My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 8 วันที่ 24 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 8 วันที่ 24 ก.ค.61

“โอมายก้อดๆๆ ในที่สุด พระเจ้าก็มีจริง ลูกช้างเชื่อแล้ว”

ชัยลากเปิ้ลไปเป็นโล่ให้ตนเปิ้ลพยายามดิ้น แป๊ะตามมาตะโกนว่าอย่าทำร้ายผู้หญิง อิสร์เข้ามาหลังพุ่มไม้เล็งปืนใส่ชัยพูดขู่ด้วยภาษาดี๊ดี...

“วางอาวุธซะนะครับ จะได้ไม่มีใครได้รับอันตรายนะครับ”

แล้วพรรคพวกของอิสร์ก็โผล่มาจากต้นไม้เข้าล้อมชัยไว้ ชัยมองรอบตัวตะโกนคลั่ง



“กูไม่ยอมให้จับหรอกเว้ย” ชัยกราดปืนใส่พวกป่าไม้จนต้องหลบกันพัลวัน ชัยลากเปิ้ลไป แป๊ะทนไม่ได้พุ่งเข้าลากเปิ้ลออกมา ชัยจะยิงอีก อิสร์ก็เข้ามากระซิบว่าอย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวนกเงือกหนีหมด

“หัวหน้าอิสร์ดีเกินไปแล้วครับ พูดภาษาคนดี คนเลวไม่รู้เรื่องครับผม” เจิมติง

แป๊ะพยายามปกป้องเปิ้ล แสน สวัสดิ์ เฮียนางกับส้มพากันหลบกระสุนของชัย ชัยฉวยโอกาสนั้นหนีเข้าป่าไป

อิสร์ถามแสนว่ามากับโขงใช่ไหม แล้วตอนนี้โขงอยู่ที่ไหน

“พี่โขงตามนายพีระไป ผมไม่รู้ครับว่าอยู่ไหนแล้ว” แสนสีหน้าเป็นห่วงโขง อิสร์ตบไหล่ปลอบว่า

“ไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไม่ตาย ก็คงได้เจอกันครับ”

ooooooo

พีระชกโขงจนเซไปติดต้นไม้แล้วตามไปซ้ำอีกปากก็ปรามาสอย่างสะใจว่า นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน ส่วนเหมียวถูกพร้อมจับยึดไว้แต่ก็ยังตะโกนให้โขงสู้ๆ

“มึงต่อยกูที ไอ้พร้อมก็ตบอีนี่ที เอาสิ มาแลกกันคนละดอก...มา...” พีระท้า เหมียวยังตะโกนให้โขงสู้บอกว่าตนเอาตัวรอดได้ พีระกระชากคอเสื้อโขงขึ้นมาอาฆาตว่า “มึงทำกู หัวใจกูไว้เยอะไอ้กระจอก ไอ้เศษสวะ ถุย! กูยังไม่สะใจเลย”

โขงบอกว่าเอาเลยเต็มที่แต่ให้ปล่อยเหมียวไป เหมียวตะโกนว่าถ้าเขาตายตนก็ไม่โอเคเหมือนกัน ขอให้สู้อย่ายอม โขงยังขอให้พีระปล่อยเหมียว

“ได้...หลังจากที่มันเห็นมึงตายต่อหน้ามันนะ” พูดจบก็ควักปืนออกมา แต่ถูกอิสร์พุ่งเข้ามาดันพีระไปติดต้นไม้กระสุนจึงพุ่งเฉี่ยวโขงลงพื้น ปืนในมือหล่น พร้อมเหวี่ยงเหมียวกระเด็นแล้วไปช่วยพีระ เหมียวรีบมาดูโขงเห็นโขงน่วมมากแต่โขงยังขอร้องเหมียวให้หนีไป

ตลอดเวลาที่โขงต่อสู้กับพีระและพร้อม ภาพที่พ่อทำกับแม่ก็ตามหลอนเขาตลอดเวลา โขงมองเหมียวที่อยู่ในอ้อมแขนเห็นเลือดก็ยิ่งโกรธจนไม่มีสติ พุ่งเข้าใส่พีระอย่างลืมตายประเคนหมัดใส่ ปากก็ตะโกน

“มึงยิงเหมียวทำไมๆๆๆๆ”

“กูก็ทำเหมือนพ่อมึงไง...ใครทำกูเจ็บมันต้องเจ็บกว่า...ชีวิตกูพังมึงก็ต้องไม่เหลืออะไรเหมือนกัน” โขงคว้าปืนที่ตกอยู่มากำมั่น พีระยังตะโกน “กูทำเหมือนที่พ่อมึงทำ ถ้ามึงสงสัยก็ตามไปถามพ่อมึงต่อในนรกเหอะ”

ทันใดนั้น โขงใช้มือที่กำปืนชกหน้าพีระด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนพีระล้ม โขงพลิกตัวขึ้นยืนเล็งปืนมาที่พีระเหมือนไม่มีสติอีก ตะโกนลั่น

“ไอ้ชั่ว มึงตาย!!!”

อิสร์ตะโกนว่าอย่า...เหมียวก็ตะโกน ไม่นะ... ส่วนพีระยิ้มเยาะมองโขงพูดอย่างสมเพช

“มึงก็ไม่ต่างอะไรจากกูหรอกไอ้โขง”

เหมือนกระตุ้นความคลั่งของโขงขึ้นมาอีก โขงยกปืนจะยิงพีระแต่แล้วก็เอาชนะตัวเองได้บอกตัวเองว่า

“ไม่...กูจะไม่ทำแบบมึง!!!”

อิสร์รีบเข้าไปยึดปืนจากโขง มองอย่างเป็นห่วง ตบไหล่โขงเบาๆ โขงมองพีระที่โดนจับพูดเบาๆ

“ผมจะไม่ทำแบบพ่อ...จะไม่ทำสิ่งที่ผมเกลียดมันอีกแล้ว”

เมื่อมาปฐมพยาบาลกันที่ร่มไม้ในป่า บุ้งบอกโขงที่อุ้มเหมียวไว้ว่า รถพยาบาลรออยู่ที่ถนนใหญ่แล้ว

เหมียวมองโขง พูดก่อนหมดสติไปว่า

“ดีแล้ว...ที่คุณไม่ยิง”

ooooooo

ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาแล้ว ขณะแป๊ะอยู่ที่โรงพยาบาล เจียรไนยมาเยี่ยม แป๊ะเพิ่งฟื้น เจียรไนยดีใจแต่ไม่วายถามประชดว่า

“ไงล่ะ ได้ทำเคสค้ามนุษย์ที่อยากมานาน เจอกระสุนฝังในเป็นของขวัญ ดีนะที่พวกป่าไม้เขาช่วยปฐมพยาบาลให้ไม่งั้นเลือดไหลหมดตัวแน่ ปกติก็ไม่เห็นจะกล้า คิดไงถึงเอาตัวเข้าแลกฮะ”

เจียรไนยบ่นแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นเปิ้ล ส้มกับเฮียนางมายืนข้างๆ สงสัยว่ามากันได้ไง มองไปเห็นสุรารักษ์อีกคน สวัสดิ์แซวว่าบ่นจนไอ้แป๊ะมันเกือบหลับไปอีกรอบ ส้มขอบคุณที่ตามไปช่วยพวกเรา ยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนรอบตัว ทั้งเฮียนางกับเปิ้ลก็ขอบคุณแป๊ะที่ช่วยตนไว้

“ไม่เป็นไรแล้วเปิ้ล คุณปลอดภัยแล้ว” แป๊ะยิ้มปลอบใจ สุรารักษ์แปลความหมายให้เจียรไนยฟังว่า

“นี่ไง คำตอบที่เธออยากรู้ ไม่ใช่เพราะว่าแป๊ะไม่กลัวตาย หรือว่าอยากเท่อยากเป็นพระเอก แต่ที่เขาทำ...เธอคงเห็นแล้วนะเจียรไนย”

แป๊ะจับมือเปิ้ลให้กำลังใจทั้งที่ตัวเองอ่อนแรงมากว่า อย่าร้อง...มาร้องข้างเตียงแบบนี้เป็นลางไม่ดี เปิ้ลขอโทษบอกว่าไม่ร้องแล้ว แป๊ะยิ้ม นึกได้ถามว่า

“เออ...แล้วนี่...พี่โขงกับเหมียวล่ะ”

ที่นั่นมีเรื่องดีๆ เพราะหลังจากผ่านเหตุร้ายแล้ว ทับทิมหิ้วปิ่นโตอาหารมาเยี่ยมเหมียวที่โรงพยาบาลพร้อมกับนารี เหมียวดีใจมาก แต่ทับทิมทำเหมือนไม่เต็มใจมา โขงชมนารีว่าเก่งมากที่กล่อมให้ทับทิมมาได้

“ทับทิมเขาก็อยากมาอยู่แล้วล่ะ ลึกๆ อาจจะลึกมากสักหน่อยแต่ทับทิมเขาก็ห่วงลูกเขานะ”

แต่ทับทิมก็ยังพูดอย่างไว้ท่าว่าไม่ได้อยากมาแต่พวกที่ตลาดบังคับให้มาถามว่าเหมียวห้อยของขลังรุ่นไหน ตนรำคาญเลยต้องมา เหมียวยิ้มอย่างรู้ทันแม่ว่าแก้เกี้ยว ทับทิมเลยเปลี่ยนเรื่องถามว่ากินข้าวรึยัง เหมียวพูดเอาใจแม่ว่ากินข้าวแล้วแต่ยังไม่อิ่มท้อง ถามว่าแม่เอาอะไรมาเหรอ

“ข้าทำมาเผื่อ เผื่อข้าหิวระหว่างทางแต่มันก็ดันไม่หิว” เหมียวอ้อนขอกิน ทับทิมบอกว่าเอาไปสิยังไงเหลือก็ต้องทิ้งอยู่แล้ว เหมียวพยายามถอดเถาปิ่นโตแต่ยังเจ็บแขนทำไม่ถนัด ทับทิมจึงถอดให้อย่างรำคาญ พอถอดออกมา ชั้นหนึ่งเป็นข้าวแข็งๆกรังๆ อีกชั้นเป็นไข่เจียวเหี่ยวๆ มีผักชีง่อยๆโรยหน้า

“นั่งรถมานาน มันก็เลย...” ทับทิมออกตัว

“น่ากินจังเลยจ้ะแม่จ๋า...”

เมื่อเหมียวกินไม่ถนัดทับทิมก็ป้อนให้แต่ยังขัดๆเขินๆ

“ฉันไม่ได้กินกับข้าวฝีมือแม่มาตั้งนาน คิดถึงตอนเด็กๆเลย”

เหมียวตื้นตันจนกินไปน้ำตาไหลไป ทับทิมมองเหมียวครู่หนึ่งจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ข้ารู้ว่าข้ามันไม่ใช่แม่ที่ดี แต่ข้าดีใจนะเว้ย ที่เอ็งไม่ตาย”

เหมียวยิ่งดีใจปาดน้ำตาพยายามยิ้มสดใสชมว่าไข่เจียวแม่อร่อยที่สุดในโลก ทับทิมบอกว่าอร่อยก็กินให้หมด เหมียวเคี้ยวหยับๆ แล้วหยุดกึกบอกแม่ว่ามีเปลือกไข่ด้วย ทับทิมร้องฮะ...แก้เกี้ยวว่าตนรีบทำ บอกให้เหมียวคายออกมาเสีย

“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ ก็กรุบๆกรับๆดี” เหมียวกินต่ออย่างอร่อย ทับทิมส่ายหน้าขำๆแล้วป้อนต่อ สองแม่ลูกพูดคุยกันด้วยบรรยากาศดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน

วันนี้โขงมาทำงานเจอนารีที่หน้าสำนักงาน นารีถามว่าเหมียวกลับมาอยู่บ้านแล้วใช่ไหม และนึกได้บอกว่าลืมบอกไป พูดอย่างชื่นชมว่า

“พี่ขอบคุณนะโขงที่ไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ขอบคุณที่วันนั้นโขงไม่ยิงนายพีระ”

“จริงๆมันก็เกือบไปแล้วล่ะครับ ผมเกือบทำสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด เกือบทำเหมือนพ่อ เกือบกลายเป็นฆาตกร อารมณ์ชั่ววูบนี่มันน่ากลัวจังเลยนะครับ วูบมาทีแทบเปลี่ยนชีวิต”

“แต่โขงก็เอาชนะมันได้...ต่อไปถ้าโรควูบมันกำเริบขึ้นมา ก็ใช้ภูมิคุ้มกันที่เรียกว่าสตินี่แหละสู้กับมันนะ”

โขงยิ้มรับ ขณะนั้นเองเจียรไนยเห็นนารีก็รีบมาบอกให้ไปดูข่าวในทีวีเร็ว

นารีเข้าไปดูเป็นข่าวการให้สัมภาษณ์ของเปิ้ลเปิดโปงการหลอกลวงว่าไปทำงานต่างประเทศได้เงินเป็นแสนๆ แต่พอไปจริงมันไม่ใช่ พาดพิงถึงคุณนายระวีว่าเคยมาปลอบตนว่าไม่ต้องกลัว

ส้มก็เปิดโปงว่าคุณนายระวีเหมือนเป็นนายหน้าเจ้านายใหญ่ใครๆก็ไม่กล้าหือ คุณนายบอกว่าไปทำงานที่นั่นเหมือนสวรรรค์ ตนทะแม่งๆ แต่ก็ยอมเชื่อคิดว่าคุณนายไม่น่าจะหลอก

“นั่นน่ะสิ คุณนายระวีทำแค่ฟอกเงินให้ผับพีระก็ว่าแย่แล้วยังจะมีเรื่องหลอกผู้หญิงไปขายอีก” สุรารักษ์ที่ดูข่าวอยู่ด้วยพึมพำอย่างรับไม่ได้

เมื่อคุณนายระวีเดินทางไปสถานีตำรวจกับทิชาและทนาย นักข่าวถามเรื่องคุณนายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาผู้หญิงไปค้าประเวณี ถามว่าคุณนายเปิดมูลนิธิเพื่อฟอกเงินและจัดหาผู้หญิงให้พีระนานแค่ไหนแล้ว

“ดิฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” คุณนายตอบและพยายามเดินเลี่ยง นักข่าวก็ยังตามถามว่าพยานหลายคนยืนยันตรงกันหมดคุณนายจะปฏิเสธยังไง คุณนายจะว่าโดนใส่ร้ายหรือ

“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นค่ะ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ดิฉันไม่เกี่ยวข้องใดๆกับธุรกิจผิดกฎหมายทั้งสิ้น เดี๋ยวเสร็จกับทางตำรวจแล้วดิฉันจะออกมาแถลงข่าวนะคะ...ไม่นานหรอกค่ะ”

เมื่อคุณนายกับทิชาและทนายเข้าไปคุยกับผู้กองกำชัยแล้วจะขอประกันตัว ผู้กองบอกว่าศาลไม่ให้ประกันตัวและให้นำตัวไปฝากขัง คุณนายสติแตกทันทีเสียงดังว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไรต่อว่าทนายที่เงียบไม่ปกป้องลูกความแล้วจะโทร.หาท่านผู้การท่านรอง

ผู้กองกำชัยบอกว่าไม่มีใครช่วยคุณนายได้หรอกเพราะตอนนี้รัฐบาลจริงจังกับปัญหาการค้ามนุษย์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างคนต่างก็เอาตัวรอดไม่มีใครอยากยุ่งให้ตัวเองเดือดร้อนหรอก คุณนายโพล่งว่าตนจะสู้จนถึงที่สุด ทิชาปลอบว่าตนจะให้ทนายยื่นอุทธรณ์

คุณนายด่าว่าถ้าแค่นี้ไม่ต้องช่วยเพราะต้องทำอยู่แล้ว ตัดพ้อต่อว่าทีเวลาทิชามีปัญหาแม่ช่วยเต็มที่แต่เวลาแม่มีปัญหาทิชากลับคิดถึงแต่ตัวเอง เห็นผู้ชายดีกว่าแม่บังเกิดเกล้า ตนไม่น่าเอามาอยู่ด้วยเลย ต่อว่าและตำหนิอย่างรุนแรงแล้วเดินปึงปังออกไปเลย

ทิชาเสียใจมากที่แม่ไม่เข้าใจตน ทรุดนั่งกับพื้นพึมพำเสียงเครือ “ทิชาขอโทษ”

โขงอยู่ที่สำนักงาน ทั้งสุรารักษ์ สวัสดิ์ และนารีต่างวิพากษ์วิจารณ์คุณนายระวีอย่างผิดหวัง เวลาเดียวกันก็สงสารทิชา นารีบอกให้โขงไปหาเพราะเวลานี้เธอคงอยากได้เพื่อนสักคน

โขงไปที่หน้าบ้านทิชา เจอบรรดายายๆที่ตลาดมาออกันอยู่หน้าบ้านด่าทอสาปแช่งคุณนายและทวงลูกหลานของตนคืน ทิชาแอบดูอยู่ที่หน้าต่างด้วยความไม่สบายใจ เห็นโขงอยู่ในกลุ่มยายๆเหล่านั้นก็คิดว่าโขงเป็นคนพามา คิดถึงคำพูดของแม่ที่ว่า...

“ผู้ชายที่แกว่าดีนักดีหนามันกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าของแกเข้าไปนอนในคุก มันทำลายฉัน”

ทิชาเจ็บปวดแค้นโขง พึมพำ “คุณทำลายคุณแม่ฉัน คุณทำร้ายฉัน!!!”

ทิชาไปที่บ้านเหมียว เจอโขงกำลังหยอกล้อกับเหมียวอย่างมีความสุขก็ยิ่งแค้นเชื่อว่าโขงเลวอย่างที่คุณแม่ว่าจริงๆ เธอสับสนว้าวุ่นและแค้นใจมาก ถามตัวเองว่า

“ทิชาควรทำยังไงคะคุณแม่...ทิชาควรทำยังไง”

เมื่อเธอมองไปที่บ้านเหมียวอีกครั้ง ก็เห็นใครคนหนึ่งใส่หมวกปิดหน้าปิดตายืนแอบอยู่ข้างรั้ว พอร่างนั้นหันมาเป็นจังหวะที่แสงไฟกระทบหน้าพอดี ทิชาพึมพำเหมือนพบทางออก “นายชัย...”

ooooooo

วันนี้โขงกำลังจะไปทำงานเหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะสงสัยว่ากระดาษอะไรเดินไปหยิบอ่าน ข้อความว่า “เหมียวมีอะไรจะให้ มาเจอกันที่ท้ายหาดนะคะ”

โขงสงสัยว่าทำไมต้องเป็นจดหมายเพราะโทรศัพท์ก็มี ไลน์ก็มี สงสัยว่าเหมียวมีอะไรจะให้ วางกระดาษไว้ที่เดิม หยิบกระเป๋าเป้รีบออกไป

พอออกมาก็เจอรถสองแถวของลุงไสวพอดีโขงโบกแล้วบอกว่าไปท้ายหาด ลุงไสวถามว่าจะไปทำไมที่นั่นเปลี่ยวจะตาย แซวว่าหรือจะไปกุ๊กกิ๊กกับใคร

เวลาเดียวกันเหมียวเดินนำเปิ้ลเข้ามาในบ้านโขงพร้อมปิ่นโต เห็นบ้านเงียบเหมียวว่าคงไปทำงานแล้ว เปิ้ลถามว่าทำไมไม่โทร.มาก่อน

เปิ้ลมองไปรอบๆ เห็นกระดาษวางอยู่เดินไปหยิบอ่านพอเห็นข้อความก็แปลกใจเดินมาให้เหมียวดูถามว่า

“เหมียว...แกเขียนเมื่อไหร่วะ ลายมือไม่เหมือนแกเลย”

“เฮ้ย ฉันไม่ได้เขียน”

“ลงชื่อว่าเหมียว ถ้าไม่ใช่เหมียวนี่แล้วเหมียวไหนวะที่นัดคุณโขงออกไป”

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 8 วันที่ 24 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ