อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 10/4 วันที่ 16 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 10/4 วันที่ 16 เม.ย. 56

ขุนภักดีแหวกคนเข้าไปยืนจังก้า แทนตัวสั่นไปหมดพยายามยกมือจะไหว้ แต่ไม่ไหว
“มึงเอางูเห่าไปฆ่าคนของกูทำไม”
แทนพยายามจะพูดแต่ขากรรไกรแข็งค้างพูดไม่ออกไปแล้ว ตามองเบิ่งไปที่ด้านหลังของทุกคน
“นะ.. นั่น.อี..ช...”
แทนมองไป เห็นช้อยยืนตกใจอยู่
“ชี้กูทำไม เวรของอีช้อยอีกแล้วละสิ”

ช้อยเสียววาบ ถอยกรูดไป หายไปในทันที ทุกคนมองตามที่แทนบอก
“อีช..อะไรอยู่ตรงนั้น ออกมานะ ออกมาเดี๋ยวนี้” ขุนภักดีตะโกน
เอกวิ่งพรวดไปทันที ขณะที่วิ่งไป มีก้อนหินถูกขว้างมาใส่หน้าเอกโดยแรง


“โอ๊ย”
“ไปจับตัวมันมา กูจะแล่เนื้อเอาเกลือทาให้หมากิน”
ทุกคนวิ่งไปตามหาทันที ท่านขุนหันมาจ้องหน้าแทน
“อกตัญญู เนรคุณ เลี้ยงเสียข้าวสุก อำมหิต มึงกล้าฆ่าคนหน้าตาเฉย ทั้งที่ไม่มีเรื่องโกรธแค้น ไม่มีสาเหตุจูงใจ มึงก็ไปลงนรกเสียเถิด มึงจะกลายเป็นผีไม่มีญาติ เพราะกูจะไม่ให้ใครเผามึง”
ร่างแทนกระตุกๆ สั่นเทิ้มไปแล้วหมดลมหายใจตายในสภาพตาค้างเบิกโพลง

ฟากช้อยวิ่งลัดเลาะหลบหลีก มาแอบลงไปซ่อนอยู่ในคูน้ำหันซ้ายหันขวา
“ไอ้บ้าเอ๊ย จะตายไปลงนรกอยู่แล้วยังมีหน้ามาเล่นงานกันอีก”
“มันวิ่งไปทางนี้”
เสียงเอกดังเข้ามา ช้อยหักเอาหลอดต้นคูนมาใช้หายใจแล้วจมหัวลงไปในคูน้ำ
พวกเอกวิ่งมาถึง มองซ้ายมองขวาเอกชะงักยิ้มชี้ให้ไปต่อ
“มันวิ่งไปโน่น”
แต่เอกกลับไม่ขยับ มองไปในคูเห็นหลอดคูนเคลื่อนไหวไปมา เอกยิ้ม
“ไอ้อี ชอ ไอ้อีสอ ตัวไหนก็ตามที่ก่อเหตุให้เกิดมีคนตายในบ้านหลังนี้อีกแล้ว สักวันเถิด พวกมึงจะถูกพวกวิญญาณผีที่มึงเข่นฆ่ามารุมลากมึงไปลงนรก อย่านึกว่าไม่รู้นะ แต่กูจะปล่อยให้เวรกรรมมาจัดการพวกมึง ถุยนางคนชั่ว ขอให้พวกมึงตายอย่างทารุณ ตายแล้ววิญญาณก็ไปหาที่ผุดที่เกิดไม่ได้ นอกจากในนรก”
เอกถุยน้ำลายลงไปบังหลอดคูน แล้วหันกลับเดินออกไป
ช้อยโผล่หน้าขึ้นมา มีปลาไหล และปลิงเกาะหัวยั้วเยี้ยไปหมด ช้อยทำหน้าสยดสยอง
“ว๊าย”

ด้านเนียนเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเนื้อทอง มีทองจันทร์ตามมาติดๆ
“ขืนข้าปล่อยให้เอ็งไปอยู่ห้องชั้นล่างตามลำพัง เอ็งอาจตายขึ้นมากะทันหัน เพราะฉะนั้น นับแต่นี้ไปเอ็งอยู่ในห้องนี้กับลูกของเอ็ง”
“คุณท่านเจ้าขา แต่ว่า...”
“อย่ามาแต่ ข้ากลัวผี ห้ามมาตายคาเรือนข้า รึจะบังอาจขัดคำสั่ง” ทองจันทร์ดุ
“ไม่บังอาจเจ้าค่ะ เนียนเกรงใจ”
“เกรงใจ ๆ คิดอย่างอื่นเป็นบ้างไหม ยัยติ๋ว เอ็งไปนอนเป็นเพื่อนข้าวันนี้นางแมวมันวุ่นวายกับไอ้ผีไอ้นรกแทนอยู่”
เนื้อทองรีบประคองทองจันทร์เดินออกไป เนียนยกมือไหว้ขอบคุณมองตามอย่างซาบซึ้งในน้ำใจหญิงชรา

ฟากช้อยกำลังจีบปากจีบคอแก้ตัวกับสนที่หน้าตึงไม่พอใจ
“ก็ไอ้แทนมันโง่งี่เง่าเต่าตุ่น ดันเผลอเรอให้ไอ้เอกกับนางกบมันจับพิรุธได้”
“มันก็โง่เง่าเต่าตุ่นพอกับเอ็งนั่นแหละ ใช้คนไม่เป็น ใช้ใครไม่ใช้ดันไปใช้ไอ้แทนปากปลาหมอ” สนโมโหมาก
“ขนาดงูยังกัดมันที่ปากเลยนะเจ้าคะ”
“ยัยช้อยเอ็งโง่นัก สักวันเถิดเอ็งจะโดนแทงที่ปากตายบ้าง” ทานตะวันด่าว่า
“หนูอี๊ดพูดถูก แกระวังตัวให้ดี”
ช้อยนึกขึ้นมาได้
“ฟังเรื่องนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ ฟังแล้วดีไม่ดี คุณสนจะโดนผีเข้าเอาได้นะเจ้าคะ”
“อะไรรึ”
“ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม งูลังเลว่าจะกัดใครดี ท่านขุนมาพอดี”
“คุณพ่อมา” ทานตะวันตกใจ
“พี่ขุนมา”
“อีเนียนเลยฉวยโอกาสเป็นลม ท่านขุนก็ขนมผสมน้ำยา อ้าอ้อมแขนอุ้มมันขึ้นเรือนคุณท่านไปเจ้าค่ะ สีหน้าท่าทางห่วงหาอาวรณ์มันเหมือน เมื่อก่อนตอนหลงมันจนลืมคุณสนไม่มีผิดเจ้าค่ะ”
สนกรี๊ด “ต๊าย อุเหม่”
“หนูไปจัดการมันเองค่ะ”
ทานตะวันโมโหลุกพรวด สนดึงไว้
“ใจเย็นๆ ค่ะ แม่สนยังมีอีกหลายวิธีที่จะจัดการมัน เล่นงานแม่ไม่ได้ มาก็ย้ายมาเล่นงานลูกมันสิคะ” สนว่า
“อีเด็กติ๋ว” ทานตะวันอุทาน ตาวาววับ

สนพยักหน้ายืนยัน
ทางด้านเรียมนอนยิ้มรู้สึกพึงพอใจ ที่เห็นท่านขุนยังห่วงใยเนียน แต่ขุนภักดีรู้สึกเสียหน้าที่เผลอห่วงใยเนียนออกนอกหน้า

“พี่เทพว่าใครที่สั่งไอ้แทนเอางูมากัดเนียนคะ”
“เรียมสงสัยใครหรือ”
“คิดไม่ออกดอกค่ะ กลัวคิดแล้วผิดจะกลายเป็นบาปเป็นกรรม แต่เชื่อว่าต้องเป็นพวกเดียวกันที่ฆ่าไอ้หวาน”
“ไอ้หวานนั่นอาจเป็นเสือหนัก เพราะมันปากมากเรื่องเนียน แต่ครั้งนี้พี่จนใจ”
“คนคนนั้นทำไมต้องอยากให้เนียนตาย ทั้งที่เนียนก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”
“ประชดพี่รึ”
“หามิได้ค่ะ เรียมอยากจะขอบใจพี่เทพแทนเนียนด้วยซ้ำ ที่แท้ในเบื้องลึกของจิตใจ พี่เทพยังห่วงใยเนียน ถ้าไม่รีบอุ้มเข้ามา คงโดนงูกัดแล้ว”
“อย่ามาพูดเองเออเองนะเรียม พี่เพียงพบเห็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นตรงหน้า พี่ก็ต้องดูดำดูดี พี่เป็นหัวหน้าครอบครัว อย่ามาเหมาโมเมว่าพี่ใจอ่อนห่วงใยคนเนรคุณแพศยานะ”
เรียมยิ้มไม่ว่าอะไร เอื้อมมือไปจับมือสามีมาแนบแก้ม
“เรียมรู้ค่ะ พี่เทพ มีน้ำใจ แต่ใครไม่รู้ก็ว่าพี่เทพใจดำ พี่เทพใจแข็งต่างหาก”
“เอ๊ะ เรียม บอกว่าอย่ามาเย้าพี่นะ”
“พี่เทพมีน้ำใจกับเนียนครั้งนี้ เนียนคงมีความสุขจนเหลือจะเอ่ย”
เรียมหัวเราะเบาๆ แต่ท่านขุนงอนโดนจับไต๋ได้

ส่วนเนียนนอนไม่หลับ คิดถึงท่าที่ห่วงใยของท่านขุน แอบมีความสุขขึ้นมาบ้า ภาพตอนที่ท่านขุนตกใจปราดมาช้อนร่างเนียนไว้ในอ้อมกอดพลางตะโกนเรียกเนียน ผุดขึ้นมา
เนียนคิดแล้วเผลอยิ้มทั้งน้ำตา
“ความเมตตาที่ได้รับแม้เพียงชั่วครู่ในความทุกข์ระทมขมขื่นที่ได้รับมานานนับสิบกว่าปี ก็ทำให้เนียนสุขจนเหลือล้น เนียนอยากกราบขอบพระคุณท่าน แต่เนียนไม่บังอาจเอ่ยปาก”
หัวใจของเนียน ยามนี้อิ่มเอิบเหลือแสน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข ฝันดีไปทั้งคืน

ทานตะวันโดนสนปลุกแต่เช้าตรู่
“หนูอี๊ดขา ตื่นค่ะ รีบตื่น”
“รีบตื่นทำไมกันคะ หนูยังง่วงอยู่เลยค่ะ แม่สน”
“รีบกลับไปรักษาสิทธิ์ในความเป็นหลานตัวจริง ให้ไวๆ ค่ะ ขืนช้าไปจะโดนนังเด็กติ๋วมาสวมสิทธิ์เป็นหลานแทนนะคะ”
ช้อยผสมโรง “จริงๆ นะเจ้าคะ นางสองคนแม่ลูกมันเป็นจอมฉวยโอกาส มันจะฉวยทุกอย่างที่ขวางหน้ามาเป็นของมัน แม้แต่คุณย่าเจ้าค่ะ”
สนรีบผลักไสทานตะวันให้ไป เล่นงานเนื้อทองกับเนียน
“ขอบคุณแม่สนมากที่คอยดูแลหนูมาตลอด หนูรักแม่สนมากกว่าคุณแม่ดีไหมคะ”
“จะไม่ดีมังคะ” สนแกล้งพูด
“แต่ช้อยว่าไม่เลวดอกเจ้าค่ะ รีบทำตามความหวังดีที่คุณแม่สนบอกเถิดเจ้าค่ะ”
“รีบไปเลยก่อนที่พวกมันจะอ้อนจนคุณย่าจ่ายค่าทำขวัญให้มันเรื่องเมื่อคืน สมบัติของหนูกับพี่เทิดศักดิ์ทั้งนั้น”
“ค่ะ ค่ะ”
ทานตะวันวิ่งลงเรือนไป สนกับช้อยมองตาม
“อีเด็กโง่ แต่คิดว่าตัวฉลาด สมบัตินั่นมันต้องเป็นของเทิดศักดิ์คนเดียวไม่ใช่แก”
“อ้าว นี่อย่าบอกนะเจ้าคะว่าเสร็จงานอีเนียนกับอีเด็กติ๋ว คุณหนูอี๊ดมีสิทธิ์ตามนางสองแม่ลูกนั่น”
“รึเอ็งว่ามันไม่สมควร เอ็งชอบมันจริงๆ เพราะมันเสี้ยมง่าย”
“ความริษยาทำให้เธอตามืดมัว นี่เธอคงจะเป็นเด็กชั่วร้ายเลวทรามตามที่คุณสนตั้งใจปั้นมาตั้งเด็กนะเจ้าคะ”
“มันยิ่งเลวมากเท่าไหร่ ลูกข้าก็ยิ่งดีมากเท่านั้น มันกับแม่มันย่ามันแม้กระทั่งพ่อมัน ต้องร้าวฉานกันให้มากที่สุด เพราะเรื่องอีเนียนกับอีเด็กติ๋ว”
จู่ๆ ช้อยก็ก้มลงกอดเท้าสน
“คุณสนเจ้าขา ช้อยมีบาปจะสารภาพเจ้าค่ะ”
“บาปอะไรเอ็งแอบทำบาปอะไรให้ข้า”
“ช้อยแอบไปมีลูกมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
“อะไรนะเอ็งแอบไปมีลูกตอนไหน”
“ก้อตอนที่ พ่อช้อยป่วย แล้วหายไปประมาณเก้าเดือนเศษนั่นแหละ”
“ใครเป็นผัวเอ็ง”
“ไอ้เหิมเจ้าค่ะ”
สนยืนนิ่งแล้วตบหน้าช้อยฉาดใหญ่
“ไอ้เหิม เป็นผัวเอ็ง เลวมาก”
“เลวที่ช้อยมีผัวคนเดียวกับคุณสนหรือเจ้าคะ”
“โอ๊ย นี่ฉันกลายเป็นเมียน้อยไอ้เหิม นังคนชั่วเอ็งพาไอ้เหิมมาฉุดข้า”
สนบันดาลโทสะตามตบตีช้อยพัลวัน ช้อยส่ายหน้า
“มันมาเอง มันฉุดคร่าข่มขืนไปทั่ว ไม่ใช่แค่ช้อยกับคุณสนดอกเจ้าค่ะ”

สนตีช้อยจนหอบ แล้วนั่งร้องไห้ ช้อยเองก็นั่งร้องไห้

ส่วนเนียนข่มตาหลับไม่ลง ชื่นใจไม่เลิกรา นึกถึงภาพท่านขุนปราดมาอุ้มตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนมีเสียงเคาะห้อง เนียนสะดุ้งตื่นจาภวังค์
“หนูติ๋วหรือลูก”
ไม่มีเสียงตอบเสียงเคาะยังดังขึ้นเนียนเดินไปเปิดประตู เจอทานตะวันยืนขวางหน้าจ้องตาเขียว เนียนทั้งดีใจทั้งตกใจ
“คุณหนูอี๊ด”
“แกนึกว่าคุณพ่อมาโอ๋แกรึ แกสะเออะมาทำอะไรในห้องนี้”
“คุณท่านให้ ม...” เนียนจะหลุดคำแม่ รีบเปลี่ยน “เอ้อ ฉันมานอนที่นี่เจ้าค่ะ”
“แล้วนังติ๋วมันไปนอนที่ไหน”
“ไปนอนกับคุณท่านเจ้าค่ะ”
“บ้า บาบอคอแตกกันใหญ่แล้ว จำไว้นะว่าอย่าขึ้นมานอนบนนี้อีก”
“เจ้าค่ะ”
ทานตะวันผลักเนียนหลบแล้วเดินเข้าไปในห้อง เนียนรีรอ
“มีหน้าที่ทำอะไรก็ไปทำ มาอ้อยอิ่งอยู่ทำไม”
เนียนจึงจำใจเดินออกมา ทั้งน้อยใจทั้งเสียใจ ทานตะวันมองตามแล้วก้าวเข้าไปในห้องกวาดตามอง เห็นห้องหับดูสวยงามเป็นระเบียบ เนียนชะงักรีรอ ทานตะวันหันไปแหวใส่
“บอกว่าจะไปไหนก็ไป นี่บ้านย่าฉัน แกเป็นคนใช้ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ได้”
เนียนน้ำตาแทบร่วง กับคำพูดของลูก รีบหันกลับเดินออกมาน้ำตาร่วงพรู ทานตะวันมองข้าวของในห้องเหยียดยิ้มอย่างอิจฉา
“ทุกคนทำดีกับพวกแกมากเกินไปแล้ว”
ทานตะวันผวาไปจะทำลายข้าวของติ๋ว เสียงสนดังก้องในหู
“ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ อย่าผลีผลาม ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามค่ะ”
“แม่สนพูดถูก ฉันจะเอาพร้าเล่มงามเสียบตามตัวแกให้เจ็บให้สาสม ที่แกขโมยความรักจากคุณย่าของฉันไปที่แกสองคนแม่ลูก”

ทานตะวันละมือจากข้าวของของเนื้อทอง
ฟากยายอ่อนมาพบแพรกับโพล้งที่ร้านกาแฟไทยเจริญในบางกอก เพื่อเจรจาซื้อที่นาของเนียน ที่ลูกชายเช่าทำกินมาหลายปี

“ว่ายังไงยะ เรื่องที่นาของเนียน ฉันเช่ามาหลายปีดีดัก ซื้อที่ใกล้เคียงไว้แล้ว ทำอย่างไรจะได้เป็นเจ้าของที่ของเนียนเขาสักทียะ”
“เรื่องมันยาวมันยุ่ง มันยาก มัยเยิ่นเย้อ จนยากจะบรรยาย มันยุ่งเหมือนลิงแก้แห มันแย่ตรงที่เนียนเขาทำพินัยกรรมยกที่นานั่นให้แดงน้อย” แพรบอก
“ไฮ้เหลวไหล เนียนเขาไปเกี่ยวอะไรกับแดงน้อย อยากรู้จริงๆ บอกมาบอกมา” ยายอ่อนคาใจ
“อยากซื้อที่นาหรือว่าอยากสอบสัมมะโนครัว เอาเป็นว่าที่นานั่นยังขายไม่ได้เพราะเนียนเขายังไม่ได้เซ็นโอนให้แดงน้อย เข้าใจไหม” โพล้งแดกดัน
“เรื่องที่นาเข้าใจแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเนียนถึงต้องยกให้แดงน้อย”
แดงน้อยเดินออกมาใส่ชุดนิสิตเห็นยายอ่อนคนแปลกหน้าแต่รู้ว่าผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถิดพ่อคุณ”
“ไหว้แกนั่นแหละยายอ่อน พระที่ไหนกัน เพ้อเจ้อ” โพล้งว่า
“นี่น่ะสิพ่อแดงน้อยที่เคยเจอตอนตัวกะเปี๊ยก เออแดงน้อยยายอยากรู้ว่าทำไม...”
แพรรีบยื่นมือมาตบแก้มยายอ่อน
“ทำไมยุงมันชอบมากัดแก้มเหี่ยวๆ พูดแล้วจะว่าอวด แดงน้อย เขาเรียนจุฬา สาขา ภูมิศาสตร์”
“แค่นจะอวด ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดือกแดงน้อยเขาเรียนรัดถะสาด” โพล้งว่า
ยายอ่อนอ้าปากจะพูดอีก แพรรีบขัดคอ
“แดงน้อยเขาเรียนเป็นข้าหลวง”
ยายอ่อนอ้าปากจะพูด แต่ไม่ทันอีก
“ไม่รู้แล้วอย่าคุย มันต้องเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ ปลัดจังหวัด รองข้าหลวง ถึงจะเป็นข้าหลวง” โพล้งว่า
ยายอ่อนขยับจะถามอีก
“แดงน้อยเขาต้องไปเรียน ภาษาปะกิดฟุตฟิตฟอไฟ กับอาจานผักกาด” แพรบอก
ยายอ่อนจ้องหน้าแดงน้อยจ้องเอาจ้องเอาชี้ด้วย
“เขาชื่ออาจานดักก๊าช ไม่ใช่ผักกาด” โพล้งเถียง
แดงน้อยขำหัวเราะเบาๆ “อาจารย์ดักกล๊าสครับ ลุงโพล้ง แม่แพร ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ คุณยายอ่อน”
แล้วแดงน้อยก็รีบออกไป ยายอ่อนมองตามหันมาถามสองคนต่อ
“แดงน้อยเขาเรียนเก่ง เขาอยากสอบชิงทุนปะเรียนโท” แพรบอกอีก
โพล้งแย้ง “เปรียญนั่นสอบพระ นี่เขาเรียกว่าปริญญาโท โง่แล้วอยากพูดอยากอวด”
ยายอ่อนสอดขึ้น “เนียนกับแดงน้อยดองกันทางไหนรึ หน้าตาเหมือนกันยังกะแม่ลูก”
สองคนมองหน้ากัน ส่ายหน้า พูดพร้อมเพรียง
“ไม่เกี่ยวข้องกันเลย”
“แต่ดันไปเกี่ยวเรื่องที่นา แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้ซื้อที่นาของเนียน”
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น รอไปก่อนเหอะ ถ้ารอไหว”
“ถ้ารอไม่ไหวก็ไปหาเนียนเขาเองเหอะ”
“จะไปได้ยังไงก็ฉันเคยบอกแล้วไงว่า คุณนายเรียมท่านให้เงินมาตั้ง 100 ชั่งเป็นค่าปิดปากค่าไม่ให้ไปในเมืองสุพรรณอีก”
“แน่จริงแกก็ลักลอบไปสิ” แพรยุ
“ลักลอบไปหาที่ตายน่ะสิ ไอ้แทนคนหนึ่ง ไอ้หมอเสน่ห์ก็สาบสูญจากมานานนี่ไม่รู้ว่ามีใครตายอีกไหม เอว่าแต่ว่าเนียนก็มีลูกสาวทำไมถึงยกให้ ทำไมต้องเอามายกให้แดงน้อย”
ยายอ่อนกุมขมับ

อยู่มาวันหนึ่งเรียมมานั่งมองหลุมฝังศพลูกสาวที่เวลานี้มีดอกไม้ปลูกทับไว้สวยงาม น้ำตาซึม เนียนนั่งด้านหลังน้ำตาคลอไปด้วย ทั้งสองปักธูปพนมมืออธิษฐาน เอกยืนอยู่ห่างออกไป คอยดูต้นทาง
“ใกล้ครบรอบวันเกิดของหนูอี๊ด หนูติ๋ว แต่มันกลับเป็นใกล้ครบรอบวันตายของลูกสาวฉัน สิบแปดปีแล้วสินะ เนียน”
“เจ้าค่ะ ป่านนี้คุณหนูไปเกิดใหม่ในสวรรค์แล้วเจ้าค่ะ”
“เนียน ฉันเสียใจมาก กับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเนียนซ้ำๆ”
“เกิดกับเนียน ยังดีกว่าเกิดกับหนูติ๋วและคุณหนูอี๊ดเจ้าค่ะ”
“ฉันจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับหนูติ๋วเด็ดขาด ฉันสัญญา ฉันขอสาบานต่อหน้าดวงวิญญาณของลูกสาวฉัน ว่าจะปกป้องดูแลหนูติ๋วเชิดชูหนูติ๋วเสมือนหนึ่งเป็นลูกของฉันเอง”
เนียนก้มลงกราบเท้าเรียม “ขอบพระคุณที่สุดเจ้าค่ะ เนียนกับลูกก็จะขอรับใช้คุณนายเรียมและทุกคนในครอบครัว ไปจนตราบชีวิตจะหาไม่เจ้าค่ะ”
เรียมประคองเนียนให้ลุกแล้วดึงเนียนมากอด ลูบหลังเนียนไปมาเบาๆ
“เนียนคือน้องสาวของฉัน น้องสาวผู้มีพระคุณ น้องสาวผู้ประคับประคองชีวิตของฉันไม่ให้ตกต่ำ อ้างว้าง อดทนเถิดนะเนียน ฉันว่าเวรกรรมมันกำลังจะวิ่งมาทันคนชั่ว”
“เนียน ปลงแล้วเจ้าค่ะ ไม่หวังว่าใครที่ทำอะไรเนียนจะต้องรับกรรม ขอเพียงลูกทั้งหมดของเนียนอยู่รอดปลอดภัย ก็เพียงพอแล้วสำหรับเนียน”

“แต่ฉันสังหรณ์ใจว่า ชีวิตของเนียนและหนูติ๋ว กำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามคำของท่านพระครู”
“เนียนพอใจกับที่เป็นอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“อีกไม่นานดอกพี่เทพจะตาสว่าง เนียนคงตกใจจนไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าแววตาห่วงใยของพี่เทพที่มีต่อเนียนวันก่อน ในใจเขายังคงมีเนียนเสมอ ฉันรู้”
เนียนก้มหน้าซ่อนทั้งน้ำตาและรอยยิ้มเปี่ยมสุข มีความหวัง
เสียงลมพัดกระพือ หวีดหวิด ดอกไม้สวยๆ ปลิวมาโดนสองคน เอกที่ยืนมองสองคน ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขตามไปด้วย

“คุณหนูบนสวรรค์โปรยดอกไม้แห่งความรักยืนยันคำพูดของคุณนายเรียม”
ห่างออกมาสนกับช้อยสะกดรอยตามมา และแอบมองแต่ห่างจนไม่ได้ยินคำพูดสองคนให้ฉงนใจสองคนเงี่ยหูฟังสุดๆ สนหยิกช้อย

“นางช้อย เอ็งช่วยบอกสิว่ามันมาทำอะไรกันที่นี่”
“ช้อยก็กำลังขอให้คุณสนคิดอยู่นี่แหละเจ้าค่ะว่ามันมาทำอะไรกันที่นี่”
“ไม่เห็นจะมีอะไร มีแต่แปลงดอกไม้ แล้วมันมาจุดธูปไหว้ดอกไม้ทำไม”
“หรือว่ามันจะมาขอหวย ก ข หรือหวยจั่บยี่ขิก เจ้าคะ”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 10/4 วันที่ 16 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager