อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 10/2 วันที่ 15 เม.ย. 56
“เพราะเธอเป็นลูกเสือหนักด้วยไงคะ เธอเหมือนพ่อค่ะ ไม่สนใจคุณสนดอก”“อีช้อย”
สนเดินปึงปังออกไป
“ก็มันจริงนี่หว่า คุณเทิดศักดิ์ได้เลือดพ่อมาเต็มๆ รักเพราะคำว่าแม่ แต่ไม่ได้รักเพราะความเป็นแม่ ไม่ใช่เพราะหนีภัยไอ้เสือหนักกับไอ้หมอเสน่ห์ อีช้อยไม่บากหน้ากลับมาให้รับกรรมดอก”
ช้อยยิ้มเยาะสน เพราะไม่รักและบูชาสักเท่าไหร่แล้ว
เนียนได้รับความห่วงใยจากแดงน้อยปลื้มจนล้นอก ไม่แสดงออกทางกิริยา แต่แสดงออกที่แววตา
สองคนส่งเนียนแล้ว
“ขอบใจมาก ที่ห่วงใยค่ะ คุณเทิดศักดิ์ แดง เอ้อ คุณแดงน้อย รีบไปเรือนใหญ่เถิดค่ะ คุณท่านคุณพ่อคุณแม่กำลังรอค่ะ”
“แดงน้อยเขามีแต่ลุงโพล้งกับแม่แพร มานับญาติดูแล้ว แต่มีลุงแท้ๆ แกที่ต้องทำงานไกลๆ นานทีถึงจะมาหาน่ะครับ”
“แถมตอนนี้ลุงคงไม่มาอีกแล้ว เพราะลุงไปบวช และคงไม่สึกแล้วครับ ลุงบอกว่าบวชสร้างกรรมดีให้คนที่ลุงรักและเป็นหนี้กรรมครับ”
เนียนตื้นตันน้ำตาแทบร่วง บอกเสียงสั่น
“รีบไปเรือนใหญ่กันเถิดค่ะ ท่านผู้ใหญ่รออยู่นะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ห่วงแม่หนู ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
เนื้อทองยกมือไหว้สองคน สองหนุ่มรับไหว้ และไหว้ลาเนียน
เนียนส่งสายตารักห่วงใยเอื้ออาทรไปที่แดงน้อยโดยไม่รู้ตัว แดงน้อยกับเทิดศักดิ์รู้สึกได้ รวมทั้งเนื้อทองด้วย
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์เดินมาถึงหน้าเรือนใหญ่ แดงน้อยรู้สึกบอกไม่ถูกกับสายตาของเนียน ขณะเดินนึกถึงสายตาของเนียนมาตลอดทาง ภาพใบหน้าเนียนส่งสายตามามองแดงน้อยตลอดเวลา ผุดขึ้นมาในมโน
เทิดศักดิ์ก็รู้สึก
“กันเห็นสายตาของน้าเนียนที่มองแกแล้วกันอิจฉาแกแฮะ แดงน้อย ช่างเหมือนกับสายตาของน้าเนียนเวลามองน้องติ๋ว ยังไงยังงั้น”
“แกว่าอย่างนั้นจริงหรือ”
“จริงสิ สายตานั้นทั้งอ่อนหวาน รักใคร่ อ่อนโยนนิ่มนวล แม้ไม่ได้โอบกอดก็เหมือนโอบกอดแกไว้ แต่ด้วยสายตาของน้าเนียน”
“อืม น้าเนียนคงอยากมีลูกชาย หรือว่ากันจะไปเสนอตัวเป็นลูกชายของน้าเนียนดีไหม”
“ดี เสนอตัวเป็นลูกชายเท่านั้นนะ อย่าไปเสนอตัวเป็นลูกเขยทีเดียว แกกับกันเป็นต้องโกรธกันร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ จะชกแกให้คว่ำ”
เทิดศักดิ์ทำท่าชกแดงน้อยเล่นๆ แดงน้อยก็ทำท่าชกตอบ สองคนหัวเราะกันร่าเริง
ส่วนเนียนตามมาแอบมองแดงน้อยต่ออีก เนียนยิ้มทั้งน้ำตา
“ลูกแม่ช่างน่ารัก บุญของแม่ที่มีลูกเช่นนี้ ขอบคุณพี่หนักพี่โพล้งพี่แพรที่สุด ที่ช่วยปั้นลูกของเนียนงดงาม เหลือเกิน”
สนโผล่มาสะกิดเนียน
“แกแอบดูหนุ่มๆ คิดอะไรอยู่ หาผัวให้ลูกตั้งแต่ยังเด็กเหมือนแกหรือ”
“ฉันไม่บังอาจดอกค่ะ”
“ดี อย่าบังอาจก็แล้วกัน ลูกฉันน่ะ ต่อให้ข้ามศพไปยังไม่ให้แกเลย ส่วนตาแดงน้อยนั่นก็อย่าหวัง ฉันจะหวงไว้ให้หนูอี๊ด เขาชอบของเขา แกอย่ามาขัดขวางจำไว้”
สนพูดจบเดินออกไป
“ฉันต้องขัดขวางแน่ ฉันจะยอมให้เรื่องบัดสีเกิดแก่ลูกสามคนของตัวเองไม่ได้”
เนียนเริ่มไม่สบายใจเรื่องลูกสามคน เนื้อทองวิ่งมาหาเนียน
“หนูห่วงจะแย่แม่มาทำอะไรตรงนี้จ้ะ”
“แม่ เอ้อ แม่ แม่...”
สนเดินย้อนกลับมา
“มาหาพระสังข์ให้แกเสี่ยงพวงมาลัยมั้ง แม่แกเขานึกว่าแกเป็นนางรจนาอย่างแก คงหาได้แค่เจ้าเงาะที่ถอดรูปไม่ได้เท่านั้นแหละ ไอ้คนงานหลังบ้านนั่นเป็นโขยงไปเสี่ยงพวงมาลัยเอาตามสบาย”
สนหัวเราะคิกคักเดินออกไป
“นี่หรือผู้ดี นี่หรือ ภรรยาท่านขุน วาจาช่างละม้ายคล้ายกับพวกคนถ่อย”
“หนูติ๋ว อดทนจ้ะลูก อดทนรอวันของเรา”
เนียนเตือนสติลูกสาว
หนักเดินทางมาที่ร้านกาแฟไทยเจริญ หนักยังใส่เสื้อปิดแขนที่โดนยิง โพล้งและแพรคุยกันใจคอไม่ดีเรื่องที่แดงน้อยกับเทิดศักดิ์บอกว่าจะพากันไปจับเสือหนัก
“ฉันกำลังจะเป็นโรคเส้นประสาทแล้วยัยแพร”
“ฉันก็ไม่ด้อยไปกว่าแกดอกตาโพล้ง จนป่านนี้แดงน้อยยังไม่กลับมา”
“หายไปข้ามวันข้ามคืน หลานลุงเจอกันแล้วมันจะทำยังไง แดงน้อยมันจะหัวใจสบายแค่ไหน ถ้ารู้ว่า ลุงผู้แสนดีที่มันเทิดทูนเป็นใคร”
“วุ๊ย จะไปทำยังไงได้ ความจริงก็คือความจริง เพราะคนเรามันไม่ยอมความจริงนี่แหละเรื่องมันถึงได้เกิด ไอ้ข้าน่ะคิดเพียงแต่ว่า ถ้าอีตาท่านขุนมันจับพี่หนักได้ หรือว่ายิงพี่หนักต...” แพรจะหลุดคำว่า...ตาย
หนักเดินใส่หมวกหลุบหน้าเข้ามา
“ฉันถูกยิงแต่ยังไม่ตายดอก”
สองคนตกใจมาก
“พี่หนัก”
“อืม คราวนี้ฉันรอด แต่คราวหน้าถ้าพวกมันเรียนจบ ฉันไม่อยากจะรอดดอก เพราะมันหมดภาระและหน้าที่ของฉันแล้ว”
สองคน ตกใจ “พี่หนัก”
หนักพยักหน้าให้สองคน ที่เอาแต่ตกใจอยู่อย่างนั้น
ขณะเดียวกันบนเรือนใหญ่ของขุนภักดี ทุกคนกินอาหารเสร็จแล้ว กบและแมวกำลังเสิร์ฟของหวาน
“ไอ้เสือหนักมันเอาเด็กสองคนนี่ไปมัดไว้ แล้วปล่อยมาโดยไม่ทำอะไรเลย ช่างเหลือเชื่อ” ทองจันทร์งง
“ได้ยินว่ามันเลิกปล้นฆ่าไปนานแล้วไม่ใช่หรือ” เรียมถามสองหนุ่ม
“มันจะเลิกหรือไม่เลิกความผิดความเลวกรรมชั่วของมันก็เลิกไม่ได้หรอกค่ะ” สนแหลมขึ้นมา
“หน้าตามันโหดเหี้ยมมากไหม” ทองจันทร์ซักสองหนุ่ม
สองคนสบตากัน
“ไม่ได้เห็นหน้าดอกแต่เห็นตาครับ คุณย่า”
ภาพสายตาหนักที่โผล่มาจากผ้าคาดหน้า ดุดันมาก ผุดขึ้นในความคิดของสน ขณะบอกออกไป
“ตาของมันดุร้ายพร้อมฆ่าทุกคนได้”
ต่างจากแดงน้อย ภาพดวงตาใต้ผ้าคาดหน้าของหนักดูเศร้าสร้อยมีน้ำตาซึม จึงบอกออกไปอีกอย่าง
“ตาของเขาเศร้าโศกมาก เหมือนเสียใจตลอดเวลา”
“มันกลัว คุณพ่อจะฆ่ามันน่ะสิคะ” ทานตะวันแหลมขึ้นมา
“เขามีโอกาสยิงพวกเราก่อนด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ได้ทำครับ ใช่ไหมคุณพ่อ” เทิดศักดิ์ว่า
“อย่าไปเอ่ยถึงมันอีก เลิกพูดถึงมันซะ ยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อ” ขุนภักดี ตัดบท
“แต่การที่มันไม่ทำอะไรสองคนนี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้วนะคะพี่เทพ” เรียมว่า
สนสอดขึ้นมาอีก เหน็บแนมเรียม “ดูคุณพี่เรียม จะเห็นใจไอ้เสือคนนี้เหลือเกินนะคะ ที่มันทำร้ายสองคนนี่อาจเป็นเพราะมันห่วงใยคนที่นี่ กลัวว่าจะโดนแก้แค้นเอามั้งคะ”
ทองจันทร์ชักไม่ไหว โมโหที่สนโบยเนียน “แม่สนก็ชำระแค้นไปแล้วไม่ใช่รึ โดยมีเนียนเป็นเหยื่อแค้นโดนกระหน่ำโบยซะไม่ยั้ง ถ้าหลานเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยมาไม่ทันเห็นทีแม่สนจะสนุกมือจนเนียนมันสลบคาแส้”
สนแก้ตัว “ก้อพี่ขุนบอกให้สนไปเอาแส้ม้านี่คะ หรือว่าพี่ขุนจะเอามาถือเล่น ถ้าไม่มีเจตนาจะเอามาโบยมัน”
“แล้วแม่สนมีหน้าที่โบยคนแทนพี่เทพตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ” เรียมประชด
ขุนภักดีกระแทกช้อนโครม ทุกคนวงแตก แทบกินข้าวไม่ลง แดงน้อยหน้าเหลอหลา
ส่วนที่ร้านกาแฟไทยเจริญ สามคนคุยกันต่อ
“เงินทองที่หาให้มีใช้พอให้แดงน้อยเรียนจนจบแน่นะ” หนักถาม
“แน่สิ ยิ่งตอนนี้ร้านของเราขายดิบขายดี เลี้ยงตัวเองได้สบายๆ” โพล้งบอก
“เลิกคิดที่จะไปทำอะไรที่มันผิดกฎหมายได้แล้ว” แพรว่า
“เลิกจนกระทั่งไปบวช แต่ก็ไม่พ้นเขาตามล่า ต้องทำผิดซ้ำซากเมื่อวานข้าขัดขืนการจับกุม ยิงตำรวจบาดเจ็บไปหนึ่งราย”
“พี่ได้พบแดงน้อยกับเทิดศักดิ์ไหม” โพล้งถาม
“เจอเต็มรักเลยแหละ” หนักบอกหน้าเศร้า
“ตายละหวา แล้วพี่ทำยังไง ลุงหลานมากลายเป็นศัตรูกัน” แพรครวญ
“ข้าปิดบังใบหน้าไว้”
สองคนประสานเสียง “โล่งอก”
“ข้ามาขอนอนกับแดงน้อยให้เต็มอิ่ม ให้สาสมกับที่ไม่ได้มานานแล้ว”
สองคนพยักหน้าไม่สบายใจ
บนถนนสายหนึ่งมุ่งเข้าบางกอก ตอนกลางคืน ภายในรถเห็นเทิดศักดิ์ขับรถพาแดงน้อยกลับบ้าน
“กันติดใจแววตาของเสือหนักมาก ช่างหม่นหมอง เหมือนโศกเศร้าเสียใจตลอดเวลา” แดงน้อยคาใจไม่หาย
“กันก็ประหลาดใจในแววตาของเขา มันเหมือนแววตาคนมีเมตตาปราณี กันผิดคาดมาก กิริยาก็ไม่กักขฬะดังที่เคยคิดเอาไว้”
“เห็นใจคุณพ่อของแก ที่ตั้งใจจะจับเสือหนักให้ได้ แต่กลายเป็นกันกับแกโดนจับเสียอีก”
“เลยเกิดเรื่องวุ่นวายในบ้านกัน ขอโทษด้วย ที่เกิดเรื่องไม่งาม น่าอายแท้ๆ นี่ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนสนิทของกัน กันคงเอาหาปี๊บมาคลุมหน้าขับรถแน่”
“แกไม่ใช่เป็นแค่เพื่อน แต่แกเป็นพี่น้องกันต่างหาก อย่ากังวลกับเรื่องเกิดขึ้นเลย ที่ไม่สบายใจเห็นจะเป็นเรื่องน้าเนียน สงสารแกเหลือเกิน” แดงน้อยวกมาที่เรื่องเนียนจนได้
“กันน่ะสงสารน้าเนียนมาตั้งแต่กันยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ของกัน ถึงจงเกลียดจงชังน้าเนียนกับน้องติ๋วมากมายนัก คงจะกลัวคุณพ่อจะรักน้าเนียนมั้ง”
“น้าเนียนกับกันถูกชะตากันอย่างบอกไม่ถูก กันรู้สึกคล้ายๆ กับว่ากันกับเขาเคยใกล้ชิดผูกพันกันมา แต่ว่าตอนไหนฉันไม่รู้”
เทิดศักดิ์สัพยอก “ตอนชาติที่แล้วมั้ง”
“ไฮ้ นี่กันจริงจังนะ แกอย่าตลกร้ายล้อเล่นเป็นสนุก”
“กันอยากให้เราหัวเราะออกบ้าง ขอโทษด้วย ขอพูดเรื่องเสือหนักอีกนิดก่อนหน้าจะไปจับกุมเสือหนักกันชิงชังรังเกียจเขามาก แต่ทั้งคืนที่ผ่านมากัน กันรู้สึกว่า เขาไม่ได้ชิงชังรังเกียจเกลียดเราสองคน สักนิด”
“ทำไมเขามีท่าทีเอ็นดูเรา เขาดูสบายใจมากที่ได้ตอบคำถามเรา”
สองคนสับสนกับสิ่งที่พบเห็น
ทางด้านสนรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นผู้แพ้อีกแล้ว
“ยิ่งผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด ยิ่งกลับกลายเป็นว่า นังสองแม่ลูกนั่นมีความดีความชอบ ได้รับความเห็นอกเห็นใจเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพราะอีแก่ กับอีเรียมเป็นตัวตั้งตัวตีให้ท้ายพวกมัน”
“แต่วันนี้คุณสนก็ได้กำไรไปอักโขนะคะ ได้โบยมันไม่ยั้ง จนแตกยับ” ช้อยแสร้งเป็นเอาใจ
“หน้าฉันสิแตกยับกว่าเนื้อหนังอีเนียน ลูกชั้นทำราวกับว่าเป็นลูกของมันนี่หรือกำไร เขาโกรธชั้น หนีกลับบางกอกไปกับนายแดงน้อยคนนั้น”
“นายแดงน้อยคนนั้น มันก็ดูแปลกๆ นะคะ คุณสน มาจากไหนก็ไม่รู้ ก็มาทำท่าทะนุถนอมอีเนียนราวกับว่าเป็นแม่มัน”
“นี่มันเกิดผิดฝาผิดตัวอะไรกันหนอ อีเรียมก็ทำเหมือนอีเด็กติ๋วเป็นลูกมันอีกคน”
“หรือว่าเพราะมันหน้าตาละม้ายคุณหนูอี๊ดคะ”
“ไม่ใช่ดอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่ฉันยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันหน้าที่แกนางช้อย แกต้องจับให้ได้”
“อ้าว กรรมของอีช้อย อีกแล้ว เอ้อ...ถ้าช้อยจับไม่ได้เล่าคะ”
“แกก็จะอยู่ให้เปลืองข้าวสุกของฉันต่อไปไม่ได้”
“คุณสน” ช้อยตกใจ
“แกก็กลับไปหาแม่ชีแม่ของแก รอวันให้ไอ้เสือหนักกับไอ้หมอเสน่ห์ มาจิกหัวไปฆ่าหมกป่าที่ไหนซะ”
“อย่าขู่ช้อยสิคะ ช้อยยิ่งกลัวมันจะเข้าใจว่าช้อยเป็นคนมาบอกท่านขุน ให้ไปจับมัน”
“มันรู้แน่ว่าแกบอก หรือว่าแกไม่ได้บอก”
“ช้อยบอกเพราะคุณสนบังคับช้อยนะคะ”
สนฉุนกึก “ย้อนรึ นางช้อยแกหมดทางเลือก แผ่นดินเท่าใบพุดทราแกยังแทบหาที่ยืนไม่ได้ แกอย่ามาทำปากดีโต้แย้งฉัน หรือว่าแกอยากเป็นเช่นเดียวกับไอ้เหิมไอ้หวาน ไอ้หมอเสน่ห์ หันซ้ายก็คมหอกหันขวาก็คมดาบ เลือกหันตามสบาย”
ช้อยจ๋อย และสนเริ่มไม่พอใจช้อยอีกครั้ง
ด้านแดงน้อยกลับมาถึงบ้าน อาบน้ำจะเข้านอนแล้ว โพล้งกับแพรเดินมาหายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทีแปลกๆ ให้
“กินข้าวมาแล้วรึ” โพล้งถาม
“กินแล้วครับ”
“งั้นก็ไปนอนสิ” โพล้งยิ้มกริ่ม
“ผมยังไม่ง่วง ผมอยากคุยเรื่องเสือหนัก”
สองคนมองหน้ากันโบกมือส่ายหน้าไม่เอา
“เฮ้ย...ไม่อยากฟัง”
“อ้าว เอ...ทำไมลุงโพล้งกับแม่แพรดูแปลกๆ ทะแม่งทะแม่ง” แดงน้อยแปลกใจ
“ก็เห็นเหนื่อย” โพล้งบอก
“ก็อยากให้พักผ่อน” แพรว่า
“ไปๆๆ นอน”
สองคนผลักให้ไปนอน แดงน้อยงงๆ
แดงน้อยเดินเข้าห้องนอนนึกถึงเนียน เสือหนัก และเนื้อทอง
เห็นใบหน้าเนียน เนื้อทอง และหนัก ทีละหน้าผุดขึ้นมา สามคนดวงตาสวยแต่เศร้าโศก
“น้าเนียน น้องติ๋ว เสือหนัก สามคนนี่ดวงตาเศร้าโศกเหมือนกันหมด”
แดงน้อยเปิดมุ้ง แล้วมุดเข้าไปล้มตัวลงนอนโดยแรง
“เฮ้อ”
ทันใดนั้นแดงน้อยรู้สึกว่าทับไหล่ใครสักคนที่ร้องโอดโอยเสียงดังขึ้น
“โอ๊ย”
แดงน้อยตกใจ
“ใครน่ะ”
“ลุงเอง”
แดงน้อยดีใจมาก “ลุงสิน ลุงสินจริงๆ ด้วย นี่ลุงสึกแล้วหรือครับ”
“ใช่”
แดงน้อยตลบมุ้งลุกพรวดไปเปิดไฟท่าทีกระปรี้กระเปร่า หนักลุกตาม ตลอดเวลาหนักใส่เสื้อปิดแขนข้างที่เจ็บ เห็นศีรษะโล้นเลี่ยน
“มิน่า ลุงโพล้งกับแม่แพรถึงเสือกไสไล่ส่งให้ผมรีบเข้านอน เพราะ ลุงมานอนรอผมอยู่นี่เอง” แดงน้อยยิ้มร่า
“ลุงคิดถึงหลานเหลือเกิน หลานไปไหนมารึ” หนักแสร้งถาม
“ไปสุพรรณกับเทิดศักดิ์ครับ ตามท่านขุนคุณพ่อของเขาไปจับเสือหนัก”
“อ้อ” หนักยิ้มๆ “แล้วยังไง”
“แต่ไม่สำเร็จครับ กลายเป็นเสือหนักจับผมกับเทิดศักดิ์ไปเป็นตัวประกันไว้ทั้งคืนเพื่อแลกกับการจับกุมเพิ่งปล่อยเราออกมาตอนเข้าตรู่นี่เองครับ”
“หลานกับเทิดศักดิ์คงโกรธเกลียดแค้นชิงชังเสือหนักมากสินะ”
แดงน้อยส่ายหน้า
“ไม่ครับ แปลกมาก เราสองคนคิดเหมือนกัน แต่คงบอกใครไม่ได้”
“ว่ากระไร”
“เราสองคนไม่เกลียดเขาดอกครับ แต่…”
หนักมีสีหน้าปลาบปลื้ม ซักต่อ
“แต่อะไรรึ”
“ถ้าผมเป็นปลัดแล้ว เทิดศักดิ์เป็นตำรวจ เราต้องจับกุมเขาทันทีที่ทำได้ ลุงว่าถูกต้องไหมครับ”
“ถูกต้องที่สุด ใครจับเสือหนักได้ คนนั้นจะมีชื่อเสียงกระฉ่อนไม่ใช่เพียงแค่เมืองสุพรรณเท่านั้น มันไปไกลทั่วประเทศนั่นแหละ แดงน้อยกับเทิดศักดิ์อยากจับเขามากใช่ไหม”
“ครับ อยากจับเขามากที่สุด เทิดศักดิ์ก็อยากจับเขามากที่สุด เราจะช่วยกันจับเขาให้ได้ ลุงว่าเราสองคนทำได้ไหมครับ”
หนักยิ้มเศร้าๆ พยักหน้า
“ได้แน่นอน”
“เสือหนักทั้งเก่งทั้งฉลาด ถ้าเราสองคนพลาดก็ตายทั้งคู่”
“เชื่อลุงสิว่าไม่ตาย หลานกับเทิดศักดิ์จับเสือหนักได้แน่ เขาไม่มีวันฆ่าหลานกับเทิดศักดิ์ดอก”
“ทำไมลุงมั่นใจเช่นนั้นครับ”
“สัญชาตญาณบอกให้ลุงคิดเช่นนั้น”
“ลุงครับ เสือหนักไม่ยักเป็นอย่างที่เราสองคนคิด เขาดีกับเรามากมองเราเหมือนมองลูกหลาน ผมแปลกใจมาก”
“โลกนี้มีอะไรแปลกจนนึกไม่ถึงเสมอ เช่นลุงไง อยากบวชไม่สึกแล้วลุงก็ต้องสึก” หนักว่า
“เสือหนักก็ไปบวชเป็นพระ ในที่สุดเขาก็ต้องสึกมายิงกับตำรวจ”
หนักทำทีเป็นหาว
“เอ้อ ทำไมลุงต้องสึกครับ”
“ง่วงจริงๆ”
“งั้น นอนเถิดครับ”
แดงน้อยจับแขนหนักตรงจุดที่เป็นแผลพอดี
“โอ๊ย”
แดงน้อยตกใจ
“ขอโทษครับ ผมทำลุงเจ็บสองครั้งแล้ว เอ้อ...ลุงเป็นอะไรครับ”
หนักยิ้มเศร้าๆ
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 10/2 วันที่ 15 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager