คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 7 วันที่ 26 เม.ย. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 7 วันที่ 26 เม.ย. 56

ที่แท้คือขิงกับกระดังงานั่นเอง ทั้งสองแนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนของไผ่พญา ขณะสมส่วนกำลังสอบถามขิงกับกระดังงาอยู่นั้น เสกสรรที่มาทำคะแนนกับพรรษาก็ถูกเผ่าพงศ์เงื้อมีดวิ่งไล่ออกมา

สมหมายเห็นท่าไม่ดีร้องบอกเสกสรรว่ากลับไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า เสกสรรหันไปตะโกนบอกเผ่าพงศ์ว่า

“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้อ้วน” แล้วรีบเดินตามสม– หมายออกไป

ขิงเห็นเผ่าพงศ์ถือมีดวิ่งไล่เสกสรรให้ออกจากบ้านตน มีพรรษาตามมาร้องห้าม ก็เชื่อว่าต้องเป็นเจ้าของบ้านแน่รีบเข้าไปฝากเนื้อฝากตัว


“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” กระดังงาไหว้พรรษาอย่างอ่อนน้อม พรรษางงๆที่ถูกเรียกว่าคุณผู้หญิง ขิงรีบยิ้มประจบ

“ครับ...คุณผู้หญิง กับคุณผู้ชาย...คงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ใช่ไหมครับ”

“คุณเผ่าน่ะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ แต่ฉัน

เป็นแค่แม่บ้าน เอ่อ...ตอนนี้คุณไผ่ออกไปข้างนอกกับคุณภู...ยังไงคุณทั้งสองเข้าไปรอในบ้านก่อนแล้วกัน

นะคะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวพาคุณเผ่าแกไปทำความสะอาดร่างกายก่อน”

“เอ่อ...ครับ...” ขิงยิ้มแหยๆ ที่ทักผิด เมื่อพรรษาพาเผ่าพงศ์ออกไปแล้วจึงหันมาคุยกับกระดังงา “ฉันว่าไอ้ไผ่ต้องช่วยเราได้แน่ๆ” กระดังงาถามว่าแน่ใจหรือ ขิงเชื่อมั่นเต็มที่ถามว่า “ทำไมจะไม่แน่ แกดูซิ...บ้านใหญ่ออกขนาดนี้ คิดดูว่าจะมีเงินมากขนาดไหน”

พูดพลางขิงกับกระดังงามองสำรวจภายในบ้านและตัวบ้านด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

ooooooo
ภูวนัยอึ้งๆกับคำพูดของไผ่พญา จากนั้นเขาพาเธอไปที่ริมน้ำ ที่มีสายน้ำใสใบไม้เขียวชอุ่ม ชี้ให้ดูบริเวณนั้นที่เงียบสงบ จนไผ่พญาอุทานอย่างตื่นเต้นว่า สวยจัง

“คุณชอบที่นี่ใช่ไหม” ภูวนัยถาม ไผ่ทำเสียงอื้ม...ในลำคอ “เหมือนฝันเองก็ชอบที่นี่เหมือนกัน ผมกับเหมือนฝันเคยคิดที่จะสร้างบ้านอยู่ด้วยกันที่นี่” ภูวนัยเล่าเศร้าๆ

ไผ่ฟังแล้วนิ่งไป จู่ๆ ก็เดินไปหยิบไม้มาขีดเส้นแบ่งอาณาเขต บอกว่าจะกันไว้สร้างบ้านของตัวเองเหมือนกัน ภูวนัยทำเสียงจิ๊จ๊ะอ้างว่าตรงนี้เป็นที่ของตน ตนเห็นก่อน จองก่อน ไผ่เลยวิ่งไปขีดอีกมุมหนึ่ง คุยอวดว่าตรงนี้สวยกว่าที่ของเขาอีก

ท่าทางแก่นๆ เกเร ของไผ่ ทำให้ภูวนัยมองเพลิน เห็นถึงมุมน่ารักเหมือนเด็กของเธอ

ส่วนที่รีสอร์ต เสกสรรกับสมหมายเนื้อตัวมอมแมมกลับมา พรรณรายเห็นสภาพของพ่อแล้วทำหน้าเบ้ถามว่าไปตกถังขยะที่ไหนมา

“จะอะไรล่ะ ก็ทะเลาะกับไอ้อ้วนเผ่าพงศ์มาน่ะซิ หน็อย ทำหวงก้าง นี่ถ้าเพื่อนยัยครูนั่นไม่เข้ามาขัดจังหวะละก็...ฉันอาละวาดจนฟาร์มเละไปแล้ว” เสกสรรคุยโว

พรรณรายจึงรู้ว่าเพื่อนของไผ่มาที่ฟาร์มสองคน ถามพ่อว่ารู้ไหมว่าพวกนั้นมาทำอะไรกัน

“จะไปรู้ได้ยังไง...รู้แต่ว่า เพื่อนมันสองคนนั่นดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นครู ท่าทางเหมือนคนไม่มีการศึกษา”

ฟังเสกสรรแล้ว พรรณรายสะดุดคิดติดใจอะไรบางอย่าง

เวลาเดียวกัน ขิงกับกระดังงานั่งรอไผ่อยู่ในห้องรับแขกหรู มีน้ำดื่มและลูกอมวางอยู่ ทั้งสองดื่มน้ำราวกับอูฐ กินลูกอม มองรอบๆ ห้องคุยกันอย่างตื่นเต้น

กระดังงาปรารภว่าบ้านใหญ่อย่างนี้กว่าไผ่จะทำความสะอาดเสร็จคงกล้ามขึ้น ขิงติงว่าคิดว่าไผ่จะมาเป็นคนใช้หรือ ไม่มีทาง เพราะคนอย่างไผ่ไม่มีใครจะใช้ได้หรอก กระดังงาถามว่างั้นไผ่มาทำอะไร

“เมียน้อย!” ขิงฟันธง “แกจำตาลุงที่เราเจอหน้าบ้านได้ไหม ฉันว่าไอ้ไผ่มันต้องมาเป็นเมียน้อยเขาแน่ๆ”

พลันทั้งสองก็หยุดกึก เมื่อม่านเมฆเข้ามาทัก แนะนำตัวเองว่าชื่อม่านเมฆ กระดังงาทำกระชดกระช้อยแนะนำบ้าง ว่าตนชื่อกระดังงา ม่านเมฆจับมือไปจุมพิตอย่างสุภาพบุรุษ ถูกขิงตบหัวผัวะสั่งให้ปล่อยมือเมียตนเดี๋ยวนี้ด่า “ไอ้เด็กชีกอ”

“นี่...ตีเด็กได้ยังไง...” กระดังงาเอ็ดขิงแล้วถามม่านเมฆ “เจ็บไหมครับ”

ม่านเมฆไม่ตอบ แต่จ้องหน้าขิงเขม็ง ชี้หน้าขู่ว่า

“เรื่องนี้ถึงครูไผ่แน่”

กระดังงาสะดุดหูที่ม่านเมฆเรียกไผ่ว่าครู พอรู้ว่าไผ่มาเป็นครูที่นี่ ทั้งสองก็อึ้งแบบ... เป็นไปได้ไง (วะ)

ooooooo

ไผ่พญากับภูวนัย ยังเพลินกับการจับจองที่ของตัวเอง เสร็จแล้วภูวนัยเอนหลังกับพื้นหลับตาอย่างสบายตัว ไผ่นึกว่าหลับ เดินเข้าใกล้ ท้องเกิดร้องจ้อกๆขึ้นมา ไผ่เลยชวนกลับกันเถิดตนหิวแล้ว

ภูวนัยไม่ลุก มองหน้าไผ่ถามว่า “เวลาที่คุณเหนื่อยหรือท้อ คุณทำยังไง...ผมชอบมานั่งที่นี่...เวลาที่ผมเหนื่อย”

“นายทำไม่ถูกนะ ก็ตรงนี้เป็นบ้านของนาย เวลาที่นายอยู่บ้าน ก็ควรที่จะมีความสุข...ลองวิธีฉันดูไหม...นายถามฉันใช่ไหมว่าเวลาที่ฉันเหนื่อยหรือท้อฉันทำยังไง...” ไผ่เดินไปที่ริมน้ำแล้วป้องปากตะโกน “ไผ่พญาสู้ๆ! ไผ่พญาสู้ๆ!!”

ความเข้มแข็งปนทะเล้นของไผ่ ทำให้ภูวนัยยิ้มออกมาขำๆแกมเอ็นดู สำคัญกว่านั้นคือ แม้คำพูดของไผ่พญาจะไม่สละสลวยเหมือนภาษาวรรณคดี แต่เป็นคำพูดเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยพลังและจิตวิญญาณของคนสู้ชีวิตที่มีแง่มุมดีๆ

ออกจากพื้นที่ที่ขีดจองเขตกันแล้ว ภูวนัยพาไผ่ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านในตลาด ไผ่กินอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่ภูวนัยแค่ดื่มน้ำนั่งดูไผ่กิน พอถามก็บอกว่า “เห็นคุณกินแล้วผมกินไม่ลง”

ไผ่กินเอ๊ากินเอา พออิ่มก็ถามเขาว่า “นี่...แล้วนายจะเป็นไอ้ขี้แพ้อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน”

“คุณว่าใครขี้แพ้”

“ก็แล้วใครล่ะ...ที่จมอยู่กับอดีต แทนที่นายจะลุกขึ้นสู้กับความจริงที่มันเกิดขึ้น นายกลับปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเจ็บปวดในอดีต แล้วทนทุกข์กับมัน...

อย่างนี้แหละที่ฉันเรียกนายว่า ไอ้ขี้แพ้”

“ผมอาจจะเป็นไอ้ขี้แพ้อย่างที่คุณว่าก็ได้”

“นี่...ฉันไม่ได้ตั้งใจว่านายอย่างนั้นหรอกนะ แต่ทำไมนายต้องโทษตัวเองด้วยล่ะ ก็ในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของนาย...นายเคยได้ยินเพลงนี้ไหม”

ไผ่พญาถาม เห็นเขามองอย่างสนใจ เธอเลยหลับตาร้องเพลง LIFE AND LEARN เลียนเสียงต้นแบบเต็มที่

“...เพราะชีวิตคือชีวิต ต้องมีเข้ามาต้องมีเลิกไป...

มีสุขสมมีผิดหวัง...หัวเราะหรือหวั่นไหว....เกิดขึ้นได้ทุกวัน... อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน...เติมความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี...ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน...และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”

พอร้องจบเธอลืมตามองเขา เห็นเขามองตัวเองอยู่ก่อนแล้ว เลยต่างยิ้มให้กันเหมือนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อเพลง

ทันใดนั้น มีเสียงปืนดังขึ้น ตามด้วยเสียงตะโกน “ช่วยด้วย...โจรปล้นร้านทอง!”

ภูวนัยลุกขึ้นโดยสัญชาตญาณ ไผ่คว้ามือไว้ถามว่าจะไปไหน อย่าบอกนะว่าจะไปสู้กับโจร

“แล้วจะให้ผมอยู่เฉยๆรึไง”

“แล้วนายจะเอาอะไรไปสู้กับมัน...นายไม่มีปืนนะ”

“ถึงไม่มีปืน...แต่ผมก็ยังเป็นตำรวจ” ภูวนัยสบตาตอบจริงจังแล้ววิ่งออกไป ไผ่พญามองตามหลังเขา ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แล้วลุกวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 7 วันที่ 26 เม.ย. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ