตลอดไป ส่วนลักขณาในฐานะแม่ขอให้ลูกคิดสิ่งใดจงสำเร็จทุกประการ

“โห...ยัยลัก...” เผ่าพงศ์ขัดขึ้น “อวยพรอย่างนี้ไม่อาราธนาพระรัตนตรัยก่อนขึ้นด้วยล่ะ นี่...ต้องฉันนี่ ปู่ก็ขอให้ปีหน้าเป็นเค้กไอติมนะ ปู่เบื่อเค้กธรรมดาแล้ว”

“แล้วอาภูล่ะ...ปีนี้ขอแบบดีๆนะ” ม่านหมอกทวง ภูวนัยกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพแห่งความสุขอยู่ เขาหยุดถ่ายภาพ เอ่ยหน้าตาเฉยว่า

“ปีนี้อายุสิบสามแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นอาก็ขอให้ปีหน้าอายุสิบสี่นะ” ม่านหมอกบ่นว่าอาภูกวนตลอด ภูวนัยเลยอวยพรใหม่ “อ่ะๆก็ได้...อาก็ขอให้เราสวยวันสวยคืน ได้เป็นนักร้องอย่างที่เราฝันไง”

“แต่สวยยังไงก็คงจะสู้อาเหมือนฝันของอาภูไม่ได้หรอก”

ภูวนัยมองไปทางเหมือนฝัน เจอสายตาเพชฌฆาตของเธอ พูดขู่ว่า “ตอบดีๆนะไม่งั้น...สวย!”

“ตอบไม่ดีก็โดน ตอบดีก็หาว่าโกหก เอางี้ดีกว่า สวยหรือไม่สวย ภูก็รักนะ”

เสียงฮือฮาวี้ดวิ้วชอบใจของทุกคนดังขึ้น หลังจากนั้นลักขณาให้ม่านหมอกอธิษฐาน พอเธออธิษฐานเสร็จไม่มีเสียงปรบมือเพราะมือทุกคนมีครีมอยู่ที่ปลายนิ้ว ต่างกรูกันวิ่งไล่เอาครีมป้ายหน้าม่านหมอกกันสนุกสนาน

คืนนี้ ช่างเป็นคืนแห่งความสุขเสียจริงๆ...

แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันจากความสุข กลายเป็นทุกข์แสนสาหัส เมื่อจู่ๆก็มีรถพุ่งเข้ามาในบ้าน คนในรถยิงกราดทันที ภูวนัยวิ่งมาคว้าม่านหมอกหมอบลง แต่เหมือนฝัน ลักขณา และสุริยา ถูกยิงล้มลง ส่วนเผ่าพงศ์กับม่านเมฆไปเข้าห้องน้ำเลยรอด

หลังจากยิงกราดแล้ว รถคันนั้นก็ตะบึงหนีไป เหมือนฝัน ลักขณา และสุริยาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

“ตั้งแต่นั้น...คุณหมอกก็คิดว่าคุณภูเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ของเธอตาย” พรรษาสรุปเศร้าๆ ไผ่ถามว่าทำไมหรือ “เพราะอาชีพและสิ่งที่คุณภูทำไงคะ”

“แค่เลี้ยงหมูก็ต้องไล่ยิงกันขนาดนี้เลยเหรอคะ” ไผ่แปลกใจ พรรษาถอนใจ ตัดบทว่าดึกแล้วไปพักผ่อนเสียเถอะ

พรรษาเข้าห้องไปแล้ว แต่ไผ่พญายังยืนใจหายอยู่ตรงนั้น เมื่อเข้าห้องก็ปาดน้ำตาอย่างสะเทือนใจ แล้วไผ่ก็คิดถึงเป็นห่วงแม่ตัวเองขึ้นมา ลงมาห้องรับแขกแอบโทร.เข้ามือถือกระดังงาเพื่อถามข่าวแม่

กระดังงาเพิ่งเต้นเสร็จ พอเห็นไผ่โทร.มาก็ดีใจ แต่ในห้องสัญญาณไม่ดี จึงเดินออกไปคุยข้างนอก ท่ามกลางสายตาของขิงที่มองอย่างระแวงว่ากระดังงาแอบคุยกับกิ๊ก

ooooooo

ภูวนัยบังเอิญลงมาเจอไผ่ ถามว่าลงมาทำอะไร ไผ่ปดว่าคอแห้งมาหาน้ำกิน แล้วทำเป็นเดินหาวออกไป แอบบ่นอย่างหงุดหงิดว่า “ขัดจังหวะเสียจริงๆ”

ขิงระแวงกระดังงาว่าแอบโทร.นัดพบใคร กระดังงาบอกว่าโทร.คุยกับไผ่ก็ไม่เชื่อ กระดังงาเลยให้โทร.คุยเอง

อึดใจเดียว โทรศัพท์ที่ห้องรับแขกบ้านภูวนัยก็ดังขึ้น ภูวนัยยังนั่งอยู่จึงลุกไปรับสาย พอขิงได้ยินเสียงปลายสายเป็นผู้ชายก็ด่าไปทันที

“เฮ้ย...อยากตกนรกรึไง” ภูวนัยโดนด่าก็งงถามว่าอะไรหรือ “ยังจะแกล้งโง่อีก ก็เป็นชู้กับเมียคนอื่นมันผิดศีลเว้ย”

“ผมว่าคุณคงโทร.ผิดแล้ว” ภูวนัยยังใจเย็น

“ผิดได้ไง! ก็เบอร์นี้มันโชว์อยู่...ฉันชื่อขิง ถ้าข้องใจก็เจอกันได้ แต่ขอเตือนไว้ก่อน ถ้าไม่อยากตายก็อย่ามายุ่งกับเมียฉัน” พูดแล้วกดตัดสายเลย

ภูวนัยโดนด่าจนมึน พอปลายสายวางไปแล้ว เขาจึงฉุกคิดถึงไผ่พญาขึ้นมา!

ขิงลมออกหู จ้ำอ้าวไปเอาเรื่องกระดังงา ฝ่ายนั้นยืนยันว่าตอนที่ตนรับสายมันเป็นเสียงไอ้ไผ่จริงๆ!

เมื่อชี้แจงอย่างไรขิงก็ไม่ฟัง ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาเรื่องท่าเดียว กระดังงาเลยตัดบทว่า ถ้าอย่างนั้นก็เลิกกันเลย ขิงชะงักกึก เปลี่ยนจากเอาเรื่องเป็นอ้อนทันที

ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะมะเทิ่งแว่วมา แล้วโคโยตี้กับพ่อครัวแม่ครัวก็วิ่งตามกันออกมาจากประตูหลังร้าน ขิงกับกระดังงาเลิกทะเลาะกันหันมอง เห็นลำไยวิ่งตามมาเป็นคนสุดท้าย พอเห็นทั้งสองก็วิ่งมาหลบข้างหลัง

ไม่ทันถามอะไรกัน โสภีก็เดินจ้ำมาชี้หน้าด่าลำไย

“นังลำไย ฉันให้แกมาทำงาน ไม่ใช่มาชวนคนฉันตั้งวงไฮโล” กระดังงาถามว่า แม่เล่นไฮโลหรือ ลำไยส่ายหน้าดิก “ยังจะเถียงอีก ต้องให้จับได้คาหนังคาเขาใช่ไหมถึงจะยอมรับ”

ลำไยก้มหน้างุด ขิงติงโสภีว่าไม่มีหลักฐานแล้วรู้ได้ไงว่าแม่ลำไยตั้งวงไฮโล แม่อาจตั้งวงเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะกันอยู่ก็ได้ พอขิงชี้ช่อง ลำไยก็เผลออ้าปากรับว่าใช่

เท่านั้นเอง! ลูกเต๋าก็ร่วงจากปาก หลักฐานเห็นกันจะจะเช่นนี้ ลำไยเลยเสียงอ่อยหน้าจ๋อยขอลาครึ่งวัน โสภีไม่ว่าอะไร แต่สั่งขิงว่า

“ไอ้ขิง เลิกงานแล้วแกล้างจานแทนนังลำไยด้วย” สั่งแล้วเดินสะบัดออกไปเลย

“อ้าววว...ไมอ้ะ?” ขิงมึน มองหน้ากระดังงากันแบบงานอีกแล้ว ลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไปเลย

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ไผ่เอาใจภูวนัย อาสาจะชงกาแฟให้ เขาตอบประชดว่า อย่าเลยไม่อยากมีเรื่องกับแฟนเธอ

ไผ่งง ภูวนัยจึงถามว่า เธอรู้จักคนชื่อขิงไหม

ไผ่สะดุ้งตกใจแต่เก็บอาการไว้ได้ ทำไก๋บอกว่าไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ ย้อนถามว่าทำไมหรือ

“เมื่อวาน ผู้ชายที่ชื่อขิงโทร.มาหลังจากที่คุณขึ้นห้องนอนไปแล้ว คุณไม่ได้แอบลงมาโทรศัพท์หาแฟนคุณใช่ไหม”

ไผ่ชี้แจงหน้าซื่อตาใสว่า ตนลงมาเดินเล่น ภูวนัยจับผิดทันทีว่า ไหนบอกว่ามากินน้ำ เธอแถไปได้อย่างลื่นไหลว่า

“แหม...ก็ฉันเดินเล่นเสร็จแล้วมันก็เลยหิวน้ำไง โอ๊ย...ฉันไม่รู้จักคนที่นายว่ามาหรอก อูย...กินกาแฟทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที...เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วไผ่กุมท้องชิ่งไปเลย

ระหว่างนั้น ผจญสะพายเป้เข้าไปในครัวเจอไผ่พอดีเลยเอ่ยลา ไผ่ถามว่าจะไปจริงๆเหรอ ผจญไม่ตอบหันไปทางภูวนัย เขามองหน้าไผ่แบบให้ออกไป พอไผ่ออกไป ผจญไหว้ลา ภูวนัยพูดหน้านิ่งๆ ก่อนจะเดินผ่านไปว่า

“เดินทางดีๆก็แล้วกัน”

“ก่อนไป ผมขออะไรคุณภูอย่างนึงได้ไหมครับ คุณภูอย่าลงโทษคุณหมอกเลยนะครับ เรื่องนี้เป็นความผิดของผมคนเดียว” ผจญขอร้อง

ภูวนัยไม่พูดอะไร เขานึกชื่นชมผจญอยู่ในใจ แต่ไผ่พญาทนไม่ได้ บอกตัวเองว่า ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

ผจญเดินออกมาแล้วแหงนมองขึ้นไปที่ห้องนอนของม่านหมอก พึมพำ “ขอให้คุณหมอกมีความสุขนะครับ”

“เธอนี่มันพระเอกตัวจริงเลย ทำอย่างนี้คิดว่าเท่เหรอ ทำไมเธอไม่บอกความจริงกับคุณภูไปล่ะ” ไผ่ตามมาถาม

“ที่ผมพูดไปทั้งหมดเป็นความจริงครับ” ไผ่ถามว่าทำไปแม้ตัวเองจะลำบากก็ยอมหรือ ผจญยืดอกพูดอย่างแมนๆว่า “ครับ ไอ้ผมมันเป็นผู้ชาย ลำบากยังไงก็ทนได้ แต่คุณหมอกเป็นผู้หญิง แกไม่เคยลำบากมาก่อน มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วครับ...ครูครับ...ผมฝากดูแลคุณหมอกด้วยนะครับ”

ไผ่มองผจญแล้วคิดว่า ตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง (อีก)แล้ว

ooooooo

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 3 วันที่ 13 เม.ย. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ