อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 13 วันที่ 23 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 13 วันที่ 23 เม.ย. 56

“ลุงเขาเป็นคนสวนแตง ผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมเราจ้ะ”
เทิดศักดิ์รีบยกมือไหว้หนัก
“สวัสดีครับ คุณลุง ต้องขอโทษด้วย ที่เมื่อสักครู่ผมเสียงดังใส่ เพราะตกใจเกรงว่าใครจะมาทำร้ายคุณแม่สน”
หนักหัวเราะเย้ยหยัน
“แม่ของหลานน่ะ ไม่มีใครหาญกล้ามาทำร้ายดอก เขาเก่งมาก ลุงเองยังขยาด”
เทิดศักดิ์หัวเราะเห็นด้วย

ทั้งหมดพากันลงมาจากเรือนทองจันทร์แล้ว
“หนูยังไม่ได้ลาแม่สนเลยนะคะ” ทานตะวันว่า
“เอ้อ ฝากแม่ลาให้ก็ได้จ้ะ”
“ไปกับพ่อก็ได้ ยังไงแม่สนเขาก็เป็นผู้ใหญ่”


“คุณสนไม่ว่างดอกเจ้าค่ะ” กบบอก
ท่านขุนฉงน “ทำไม”
“มีญาติผู้ใหญ่มาหาคุณสนเจ้าค่ะ” กบบอกอีก
“ใครรึ หรือว่ามาจากบ้านกำนันแสง” ขุนภักดีงงหนัก
“อย่าไปรบกวนเลยค่ะ พี่เทพ”
ขุนภักดีพยักหน้า ทานตะวันจึงไม่ได้ไปลาสน ทั้งที่ยังอยากไปอยู่ดี

สามคนพ่อแม่ลูก อยู่ด้วยกันบนเรือนสน เทิดศักดิ์ดีใจมากที่ได้พบหนักที่ตนรู้จักในชื่อ สิน จึงพูดคุยด้วยอย่างดี
“เสียดายที่ผมเพิ่งไปส่งแดงน้อยกลับบางกอก เขาเลยไม่ได้พบคุณลุงสิน”
“ลุงก็เสียดายที่ไม่ได้พบเขา”
“เสียดายที่ไม่มีโอกาสบอกเขาว่าที่แท้ ผมกับเขาก็เป็นญาติกันจริงๆ เพราะเขาและผมต่างเป็นหลานของคุณลุง”
“ทำไมถึงไม่มีโอกาส”
“คุณลุงคงไม่ทราบว่าเขากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกครับ”
“แหม..เป็นลุงเป็นหลานกันแบบไหน ทำไมไม่รู้เรื่องราวของหลาน ทำยังกับต้องคอยหลบหน้าหลานไปได้”
สนแกล้งเหน็บเอา หนักกระแอม เทิดเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ คุณลุงสินครับ คุณลุงมีพระดีๆ ไหมครับ”
สายตาหนักมองดูที่คอเทิดศักดิ์ยิ้มๆ
“องค์ที่มีอยู่นั่นดีที่สุดแล้วหลานชาย ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว”
“เทิดศักดิ์เขาอยากมีไว้คุ้มครองตัวเอง เผื่อจะเจอเสือหนัก จะได้จับมันให้ได้ไม่ว่าจับตายหรือจับเป็น”
หนักกระแอมอีก
“ผมเคยเจอเขามาแล้ว เขาดูไม่เหมือนเสือเหมือนสาง แต่นั่นแหละครับ ยังไงผมก็ต้องจับเขาตามหน้าที่”
“ใช่จับปราบฆ่ามันให้ตายไปไวๆ เลวอย่างมันอยู่ไป มันก็หนักแผ่นดิน” สนว่า
“แม่ของหลานเขาเคยมีความหลังกัน เขาจึงอยากให้ตายไปไวไว เขาจะได้หายเจ็บใจ เพราะว่าเขากับแม่ของหลานเคยเอ้อ.. เคย ..ฮะแอ้ม”
“นี่คุณแม่รู้จักเสือหนักด้วยหรือครับ” เทิดศักดิ์สงสัย
“เหลวไหล...ลุงของลูกเพ้อเจ้อบ้าบอสติไม่ดี ชอบแกล้งแม่ต่อหน้าคนอื่นอย่าได้เชื่อคนบ้าทีเดียวนะลูก”
“ตามใจหลานเถิดจะเชื่อแม่หรือว่าจะเชื่อลุง” หนักว่า
“ผมเชื่อลุงครับ”
สนเผลอหลุดปาก “ไอ้ลูกเวร”
หนักชักโกรธ “ด่าลูกรึนั่น”
“เปล่านี่...เอ้อ ลูกรักจ๋า แม่ลืมไปว่าทิ้งกุญแจเซฟไว้บนเรือน ในห้องนอนช่วยไปหยิบมาให้แม่ที เพราะดีไม่ดีไอ้เสือหนักมาป้วนเปี้ยนแถวนี้มันจะปล้นเอา”
“ได้ครับ คุณแม่สน”
เทิดศักดิ์เดินออกไป สองคนหันมาจ้องหน้ากันเอาเรื่องต่อ
“แกต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการมาสั่งแกว่าอย่ามาทำร้ายน้องฉันหลานฉันอีก ถ้าฉันรู้แกตายแน่ นี่คือคำขาด ถ้าแกอยากลองดีก็ตามใจ แกอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกทำอะไรลงไปบ้าง ไอ้เสริมที่แกไปเช่าเรือมันก็รายงานเรื่องแผนล่มเรือฆ่าหลานฉัน”
“ไอ้คนทรยศ” สนโมโห
“คงทรยศน้อยกว่าแก เป็นไหนๆ จะรับปากไหม”
“ตกลง ฉันรับปาก แต่แกก็ต้องรับปากฉันว่าจะไม่มาที่นี่อีก”
“ตราบใดที่แกไม่ทำร้ายน้องกับหลานของฉัน”

สนจำใจรับปาก
แดงน้อยจัดกระเป๋าวางเตรียมไว้เรียบร้อย แพรกับโพล้งประกบซ้ายขวา น้ำตาแพรนองหน้า

“ลุงสินจะทราบไหมว่าผมกำลังจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก”
“ไม่ทราบดอก เพราะเขาหายเงียบไปนานแล้ว”
“แต่เอาแน่กับเขาไม่ได้หรอก คิดว่าไม่ทราบ จู่ๆ ก็ทราบขึ้นมาเสียอย่างนั้น”
“ผมอยากพบลุงก่อนไปสักครั้ง แต่คงหมดโอกาส เพราะผมจะไปมะรืนนี้ แล้วถ้าลุงมาตอนที่ผมไม่อยู่ แม่แพรกับลุงโพล้ง วานบอกลุงด้วย ว่าผมขอบพระคุณที่ส่งเสียผม เมตตาผมจนกระทั่งผมมีวันนี้ ผมจะไม่ลืมพระคุณ และต้องการตอบแทนพระคุณลุงให้ถึงที่สุด”
สองคนมองหน้ากัน เศร้าๆ

ส่วนเทิดศักดิ์ถือกุญแจเซฟที่หาอยู่พักใหญ่ลงมาให้สน
“นี่ครับกุญแจ เซฟ เอ๊ะ คุณลุงสินหายไปไหนแล้วครับ
“มันเอ๊ย...เขากลับไปแล้ว ช่างเถิด ไปเสียได้ก็ดี”
“ดูท่าว่าคุณแม่จะไม่ชอบเขา”
“ก็มันเป็นคนไม่ดี มันขี้เมา มันชอบไถเงิน มันมานี่จะมาไถเงินแม่นี่แม่ฟาดหัว ไปพันนึงมันเลยรีบไป”
“เอ๊ะ ผมเห็นเขาใส่สร้อยทองเส้นเบ้อเริ่ม ทำไมถึงมาไถเงินคุณแม่”
“ทองปลอมเอาไว้ตบตาคนอื่นน่ะสิ”
“แปลกมากๆ”
สนเมินหน้าหนี ไม่อยากพูดต่อ

ขณะเดียวกันเนียนนั่งใจลอยคิดถึงแดงน้อย
“แม่ใจลอยไปบางกอกหรือจ๊ะ” เนื้อทองถาม
“เอ้อ...”
“แม่คงคิดถึงพี่แดงน้อย หนูเข้าใจจ้ะว่าที่แท้เพราะแม่มีลูกชายที่เป็นพี่หนู แต่แม่จากกับเขามานานมาก แม่จึงเอาพี่แดงน้อยมาทดแทน ทำไมแม่ไม่ไปหาพี่ชายของหนูบ้างเล่าจ๊ะ”
“แม่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะญาติขอพ่อเขาเอาไปเลี้ยง เราขาดการติดต่อกันมานานแล้วจ้ะ”
“ตั้งแต่เขาอายุเท่าไหร่จ๊ะ”
“สี่ขวบ”
“แค่สี่ขวบ เอ...ทำไมแม่ถึงได้รู้ว่าพี่ชายของหนูคนนั้นหน้าตาเหมือนพี่แดงน้อยจ้ะ ในเมื่อแม่ไม่ได้พบเขานานมาก”
“แม่..ก็เอ้อฝันถึงเขา วาดภาพเขาเอาเอง พอเห็นหน้าแดงน้อยแม่ก็เหมาเอาเองว่าเขาหน้าเหมือนแดงน้อยจ้ะ”
“ก็จริงนะคะ เพราะพี่แดงน้อย กับหนูก็หน้าตาเหมือนกัน”
“เขาจากไปถึงสามปีช่างเนิ่นนานเหลือเกิน เขากลับมาจะหน้าตาเป็นยังไงบ้างหนอ”
“แม่เอาแต่พูดถึงพี่แดงน้อย จนหนูอิจฉาแล้วนะจ้ะ อีกสามปีหนูก็จะมาเป็นครูอยู่ที่นี่ ถ้าแม่ไม่อยากอยู่ เราจะไปอยู่ที่อื่นด้วยกันดีไหมจ๊ะ”
“ไม่ดีแน่จ้ะ ไม่ว่าเราจะยากดีมีจนเพียงไหน บุญคุณต้องทดแทนของแม่ที่มีต่อบ้านภักดีภูบาล ไม่มีวันหมดสิ้นดอก คุณท่านชรามากแล้ว หนูกับแม่ต้องอยู่ดูแลรับใช้ท่านจ้ะ แม่ขอร้อง”
“จ้ะ หนูเชื่อแม่”
เนื้อทองกอดไว้
“ป่านนี้คุณท่าน รอหนูไปอ่านหนังสือให้ฟังแล้ว ไปสิจ๊ะลูก”
เนียนกอดส่งท้ายให้ลูกลุกไปหาทองจันทร์ พอเนื้อทองไปแล้ว เนียนก็มองออกไปที่นอกหน้าต่าง มองไปท้องฟ้ามีดาวเต็มระยิบระยับ
“แดงน้อยของแม่ ทูนหัวของแม่ แม่คงคิดถึงลูกทุกเวลานาทีตลอดสามปีที่ลูกต้องจากไป แม่จะตั้งตารอลูกกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ มาเป็นเจ้าคนนายคนที่เมืองสุพรรณ มาเป็นแก้วตาดวงใจของแม่นะลูก”
เนียนยิ้มทั้งน้ำตา

เทิดศักดิ์เดินทางมาพบกำนันที่สวนแตง ศรีประจันต์
“กำนันครับ ผมมาตามหาคนชื่อ สิน”
“สินไหนล่ะ”
“สินเอ้อมีอายุแล้วครับ ประมาณสี่สิบกว่า หน้าตาดี ผิวขาว สูงใหญ่ พูดจาสุภาพ”
“ที่สวนแตงนี่มีสินอยู่สองคน คนหนึ่งเพิ่งตายไป อีกคนหนึ่งเป็นเด็กเพิ่งจะเกิด”
เทิดศักดิ์อึ้งพึมพำ
“คุณแม่สนโกหกอีกแล้ว ทำไม”

เทิดศักดิ์งงมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมสนจึงโกหกไปทุกเรื่อง
ถึงวันเดินทางของแดงน้อย สามคนอยู่ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว แดงน้อยใส่สูทดูหล่อเหลายิ่งขึ้น มีกระเป๋าแฮนด์แบกใบย่อมติดตัว โพล้งกับแพรกำลังกอดลาอย่างอาลัยอาวรณ์ โพล้งตาแดงๆ ส่วนแพรร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร

“ไปอยู่คนเดียวตามลำพังจะกินจะอยู่ยังไง เดี๋ยวก็อดตายกันพอดี” โพล้งบ่น
“อาหารก็ไม่ใช่อย่างบ้านเรา กินแต่ขนมปัง กับเนย มันไหวหรือลูกเอ๊ย ใครจะซักจะรีดเสื้อผ้าให้ ใครจะกวาดบ้านถูบ้านให้ ฮือๆๆๆ”
โพล้งเอ็ดเอาเพราะแพรร้องไห้ดังมากขึ้น “อย่าร้องไห้ดังๆ สิ อายเขายัยแพร แกร้องแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันฮือๆ”
“ลุงโพล้ง แม่แพรครับ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้เพื่ออนาคตของผม ไม่ต้องห่วงผมดอกครับ”
“ก็แม่แพรน่ะไม่ห่วงแล้ว ไอ้โพล้งมันมาพูดให้แม่กลัวนี่นา”
“อ้าว ไหงมาโทษกันโทษเอง ก็ตัวแกเองนั่นแหละมาปรับทุกข์กับฉัน อุ๊บ๊ะ”
ยินเสียงใครคนหนึ่ง มาทักจากด้านหลัง
“คนเขาจะไปดีมาร้องไห้ร้องห่มส่งกันทำไมหา”
สามคนหันขวับไปมอง แดงน้อยดีใจมาก สองคนก็ดีใจด้วย เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ลุงสิน”
โพล้งจะหลุดปาก “พี่หนะ...”
ถูกแพรกระทืบเท้าเต็มแรง
“พี่สิน”
แดงน้อยยิ้มแป้น “ลุงรู้ว่าผมจะไปวันนี้”
“รู้สิ ลุงถึงมาส่งหลาน ลุงดีใจมาก มีความสุขมากที่เห็นหลานมีแต่ความดี และความสำเร็จ”
“ขอบพระคุณมากครับ ผมก็ดีใจ คิดตลอดเวลา ว่าลุงจะมาส่งผมไหม ในที่สุดลุงก็มาให้ผมสมหวัง ผมไม่อยู่สามปีลุงดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
“ลุงจะพยายาม แต่หลานเอ๊ย อะไรอะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอน สามปีนี่ บางทีลุงอาจ...จะ...” หนักอึกอักตอนท้าย
แดงน้อยสวนออกมา “เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สบายหรือครับ มาอยู่กับแม่แพรลุงโพล้งสิครับ”
หนักส่ายหน้า แล้วหนักก็หน้าเปลี่ยนไป พร้อมๆ กับขยับหมวดให้ปิดหน้าหลุบต่ำลงมา
แพรกระซิบ “ตำรวจมา”
“มาตั้งสามสี่คน” โพล้งตาโต
“ลุงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนถ้าลุงออกมาไม่ทันหลานไปขึ้นเครื่องบิน ขอให้โชคดีนะหลาน”
หนักโอบบ่าแดงน้อย ตบเบาๆ แล้วผลุนผลันเดินหายไป
ตำรวจสามคนเดินผ่านมาหยุดส่ายตามองๆ พลางมองมาที่พวกแดงน้อย แล้วเดินหายไป
เสียงเรียกให้ไปตรวจพาสปอร์ตและขึ้นเครื่องบินดังขึ้น
“เขาเรียกแล้ว”
“ลุงสินยังไม่กลับมา” แดงน้อยชะเง้อมอง
“ไปเถิด ไม่ต้องห่วงเขาหรอกแดงน้อย รีบไปสิ”
สองคนกอดลาแดงน้อยอีกครั้ง ส่วนหนักหลบมุมแอบมองแดงน้อย น้ำตาซึม

ฟากเนื้อทองก้มลงกราบทองจันทร์ เนียนนั่งยิ้มมองใกล้
“หนูไปเรียนไม่นานหรอกเจ้าค่ะ ปิดเทอม หนูจะกลับมารับใช้เจ้าค่ะ”
“มาดูแล ย่า อย่าเรียกว่ามารับใช้ อ้อ บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียก คุณย่า อย่ามาเรียกคุณท่าน เนียน สั่งลูกแกสิ”
“เจ้าค่ะ หนูติ๋ว เรียกคุณท่าน เอ๊ย..คุณย่าสิจ๊ะ”
“เจ้าค่ะ คุณย่า”
ทองจันทร์ส่งซองให้หนึ่งซอง
“ย่าให้ค่าขนม เดือนละสามร้อยบาท”
“คุณย่า เจ้าขา หนูได้ทุนแล้วเจ้าค่ะ”
“อย่าอวดดี ทุนนั่นมันก็หนักไปทางทุนเล่าเรียน ไม่ใช่ทุนค่าขนมเนียน สั่งลูกแกสิ”
“รีบรับสิหนูติ๋ว”
“ขอบพระคุณมากค่ะ คุณย่า”
“ย่าจะให้ไอ้เอกมันส่งไปให้ใช้เดือนละสามร้อยบาททุกเดือน”
“เป็นพระคุณตอบแทนไม่มีวันหมดเจ้าค่ะ” เนียนซาบซึ้งยิ่งนัก
“หนูจะไม่ใช้ให้หมดเจ้าค่ะ หนูจะแบ่งเก็บไว้ฝากธนาคารออมสินเจ้าค่ะ”
“รู้จักคิดดีมาก ไม่เหมือนหนูอี๊ด มันคิดจะเอาเงินหมื่นของย่าไปซื้อเสื้อผ้าใส่ให้หมด เขาจะไปพรุ่งนี้แล้วสินะ”

ทองจันทร์หัวเราะขำๆ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ฝ่ายเนียนใจหล่นวูบ อาวรณ์ลูกสาวแฝดคนโต
วันต่อมา เนื้อทองแต่งตัวโก้ เก๋ สไตล์ฝรั่งๆ มีเรียมกับขุนภักดีเดินจูงมือมาที่โรงรถ เทิดศักดิ์กับสนมาด้วย เอกมาเปิดท้ายรถใส่กระเป๋าใบแรก กบและแมวยกกระเป๋าเดินทางมาอีกสองใบ ใส่ท้ายรถแทบไม่พอ

ระหว่างนี้เนียนมาลับๆ ล่อๆ แอบมองทานตะวัน น้ำตาคลอ พึมพำเบาๆ
“หนูอี๊ดของแม่ เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอพระคุ้มครองลูกด้วยเถิด แม่จะตั้งตารอลูกกลับมาอีกสามปีข้างหน้า”
ทานตะวันเหมือนรู้ว่ามีคนแอบมอง หันขวับมา
“นังเนียนมาแอบดูฉันอีกแล้ว ไปให้พ้นนะ”
สน เทิดศักดิ์และคนอื่นๆ หันไปตามเสียงทานตะวัน สนผละจากเทิดศักดิ์ ไปดึงแขนเนียนออกมา
“แกแอบมาทำพิธีเสกควายธนู ใส่หนูอี๊ดให้ไปมีเหตุร้ายที่เมืองนอกใช่ไหม” สนคิดไปได้
“ฉันไม่ทำอะไรเลวร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นแกมาแอบดูฉันทำไม” ทานตะวันแหวใส่
“น้าเนียนอาจจะอยากมาอวยพรให้น้องอี๊ดเดินทางปลอดภัยก็ได้ ใช่ไหมครับน้าเนียน”
“เอ้อ ค่ะ”
ทานตะวันแว้ดใส่ตามเคย “แกสติเสียหรือนังเนียน ฉันไม่ใช่ลูกแก สักหน่อย และฉันก็ไม่มีวันอยากให้แกมาอวยพรฉัน”
เรียมดุเอา “หนูอี๊ด คนเขาหวังดี ทำไมต้องไปขุ่นเคือง เนียนจ้ะ ถ้าอยากอวยพรหนูอี๊ดก็ตามสบายเถิดจ้ะ”
“คุณแม่ เข้าข้างมันอีกแล้ว”
“คุณพี่ทำให้มันได้ใจเกินไปแล้วนะคะ” สนหมั่นไส้
“แล้วเธอเล่าสน เธอคือคนที่ทำให้หนูอี๊ดได้เข้าใจผิดๆ เสมอ” เรียมแดกดัน
“คุณนายแม่พูดถูกแล้ว คุณแม่สน น้องอี๊ด กับการอวยพรให้โชคดีมีชัยทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โต”
“ถ้าเป็นคนอื่น มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่เป็นมัน หนูถือว่ามันไม่มีเกียรติพอที่จะมาตีเสมออวยพรหนู ขอร้อง ถ้าแกหวังดีกับฉันจริงไสหัวไปให้พ้น ให้ฉันเดินทางด้วยความสบายใจได้ไหม”
เนียนน้ำตาร่วงพรู “เจ้าค่ะ คุณหนู”
“ฉันไม่ได้ตาย แกจะมาร้องไห้ทำไม นังบ้า”
“หยุดนะ หนูอี๊ด เนียนจ๊ะ อภัยให้เด็กไม่มีความเมตตาปราณีคนนี้ด้วยเถิดจ้ะ”
เนียนชะงักฟังแล้วรีบเดินออกไปยกมือปาดน้ำตา
“หยุดก่อน”
เนียนหยุด
“ขอบใจที่มาอวยพรหนูอี๊ด”
“คุณพ่อ” ทานตะวันหน้าคว่ำ
เรียมยิ้ม คนอื่นยิ้ม ยกเว้นสนกับทานตะวัน
“ขึ้นรถกันได้แล้ว”
ทุกคนจึงขึ้นรถ เนียนเดินร้องไห้ออกไป
รถแล่นออกจากโรงรถ เนียนหันกลับมาผวาตามไปมองที่ประตู มองไปน้ำตาท่วมใจกบใบหน้า กบกะแมวมองเนียนแปลกใจมาก เนียนมองรถจนลับสายตาไป

เวลาผ่านไป ที่วิทยาลัยการเรือน เนื้อทองกับเพื่อนใส่ชุดนักเรียนการเรือนเสื้อขาวแขนยาว กระโปรงสีน้ำเงิน เสื้อปกบัวมีโบว์ผูกรอบคอมารวบเป็นหูกระต่ายด้านหน้า
เนื้อทองและเพื่อนเรียนทำอาหาร ตามมาด้วยการเรียนสลักผักผลไม้
วันต่อมาเนื้อทองกับเพื่อนประดิษฐ์จัดดอกไม้ เนื้อทองและเพื่อนถักผ้าเช็ดหน้าผ้าปูโต๊ะเสื้อหนาว ทุกการเรียนเนื้อทองมุ่งมั่นตั้งใจ

ไม่ต่างจากแดงน้อยที่เดินถือตำราออกมาจากตึกเรียน นั่งสบายในสวนสวย ยิ้มกับเพื่อนพูดภาษาฝรั่งกันไปด้วยทั้งหมดถือตำราเรียน เดินมาถึงที่จอดจักรยาน พากันขี่จักรยานแยกย้ายโบกมือให้ ก็ตามกันกลับไปหอพัก
วันต่อมาแดงน้อยอยู่ในหอพัก กำลังทำอาหารง่ายๆกินๆ ง่ายๆ มีขนมปังแซนด์วิชโปะกันเข้าไป
อีกวันแดงนั่งอ่านตำราแล้วหยิบกระดาษมาเขียนจดหมาย
“กราบเท้าลุงโพล้งและแม่แพรที่เคารพรักสูงสุด ผมกำลังตั้งใจศึกษา เล่าเรียนเพื่อคุ้นเคยกับการใช้ภาษา บัดนี้พูดคุยกับคนอื่นรู้เรื่องดีมีเพื่อนมากมายแล้ว”

โพล้งกับแพรอยู่ที่ร้านกาแฟไทยเจริญ แพรกำลังพยายามอ่านจดหมาย
“แดงน้อยมันเขียนจดหมายมาจากเมือง มองๆ พริกๆ มะนาวดอง เลยนะตาโพล้ง”
“เมืองบ้าอะไรของแกยัยแพร มองๆ พริกๆ มะนาวดอง นี่มันผักสวนครัวหลังร้านเราแล้วแหละ”
“แกอย่าขัดคอ ถ้าอยากจะฟังต่อ ไม่เช่นนั้นฉันจะอ่านในใจ แกก็รู้ว่าแดงน้อยเขียนมาว่ายังไง สมน้ำหน้าไอ้คนไม่ยอมเรียนหนังสือ”
“ได้ทีขี่แพะไล่นะ อ่านต่อไปสิ”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 13 วันที่ 23 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager