อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/4 วันที่ 5 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/4 วันที่ 5 เม.ย. 56

ทองจันทร์ชักเขว “อาจเป็นได้ เอ วันนี้ดูไปดูมาหน้าตาไปละม้ายคล้าย คล้ายเอ้อ...”
จู่ๆ ใบหน้าของเนียนก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพ
ระหว่างนั้นสนเดินมากับช้อย โดยอุ้มเทิดศักดิ์มาด้วย และได้ยินพอดี
“ลูกเทิดศักดิ์เหมือนจะรู้ว่าคุณพ่อกลับมาแล้ว ร้องไห้จ้าอยากหาคุณพ่อค่ะ”
พลางสนยื่นเทิดศักดิ์ให้ดู

ทองจันทร์ตบอกผาง “ใช่แล้ว ยายหนูหน้าตาเหมือนพี่ชายเขา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่เลยสิคะ” เรียมว่า


“จริงด้วย ยังกับพี่น้องท้องเดียวกัน นี่ถ้าลืมตาขึ้นมามี แววตาเดียวกันอีกละก้อ ประหลาดแท้ทีเดียว”
ขุนภักดีหน้าตึงทันควัน ไม่พอใจเอามาก
“ลูกผมก็ต้องหน้าเหมือนผมทุกคน จะไปเหมือนใครได้ครับคุณแม่ ผมจะไปทำงาน”
ขุนภักดีหันกลับ ทุกคนเงียบหมด
“นั่นสิคะเปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่า ใครรู้บ้างว่า ยายอ่อนล่องหนไปไหน” สนเอ่ยขึ้น
ทุกคนทำหน้าไม่รู้ มีแต่เรียมทำเฉยๆ
“ไฮ้ มันจะหายไปไหน แม่เรียมต้องอยู่ไฟนะ”
“ช่างเถิดค่ะ คุณแม่”
สนกับช้อยสะกิดกัน แปลกใจเรียม
“แปลกนะคะ” สนเอ่ยขึ้น
“ตอนที่แม่สนคลอด แกก็หายไปแบบนี้เหมือนกัน แม่สนก็ไม่ได้อยู่ไฟกับยายอ่อนไม่ใช่รึ” เรียมว่า

เนียนนั่งอุ้มลูกอยู่หน้ากระท่อมเก่า เห่กล่อมลูก พลางคิดถึงแดงน้อยและพี่ชาย
“แดงน้อย พี่หนัก ทุกคนไปอยู่ที่ไหนกันนะ ลูกแม่จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างหนอ”
เนียนทอดถอนใจ มีแต่ความเศร้าท่วมอก แล้วเนียนก็รู้สึกว่าถูกมอง จึงเงยหน้าขึ้น

ในคลองหน้าบ้าน เรือแล่นช้าๆ ผ่านมา ขุนภักดีนั่งอยู่กำลังมองมา เอกนั่งด้านหลังจึงเห็นว่าท่านขุนมองเนียน
ฝ่ายเนียนตกใจมาก ก้มหน้างุดด้วยสัญชาติญาณ รีบกอดลูกแนบอกเหมือนปกป้องคุ้มภัย

ขุนภักดีรู้ตัวว่าเผลอไปมองเนียน แล้วนึกหงุดหงิดตัวเอง
“โธ่เว๊ย”
เอกแกล้งเซ่อ “ท่านขุนต้องการอะไรหรือขอรับ”
“เออ ...ข้าต้องการให้ปลูกต้นไม้ใหญ่สักหน่อยริมตลิ่งด้านหน้าให้เป็นแถวเป็นแนวยาวๆ”
“แต่เมื่อก่อนท่านขุนสั่งห้ามใครปลูกต้นไม้แถวนี้ เพราะกลัวมีโจรมาลอบขึ้นเรือนนะขอรับ” เอกย้อนขำๆ
“ตอนเมื่อก่อนกับตอนนี้มันต่างกัน ข้าไม่ต้องการเห็น เอ้อ เห็น...”
“เห็นอะไรขอรับ”
“เห็นกระ เอ๊ย เล้าหมู น่ะ”
“ท่านรังเกียจหมูซะแล้ว” เอกแซว
“ไอ้เอกเอ็งหยุดพูดนะ”
“หยุดขอรับ”
เอกแอบยิ้มขัน ขุนภักดีพาลตบโน่นเตะนี่แถวนั้นวุ่นวาย

เนียนอุ้มลูกหน้าตาซีดเซียว ถดตัวหลบถอยไปน้ำตาไหลร่วงพรู
“ลูกจ๋า แม้แต่พ่อของหนูยังรังเกียจหนู แม่เสียใจแม่ขอโทษ แต่แม่พูดความจริงไม่ได้ จนกลายเป็นสาเหตุให้ลูกต้องตกระกำเช่นนี้”

เนียนอุ้มลูกยืนร้องไห้น้ำตาไหลพราก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปอีก เช้าวันนี้ เด็กชายแดงน้อย ดูแข็งแรงร่าเริง กำลังเดินเตาะแตะไปมาอยู่ใน “ร้านกาแฟไทยเจริญ” ของแพรและโพล้ง ที่หนักปล้นเอาเงินมาเป็นทุนเปิดร้านให้ ในบางกอก

ร้านกาแฟไทยเจริญ เป็นร้านเล็กๆ ขายอาหารข้าวแกง กับน้ำโอเลี้ยง โอยัวะ โพล้งเป็นพ่อครัวโพกผ้าที่หัว ตักอาหารให้ลูกค้า แพรเป็นคนเสิร์ฟ มีโต๊ะให้คนนั่งกินไม่เกินสี่โต๊ะ
“แดงน้อยมาช่วยป้าส่งอาหารให้แขกเร้ว”
แดงน้อยเดินตามต้อยๆ มายืนยิ้มน่ารัก
“สวัสดีครับก่อนแดงน้อย” โพล้งยิ้มบอก
“ซาหวัด ดี กั๊บ”
ลูกค้ายิ้มชม “น่ารักจริง หลานหรือจ้ะ”
แพรยิ้มภูมิใจ “จ้ะ”
ลูกค้าซักต่อ “พ่อแม่ไปทำงานรึ”
แพรหันไปมองหน้าโพล้งแว้บหนึ่ง
“พ่อตาย เอ้อ...แม่ก็...ตายแล้วครับ” โพล้งเป็นคนตอบ
“โถ น่าสงสารแท้ๆ ชั้นน่ะเป็นหมอดู จ้ะ ไหนให้น้าดูฝ่ามือสิลูก”
แพรจับมือแดงน้อยให้ลูกค้าดู
“ไฮ้ เส้นกำพร้าไม่ได้บ่งบอกนี่นาว่าแม่ตาย แค่บอกว่าพลัดพรากจากกันแต่บั้นปลายจะได้พบกันอีก เรียนเก่งมาก โตขึ้นจะเป็นใหญ่เป็นโตจะมั่งมีเงินทอง แต่อาภัพรัก พบแม่เมื่อไหร่ชีวิตจะมีแต่สุขสมหวัง” ลูกค้าหมอดูว่า
จู่ๆ เด็กชายแดงน้อยก็ดึงมือกลับจากลูกค้า ตะโกนออกมาด้วยความดีใจมากๆ
“ยุง ยุงมาแย้ว”
ทุกคนหันไปดูคนที่แดงน้อยเรียกลุง เห็นหน้าไม่ถนัด เพราะหนัก หรือชายคนนั้นใส่หมวกหรุบหน้าลงมา แถมใส่แว่นตาดำ แต่งตัวสะอาดสุภาพเรียบร้อย หนักก้มลงอุ้มแดงน้อยมากอดรัดจูบหอมแล้วพากันหายไปทางหลังร้าน
ลูกค้าคนเดิมถามแพรกับโพล้ง “ลุงแท้ๆ รึนั่น”
“จ้ะ”
“ท่าทางจะรักกันมาก ทำมาหากินอะไรรึ”
แพรกับโพล้งมองหน้ากัน
“ถ้าอยากรู้ลองถามเขาเองเถิดจ้ะ” โพล้งปัด
เจอไม้นี้เข้า ลูกค้าช่างซักจึงเงียบไป

หนักเดินมาถึงหลังร้าน ได้ยินลูกค้าถามว่าหนักทำงานอะไร ก็อึ้งไปหน้าสลดลง แดงน้อยดึงหมวกหนักออกจากหัว
“ดูหน้ายุง ดูหน้ายุงหน่อย” แดงน้อยว่า
หนักมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่สบายใจ
“หน้าลุงไม่สวยเหมือนหน้าหนูดอกครับ หนูนี่แหละ ยิ่งโตยิ่งสวยเหมือนแม่” หนักทอดถอนใจ
แพรกับโพล้งตามเข้ามาหลังร้าน
“ลูกค้าปากมากนั่นไปแล้ว ข้าละเอือม คนบางกอกนี่ช่างพูดกันแท้ๆ” โพล้งบอกท่าทีระอา
“ก็ต้องทน เรามีหน้าที่บริการเขา กิจการดีไหมไอ้โพล้ง ยายแพร” หนักว่าพลางถาม
“แรกๆ ก็ แทบขายไม่ได้ มาตอนนี้ดีขึ้นมาบ้าง” แพรบอก
หนักส่งห่อของให้
“ช่างปะไร พวกเอ็งก็แค่ขายของบังหน้าเท่านั้นเอง อย่าเผลอไปทำตัวมีเงินเข้าล่ะ”
“รู้แล้วน่า ว่าต้องทำปอนๆ” แพรว่าพลางแกะของมามอง “โอ้โห แยะกว่าทุกครั้ง เลยนา”
“ชั้นย้ายที่ปล้นน่ะ ปล้นคนเลวที่มันคดโกง มันจึงไม่ค่อยกล้าไปแจ้งความดอก กลัวทางการจะรู้ว่าเงินมันไม่บริสุทธิ์”
โพล้งเอ่ยขึ้น “ฉลาดปล้นเนาะ ปล้นคนเลวมาให้คนจน”
“จะเอาไปเซงลี้ที่ไหนให้ระวังกันหน่อย เงินทองที่ได้มา เอาไว้เป็นค่ารักแดงน้อย กับค่าเล่าเรียนให้หลานข้า เรียนที่ที่ดีที่สุด แพงเท่าไหร่ไม่ว่ากัน” หนักบอก
“ยายหมอดูตะกี้บอกว่าแดงน้อยเรียนเก่ง จะร่ำรวย จะเป็นใหญ่เป็นโต จะได้พบแม่แล้วจะมีแต่ความสุขสมหวัง” แพรนึกได้
“ขอให้เป็นจริงดังว่าเถิด ทุกวันนี้ ห่วงก็แต่เนียน จะเป็นจะตายอย่างไรบ้างหนอ”
“เนียนคงอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ดอก ท่านรักเนียนจะตายไป” แพรว่า
“ที่บ้านนั้นมันมีบ่างช่างยุ คนอย่างท่านขุน รักแรงเกลียดแรง ข้าน่ะอยากจะไปสืบดู ก็เข้าเมืองสุพรรณไม่ได้ ใจห่วงน้องเหลือเกิน คืนนั้นที่ข้าโดนยิง ถ้าไม่ได้คนของท่านขุนเองแสร้งไล่ไอ้พวกที่ตามจับตัวข้าไปทางทางอื่น แล้วเขาก็แอบปล่อยข้าหนีรอดมาได้หาไม่ข้าตายคาคุกแน่”
สองคนตื่นเต้น “ใครกัน”
“ข้าไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาน่าจะเป็นพวกคนที่ตามจับข้า กลัวเหลือเกินว่าจะลงอาญาเนียนอย่างหนัก ข้าทำร้ายน้องตัวเองแท้ๆ” หนักหน้าสลดลง
“นัดหมายกันรู้กันเพียงลำพังเนียนกับพี่หนัก แล้วทำไมท่านขุนมาลอบจับผิด” โพล้งตั้งข้อสังเกต
“อีสนแน่ อีสนมันต้องรู้ว่ากูจะไปคืนนั้น กูไม่ควรละเว้นอีสนให้มันย้อนกลับไปก่อกรรมทำเข็ญน้องกูเลย”

หนักแค้นขึ้นมา ถอนใจหนักหน่วง อุ้มแดงน้อยไว้แน่น หนักน้ำตาซึมเพราะห่วงน้อง
อีกวันต่อมาเนียนที่สามคนเป็นห่วงเหลือแสน อยู่ในสภาพดูมอมแมมลงไปมาก โทรมหนัก ด้วยเนียนเอาลูกผูกไว้กับอกกำลังหั่นหยวกกล้วย ปากก็เห่กล่อมลูกไปด้วย

“เอ่ เอ๊ โอละเห่...”
เอกเดินหิ้วถังน้ำข้าว กับเศษอาหารมาให้เนียน
“เนียน นี่จ้ะ น้ำข้าวจากเรือนครัวกับเศษอาหาร”
“เอาอีกแล้วพี่เอกจ๋า เนียนไปเอาเองที่โรงครัวได้จ้ะ”
“เนียนไปเอาเองก็ต้องเสียเวลา ต้องเหนื่อยต้องหนัก แถมเจอนางช้อยไปวางอำนาจถ่วงให้มันยุ่งยากอีก พี่สงสารหนูติ๋วจ้ะ นี่ยังมีอีกจ้ะน้ำข้าวอุ่นๆ คุณนายเรียมเธอแอบแบ่งของคุณหนูอี๊ดมาให้หนูติ๋วจ้ะ”
เอกพูดถึงลูกสาวเนียนชื่อติ๋ว ส่วนลูกสาวเนียนที่ยกให้เรียมชื่ออี๊ด
เนียนฟังแล้วน้ำตาซึม
“ช่างเมตตาต่อลูกบ่าวลูกชู้เหลือเกิน”
เอกเหลืออด “เนียน ด่าว่าตัวเองทำไม คำก็ลูกชู้ สองคำก็ลูกบ่าว พี่มั่นใจพอๆ กับที่คุณนายเรียมเธอมั่นใจ ว่าหนูติ๋วไม่ใช่ลูกชู้ แต่เป็นลูกของท่านขุน เนียนน่ะใจแข็ง ใจเด็ดไม่ปริปากออกมาต่างหาก แล้วคุณหนูอี๊ดน่ะที่แท้ก็ลูกเนียน”
เนียนตกใจ “จุ๊ๆ พี่เอก อย่าได้เอ่ยคำนี้ออกมาอีก ฉวยแม่ช้อยมาได้ยินเอาไปโพนทะนาคุณเรียมกับคุณหนูอี๊ดจะโดนอาญาไปด้วย อ้อ ฝากกราบขอบพระคุณคุณเรียมด้วยจ้ะ ฝากเรียนด้วยว่า ไม่ต้องเอามาให้อีกดอกจ้ะ”
“ยังมีอีกจ้ะ ท่านให้ปลาตะเพียนให้หนูติ๋วมอง เวลาที่เนียนต้องทิ้งแกไว้ในเปลคนเดียวเพื่อไปทำงาน”
“พี่เอก โธ่” เนียนตื้นตันใจ
“ไม่ต้องมาโธ่มาถังพี่ดอก คุณนายเรียมท่านอยากให้หนูติ๋วได้ทุกอย่างมีทุกอย่างเหมือนคุณหนูอี้ด”
เนียนน้ำตาไหลซาบซึ้ง ใจมาก
“แต่มันจะกลายเป็นบ่าวตีตนเสมอนาย เนียนดีใจก็จริงแต่เนียนไม่สบายใจเลยจ้ะ”
เอกขยับมายัดเงินใส่มือเนียน “เงินจ้ะ สองตำลึงท่านให้ไว้เผื่อขัดสนเรื่องหนูติ๋ว”
เนียนสะอื้นร้องไห้ซาบซึ้งน้ำใจเรียม
ช้อยแอบมองห่างออกมา แม้ไม่ได้ยินสองคนพูดกัน แต่มั่นใจว่าของนั้นมาจากเรียมแน่

ปลาตะเพียนห้อยแกว่งไกวอยู่เหนือเปล เด็กชายเทิดศักดิ์นอนมองปลาตะเพียนส่งเสียงเอิ๊กอ๊าก สนนั่งแต่งหน้าทาแก้ม ช้อยพรวดมาหาสน
“คุณสนเจ้าขางามหน้าปลาตะเพียนแท้ๆ เจ้าค่ะ”
“งามหน้าปลาตะเพียนอะไรของเอ็ง พูดเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว” สนแต่งหน้าต่อไม่มองมา
“ก็ปลาตะเพียนที่คุณหนูเทิดศักดิ์กำลังมองเพลินอยู่นี่แหละเจ้าค่ะ”
“ก็แค่ปลาตะเพียน ที่อีนางคุณนายเรียมมันส่งมาให้ลูกเทิดศักดิ์ดูเพลินๆ”
“แต่มันไม่ใช่แค่คุณหนูเทิดศักดิ์ดูเพลินๆ เท่านั้นดอกเจ้าค่ะเรื่องมันเลยเถิดมากกว่านั้นเจ้าค่ะ” ช้อยสำบัดสำนวนตามเคย
“เอ็งอย่ามัวเล่นสำนวนชวนให้ตบปากฉีก พูดมาว่าเอ็งจะฟ้องอะไรข้า”
“อีเด็กติ๋วลูกอีเนียนก็มีเหมือนกันเปี๊ยบ มันเป็นบ่าวมาตีเสมอนาย ไม่ได้นะเจ้าคะ มันลูกบ่าวลูกชู้ลูกนางคนเลี้ยงหมู จะมีของเล่นเหมือนลูกนายคุณสนทนได้รึ ใครรู้เข้าเอาหน้าไว้ที่ไหนอายเขาตาย” ช้อยเสี้ยมตามสันดานขี้อิจฉา
ได้ฟังดังนั้นสนปราดไปจะไปดึงปลาตะเพียนออก
“ถ้าอย่างนั้นเทิดศักดิ์ไม่ต้องมีของที่ลูกบ่าวลูกชู้มันมี”
เทิดศักดิ์ตกใจในท่าทางสน ร้องไห้จ้า ช้อยดึงแขนสนไว้
“อีเด็กติ๋วต่างหาก ที่ไม่ต้องมีของเล่นเหมือนที่คุณหนูเทิดศักดิ์มีเจ้าค่ะ”
“เราจะไปทำอะไรมันได้ ในเมื่อคนให้คืออีเรียม”
“เชื่อหัวอีช้อยสิเจ้าคะ”
ช้อยกระซิบ สนพอใจ สองคนใจบาปยิ้มให้กัน

สนรีบแจ้นมารายงานทองจันทร์ที่เรือนใหญ่ทันควัน
“แม่สน นั่นไปหิ้วปลาตะเพียนเด็กมาจากไหน”
“คุณนายเรียมฝากมาให้ลูกเทิดศักดิ์ค่ะ คุณแม่ แต่...”
“แต่อะไรรึ ไม่ชอบรึ”
“ชอบสิคะ ชอบมากด้วย แต่สนให้นึกสงสารเด็กติ๋วลูกชู้ กลัวมันจะไม่มีอะไรนอนดูเล่น สนก็เลยให้ช้อยเอาไปให้มันค่ะ”
“เหลวไหลแท้ๆ แม่สนจะเอาของแม่เรียมที่ให้ไปให้ลูกบ่าวเล่นได้ยังไง”
“ก็แหม..สนคิดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสุดที่รักของพี่ขุนนี่คะ”
“แม่สนอย่าได้พูดคำนี้อีกทีเดียว ตอนนี้มันเป็นสุดที่ชังสุดที่เกลียดของพ่อเทพ ให้มันแล้วหิ้วมานี่ทำไม”
“มันไม่เอาค่ะ”
“จองหองรึ” ทองจันทร์ถาม
“มันมีปลาตะเพียนแล้วค่ะ สวยกว่าของลูกเทิดศักดิ์กับหลานอี๊ดด้วยค่ะ” สนใส่ไฟ
“แม่เรียมให้มันด้วยรึ แม่เรียมนี่ทำเหมือนมีผีบ่าวสิง กระไรมาติดอกติดใจให้ของเด็กนั่นเหมือนกับให้ลูกให้หลานตัวเองไปซะทุกสิ่งอย่าง”
“คุณเรียมพยายามยกย่องลูกบ่าวลูกชู้เสมอลูกนายคะคุณแม่ สนน่ะกลัวว่าพี่ขุนรู้เข้าจะเคืองคุณเรียม คุณแม่ต้องคอยเตือนบ้างนะคะ หาไม่ละก็เกิดเรื่องวุ่นวายอีก พี่ขุนจะพาลไปเคืองเนียนแล้วทุบตีเอา สนสงสารเขา”
ทองจันทร์พยักหน้ารับคำ

ด้านเนียนผูกเปลโดยใช้ผ้าห่อผูกเชือกโยงอยู่ใต้ต้นไม้ มีปลาตะเพียนห้อยอยู่ ส่วนเนียนกำลังหั่นหยวกกล้วยให้หมูไปด้วย
“หนูติ๋วดูปลาตะเพียนไปนะลูก สีแดงตัวใหญ่ตัวเล็กเต็มไปหมดเลยจ้ะลูก ดูปลาแล้วอย่ากวนแม่นะลูก ให้แม่ทำงานนะจ้ะลูกรัก”
ช้อยปราดมาถึง มาดึงปลาตะเพียนออกทันที
“ไม่รู้รึว่าเป็นลูกบ่าวจะตีตัวเสมอลูกนายไม่ได้”
“ไม่ได้ตีเสมอดอกจ้ะแม่ช้อย ปลาตะเพียนนี่คุณนายเรียมท่านฝากมาให้หนูติ๋วเองจ้ะ ข้าไม่มีปัญญาไปหาซื้อมาดอก”
“คุณท่านรู้เรื่องแล้ว ท่านไม่พอใจเนียนมาก ไม่รู้ตัวบ้างรึ ว่าคุณท่านเกลียดเนียนเข้าไส้เข้าพุง ท่านว่าเนียนทำให้วงศ์ตระกูลท่านเสื่อมเสียจะแนะนำให้เอาบุญนะเนียน อยู่ให้มันเงียบๆ เหมือนไม่มีตัวมีตนในบ้านนี้ เป็นดีที่สุด คุณเรียมให้อะไรมาอย่ารับ แล้วบ้านจะสงบ”
เนียนอึ้งไปเสียดายปลาตะเพียนที่ลูกกำลังดูเพลินๆ มองลูกแล้วสุดสงสาร
“เด็กอย่างลูกเนียน น่ะ เขาใช้วิธีปั้นวัวปั้นควายปั้นไส้เดือนกิ้งกือให้เล่นก็ดีถมเถ”

ช้อยพูดจาถากถางตามสันดานชั่วใจหยาบช้า
ระหว่างนั้นกบกับแมวหอบรำข้าวมาหาเนียน ร้องทักทายเสียงหวานพร้อมๆ กัน

“เนียนจ๋า...”
สองคนชะงักกึก เห็นช้อยถือปลาตะเพียนอยู่ มองหน้ากัน
“พวกเอ็งเอารำข้าวมาทำไม”
“แล้วเอ็งเล่าเอาปลาตะเพียนของหนูติ๋วไปทำไมรึ” กบย้อนถาม
แมวเสริมอย่างรู้ทัน “อย่าทำตัวเป็นบัวเต่าถุยสิช้อย เอาคืนหนูติ๋วไปนะ”
“พวกเอ็งเป็นใครใหญ่โตมาจากไหน มาบังคับอีช้อย” ช้อยไม่สน
เนียนรีบห้าม “กบ แมว ไม่เป็นไรดอกจ้ะ หนูติ๋วเป็นลูกบ่าว ไม่ควรมีของเทียบเท่าลูกนายจ้ะ”
“เออแน่ะ เนียน ถ้าลองคิดกันแบบนี้ นายกับบ่าวก็คงต้องแบ่งอากาศกันหายใจแล้วกระมัง” แมวว่า
กบบอก “ก็หายใจอากาศเดียวกันแท้ๆ ตอนตายก็กลายเป็นปุ๋ยเหมือนกันด้วย”
แมวกะกบประสานเสียง “วางปลาตะเพียนนะช้อย”
“ไม่วาง”
กบกะแมวสบตากัน กบแสร้งชนช้อย จนเซล้มลงไป
กบแสร้งตกใจร้อง “วุ๊ย”
แมวแสร้งทำสะดุดช้อย จนถังรำข้าวหกรดช้อย กบฉวยโอกาสรีบดึงปลาตะเพียนออกมาก่อนที่จะเสียหาย
ช้อยร้องลั่น “ว๊าย อีหมาหมู่”
“ว๊าย อีปลาหมอตายเพราะปาก”
จากนั้นสองฝ่ายลุกขึ้นมาตบตีกันเป็นที่ชุลมุน
“แย่แล้ว หนูติ๋ว เกิดเรื่องจนได้”
เนียนตกใจรีบอุ้มหนูติ๋วหนีเข้ากระท่อม

ไม่นานต่อมา ปลาตะเพียนยังอยู่ในมือกบ มีแมวนั่งข้างๆ และมีช้อยกำลังนั่งร้องไห้หัวหูเลอะเทอะไปหมดทั้งตัว ทุกคนอยู่บนเรือนหลังใหญ่
“อยู่บ้านผู้ดีแท้ๆ ลุกขึ้นมาตบตีกับเหมือนกุ๊ยข้างถนน” ขุนภักดีด่า
“ก็ช้อยทนเห็นลูกบ่าวมาตีตนเสมอลูกนายไม่ได้นี่เจ้าคะ”
ทองจันทร์ก้าวขึ้นเรือนมาพร้อมกับสน
“นี่แม่ก็ตั้งใจจะมาเตือนแม่เรียมด้วยความหวังดี ไม่ใช่ว่าจะมาถือยศถือศักดิ์กันดอก แต่การที่แม่เรียม ส่งบรรดาสารพัดข้าวของไปให้ลูกเนียนมัน แม่ว่าทำเกินไปจ้ะ”
“สนเองก็ผิดเหมือนกัน สนคิดจะเอาปลาตะเพียนไปให้เด็กติ๋ว แต่มันก็มีของที่คุณเรียมให้ไว้แล้ว” สนทำเป็นแสนดี
ขุนภักดีหันขวับมาที่เรียม
“ทำไมเรียมต้องทำเช่นนั้น ทำราวกับว่าเด็กติ๋วมันคือพี่น้องคลานตามกันออกมากับหนูอี๊ดลูกของเรา บอกพี่ได้ไหมว่าทำไม”
เรียมนิ่งไป เอกได้ยินเสียงเอะอะ โผล่มาดูอีกคน
“เรียม เอ้อ...”
เอกเอ่ยขึ้น “กระผมบอกได้ขอรับท่านขุน คุณท่าน”
ทุกคนหันไปมองเอก เอกรีบสบตาเรียมพลางส่ายหน้าว่าอย่าพูด
“บอกมา” ขุนภักดีถาม
“คือเรื่องปลาตะเพียนนั่น กระผมได้ฟรีมาจากญาติกระผมที่เป็นคนขาย ตอนที่ไปซื้อมาให้คุณหนูเทิดศักดิ์กับคุณหนูอี๊ดขอรับ”
ช้อยกับสนมองหน้ากัน ผิดคาด
เรียมแอบถอนใจปรายตามองเอกเป็นเชิงขอบใจ
เอกบอกต่อ “แต่กระผมไม่มีลูก กระผมก็เลยเอาไปยกให้หนูติ๋ว ขอรับ”
“ทีหลังเอ็งจะยกอะไรให้เด็กนั่น เอ็งก็เอาสมองตรองดูสักนิด ว่ามันจะกลายเป็นมันตีตนเสมอหลานข้าหรือเปล่า” ทองจันทร์ไม่พอใจอยู่ดี
“แล้วพวกฟูกนอนหมอนผ้าห่มสวยๆ เหมือนของหนูอี๊ดนั่นเล่า ญาติฝ่ายไหนของนายเอกท่านให้ รึว่าไปรับมาจากงานเทกระจาดวัดไหน” สนยังไม่ยอม
เอกสบตากับเรียมอีกครั้ง

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 6/4 วันที่ 5 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager