อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 8/4 วันที่ 11 เม.ย. 56
นั่นทำให้แพรนึกได้ ไม่พูดต่อ“เหมือนใครรึ” เนื้อทองฉงน
โพล้งช่วยอีก “อ๋อ เหมือนแม่ของแม่ของแม่ของแม่แพรน่ะจ้ะ”
แพรปรายตามาค้อนขวับ
แดงน้อยเอ่ยขึ้น “รู้จักกันหมดแล้ว วันนี้แม่แพรกับลุงโพล้ง ทำอะไรให้พวกเรากินฉลองวันเกิดผมครับ”
“ทุกอย่างที่แดงน้อยชอบ ลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก” แพรบอก
โพล้งรีบบอก “แต่ที่ขาดไม่ได้ มีคนส่งของขวัญมาให้แดงน้อยเหมือนเดิม”
โพล้งส่งกล่องนาฬิกาผูกโบว์มาให้แดงน้อยรับพร้อมกับเอ่ยชื่อ
“ดีใจจริงๆ ผมอยากเจอลุงสินมาก ลุงสินรักแดงน้อยมากเลยพาลมารักผมมากตามไปด้วยทั้งที่พบกันครั้งเดียว”
“แต่คงรักแกน้อยกว่ารักกันดอกน่า อย่ามาโม้โมเม” แดงน้อยว่า
ทุกคนหัวเราะเฮฮากันสนุก ยกเว้นทานตะวัน
หนักแอบมองทั้งหมดอยู่ที่หลืบหลังร้าน น้ำตาซึม พึมพำ
“ใครว่าพ่อรักเทิดศักดิ์น้อยกว่าแดงน้อย ทูนหัวของพ่อ พ่อก่อกรรมทำเข็ญมากมาย มีลูกก็แสดงตนไม่ได้ ได้แต่แอบมองแอบรักแม้ตายจาก ไปแล้วก็ต้องปิดความลับเพราะหาไม่จะกลายเป็นทำร้ายทำลายลูกให้ย่อยยับเพราะมีพ่อแสนเลวทรามต่ำช้า”
หนักน้ำตาไหลหยดย้อยลงสองแก้มและนองหน้าไปหมดแล้ว หนักกลั้นสะอื้นยื่นมือออกไปเหมือนอยากจับต้องลูกชายที่นั่งหันหลังกินอาหารอยู่แค่เอื้อม
ขณะที่พวกแดงน้อยซึ่งเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว กำลังเดินมานั่งกินอาหาร่วมกับสามคน ทานตะวันมองกล่องนาฬิกาอยากรู้ว่านาฬิกายี่ห้อดีไหม
“น้องอยากเห็นนาฬิกาของลุงสินจังเลยค่ะ พี่แดงน้อย”
“ไม่เอาน่าน้องอี๊ด เสียมารยาท” เทิดศักดิ์ปราม
“ไม่เสียมารยาทดอก น้องอี๊ดเป็นน้องสาวแกก็เหมือนเป็นน้องสาวกัน”
“เป็นแค่น้องสาวเท่านั้นหรือคะ” ทานตะวันกระเง้ากระงอด
แดงน้อยทำเป็นไขสือส่งให้ “แกะดูสิครับ น้องอี๊ด”
แดงน้อยยื่นให้ ทานตะวันแกะออกมา แล้วตื่นเต้น
“ยี่ห้อ ราโด้ โอโห น้องอยากได้ แต่คุณแม่เรียมยังไม่ยอมซื้อให้”
พอดีกับที่แดงน้อยผายมือให้เนื้อทองนั่งข้างๆ
“นั่งสิครับ น้องติ๋ว”
ทานตะวันเห็นรีบมาแทรกตัวนั่งเอง แล้วออกคำสั่งแขวะ
“ยัยติ๋ว เธอมานั่งข้างชั้นกับพี่เทิดศักดิ์ จะได้สมใจอยากของเธอไงล่ะ”
“เอ้อ.. ค่ะ”
เทิดศักดิ์โมโห “น้องติ๋วเขานั่งตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น น้องอี๊ดไม่ต้องไปกะเกณฑ์เขาดอก”
ทุกคนลงนั่ง
หนักเอาแต่มองลูกชายอย่างชื่นชม มีแต่ความสุขใจ ยิ้มทั้งน้ำตา
“แค่ได้เห็นแค่ได้มองแม้สองมือไม่อาจแตะต้องสัมผัส พ่อเลวๆ คนนี้ก็มีสุขจนมิอาจเอ่ยเอื้อนออกมาเป็นคำพูดได้ ลูกเทิดงดงามทั้งกายวาจาใจเหลือเกิน”
หนักยิ้มปลื้ม
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ หนุ่มสาวทั้งสี่ทานอาหารพร่องไปมากแล้ว
“อาหารอร่อยไหมครับ น้องติ๋ว” แดงน้อยเผลอไปถามเนื้อทองก่อนถามทานตะวัน
“เอ้อ อร่อยมากค่ะ”
ทานตะวันสอดขึ้นทันที “ยัยติ๋ว เขาลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อยทั้งนั้น อยู่ที่บ้านของเหลือๆ อะไรจากบนตึกส่งไปพวกคนใช้มันบอกว่า สองคนแม่ลูกนี่กินหมดเรียบวุธ”
แดงน้อยอึ้งไป
“น้องอี๊ดพูดเกินไป” เทิดศักดิ์ส่งสายตาปราม “ขอบคุณมากครับ ลุงโพล้ง แม่แพร อาหารนี่รสมือเดียวกับน้าเนียนเปี๊ยบเลยครับ”
โพล้งกับแพรเดินมาดูพอดี สองคนมองหน้ากันอีกรอบ
“ถ้าอย่างนั้น วันหลังถ้ากันมีโอกาส ไปบ้านแกขอไปพิสูจน์ฝีมือน้าเนียนของแกบ้างสิ ได้ไหมครับ น้องติ๋ว”
“เอ้อ ค่ะ”
ทานตะวันสอดอีก “ยัยติ๋ว เสียมารยาท ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ได้รึ เชิญค่ะไปอาทิตย์นี้เลยก็ได้ค่ะ จะได้ใช้ยัยติ๋วกับแม่เขาทำอาหารให้มือหักทีเดียว”
เทิดศักดิ์ที่นั่งใกล้กับที่หนักแอบมอง รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จึงหันไปมอง ซึ่งเวลานั้นหนักสะอื้นเบาๆ จริงๆ ด้วย
“เอ๊ะ” เทิดศักดิ์หันไปมองเห็นเพียงหลืบกั้นอยู่
“มีอะไรรึ เทิดศักดิ์” แดงน้องแปลกใจ
“กันคงหูเฝื่อนไปเองน่ะ” เทิดศักดิ์ว่า
“แกเป็นอะไร เดี๋ยวตาฝาดเดี๋ยวหูเฝื่อน”
“นั่นสิ อาจเพราะกันหมายหมั้นปั้นมือว่าจะได้เจอลุงสินของแกกระมัง กันอยากกราบท่านจริงๆ นะ”
เทิดศักดิ์ทำหน้าผิดหวังจริงๆ
หนักรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตากลั้นสะอื้น
“พ่อรับกราบของลูกแล้ว พ่อจะฝังกราบนี้ไว้ในหัวใจ ในจิตวิญญาณของพ่อไปทุกชาติภพ นับแต่ต่อไปนี้พ่อจะขอหยุดก่อกรรมทำเข็ญ ขอบำเพ็ญแต่สิ่งดีงามเพื่อลูก หากชาติหน้าหรือชาติไหนหมดเวรกรรม ขอให้พ่อได้แสดงตัวกับลูกว่าเราคือพ่อลูกกันด้วยเถิด”
หนักยกมือพนมตั้งปณิธาน แล้วหันอย่างตัดใจ แต่มือดันไปกระแทกเอาของแก้วน้ำหล่นเพล้ง
ทุกคนที่หน้าร้าน ได้ยินเสียงของหล่นแตกเพล้ง
“มีคนอยู่หลังร้าน” เทิดศักดิ์ว่า
“ลุงสิน” แดงน้อยลุกพรวด
เทิดพลอยลุกพรวดไปด้วย แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะมันคือส่วนที่เป็นส่วนตัว
“ทำไมลุงสินคนนี้ช่างดูแปลกๆ ลับๆ ล่อๆ จัง” ทานตะวันปากเปราะเช่นเคย
โพล้งกับแพรมองหน้ากันอีก เนื้อทองรีบลุกหยิบจานชามที่กินไว้จะเอาไปล้าง
“หนูเก็บจานไปล้างนะคะ แม่แพร ลุงโพล้ง”
“ไม่ต้องไม่ต้องแม่แพรให้เด็กในร้านล้างได้จ้ะ” แพรรีบบอก
“ยิ่งกว่าล้างจาน ยัยติ๋วก็ทำมาแล้วค่ะ ยัยติ๋วมันล้างเล้าหมูมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยง” ทานตะวันถากถากเนื้อทองทุกท่า
โพล้งกับแพรชักไม่ชอบหน้าทานตะวัน
“น้องอี๊ดชอบพูดล้อเล่นกับน้องติ๋วน่ะครับ เขาหยอกกันแรงไปนิดเสมอ อย่าถือสานะครับ น้องติ๋วพี่จะไปช่วยล้างจานครับ” เทิดศักดิ์บอก
เทิดศักดิ์รีบตามเนื้อทองไปทันที โพล้งกับแพรมองหน้ากัน
“ขอตัวไปดูหลังร้านก่อนนะหนู” โพล้งบอก
“ฉันก็ขอไปอีกคน จ้ะ” แพรว่า
สองคนออกไปบ้าง ทิ้งให้ทานตะวันนั่งอยู่คนเดียว เด็กสาวหยิบนาฬิกาของแดงน้อยมามอง
“ลุงสินของพี่แดงน้อยคงรวยมาก แต่พวกนี้สงสัยจะเป็นเศรษฐีบ้านนอกพูดจาเปิ่นๆ เชยๆ ช่างปะไร เราชอบพี่แดงน้อยไม่ได้ชอบพวกนั้น”
ทานตะวันที่ถูกสนเสี้ยมจะเสียคน นึกหัวเราะเยาะพวกญาติแดงน้อย โดยไม่รู้ว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของตน
ส่วนแดงน้อยพอมาถึงก็พบเพียงแก้วตกแตกไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น
“เอ๊ะ ยังไงกัน”
แดงน้อยมองกวาดตามองไป จึงเห็นหนักด้านหลังกำลังลัดเลาะออกไปทางหลังร้าน
“ลุงสิน”
แดงน้อยวิ่งไปทันที
“ลุงสินจริงๆ ด้วย”
แดงน้อยวิ่งตามมาจนทันฉุดมือหนักหรือสินไว้ หนักหันมาหาแดงน้อย
“ลุงมาอวยพรวันเกิดหลาน สุขสันต์วันเกิด ลุงรักหลานที่สุด”
“ขอบคุณมากครับ ผมดีใจที่ลุงมา และผมก็รู้ว่าลุงต้องบอกว่ารักผมที่สุด จริงดังที่เทิดศักดิ์เขาเย้าผม ว่าลุงรักเขาเหมือนกันแต่ผมแย้งว่าน่าจะน้อยกว่าผมนิดหนึ่งหมอนี่มันถือสาจะเหมาว่าลุงรักมัน พูดเองเออเองแท้ๆ”
“ลุงรักเด็กดีๆ ที่จะไปเป็นอนาคตของชาติทุกคน ฝากบอกเขาด้วยว่า ลุงรักเขามากแม้จะได้พบปะพูดจากับเขาเพียงครั้งเดียวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว”
“ผมจะไปบอกเขา เอ้อ ลุงออกไปกินอาหารกับพวกเรานะครับ”
“เอ้อ ลุง มีเรื่องจำเป็นที่ต้องรีบไป”
“เทิดศักดิ์คงเสียใจแย่ เขาพาน้องสาวมาด้วย คนหนึ่ง เป็นน้องคนละแม่ ชื่อทานตะวัน อีกคนหนึ่งชื่อเนื้อทอง เป็นลูกสาวของคนที่เขาเคารพนับถือชื่อว่าน้าเนียน
หนักยืนอึ้งใจเต้นตูมตาม หนักโอบกอดแดงน้อยไว้ เพื่อซ่อนน้ำตา ไม่ให้แดงน้อยเห็น
“เนื้อทองลูกของน้าเนียน เนื้อทองคนไหนรึ แดงน้อย”
แดงน้อยเล่าและอธิบายถึงลักษณะของเนื้อทองให้หนักฟัง
“คนเรียบร้อยมากๆ ที่นั่งข้างเทิดศักดิ์ครับ ๆๆๆๆ” เสียงพูดนั้นของแดงน้อยดังซ้ำไปซ้ำมา
หนักยังโอบกอดแดงไว้พึมพำ
“ลูกของเนียน กิริยาท่าที่น่ารักไม่มีผิดเนียน ช่างน่ารักแท้ๆ”
หนักน้ำตาซึมอีก
“เนื้อทองดูแต่งตัวปอนมาก เขาได้เรียนหนังสือหรือเปล่า”
“เรียนสิครับ เรียนเก่งมากเรียนที่เดียวกับทานตะวัน เนื้อทองสอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง เธอกำลังจะจบมอแปดแล้วไปต่อวิชาครูที่จุฬาครับ”
หนักพึมพำ “ชื่นใจ พี่ดีใจกับแม่เนียนของเขาด้วย”
แดงน้อยแปลกใจมาก ผละออกมามองหน้าลุงสินของตนอย่างแปลกใจ
“ลุงสินสนใจเนื้อทองมากนะครับ”
“ลุงสนใจเด็กดีๆ ลุงปลื้มใจแทนพ่อแม่ลุงป้าน้าอาของเขาน่ะ”
“ลุงน่าจะเข้าไปพบพวกเขา พวกเขาคงปลื้มใจที่ได้พบและรู้จักลุง”
แดงน้อยคะยั้นคะยอ หนักยืนนิ่งเหมือนคิดหนัก
ครู่ต่อมาทานตะวันเห็นแดงน้อยเดินกลับมาหน้าตาผิดหวัง
“โจรที่น้องเห็น มาแอบดูลาดเลาหลังร้านพี่แดงน้อยหรือเปล่าคะ”
“เปล่าดอก เอ้อ เทิดศักดิ์กับ น้องติ๋วไปไหนหรือครับ”
“ไปจู๋จี๋กันค่ะ”
“อะไรนะครับ”
ทานตะวันใส่ไฟใหญ่ “ยัยติ๋วมันอยากอยู่ตามลำพังกับพี่เทิดศักดิ์ มันก็เลยชวนเขาไปล้างจานบังหน้าค่ะ มันหาโอกาสจะตายไป น้องเห็นใจมันมาก แต่ แม่สนแม่พี่เทิดศักดิ์รังเกียจสองแม่ลูกนี่มาก แม่สนบอกว่าสองคนเป็นตัวเสนียดของบ้าน”
แดงน้อยไม่อยากฟังต่อแล้ว
“พี่จะไปตามสองคนนั่น”
แดงน้อยรีบเดินห่างออกมา ทานตะวันรีบตาม
“น้องไปด้วยค่ะ”
เนื้อทองกับเทิดศักดิ์ช่วยกันเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ว
“คุณเทิดศักดิ์ไม่น่ามาช่วยหนูติ๋วเลยค่ะ หนูติ๋วทำคนเดียวได้ ค่ะ”
“พี่อยากช่วยหนูติ๋วนี่นา กินด้วยกันก็ต้องช่วยกันเก็บกันล้างอีกอย่าง พี่มีความสุขมากที่ได้ล้างจานกับหนูติ๋ว”
เทิดศักดิ์พูดตาหวานซึ้งจนเนื้อทองไปไม่เป็น เขินอายมาก จนหน้าแดง
โพล้งกับแพรทำอาหารไปมองสองคนไป แอบซุบซิบนินทาไป
“โลกมันกลมจริงๆ ด้วย กลมจน เราได้เจอหนูเนื้อทอง ลูกของเนียน”
“แต่ถ้าหนูเนื้อทองคือลูกของเนียนหนูทานตะวันก็ต้องเป็นลูกของเนียนด้วย แกจำที่ยายอ่อนมาเล่าได้ไหม”
“จำใส่ในกะโหลกไว้แน่นเปรี๊ยะ ว่าเนียนจำใจบริจาคลูกแฝดคนพี่ให้คุณนายเรียม”
“ถ้าอย่างนั้น เทิดศักดิ์ กับเนื้อทอง ทานตะวัน และแดงน้อย มิดองกันจนนับญาติไม่ถูกสิ”
“หนูเนื้อทองเหมือนเนียนไปซะทุกอย่าง รูปร่างหน้าตากิริยาท่าทางแต่แหม แม่หนูทานตะวันนั่น เห็นแล้วดูแล้ว เข็ดเขี้ยวจริงๆ เหลือรับประทานแท้ๆ พูดจาไม่น่ารักเอาซะเลย” โพล้งอารมณ์ขุ่น
“ก็แหม เธอเป็นลูกท่านขุนภักดีภูบาลนี่น่า ไม่ว่าจะทำอะไรน่าตบมันก็ต้องน่ารักเพราะมีบารมีพ่อคุ้มหัว เด็กอะไร้พูดจาดูแคลนกดขี่คนอื่นตลอดเวลา”
“จุ๊ๆ มาโน่นแล้ว หุบปากให้เหมือนหอยเข้าไว้ นางแพร เด็กเขาได้ยินจะมาถอนหงอกแกหมดหัว ไม่รู้ด้วย” โพล้งบอก
“หงอกแกด้วยนั่นแหละ เชอะ พวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินข้าไม่กลัวดอก”
แพรทำหน้าสู้ไม่กลัวเกรง
ทานตะวันมองมาที่สองคนที่ช่วยกันล้างจาน ได้โอกาสเล่นงานเนื้อทองต่อ
“ดูสิคะ ยัยติ๋วหน้าระรื่นชื่นบานเป็นจานใส่ข้าวหมู คงฝันหวานจะได้เป็นคู่รักของ พี่เทิดศักดิ์”
“พี่ว่าน้องติ๋วยังเด็กมาก คงไม่คิดเรื่องคู่รักดอกครับ”
“แหม พี่แดงน้อยไม่รู้อะไร ที่แม่สนบอกว่าสองแม่ลูกนี่เสนียดประจำบ้าน ก็เพราะว่า...”
แดงน้อยตัดบทกลัวทานตะวันจะพูดน่าเกลียดมากขึ้น
“เทิดศักดิ์ น้องติ๋ว มาแอบล้างจานทำไมกัน เขามีพนักงานล้างอยู่แล้ว”
เทิดศักดิ์ถามทันที “คุณลุงสินเล่า แดงน้อย”
แดงน้อยวางหน้าไม่ถูก คิดถึงเรื่องที่คุยกับหนักเมื่อครู่นี้ โดยหนักส่ายหน้าบอกแดงน้อย
“ลุงขอโทษ อยากให้เข้าใจลุงด้วย ลุงมีเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ต้องทำ”
“ทำอะไรหรือครับ ลุงสิน”
“ลุงจะบวช”
“บวช”
“บวชให้เร็วที่สุด แม้ไม่อาจล้างกรรมที่ทำไว้แต่ก็ยังดีกว่าที่ลุงไม่คิดทำอะไรเลย”
“ลุงสินมีแต่ทำกรรมดีกับผม ลุงโพล้ง แม่แพร ตลอดเวลา ถ้าไม่มีลุงชีวิตผมจะไม่เป็นเช่นดังวันนี้ แม่แพรกับลุงโพล้งย้ำผมเสมอ”
หนักพร่ำสอน “คนเรามีทั้งด้านมืดด้านสว่าง มีทั้งด้านดีและด้านร้าย หลานยังอ่อนเยาว์ไม่รู้ดอกว่า ชีวิตคนบางคนบางเหล่ามันลำเข็ญมันจำใจต้องทำสิ่งเลวร้าย แม้ว่าหัวใจจะรันทดในสิ่งที่ทำก็ต้องทำเพื่อให้คนที่เรารักอยู่รอดอย่าถามนะว่าลุงทำสิ่งเลวร้ายอะไรบ้าง สักวันหลานคงได้รู้”
“ครับ”
“อโหสิกรรมให้ลุงด้วย”
“ลุงมีพระคุณล้นฟ้ากว่าใครในโลกนี้ ลุงมาขออโหสิกรรมผมทำไมครับ”
“ลุง เอ้อ...หมายความว่าช่วยอโหสิกรรมให้ลุงแทนพ่อแม่ของหลาน เพราะลุงไม่มีโอกาสบอกพวกเขา อโหสิให้ลุงสิแดงน้อย”
“ครับลุง ผมอโหสิกรรมให้ลุงแทนพ่อแม่ของผม”
“ขอบใจมาก ลุงจะอุทิศผลบุญครั้งนี้ส่วนหนึ่งให้กับเทิดศักดิ์ด้วย”
“ครับ” แดงน้อยฟังแล้วแปลกใจไม่น้อย
“ลาก่อน หลานรัก”
หนักกอดแดงน้อยอีกครั้งแล้วจากไป
แดงน้อยคิดแล้วจึงบอกเทิดศักดิ์ออกไป
“ลุงสินไม่ได้มาดอก”
เนื้อทองสอดขึ้น “แล้วใครทำอะไรแตกคะ”
“แมวน่ะครับ เราไปดูหนังกันเถิดครับ”
“กันขอเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แกเอง”
ทานตะวันรีบมากระซิบสั่งเนื้อทอง
“ยัยติ๋ว อย่าสะเออะมานั่งติดพี่แดงน้อยทีเดียวนะ ฉันเอาเรื่องเธอแน่”
“ค่ะ”
ทั้งหมดพากันล่ำลาแพรและโพล้ง แล้วพากันไปดูหนัง
ไม่นานต่อมา สี่หนุ่มสาวอยู่ในโรงหนังแล้ว หนังกำลังฉาย สี่คนนั่งดูหนัง ทานตะวันพยายามสบตาแดงน้อยตลอดเวลา แต่ต้องหงุดหงิด เมื่อเห็นแดงน้อยมักแอบชำเลืองมองเนื้อทองที่นั่งข้างเทิดศักดิ์
แดงน้อยมองเนื้อทอง ขณะที่เนื้อทองนั่งจ้องภาพบนจอเงียบๆ ไม่วอกแวก ยิ้มน้อยๆ ท่าทางชอบหนังที่ดู
เทิดศักดิ์ก็แอบชำเลืองมองหน้าเนื้อทองเช่นกัน
สรุปมีคนดูหนังรู้เรื่องคนเดียวคือเนื้อทอง!
ครูนฤมลอยู่ที่บ้านพัก ถือชุดขาดวิ่นของเนื้อทองเพราะโดนทานตะวันตัดตัดไว้ในมือ สองสาวกลับจากดูหนัง เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทานตะวันยังไม่วายวางอำนาจกับเนื้อทองต่อ
“จำไว้นะยัยติ๋ว ห้ามไปชายหูชายตาให้พี่แดงน้อย ถ้าเธอทำฉันจะบอกให้คุณพ่อโบยเธอเหมือนโบยแม่เธอตอนคบชู้”
“โธ่ คุณหนูอี๊ดขา ทำไมชอบว่าแม่เนียนเสมอๆ คะ”
“ก็มันจริงนี่นา หรือว่าเธอจะมีหน้ามาเถียง ว่าแม่เธอไม่ใช่นางแพศยา แม่เธอแอบทำเสน่ห์ให้คุณพ่อหลง พอท้องเธอก็จะมายัดเยียดเธอให้เป็นลูกคุณพ่อ ดีนะที่คุณพ่อจับได้
“พอทีค่ะ อย่าพูดถึงแม่ฉันอย่างนี้อีก”
“ฉันจะพูด ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน รู้นะว่าเธอแอบชอบพี่แดงน้อยไม่มีวันยอมเธอดอกจะบอกให้”
“ฉัน ไม่กล้าคิดเรื่องนี้ดอกค่ะ เพราะยังเด็ก ต้องเรียนอีกนานค่ะ”
“เชอะ แม่สนบอกย่ะ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ แม่แกมันแย่”
เนื้อทองสุดจะทนฟัง เอามือปิดหู
นฤมลถือชุดที่ขาดวิ่นของเนื้อทองอยู่ในมือทั้งสามชุด ยืนฟังอยู่หน้าห้อง
“ดัดอะไรก็ดัดง่าย แต่ดัดสันดานช่างยากเย็นเหลือเกินทำไมหนอลูกของเรียมจึงเป็นเช่นนี้ได้ น่าสงสารเรียมแท้ๆ”
ส่วนในห้องทานตะวันกำลังคุกคามเนื้อทองต่อ พยายามดึงมือออกมาจากหู
“แกอย่าปิดหู แกต้องยอมรับความจริงที่แม่ของแกทำชั่วกับแม่สนและคุณพ่อของฉัน ฟังนะว่าแม่แกมันแย่ๆๆๆ”
นฤมลก้าวเข้ามาในห้อง
“คนที่แย่มากกว่าคือคนที่ว่าคนอื่นว่าแย่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองแย่ที่สุดกว่าใครๆ”
สองคนตกใจ “คุณป้านฤมล”
ทานตะวันรีบปล่อยมือออกมาจากมือเนื้อทอง
“หนูพูดเรื่องจริงนะคะ คุณป้า หนูไม่ได้โกหก” ทานตะวันเถียง
“เรื่องจริง ที่เห็นบางทีอาจไม่ได้เป็นเช่นที่เห็น คนเราอย่าเอาแต่พูดถึงคนอื่นว่าไม่ดีงาม แม้ในศึกสงคราม เขายังต้องเมตตาต่อศัตรูผู้บอบช้ำ เขาเรียกว่าจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกันจ้ะ”
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 8/4 วันที่ 11 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager