อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/4 วันที่ 8 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/4 วันที่ 8 เม.ย. 56

“ก็อะไรทำนองนั้นแหละ มองมันสิ มันซบตักแม่มันร้องไห้โหยหาความสุข มันต่างกับหนูอี๊ดตรงที่ดวงตามันเศร้า มันเว้าวอน เหมือนแม่มัน”
ขุนภักดีคิดในใจ “ก็เพราะไอ้ดวงตาเศร้าเว้าวอนนี่แหละผมถึงเจ็บปวดหัวใจจนทุกวันนี้” แต่ที่พูดออกมาเป็น “ดวงตาผู้หญิงหลายใจต่างหากครับ”
“มันผ่านไปห้าปีแล้วละวางลงบ้าง พ่อเทพก็มีแต่ความสุข มีลูกชายแสนฉลาด มีลูกสาวแสนน่ารัก ซ้ำดวงตา อวดดื้อถือดีเหมือนพ่อเทพไม่มีผิด”

“ตำหนิหรือชมผมครับคุณแม่ เรียมนะเรียม ส่งคุณแม่มาเป็นทูตให้ผมจำยอมให้เด็กนั่นได้ไปเห็นบางกอกจนได้”
ทองจันทร์ยิ้มย่อง “ขอบใจจ้ะ นึกว่าทำบุญกับสัตว์ผู้ยาก เถิดพ่อเทพ”
“ผมกำลังนึกว่าคุณแม่ใหญ่ที่สุดในบ้านจริงๆ ครับ”
ขุนภักดีประชดแม่ ส่วนทองจันทร์ค้อนลูกชาย


เวลาเดียวกันที่ร้านกาแฟไทยเจริญ ในบางกอก
แดงน้อยกำลังไขลานรถเด็กเล่นคันใหญ่พอสมควร แล้วเอามือไถไปไถมา เป็นของขวัญวันเกิดจากลุงหนัก หรือลุงสิน แพรกับโพล้งมองอย่างเอ็นดู
“ผมรักของขวัญของลุงสิน ทำไมลุงสินถึงไม่มาหาผมนานแล้ว ลุงโพล้ง ป้าแพร”
“ลุงเขามีงานชุกมากมากแดงน้อยเอ๋ย” แพรบอก
“ถึงไม่มาเขาก็ไม่เคยลืมวันเกิดของแดงน้อย ส่งของขวัญมาให้ทุกปี”
“แต่ผมอยากเจอลุงสิน ลุงเคยกอดผมบอกว่าลุงรักผม ผมอยากได้ยินลุงบอกอย่างนั้นอีก อยากให้ลุงมากอดผมอีก”
สองคนสบตากันจ๋อยๆ
“ถ้าแดงน้อยรักลุงมาก อยากให้ลุงมีความสุข ก็ตั้งใจเรียนนะแดงน้อยลุงเขาสู้อุตส่าห์ทำมาหากินส่งให้แดงน้อยเรียน” โพล้งว่า
“ลุงเขาส่งเสียให้แดงน้อยเรียน โรงเรียนที่ดีที่โก้ที่สุดในบางกอกเลยนะ” แพรบอก
“ผมจะเรียนให้เก่งที่สุด
สองคนพยักหน้าพอใจ แดงน้อยไถรถเล่นต่อไป

ทางด้านเอกรีบมาบอกเนียนเรื่องเนื้อทองจะได้ไปเรียนบางกอกกับทานตะวัน เอกส่งกระเป๋าเดินทางกลางเก่ากลางใหม่ใบเล็กๆ ให้เนียน
“กระเป๋าเดินทาง” เนียนรับมา
“ให้หนูติ๋วใส่ของไปบางกอก”
“ไปบางกอก อะไรนะ พี่เอก” เนียนงง
“คุณนายเรียมจะให้หนูติ๋วไปเรียนหนังสือที่บางกอก” เอกบอกชัดๆ
เนียนไม่อยากเชื่อ “ไฮ้ จริงหรือพี่เอก”
“ถ้าไม่จริงขอให้พี่เป็นลิงเป็นค่าง ไม่ดีใจรึ”
“ดีใจสิจ๊ะ ที่หนูติ๋วจะได้ไปโรงเรียน เอ้อ...ไม่มีใครท้วงติงบ้างรึ”
“ก็ท้วงอยู่ แต่คุณนายเรียมท่านหาทางแก้ไปว่าจะให้หนูติ๋วตามไปรับใช้เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา คุณหนูอี๊ด”
“ไปเป็นอะไรก็ได้ ถ้าหนูติ๋วได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณหนูอี๊ด ฝากขอบพระคุณคุณนายเรียมด้วยจ้ะ”
“อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก เดี๋ยวไก่แก่แม่ปลาช่อนเรือนโน้นมันจะกะโต๊กกะต๊าก จนวุ่นวาย” เอกหมายถึงสนเจ้าเก่า
“จ้ะ ฉันไม่กระโตกกระตากแน่”
เอกออกไป เนียนเอาเนื้อทองมากอด เผลอหลุดปาก เพราะดีใจมาก
“หนูติ๋วของแม่จะได้ไปเรียนโรงเรียนดีๆ ที่บางกอกกับพี่สาวของหนู”
“หนูมีพี่สาวหรือจ๊ะ”
เนียนตกใจ
“อุ๊ย เปล่า ไม่มีจ้ะ แม่ แม่เผลอพูดผิดไปจ้ะ หนูติ๋วอย่าพูดไปนะจ๊ะ”
“หนูไม่พูดดอกจ้ะแม่เนียน หนูกลัวท่านขุนใจร้ายมาโบยแม่เนียนอีก”
“จุ๊ๆ หนูติ๋ว อย่าไปว่าท่านอย่างนั้นสิลูก”
“ก้อท่านโบยแม่เนียน ทั้งที่แม่เนียนไม่ได้ทำความผิด คุณเทิดศักดิ์ยังบอกว่าท่านขุนหูเบา”
“ถ้าหนูว่าท่านอีก แม่จะโกรธหนูแล้วจ้ะ” เนียนคาดโทษ ไม่อยากให้ลูกว่าร้ายบิดา
“ถ้าพ่อหนูอยู่ พ่อต้องโกรธเขาแน่”
“พอทีหนูติ๋ว”

เนียนเอามือปิดปากลูกไว้น้ำตาซึม

ฟากสนพอรู้ข่าวตื่นเต้นมาก และไม่พอใจมากด้วย
“ช้อย ช้อย เอ็งอยู่ไหน”
“อยู่นี่เจ้าค่ะ” ช้อยขานรับแกนๆ
“พี่ขุน อีแก่ กับอีเรียมมันจะเอาเด็กติ๋วไปกรุงเทพฯกับหนูอี๊ด”
ช้อยรับแค่ “อ้อ” ไม่แสดงความรู้สึกเข่นเขี้ยวอย่างเก่าก่อน
“คอยดูนะ ถ้าอีเรียมให้เด็กนี่เรียนด้วย ข้าจะฟ้องพี่ขุนเล่นงานมัน”
“หรือเจ้าคะ” ช้อยดันย้อนถาม
สนหันไปมองช้อยไม่พอใจ
“ช้อย เจ้าอมพิกุลไว้ในปากรึ ถามสิบคำตอบสั้นๆคำเดียว กลัวพิกุลจะร่วงจากปากหรือยังไง”
เทิดศักดิ์วิ่งมาด้วยความดีใจที่จะได้ไปเรียนที่บางกอกสักที
“ผมจะได้ไปเรียนที่บางกอกสักที ผมดีใจที่จะมีเพื่อนผู้ชาย ผมเบื่อเด็กผู้หญิงนิสัยเสียเหมือนน้องอี๊ด เต็มแก่แล้ว”
“แม่ก็เบื่อที่ลูกคอยขัดคอแม่ คอยเข้าข้างคนอื่นเต็มแก่แล้วเหมือนกันถามจริงๆ ลูกไม่รักแม่บ้างเลยหรือ เทิดศักดิ์”
“ผมรักคุณแม่สนที่สุด แต่ผมไม่อยากให้คุณแม่ที่ผมรักที่สุดใจร้าย กับคนที่น่าสงสารอย่างน้าเนียนกับหนูติ๋ว”
สนโกรธ “ใครใช้ให้เรียกมันว่าน้า คำก็น้าสองคำก็น้า”
“คุณแม่คำก็อีเนียน สองคำก็อีเนียน คุณแม่ยังสอนน้องอี๊ดให้พูดไม่เพราะ อีกหน่อยน้องอี๊ด ก็ไม่มีใครอยากพูดด้วย เหมือนคุณแม่”
“เอาอะไรมาพูดว่าไม่มีใครอยากพูดกับแม่”
“แทบทุกคนครับ เขาพูดด้วยเพราะเขากลัว น้าช้อย ยังไม่อยากพูดกับคุณแม่เลย”
“เหลวไหล ช้อย” สนหันมาเห็นช้อยเอาแต่นั่งเจ่าจุกเหม่อซึม “นางช้อย อีช้อย”
ช้อยสะดุ้งหันมา มองเนือยๆ
“เจ้าขา คุณสน”
“เอ็งไม่อยากพูดกับข้าใช่ไหมอีช้อย”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“แต่เอ็งทำเฉยเมย เอ็งโกรธข้ารึ”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“อีช้อย เอ็งอย่าคิดอะไรไม่ดีกับข้าทีเดียว จำใส่กะลาหัวเอาไว้ว่าอะไรที่ผ่านมา มันจะมาถึงตัวเอ็งสักวัน ถ้าเอ็งอวดดีใส่ข้า” สนขู่
“เจ้าค่ะ”
“คุณแม่ขู่น้าช้อยทำไม” เทิดศักดิ์ไม่ชอบ

สนมองช้อยตาขวาง เริ่มไม่ไว้ใจขึ้นมา
บริเวณท่าน้ำตอนกลางคืน ของวันแรมสิบห้าค่ำ ทั่วทั้งท่าน้ำว่างเปล่ามืดมิด มีเสียงถอนหายใจเฮือกๆๆ ดังติดต่อกันสองสามครั้งดังมาจากมุมหนึ่ง

เจ้าของเสียงถอนหายใจ คือขุนภักดีนั่นเอง ที่ครุ่นถึงเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่นี่เมื่อ 5 ปีก่อน
ภาพเนียนโอบกอดกับชายคนหนึ่งอยู่ในความมืด พูดอะไรกันเบาๆ ท่าทีสนิทสนมกันมาก เนียนส่งสร้อยยัดใส่กระเป๋าให้ชายคนนั้น ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ขุนภักดีครวญคร่ำ “ทำไม ทำไมเล่าเนียน”
แต่แล้วขุนภักดีก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังแว่วมาจากอีกทางหนึ่ง ท่านขุนเหลียวมองหาเสียง

ที่แท้เป็นเนียนที่นั่งซบหน้ากับซีกหนึ่งกับฝ่ามือตัวเอง
“เนียนบอกไม่ได้ ยังไงเนียนก็บอกไม่ได้ เพราะมันคือความเป็นความตายของพี่ชายเนียน” เนียนรำพันเบามากๆ กับตัวเอง
ขุนภักดีก้าวมาหยุดยืน แล้วมองฝ่าความมืดไป พอเห็นเป็นเนียนก็โกรธมาก
“มานั่งร้องไห้ดักรอชู้ ในคืนเดือนมืดสนิทอีกจนได้” ขุนภักดีคำรามในลำคอ “เลี้ยงไม่เชื่องข้าวกูไม่มียางจริงๆ”
ขุนภักดีผวาตัวจะไปเล่นงานเนียน แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะเอกก้าวออกมา
“เนียน”
“ไอ้เอก มึงเป็นชู้กับมันจริงๆ”
ขุนภักดีโมโหหึง พรวดจะออกไปอีก แต่ได้ยินเนียนถามเอกกลับ
“พี่เอก จะไปไหนรึ”
“มาตามหาเนียนน่ะสิ เดือนมืดสนิทอีกแล้ว เนียนมานั่งคอยใครรึ”
“เปล่าดอกจ้ะ เนียน เพียงแค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ห้าปีแล้วสินะ”
“ห้าปีที่เนียนปิดปากเงียบเอาไว้ ไม่ยอมเอ่ยว่าเขาคนนั้นคือใคร” เอกว่า
“เขาคือใครก็ตาม แต่เขาไม่ใช่ชู้ของเนียน ถ้าเนียนจะผิดจะเลวก็ตรงที่ เนียนเคยมีผัวมีลูกมาก่อน แต่ปิดไว้ เหมือนจงใจหลอกลวงมาหาประโยชน์จากที่นี่” เนียนระบดระบาย
“แต่เนียนก็รักและเทิดทูนท่านขุนสุดชีวิตสุดหัวใจมิใช่หรือ”
“มันสายเกินไปที่จะมาพูดถึงสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว เวลานี้เนียนก็แค่นางแพศยา นางคนร่านรักคบชู้สู่ชาย พี่เอกควรระวังตัวไว้ด้วย การมาพบปะเนียน จะเกิดการเข้าใจผิดซ้ำสอง”
“พี่ไม่กลัว พ่อเราเป็นเพื่อนกัน ยังไงพี่ก็ต้องดูแลเนียนตามที่อาน้อมแกขอร้องไว้ เราไม่มีอะไรกัน ซะอย่าง ทำไมต้องกลัว”
“แต่เนียนเป็นยิ่งกว่ากากเดนที่เขาเอามาให้หมูกิน ทุกคนปักใจว่าเนียนเลวทรามต่ำช้าเกินแตะต้องข้องแวะ ถ้าใครจะไม่เชื่อว่าเนียนเลวได้อีก พี่เอกจะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย”
“พี่ไม่สนใจปากคน เนียนนั่นแหละต้องระวังตัวให้ดี คนเลว มันจะฆ่าปิดปากเอาสักวัน นี่คือสิ่งที่พี่กลัว”
เอกพยักหน้าให้ แล้วถอยห่างออกไป
เนียนนั่งซบหน้าเอียงตัวไปข้างหนึ่ง ปาดน้ำตา สะอื้นเบาๆ อยู่อย่างนั้น
ขุนภักดี มองเนียนในใจสงสารขึ้นมาวูบหนึ่ง เพราะรักมาก
“ใครจะฆ่าปิดปากเนียน เนียนรู้ความลับของใครรึ” ขุนภักดีคิดเองเออเอง “ก็ไอ้ผู้ชายที่เป็นพ่อเด็กติ๋วนั่นแหละที่จะฆ่าปิดปากมันเอง เพราะมันเป็นโจร ถ้าไม่ใช่เสือหนักก็คงพวกเดียวกัน”
ขุนภักดีลังเลไปมา เหยียบเอาเศษไม้แถวนั้นจนทำให้เกิดเสียง เนียนหันขวับ มาทางเสียงที่เกิดขึ้น
“ใครน่ะ จะมาฆ่าปิดปากชั้น เหมือนฆ่า...”
ขุนภักดีก้าวออกไป เนียนเห็นเป็นเงาตะคุ่ม ตกใจมากไม่รู้ว่าใคร
“เดี๋ยว”
เนียนหันกลับวิ่งหนีออกไปจากที่นั่น โดยเร็ว ขุนภักดีก้าวออกไปได้แต่มองตาม

เวลาผ่านไปอีก ถึงกำหนดเดินทางไปเรียนที่บางกอก กระเป๋าใบขนาดย่อมของเนื้อทองวางอยู่ เนียนเฝ้ากอดจูบอาลัยอาวรณ์ลูกสาวคนเล็ก เนื้อทองเองก็ร้องไห้ ใจหาย ห่วงแม่ และไม่อยากจากแม่ไปไหน
“ทำไมเราต้องเรียนหนังสือไกลๆ จ้ะแม่เนียน”
“ไม่ไกลมากดอกลูก ไปเรียนจะได้รู้ ว่าใครเขาทำอะไรกัน มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รอบตัวเรา ลุงเอกบอกว่าโรงเรียนที่คุณนายเรียมจะพาไปดีที่สุดจ้ะ”
“หนูอยากให้แม่เนียนไปด้วย”
“แม่ไปด้วยไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ของแม่คือทำงานที่นี่ หน้าที่หนูคือไปเรียนที่บางกอก”
“หนูกลัวไม่ได้กลับมาเจอแม่เนียนอีก”
“เจอสิ พอปิดเทอมคุณหนูอี๊ดกลับบ้าน หนูก็ได้กลับมาด้วย อย่าขัดใจคุณหนูอี๊ดนะลูก”
“หนูไม่เคยขัดใจคุณหนูอี๊ดดอกจ้ะ แม่เนียน”
เอกเดินเข้ามาเพื่อรับเนื้อทอง
“หนูติ๋ว ไปได้แล้ว คุณนายเรียมกับคุณหนูอี๊ด คุณหนูเทิดศักดิ์รออยู่ที่ท่าน้ำ ชักช้าท่านขุนจะเคืองเอา”
“แม่เนียนไปส่งหนูที่ท่าน้ำได้ไหมจ้ะ”
เนียนอึกอัก
“ไม่เหมาะจ้ะ มันจะเกะกะ แม่จะไปส่งหนูที่พุ่มไม้หน้าเล้าหมูนะจ๊ะ”
เนื้อทองฝากฝังแม่กับเอก “ลุงเอกจ๋า อย่าให้ใครมาทำร้ายแม่หนูนะจ๊ะ”
“ลุงรับรอง”
เนียนน้ำตาจะหยดดึงลูกมากอด
“ทูนหัวของแม่ แม่จะสวดมนต์ให้พระคุ้มครองหนูทุกวัน”
เนียนตัดใจส่งเนื้อทองให้เอกไป เอกจูงหนูติ๋วอีกมือหิ้วกระเป๋า เดินไปสักนิดหนึ่ง เนื้อทองหันมามองหน้าแม่อีกครั้ง

เนียนยืนมองตามลูก ยิ้มส่งทั้งน้ำตา
เรือเบนหัวออกจากท่าน้ำมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ขุนภักดีนั่งคู่กับเทิดศักดิ์ เรียมนั่งกับทานตะวัน เนื้อทองนั่งกับเอกที่ด้านท้ายเรือ ขุนภักดีกวาดตามองทุกคนในเรือ

“ไม่ลืมข้าวของอะไรแล้วใช่ไหม”
“ไม่ลืมดอกค่ะ”
เนื้อทองชะเง้อมองหาแม่ ขุนภักดีเห็นเนื้อทองชะเง้อมองหาใครน้ำตาซึม ก็ใจอ่อนยวบ มองตามไป
จู่ๆ เนื้อทองตะโกนออกมาด้วยความดีใจ “แม่เนียนมาส่งหนูจริงๆ ด้วย”
เนื้อทองยิ้มกว้างอย่างดีใจ
เห็นเนียนยืนแอบอยู่ที่ริมฝั่ง แหวกกอต้นไม้มองดูลูกสาวทั้งสอง อย่างอาลัยอาวรณ์ น้ำตาไหลริน

ขุนภักดีเห็นเนียนมองมาที่ลูกน้ำตาไหลก็ใจแป้ว
“น้าเนียนคงคิดถึงหนูติ๋วมาก” เทิดศักดิ์ว่า
ขุนภักดีนิ่งไม่พูดไม่จา
“ทำไมคุณพ่อ คุณย่า น้าช้อย คุณแม่สน ถึงเกลียดน้าเนียนมากครับ” เทิดศักดิ์ถามเรื่องที่คาใจมาแต่เล็ก
“เขาทำตัวเองให้เราเกลียด น่ะสิ” ขุนภักดีตอบเรียบๆ
“พ่อของหนูติ๋วไปไหนครับ”
“พ่อไม่รู้”
“ทำไมคุณแม่สนบอกว่าน้าเนียนคบชู้ ... ชู้แปลว่าอะไรครับ”
“พ่อปวดหัว อย่าเพิ่งถาม” ขุนภักดีตัดบท
“ถามอีกคำเดียว ทำไมคุณพ่อมองน้าเนียนเหมือนโกรธมากตลอดเวลาครับ น้าเนียนทำอะไรให้คุณพ่อโกรธครับ”
“พ่อบอกว่าปวดหัว”
ขุนภักดีหันหน้าหนีกลับมาจากการมองเนียนที่บนฝั่ง เจ็บปวดในใจ

ทุกคนมาถึงโรงเรียนประถมในบางกอก โดยสวัสดิภาพ นฤมลกับเรียมดีใจที่พบกัน
“ดีใจเหลือเกิน ที่ได้พบเรียม”
“ดีใจที่สุดเหมือนกันจ้ะ นานมากที่เราไม่ได้พบกัน”
“แต่เราก็คิดถึงกันเสมอนี่จ้ะ ลูกสาวฝาแฝดของเธอน่ารักจัง” นฤมลยิ้มแย้มมองเด็กสองคน
“มัวแต่ดีใจที่ได้พบเธอ จนเสียมารยาท หนูอี๊ด หนูติ๋วสวัสดีคุณครูป้านฤมลสิจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะ” สองคนไหว้ พูดพร้อมกัน
“แนะนำตัวเองบอกชื่อของหนูกับคุณป้าสิคะ”
“หนูชื่อจริง ทานตะวัน ชื่อเล่นคุณหนูอี๊ด และหนูไม่ใช่ฝาแฝดกับเด็กติ๋ว เขาเป็นคนใช้ของหนูค่ะ”
นฤมลกับเรียมตกใจ
“พูดอะไรอย่างนั้นหนูอี๊ด ขอโทษด้วยนะจ๊ะนฤมล หนูอี๊ดชอบเข้าใจอะไรผิดๆ นะจ้ะ หนูอี๊ด เป็นลูกสาวของชั้นกับพี่เทพ ส่วนคนนี้แกเป็นลูกบุญธรรมของชั้นจ้ะ”
“อ้อ แนะนำตัวกับป้าสิคะ”
“หนูชื่อเนื้อทอง ชื่อเล่นเด็กติ๋ว เป็นคนใช้ของคุณหนูอี๊ด หนูเป็นลูกแม่เนียนคนเลี้ยงหมูบ้านท่านขุนกับคุณนายเรียมเจ้าค่ะ”
สองคนถึงกับอึ้งกับคำพูดที่แตกต่างของเด็กทั้งสอง สองคนมองหน้ากัน

ที่โรงเรียนประจำชายล้วน เด็กและผู้ปกครองอื่นๆ เดินกันขวักไขว่ แดงน้อยกำลังล่ำลา แพรกับโพล้ง
“ลุงไปก่อนนะแดงน้อย วันศุกร์โรงเรียนเลิกเขาให้มารับกลับบ้าน”
“วันจันทร์เช้าก็กลับมาเรียนใหม่ ใครถามว่าพ่อแม่ชื่ออะไรก็บอกว่าพ่อตาย แม่ชื่อคุณนายแพรนะหลานนะ”
โพล้งหงุดหงิด “อุบ๊ะ เค้าให้ใส่ชื่อเป็นผู้ปกครองหน่อยเดียว ตามระเบียบ เลยอุ๊บอิ๊บเป็นแม่แดงน้อยมันซะแล้ว ยายแพรเอ๊ย”
“ป้าแพรก็เป็นแม่ผมจริงๆแหละครับ ไม่มีแม่แพรผมจะโตมาได้ยังไงต่อไปนี้ผมจะเรียกป้าแพรว่าแม่แพร”
“เห็นหรือยัง ไอ้โพล้ง” แพรเชิด
“แล้วจะเรียกลุงว่าพ่อไหม” โพล้งถาม
“พ่อผมตายแล้วนี่ครับ”
สองคนหัวเราะชอบใจ แดงน้อยไหว้สองคน สองคนจากไป แดงน้อยมองตามยิ้มอย่างมีความสุข
ที่โรงเรียนเดียวกัน เทิดศักดิ์ เดินมากับขุนภักดี
“พ่อไปก่อน บ่ายวันศุกร์หลังโรงเรียนเลิก ลูกคงไม่ได้กลับบ้านเหมือนเด็กคนอื่น เพราะเรามาจากต่างจังหวัด เสียใจไหม”
“ไม่ครับ เป็นลูกผู้ชายต้องอดทน”
“ดีมาก แต่ถ้าอาทิตย์ไหนพ่อมาเยี่ยม หรือท่านเจ้าพระยาท่านอยากพบลูก ลูกก็จะไปพักที่บ้านของท่านบ้านที่ พ่อเคยพักที่นั่นสมัยเรียนหนังสือ ดูแลตัวเองดีๆ ทำตัวดีๆ อย่ามีปัญหากับเพื่อน”
“ครับคุณพ่อ ผมดูแลตัวเองได้ ผมตั้งใจจะหาเพื่อนสนิทนิสัยดีๆ สักคนให้ได้เร็วที่สุด ภายในวันนี้ครับ”
“เก่งมากลูกชายของพ่อ พ่อภูมิใจในตัวลูกมากเทิดศักดิ์”
“ขอบคุณครับ คุณพ่อ”
ท่านขุนโอบกอดลูกชาย เทิดศักดิ์ไหว้พ่อ ขุนภักดีเดินจากไป เทิดศักดิ์มองตามจนลับตา

ด้านนฤมลกับเรียมนั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของนฤมล สองคนมองเด็กแฝดทั้งสองที่อยู่ในสวน
“ฝากเด็กสองคนให้เป็นลูกศิษย์ของเธอ อบรมสั่งสอนดุว่าได้เต็มที่นะจ้ะ”
“จ้ะ ขอบใจที่ไว้วางใจให้ดูแลลูกและลูกบุญธรรมของเธอ เอ้อ...อย่าว่าขี้สงสัยเลยนะ ทำไมเด็กสองคนนั่นหน้าตาคล้ายกันมาก ราวกับฝาแฝด”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 7/4 วันที่ 8 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager