อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 5 วันที่ 22 เม.ย. 56
“นังครูตัวแสบ...ถ้าหมอกเป็นอะไรไปละก็...” ภูวนัยคำรามมาในรถ เขาโทร.เช็กกับปลายฟ้าว่ามีอุบัติเหตุที่ไหนหรือเปล่า ปลายฟ้าบอกว่าไม่มี แต่จะลองเช็กที่โรงพยาบาลอื่นดูให้อีกทีพอดีตะวันฉายพาเด็กมาถึง ปลายฟ้าถามทันทีว่าแล้วม่านหมอกกับครูไผ่ล่ะ ตะวันฉายเร่งให้ช่วยเด็กก่อน ปลายฟ้าจึงเรียกเตียงให้มารับเด็ก พอหายตึงเครียดตะวันฉายดูนาฬิกาที่ฝาผนังแล้วตกใจ อุทาน
“ตายล่ะ!”
ooooooo
ที่บ้านป้าแช่ม ไผ่พญากอดไหเหล้าดื่มจนเมา ป้าแช่มถึงกับเอ่ยปากว่าดุใช่เล่น ม่านหมอกเห็นว่าดึกแล้วถามป้าแช่มว่าเห็นตะวันฉายไหม
“ป้าว่ากี่โมงแล้วนะ” ไผ่ถามแทบหายเมา พอรู้ว่าห้าทุ่มกว่าไผ่่เด้งขึ้นมาทันที “ไม่ได้...อยู่ไม่ได้แล้ว กลับ...ต้องกลับเดี๋ยวนี้เลย”
“แล้วจะกลับยังไง พี่ตะวันยังไม่มาเลย”
“ไม่มาก็เดินไป ตอนนี้ฉันเห็นหน้าพ่อเธอยังไงรู้ไหม ขืนกลับช้ากว่านี้...ฉันโดนไล่ออกแน่ๆ” ม่านหมอกถามว่ากลับฟาร์มมันไกลแค่ไหนรู้ไหม “ไม่รู้...แต่ยังไงก็ต้องไป ไป...ไป...หนูลาล่ะค่ะป้า”
ไผ่พญายักแย่ยักยันลุกขึ้นแต่เพราะใส่รองเท้าแฟชั่นเลยเท้าพลิกข้อเท้าเกือบแพลง หันไปบอกป้าแช่มขอรบกวนหน่อย ป้าแช่มมองงงๆ
ครู่หนึ่งไผ่กับม่านหมอกก็พากันเดินออกมาอย่างทุลักทุเล ทั้งมืด ทั้งเมา ไม่นานไผ่ก็บอกว่าตน ไม่ไหวแล้ว ทิ้งตัวนั่งกับพื้น ม่านหมอกเข้าไปเขย่าบอกให้ลุกขึ้นมาเดินต่อ แต่ไผ่กลับทิ้งตัวลงนอนกับพื้นแบบหลับกลางอากาศเลย
ภูวนัยขับรถมาตามทางอย่างร้อนใจ เห็นอะไรตะคุ่มๆ อยู่ข้างถนนนึกว่าเกิดอุบัติเหตุอะไร พอลงไปดูเห็นม่านหมอกกำลังเขย่าไผ่เรียกให้ลุก เขาช่วยประคองก็ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมดถามอย่างไม่พอใจว่า
“กินเหล้ามาเหรอ”
“ฉันไม่ได้กิน...โน่น...” ม่านหมอกพยักพเยิด
ไปที่ไผ่ ภูวนัยมองไปเห็นไผ่นอนอ้าปากกรนครอก...ๆ อยู่ที่พื้น
ตะวันฉายกลับมาถึงบ้านป้าแช่ม พอรู้ว่าไผ่กับม่านหมอกกลับไปแล้วก็เป็นห่วงจะรีบตามไป ป้าแช่มฝากรองเท้าของทั้งสองไปคืนด้วยบอกว่า
“เห็นนังหนูสองคนนั่นบอกว่าจะเดินกลับ แล้วไอ้คู่นี้มันเดินไม่สบายก็เลยขอแลกกับรองเท้าแตะป้าไป ยังไงก็ฝากไปคืนนังหนูนั่นด้วยแล้วกัน”
ooooooo
เมื่อภูวนัยพาไผ่กับม่านหมอกกลับถึงบ้าน เขาบอกม่านหมอกให้ไปนอนเสีย ส่วนตัวเองประคองไผ่ที่เมาไม่ได้สติเข้าบ้านไป ระหว่างนั้น ไผ่ละเมอร้องเพลงออกมาลั่น
“มองได้...แต่อย่าชอบ...”
ภูวนัยที่กำลังถอดรองเท้าให้ไผ่รีบเอามือปิดปากกลัวใครมาได้ยินจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น ไผ่ยังร้องอู้อี้อยู่อย่างนั้น เขาเลยเอาถุงเท้าที่เพิ่งถอดออกยัดปากอุ้มไปที่เตียงวางโครมแล้วยืนหอบแฮก
“แม่พิมพ์ของชาติเขาทำตัวกันอย่างนี้รึไง...หา!” ภูวนัยดุทั้งที่ไผ่ยังเมาไม่รู้เรื่อง พอดีมีโทร.เข้ามือถือ เป็นสายจากพรรณราย เธอถามว่า ทำไมนอนดึกจัง “เอ่อ...พอดีผมมีงานต้องทำอีกนิดหน่อยน่ะ”
พรรณรายอ้อนว่าอยู่คนเดียวตนกลัว ภูวนัยถามว่าแล้วพยาบาลล่ะ ก็พอดีไผ่ดึงเขาเข้าไปกอด ภูวนัยร้อง “เฮ้ย!” พรรณรายถามว่าเป็นอะไร เขาไม่ทันตอบไผ่ก็ดึงเขาลงไปกอดแน่น พล่ามงึมงำ...
“นี่...วันนี้คือวันเริ่มต้นใหม่ของฉัน...”
เสียงไผ่เข้าไปในโทรศัพท์ พรรณรายถามภูวนัยว่าอยู่กับใคร ในขณะที่เขาก็พยายามด้ินจากกอดของไผ่ พูดไปดิ้นไปว่า “เอ่อ...ตอนนี้ผมยุ่งอยู่ ไว้พรุ่งนี้ผมโทร.หานะ” ว่าแล้วกดตัดสายเลย
“เดี๋ยวค่ะภู...ภู!...” พรรณรายกำโทรศัพท์แน่น จิกตาคำราม “ภูอยู่กับใคร!!!”
ภูวนัยยังวุ่นวายอยู่กับมือไม้ของไผ่พญาที่ไขว่คว้าจะกอดเขาอีก แต่เขาก็ดิ้นหลุดออกมา ได้ยินไผ่
คร่ำครวญถึงแม่ก็หน้าสลดคิดว่าไผ่คงเศร้าเรื่องแม่ นึกสงสารหันกลับไปห่มผ้าให้ แต่ก็พึมพำเหมือนจะออกตัวว่า
“ฉันจะทำให้เธออย่างนี้แค่ครั้งเดียว...รู้ไหม” เขาเดินไปปิดไฟออกจากห้องไป
แต่พอภูวนัยออกไปเท่านั้น ไผ่พญาก็สะบัดผ้าห่มลุกขึ้นโวยวาย “ได้เวลาเรียนแล้ว” กวาดตาปรือมอง
ไปรอบๆบ่น “ทำไมไม่เห็นมีใครมาเลย...เมฆ...หมอก...” แล้วตะเกียกตะกายโซซัดโซเซออกจากห้อง
พอออกมาแล้วไผ่ก็งง ไม่รู้ว่าตนอยู่ห้องไหน
มองหาเห็นห้องหนึ่งประตูแง้มๆ อยู่ก็ยิ้มเมาๆ บอกตัวเองว่า “ห้องนั้นไง้...” แล้วเดินเกาะฝาไป
มันคือห้องนอนของภูวนัย!
เจ้าตัวกำลังอาบน้ำอยู่ ไผ่เดินเข้ามาในห้องกวาดตามองหา บ่นเสียงอ้อแอ้...
“หมอก...ลงไปเรียนได้แล้ว...ไปไหนเนี่ย...” ไผ่เดินเซๆ ไปข้างเตียงที่ติดผนัง ทำเสียงดีใจ “แอ่ะ...
เจอแล้ว...” แต่แล้วก็ผิดหวังเพราะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เลยนั่งที่เตียง พล่ามไปเรื่อย “อย่าทำให้ฉันเดือดร้อนสิ เธอก็รู้ว่าตานั่นดุยังกับ...หมา...แหม...เตียงน่านอนจัง”
ไผ่ทิ้งตัวลงนอน แต่กะพลาดเลยตกไปที่พื้นดังพลั่ก!
ภูวนัยออกจากห้องน้ำเอาผ้าเช็ดตัวไปพาดผึ่ง เดินไปปิดไฟแล้วขึ้นเตียงนอน
ooooooo
เพียงวันรุ่งขึ้น พรรณรายในสภาพที่ยังเดินกะเผลกก็บุกมาที่ฟาร์มสุข ส่งเสียงโวยวายร้องเรียกภูวนัยมาตั้งแต่ยังไม่เข้าบ้าน สมส่วนกำลังเข็นจักรยานออกเจอก็ขอร้องอย่าเข้าไป
พรรษาได้ยินเสียงก็รีบออกมาบอกภูวนัย
อยู่บนห้อง แต่ยังไม่มีใครตื่นเพราะยังไม่เจ็ดโมงเลย กระนั้นพรรณรายก็ไม่ยอม จะบุกขึ้นไปข้างบน เมื่อพรรษาเข้าขวางก็ผลักจนล้ม พรรษาตะโกนบอกสมส่วนรีบขึ้นไปห้ามไม่อย่างนั้นจะถูกไล่ออก แต่พอเข้าไปขวางก็ถูกพรรณรายขู่ว่า จะให้ภูวนัยไล่ออก
“ทำไมมีแต่คนจะไล่ฉันออกวะเนี่ย” สมส่วนหลบไปงงๆ
ผ่านด่านพรรษากับสมส่วนขึ้นไปได้ ก็เจอเผ่าพงศ์กับม่านหมอกออกมาถามว่าโวยวายอะไร พอดีพรรษาตามขึ้นมาขอร้องให้พรรณรายลงไปเถิด อย่ารบกวนคนอื่นมากไปกว่านี้เลย
“ฉันไม่ลงจนกว่าฉันจะรู้ว่าเมื่อคืน ภูอยู่กับใคร”
ทุกคนฟังแล้วพากันแปลกใจ เพราะที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
เวลาเดียวกัน ที่ห้องนอนภูวนัย ไผ่พญาตื่นขึ้นมาอย่างคนเมาค้าง สะบัดหน้าบ่นปวดหัว แต่พอพลิกตัวลืมตาดูก็ตกใจแทบตกเตียงเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกับภูวนัย!
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต นายทำอะไรฉัน บอกมานะ นายทำอะไรฉัน” ไผ่โวยวายคว้าของใกล้มือขว้างปาภูวนัยไม่ยั้ง
“ฉันต่างหากต้องถามเธอ...เธอเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
ขณะไผ่กำลังงงๆนั้น ที่หน้าห้อง พรรษาก็กำลังขอร้องพรรณรายไม่ให้เข้าไปในห้อง ภูวนัยรีบไปแอบดู พอเห็นพรรณรายก็ตกใจหน้าตาตื่น ไผ่ถลามาถามว่ามีอะไร พอภูวนัยบอกว่า “พั้นซ์มา” ไผ่ก็ตกใจอุทาน
“หา!!”
ที่หน้าห้อง ทั้งพรรษาและเผ่าพงศ์พยายามห้ามพรรณรายที่จะเข้าไปดูให้ได้ว่าภูวนัยอยู่กับใคร จนเผ่าพงศ์ต้องชี้แจงรับรองในทีว่า
“หนูคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ไอ้ภูมันไม่เคยพาใคร เข้าไปนอนด้วยตั้งนานแล้ว”
“แต่เมื่อคืนหนูได้ยินเสียงผู้หญิง...ถ้าทุกคนเชื่อว่าภูไม่ได้ซ่อนใครไว้ก็หลีกไป!!”
พรรณรายผลักทุกคนกระเด็นแล้วบุกเข้าไปในห้องภูวนัยจนได้
ไผ่พญาซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกับภูวนัย แต่สุดท้ายก็ถูกพรรณรายจับได้
เมื่อจำนนด้วยหลักฐานเห็นไผ่ตัวเป็นๆอยู่บนเตียง ภูวนัยจึงชี้แจงว่า เมื่อคืนไผ่พญาเมามาก พรรณรายถามว่าแล้วทำไมต้องมานอนที่ห้องเขา ไผ่ก็ถามภูวนัยอย่างเอาเรื่องว่าทำไมไม่พาตนไปที่ห้อง ภูวนัยแกล้งทำเสียงดังกลบเกลื่อนว่า
“ก็คุณอ้วกเต็มที่นอนอย่างนั้นจะให้ผมทำยังไง”
“เอาละๆถ้ามันเป็นอย่างนี้ หนูพั้นซ์คงไม่ติดใจอะไร แต่อย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก...เข้าใจไหมภู” เผ่าพงศ์ไกล่เกลี่ย
เรื่องทำท่าจะจบ แต่กลับร้อนแรงขึ้นเมื่อม่านหมอกพูดว่าโซฟาที่ห้องรับแขกก็ว่าง แล้วทำเป็นจับพิรุธได้ว่า
“มิน่า...เมื่อคืนถึงได้บอกให้ฉันขึ้นไปนอนก่อน”
พรรณรายพุ่งเข้าหาไผ่พญา พรรษากอดรัดไว้แน่นเธอเลยยกเท้าทั้งสองข้างพยายามถีบ ปากก็ร้องบอกให้พรรษาปล่อยตนเดี๋ยวนี้ พรรษาเลยปล่อย เป็นจังหวะที่เธอยกเท้าถีบพอดีเลยหล่นกระแทกพื้นพลั่ก! คราวนี้เลยหยุดได้เองเพราะสะโพกครากจนร้องครวญคราง
ooooooo
ที่ ป.ป.ส.ขณะมารุตกำลังยืนเครียดอยู่ริมหน้าต่าง ชาติกล้าก็มาหาถามว่า ผู้กำกับเรียกมามีอะไรหรือเปล่า
“คุณได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการตายของคุณนายหยาดฟ้าไปบอกกับหมวดภูวนัยหรือเปล่า” มารุตจ้องเขม็ง
“เปล่าครับ...ทำไมเหรอครับ” ชาติกล้าสบตาตอบอย่างไร้พิรุธ
“หมวดภูวนัยมาหาผม...หมวดเขาพูดแปลกๆ เหมือนมีคนไปบอกข้อมูลบางอย่างกับเขา...คุณไม่รู้จริงๆเหรอ”
ชาติกล้าติงว่าผู้กำกับพูดเหมือนสงสัยตน พอดีมีโทร.เข้ามือถือมารุต เขาจึงตัดบทบอกชาติกล้าว่าหมดธุระแล้ว
พอชาติกล้าออกไป มารุตมองจนประตูปิดสนิทจึงกดรับสาย ตำหนิเสียงเครียด
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าโทร.มาเบอร์นี้...แกแน่ใจนะ...” ฟังปลายสายแล้วมารุตมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังก่อนเดินออกไป
เพียงมารุตคล้อยหลังไป ชาติกล้าก็เดินออกจากมุมที่หลบอยู่ มองตามไปด้วยความสงสัย
ooooooo
เพราะพรรณรายสะโพกคราก ภูวนัยจึงให้นั่งรถเข็นพาไปส่งที่รีสอร์ต เจอชาโณ ชายวัยกลางคนอ้วนพุงพลุ้ยแต่ท่าทางรวย ที่เสกสรรพามาดูรีสอร์ตแนะนำอย่างภูมิอกภูมิใจว่าแขกมาพักแล้วติดใจต้องย้อนกลับมาอีก
พอภูวนัยเข็นพรรณรายเข้า เสกสรรที่โกหกชาโณว่าตอนนี้ลูกสาวอยู่กรุงเทพฯ ก็กะล่อนได้อย่างไหลลื่นถามพรรณรายว่า ทำไมจะกลับมาไม่บอกพ่อก่อน
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” ชาโณมองภูวนัยอย่างสงสัย
“อ๋อ...เอ่อ...บุรุษพยาบาลน่ะครับ” เสกสรรสะดุดไปนิดหนึ่ง
“ใครเป็นบุรุษพยาบาลกันคะ นี่คือภู แฟนพั้นซ์ แล้วคุณเป็นใคร” พรรณรายหางตาใส่ชาโณอย่างดูถูก
เสกสรรแนะนำว่าเขาคือคุณชาโณเจ้าของโรงแรมในเครือวันเดอร์ทั้งหมด พรรณรายจ้องที่หัวล้านพูดเยาะว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นชะโดมากกว่า เพราะหัวเหมือนชะโดตีแปลง ชาโณโมโหที่ถูกล้อถึงหัว หุนหันเดินออกไป เสกสรรหันมาเอ็ดพรรณรายว่า
“ยัยพั้นซ์...แกทำเสียเรื่องอีกแล้วนะ แกรู้ไหมว่าคุณชาโณเขารวยแค่ไหน ฉันอุตส่าห์ให้เขามาดูตัวแก” พรรณรายถามว่าพ่อจะขายตนกินหรือ “ขายอะไร...ถ้ารีสอร์ตเราได้เข้าไปอยู่ในเครือวันเดอร์...ก็สบายไปทั้งชาติ โธ่...ทำเสียเรื่องหมด คุณชาโณครับ...รอก่อนครับ” เสกสรรรีบตามชาโณไป
พรรณรายเบ้ปากใส่แล้วหันบอกภูวนัยให้ไปส่งตนที่ห้องหน่อย เห็นเขาลังเล เธออ้างว่า ตนเป็นอย่างนี้เพราะเขาจะพาไปส่งแค่นี้ไม่ได้หรือ ภูวนัยทำหน้าลำบากใจ แต่ก็ต้องพาเธอไปส่งที่ห้อง พยุงเธอขึ้นจากรถ เธอกอดคอเขาแน่นมองอย่างหลงใหลหน้ากับหน้าเกือบสัมผัสกัน ถามเคลิ้มๆว่า
“พั้นซ์ไม่ได้มองภูใกล้ขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”
“ตั้งแต่ตอนที่คุณทิ้งผมไปมั้ง” พูดพลางประคองเธอไปนั่งที่เตียง
“นี่ภูยังโกรธพั้นซ์อยู่อีกเหรอคะ”
ภูวนัยย้อนถามว่าจำตอนที่เธอโทร.มาจากอเมริกาเพื่อบอกเลิกตนไม่ได้หรือ เธอแก้ตัวว่าเพราะตอนนั้นตนยังเด็กและตอนนั้นก็ไม่รู้ด้วยว่าเขารักตนมากขนาดไหน
“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว”
“แต่พั้นซ์ยังรักภูอยู่” พรรณรายกุมมือเขาไว้ ภูวนัยจับมือเธอ พรรณรายนึกว่าเขาใจอ่อน แต่ที่แท้เขาจะเอามือเธอออก บอกเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้เสน่หาว่า
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกพั้นซ์ พักผ่อนเถอะนะ ผมต้องไปแล้ว” พรรณรายอ้อนว่าจะให้ตนทำอย่างไรเราถึงจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีก “ผมลืมบอกคุณไป ตอนนี้ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่อยากให้คุณบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน”
พูดแล้วภูวนัยหันหลังเดินออกไป พรรณรายกำมือ แน่นมองตามด้วยความโกรธแค้น คิดจะเอาชนะให้ได้
ooooooo
วันนี้ ไผ่พญามาช่วยพรรษาในครัว ล้างผักเสร็จยกกะละมังผักเข้ามาก็พูดประสาคนติดใจสงสัยไม่ หายว่า
“หนูล่ะแปลกใจจริงๆในเมื่อคุณภูบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคุณพั้นซ์แล้ว แล้วทำไมคุณพั้นซ์ต้องโวยวายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณภูอย่างนั้นด้วย”
พรรษาเหน็บว่าตอนพรรณรายอยู่ไม่เห็นเก่งอย่างนี้เลย ไผ่แก้เกี้ยวว่าถ้าไม่เมาค้างละก็น่าดู แล้วสงสัยต่อ...
“ถ้าหนูเป็นคุณภูนะคะ หนูจะตอกให้หน้าหงายเลยว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
พรรษาพยายามติงไผ่พญาว่าเราอย่าพูดถึงคนอื่นลับหลังเลย ไผ่โต้ว่านี่เราไม่ได้นินทาแต่เขาเรียกว่า “ออกความเห็น” ต่างหาก ไผ่พญาพูดโดยไม่รู้ว่าภูวนัยกำลังเดินเข้ามา พรรษาพยายามจะบอก แต่เจ้าหล่อนก็จ้อไม่หยุด
“หนูเองก็ไม่เข้าใจคุณภูเหมือนกัน หรือว่าคุณภูจะโดนของยัยคุณพั้นซ์นั่นถึงได้ยอมเธอทุกอย่าง”
“ผมไม่ได้โดนของอะไรหรอก” ภูวนัยขัดขึ้นทันที ไผ่พญาสะดุ้งเฮือก “พั้นซ์เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วตอนนี้พั้นซ์เขาก็ไม่สบาย ผมไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจ”
ภูวนัยบอกพรรษาให้บอกผจญไปเอาของที่รถลงให้หน่อย ไผ่ฉวยโอกาสจะลุกไป แต่ถูกเรียกไว้ สั่งให้กลับมาและนั่งลง ไผ่ทำเสียงแข็งว่า “ทำไมฉันต้องทำตามที่นายสั่งด้วย”
“เพราะผมเป็นคนจ่ายเงินเดือนคุณไง...คุณรู้ตัวไหมว่า เมื่อคืนคุณทำอะไรลงไปบ้าง” ไผ่เสียงแผ่วว่าก็พอจำได้เลาๆ “พอเลาๆ หรือพอเมาๆ”
“โอเค” ไผ่ทำเสียงหนักแน่น แล้วพูดเอาความดีใส่ตัวว่า “ฉันยอมรับว่าฉันเมา...แต่ฉันไม่ได้กินอะไรเยอะเลยนะ หมอกเขาไม่เล่าให้ฟังเลยเหรอว่า ที่ฉันต้องกินเพราะพวกชาวบ้านเขาคะยั้นคะยอ แล้วฉันก็ไม่อยากให้หมอกเขากินเหล้า...ฉันก็เลยต้องกินแทน”
“แต่หมอกเขาไม่ได้เล่าอย่างนี้นี่”
ไผ่พญาชะงัก รีบหาเรื่องเปลี่ยนประเด็น ทำเป็นนึกได้ พูดอย่างตื่นเต้นว่า
“จริงด้วย นายบอกว่าฉันอ้วกเต็มที่นอน แต่เมื่อเช้าฉันขึ้นไปดูก็ไม่เห็นอะไรนี่”
แต่ภูวนัยไม่หลงประเด็นสวนไปทันทีว่า “ผมต่างหากที่ต้องถามคุณว่าคุณมานอนห้องผมได้ยังไง”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย นายคิดจะทำอะไรฉันใช่ไหม หรือว่านายทำไปแล้วหา!” แล้วแกล้งเอาผักในกะละมังปาใส่ไม่ยั้ง ภูวนัยปัดป้องร้องบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ พอดีมีโทรศัพท์เข้ามือถือเขา ภูวนัยมองโทรศัพท์ชะงัก เดินออกไปมุมลับตาก่อนรับสาย
“ว่าไงชาติ”
“ฉันมีอะไรอยากให้แกดูว่ะ...เออ...แกดูแล้วจะรู้เอง” ชาติกล้าบอก แล้วเอาโทรศัพท์ออกมากดหาอะไรบางอย่างก่อนกด send video ส่งไปให้ภูวนัย
ภูวนัยกดรับก่อนจะกดคลิปที่ชาติกล้าส่งมาให้ เขาอึ้งไปเมื่อเห็นคลิปที่มารุตกำลังคุยกับมือขวาของพายัพ!
ooooooo
ที่โต๊ะอาหารค่ำวันนี้ บรรยากาศไม่ดีนัก ม่าน-เมฆนั่งซึมไม่แตะต้องอาหารเลย ภูวนัยก็นั่งหน้าเครียด
เผ่าพงศ์ถามม่านเมฆว่าเป็นอะไร ทำไมไม่กินข้าว หรือต้องให้ครูไผ่ป้อน ม่านเมฆจึงถามโพล่งขึ้นว่า
“เมื่อคืนครูไผ่เข้าไปนอนกับพ่อหรือ”
อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 5 วันที่ 22 เม.ย. 56
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็งคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ