My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ตอนที่ 1 วันที่ 28 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ตอนที่ 1 วันที่ 28 ก.ค.61

เมื่อช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ครู่หนึ่งสารัตถ์บอกว่าเครื่องกำลังเสียการทรงตัวจนจะควบคุมไม่ได้แล้ว

สารัตถ์ย้ำกับอคินว่า “อคิน ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับคุณ”

“ครับผม ผมจัดการได้” อคินมุ่งมั่น แล้วเขาก็ใช้ความสามารถทั้งหมดแก้ไขสถานการณ์จนเครื่องบินกลับมาทรงตัวได้ในระดับปกติ

“คุณเก่งมาก กัปตันอคิน”



เมื่อเครื่องบินทรงตัวได้ในระดับปกติแล้ว อคินแจ้งหอบังคับการบินเพื่อการลงจอดฉุกเฉิน สารัตถ์มองอคินอย่างพอใจ

นับแต่พ่อไปที่ห้องนักบิน ริศาก็ยิ่งกลัว หยิบ

เสื้อนอกของพ่อมากอดแน่นเป็นกำลังใจ เมื่อเครื่องลงแล้วเธอยังนั่งนิ่งคอยพ่อ ลูกเรือมาเชิญให้ไปรอที่ห้องผู้โดยสาร เธออยากรู้ว่าพ่อปลอดภัยหรือเปล่า ลูกเรือจึงพาไปที่หน้าห้องนักบิน โทร.แจ้งข้างใน อึดใจเดียวสารัตถ์ก็เดินออกมา

แว่บเดียวที่ประตูยังไม่ทันปิด ริศามองเข้าไปในห้องนักบินสบตากับอคินพอดี ต่างตกอยู่ในภวังค์

ดุจวินาทีต้องมนตร์

ผู้โดยสารได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่การบินอย่างดี พออคินกับสารัตถ์เดินเข้ามาในเกต เจ้าหน้าที่สนามบินและผู้โดยสารก็ปรบมือและเข้าจับมือแสดงความขอบคุณ

“ขอบคุณพี่สารัตถ์มากนะครับที่มาช่วยผม” อคินเอ่ย

“เอ้ย...ไม่ต้องขอบคุณหรอก ความสามารถของคุณทั้งนั้น เก่งมากๆ”

ริศาวิ่งเข้ามาหาพ่อ สารัตถ์ถามว่าเป็นยังไง

พ่อบอกแล้วว่าสบายมาก นักบินเราเก่ง แล้วแนะนำ

 “นี่ไงพี่อคิน กัปตันที่พ่อเล่าให้เราฟังบ่อยๆ เออได้เจอกันสักที แต่ไม่นึกเลยว่าต้องมาแนะนำกันในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้”

 อคินขอโทษที่ทำให้น้องริศาตกใจ ริศามอง

อคินเหมือนเทพบุตรที่น่าศรัทธา บอกว่า

“มันเป็นอุบัติเหตุนี่คะ แล้วก็จบลงด้วยดี ทุกคนปลอดภัย กัปตันอคินเก่งเหมือนที่พ่อเล่าให้ฟังเลยค่ะ”

 “เพราะผมมีครูดีครับ คุณพ่อของน้องริศาเป็นครูสอนขับเครื่องบินของผม”

“เฮ้ย...อย่ามัวมายอกันเองเลยน่า พี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”

 อคินมองริศาไม่วางตา ประทับใจในความน่ารักอ่อนหวานของเธอ ริศาเองก็มองอคินอย่างชื่นชม

ooooooo

หลายวันต่อมา...สารัตถ์อยู่ในห้องทำงาน

ที่บ้าน เขาเครียดกับข้อมูลบางอย่างที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก เป็นไฟล์เอกสารการเงิน ระบุยอดเงินเช่าซื้อเครื่องบินจำนวนเงินหลักพันล้าน

เสียงเคาะประตูดังพร้อมกับเสียงใสๆของริศา “พ่อขา...ไปกันหรือยัง”

สารัตถ์บอกว่าขอเก็บของสำคัญก่อนแล้วเอาโมเดลเครื่องบินตั้งไว้บนโต๊ะ ริศาบอกว่าหวงขนาดนั้นตนจะขโมยไปเก็บไว้ที่อื่น สารัตถ์บอกว่าไม่ดี นางฟ้าน้อยๆของพ่อจะทำแบบนั้นไม่ได้ ริศาบอกว่าล้อเล่น

สารัตถ์เลยถามว่า

“นางสาวสาริศา อักษรศาสตรบัณฑิต...เอกอังกฤษ โทญี่ปุ่น หนูอยากทำงานอะไร”

ริศาบอกว่าตนอยากทำสิ่งที่ตนไม่ได้เรียน สารัตถ์บอกว่า

“นั่นคือการทำกับข้าวให้พ่อกินนั่นเอง...ลูก

ทำทุกอย่างอร่อยมาก พ่ออยากให้คนอื่นได้ชิมฝีมือลูกแล้วทุกคนจะมีความสุขเหมือนพ่อ เอางี้ พ่อจะลาออก

จากงานแล้วเรามาทำร้านอาหารกัน”

ริศาถามว่าพ่อจะลาออกจากงานที่พ่อรักมาทำไม สารัตถ์บอกว่าถึงรักแต่ก็ไม่เท่ากับรักลูกและอาหารที่ลูกทำ ริศาไม่แน่ใจถามว่า “แต่...ริศาจะทำได้หรือคะ”

“ได้สิ เราสองพ่อลูกช่วยกันไงคะ”

ริศาดีใจโผกอดพ่อ สารัตถ์มองผ่านไหล่ริศาไปที่เครื่องบินจำลองที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างกลุ้มใจ

ooooooo

ที่คฤหาสน์ของศรุต ประธานบริหารของสายการบิน Blue Kite Airline กำลังมีงานเลี้ยงฉลองสายการบินครบรอบ 10 ปี เขาขึ้นกล่าวกับทุกคนในงานด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ เล่าถึงความเป็นมาของสายการบินว่า

เมื่อ 10 ปีก่อนระหว่างทำการบินเขารู้สึกอิ่มตัวพอแล้วกับการเป็นนักบินรับจ้างคนอื่น ตนอยากทำสายการบินของตัวเอง ศรุตเล่าว่า

“แต่ลำพังผมคนเดียวคงทำไม่ได้ ผู้ช่วยนักบินของผมสองคนตอนนั้น ที่ตอนนี้กลายมาเป็นครูและกัปตันอาวุโสของพวกเรา พวกเขาบอกว่าถ้ากัปตัน

บ้าพอที่จะทำแบบนั้น พวกเขาก็พร้อมลาออกไปลุยเอาดาบหน้ากับผม”

ศรุตเล่าอีกว่า “ถึงวันนี้สายการบินเราเปิดมาครบ 10 ปี และล่าสุดเราเพิ่งจะได้รับเสียงชื่นชมจากวีรกรรมที่กัปตันรุ่นใหม่ของเราได้สร้างชื่อเสียงด้วยความสามารถรักษาชีวิตผู้โดยสาร 138 คนให้ปลอดภัย ผมอยากให้ทุกคนปรบมือเป็นเกียรติให้กับ...กัปตันอคิน นภประสิทธิ์ ครับ”

ทุกคนปรบมือชื่นชมรวมทั้งริศาด้วย เธอมองเขาดวงตาสุกใส สารัตถ์มองลูกสาวที่มองอคินอย่างพอใจ ศรุตเดินไปโอบบ่าอคิน พยักหน้าให้พูดอะไรกับทุกคนหน่อย อคินขอบคุณทุกคน แต่ที่ตนผ่านอุบัติเหตุครั้งนี้มาได้ไม่ใช่ความสามารถของตนคนเดียวแต่ต้องขอบคุณกัปตันสารัตถ์ ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ และขอเสียงปรบมือให้กัปตันสารัตถ์ด้วย ทุกคนปรบมือชื่นชม

สารัตถ์ยกแก้วขึ้นเป็นเชิงขอบคุณทุกคน

“ผมมีวันนี้ได้เพราะคำสอนของครูฝึก...ที่ย้ำเสมอว่านักบินต้องคิดถึงชีวิตของผู้โดยสารเป็นลำดับแรก ขอบคุณพี่สารัตถ์ ขอบคุณพี่วิสสุต ที่เป็นครูที่ดีของผมมาตลอดครับ”

“ยินดีด้วยครับทั้งกัปตันมือเก่าและมือใหม่” เสียงศรันย์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของศรุตดังแทรกเสียงปรบมือแล้วไปยืนแทรกติดกับพ่อ เบียดอคินกระเด็นไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อคินอึ้งๆแต่ยอมถอยเพราะไม่อยากแข่งกับใคร ศรันย์ยิ้มให้ริศาแล้วฉวยมือขึ้นมาจูบ

ริศาตกใจทำตัวไม่ถูก เผลอหันมองอคินว่าเขาเห็นหรือเปล่า ศรันย์หัวเราะร่วน ขอโทษทุกคนที่มาร่วมงานช้าไปหน่อยเลยทำให้พ่อลำบากดูแลทุกคนอยู่คนเดียว แล้วพูดอวดบารมีประกาศศักดาว่า

“อีกไม่นาน...หลังจากคุณพ่อวางมือแล้ว ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลบุคลากรทุกท่านแทนคุณพ่อครับ”

ทุกคนในงานอึ้ง ศรุตสีหน้าไม่พอใจแต่เกรงใจลูกเลยตัดบทชวนทุกคนตามสบาย สารัตถ์พยายาม

จะสบตาศรุต แต่เขาหลบตาตลอด สารัตถ์ได้แต่อึ้งๆ เห็นศรุตเดินเลี่ยงไปทางหนึ่งจึงส่งสายตาให้อคินมาอยู่เป็นเพื่อนริศา แล้วสารัตถ์ก็เดินไปคุยกับศรุตที่มุมหนึ่ง

อคินเดินไม่ทันถึงริศาก็ถูกศรันย์โผล่มาตัดหน้า ตัดพ้อต่อว่าที่ริศาไม่ค่อยตอบไลน์ตน ริศาสงวนท่าทีและถ้อยคำ ศรันย์คุยโวอวดมั่งอวดมีถามว่าริศาชอบนาฬิกาไหม ตนสะสมนาฬิกา ยกมือให้ดูบอกว่าเรือนนี้ยี่สิบล้าน มียี่สิบเรือนในโลก จะสั่งทำให้ริศาเป็นพิเศษ

ริศาบอกว่าตนไม่ชอบนาฬิกาก็เปลี่ยนเป็นเสนอเครื่องประดับ ถามว่าตุ้มหูเพชรน่าจะดีไหม ถือวิสาสะหยิบปอยผมริศาทัดหู ริศาอึดอัดมากพยายามหาทางหนีออกจากเขา

กิตติ ช่างนิสัยเหลือขอที่สารัตถ์ช่วยให้ทำงานที่บลูไคท์แต่ติดนิสัยขี้จิ๊ก ยืนอยู่ไม่ไกลจากศรันย์กับริศานักได้เห็นและได้ยินศรันย์คุยโว ริศามองหาอคินซึ่งเขาก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่อย่างไม่พอใจ ริศามองอย่างขอความช่วยเหลือ แต่อคินเห็นสายตาท้าทายของ

ศรันย์ก็ทำไก๋หันไปเลือกอาหาร ศรันย์หันไปเอาอกเอาใจริศา ถามว่าอยากทานอะไรบ้าง ตนช่วยถือให้และชวนไปนั่งด้วยกัน

ooooooo

สารัตถ์คุยกับศรุตอย่างเคร่งเครียด บอกว่าตนดูงบประมาณการเช่าซื้อเครื่องบินลำใหม่มันสูงผิดปกติ ถามว่าเขาตรวจสอบหรือยัง ศรุตบอกว่าเรื่องนี้ตนให้ศรันย์ดูแล แต่มันก็ไม่น่าจะมีอะไร

“ศรุต ผมรู้ว่าคุณรักลูกมาก แต่ถ้าปล่อยให้ศรันย์ทำงานอย่างนี้ต่อไป ไม่นานมันคงพัง ผมมองอนาคตบริษัทแล้ว ผมวางมือไม่ลงเลย”

 ศรุตตกใจถามว่าพูดอย่างนี้ได้ไง เราสู้กันมา

ตั้งเท่าไหร่แล้ว

“ใช่...ผมปลุกปั้นปลุกปล้ำกับบริษัทนี้มานาน จนไม่อยากอยู่จนถึงวันที่มันจะล่มจม มันหลายครั้งแล้วที่ผมเห็นความผิดปกติ เมื่อไหร่มีเวลาเราต้องคุยกันเรื่องนี้ ผมมีหลักฐานอยากให้คุณดู”

“มีหลักฐานด้วยเหรอ” ศรุตเสียงไม่ปกติ

ทันใดนั้น The fox เดินเข้ามาทักศรุตว่า “ผมตามหาเจ้าภาพเสียทั่วงานเลย คุณศรุต” ศรุตตกใจเล็กน้อยแต่กลบเกลื่อนได้ทันที ยิ้มทัก...

“อ่อ...คุณเฟอร์ดินาน ยินดีที่มางานนี้ได้ครับ” แล้วแนะนำแก่สารัตถ์ว่าเฟอร์ดินาน ซาลองยา มิสเตอร์เอฟ เป็นนักธุรกิจการบินจากประเทศเพื่อนบ้าน”

“ผมต้องขอขโมยตัวคุณศรุตไปหน่อยนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” The fox เอ่ยแล้วลูกน้องก็ล้อมหน้าล้อมหลังศรุตพาออกไปอีกทาง สารัตถ์มองตามด้วยความสงสัย

ริศาพยายามเดินหนีศรันย์ที่ตามตื๊อบอกว่าจะไปหาคุณพ่อหน่อย ศรันย์บอกว่าอย่าไปกวนผู้ใหญ่เลย แล้วจับมือพาออกไปจากงานเลี้ยง ไปดูคอลเลกชันเครื่องประดับเพชรกัน ทันใดนั้นอคินก็ขึ้นเวทีประกาศว่า

“ทุกท่านครับ ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้กับคุณศรันย์กับบทเพลงพิเศษที่จะมอบให้ทุกคนด้วยครับ”

ศรันย์ชะงัก จะไม่ขึ้นไปร้องเพลงก็กลัวเสียหน้า พอขึ้นไปร้องเพลง อคินก็รีบพาริศาออกไปจากงาน

ศรันย์มองอย่างโกรธแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องรักษาหน้าบนเวที

ริศาบอกอคินว่าตนไม่อยากกลับเข้าไปในงานแล้ว ตนไม่ชอบที่นี่เลย ขอร้องว่า

“พี่อคิน พาริศาไปไหนก็ได้ พ่อไม่ว่าหรอกค่ะ ริศาไม่อยากเข้าไปเจอคุณศรันย์อีกแล้ว ริศาเกลียด”

“ได้เลยครับ” อคินยิ้มแล้วจูงมือริศาออกจากงานไปเลย

พอศรันย์ร้องเพลงจบก็เดินหงุดหงิดเข้าห้องน้ำใหญ่ซึ่งกิตติยืนฉี่อยู่พอดี ศรันย์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถอดนาฬิกาล้างหน้าล้างมือดับอารมณ์แล้วเดินปึงปังออกไป

กิตติมองตามขำๆ พอหันมองที่อ่างล้างหน้า

อีกทีก็ผงะ ตาโตเมื่อเห็นนาฬิการาคายี่สิบล้านของศรันย์วางอยู่ตรงนั้น!

ooooooo

กิตติเดินผิวปากอารมณ์ดีออกทางประตูเล็กด้านข้าง ข้อมือใส่นาฬิกาหรู ในกระเป๋าจิ๊กของกินมาเพียบแต่เดินไม่ทันพ้นประตู ศรันย์ก็ตะโกนโวยวายมาจากในบ้านให้จับขโมย มันขโมยนาฬิกาตนไป

อคินกับริศาเดินเล่นอยู่แถวนั้น ริศาตกใจแอบหลังอคิน แขกเหรื่อในงานแตกตื่นตกใจ ศรันย์ทั้งเตะทั้งถีบกิตติ จนสารัตถ์เข้ามาแยกบอกศรันย์ให้พอแล้ว ศรันย์ฟ้องว่ากิตติขโมยนาฬิกาที่ตนลืมไว้ในห้องน้ำ

ยุอย่างวางอำนาจให้สารัตถ์ไล่มันออกเลย ขี้ขโมยขนาดนี้เอามันมาทำงานได้ยังไง

สารัตถ์ถามกิตติว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง กิตติแก้ตัวว่าตนเห็นนาฬิกาในห้องน้ำกลัวมันหายเลยใส่ออกมาตั้งใจจะเอามาคืนคุณศรันย์นี่แหละ สารัตถ์สั่งให้เอานาฬิกาคืนคุณศรันย์ไป ศรันย์บอกให้ใครก็ได้โทร.เรียกตำรวจที สารัตถ์สั่งกิตติให้กราบขอโทษคุณศรันย์เดี๋ยวนี้

ศรันย์ยืนกรานต้องไล่ออกเท่านั้น ถามว่าทำงานแผนกไหนตนจะไล่เอง กิตติหน้าเหลือสองนิ้วทรุด

พนมมือแต้ขอโทษ สัญญาว่าจะไม่ทำอีก อ้อนวอนขอโอกาสตนด้วย ศรันย์ใส่นาฬิกาแล้วตะเพิดไปให้พ้นหน้าตนเดี๋ยวนี้ กิตติรีบไหว้ขอบคุณทั้งศรันย์และสารัตถ์

“ไม่ต้องขอบคุณ นายต้องโดนลงโทษแน่ ไป...

กลับไปก่อน แล้วเจอกันที่บริษัทพรุ่งนี้เช้า มาให้ตรงเวลาด้วย”

กิตติรับคำเดินก้มหน้างุดออกไป ศรันย์เห็นอคินกับริศาใกล้ชิดกันมากก็จ้องตาแทบถลน ริศารีบจูงมืออคินออกไปจากบริเวณบ้าน

กิตติยังไม่ยอมกลับ ยืนตั้งหลักแล้วย้อนกลับไปในบ้าน ขึ้นไปเดินหาจนเจอห้องศรันย์ที่ไม่ได้ล็อก เดินเข้าไปหานาฬิกาเรือนละยี่สิบล้านจะขอแบ่งไปใช้มั่ง

แต่แล้วกิตติก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าห้อง เป็นเสียงกร้าวของเดอะฟ็อกซ์ถามว่าเมื่อไหร่จะทำตามที่สัญญา เพราะตนจ่ายเงินให้หมดแล้ว มีเสียงตอบงึมงำฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร แล้วเดอะฟ็อกซ์ก็ถามว่าจะเข้าไปตกลงกันในห้องนี้หรือ กลัวมีใครมาเจอเราคุยความลับกันหรือ

ประตูห้องเปิดออก กิตติรีบมุดไปซ่อนที่ห้องแต่งตัว แอบดูเห็นเดอะฟ็อกซ์กับลูกน้องอีกสองคนแต่ไม่เห็นอีกคนที่อยู่ในมุมที่ถูกบัง เดอะฟ็อกซ์ผลักชายอีกคนเข้าไปเห็นแต่เงาไม่เห็นหน้าตาและเสื้อผ้า

“จะบอกอะไรให้นะ” เสียงเดอะฟ็อกซ์เข้ม เหี้ยม “ถ้ายังเลื่อนออกไปอีกละก็...ผมคงไม่ใจดีกับคุณอีก และผมตกลงใจแล้วว่าจะส่งคนขึ้นไปไฮแจ็กตอนคุณให้คนไปรับเครื่องบินลำใหม่ คุณเตรียมให้สัมภาษณ์ข่าวเรื่องการก่อการร้ายดีๆ เสียใจด้วยที่บลูไคท์ของคุณจะต้องสูญเสียนักบินหนุ่มมือดีที่กำลังเป็นฮีโร่ไป แต่มันก็ยังดีกว่าที่คุณจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่ใช่หรือ”

กิตติตาเหลือกกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ เปิดประตูแง้มดูไม่เห็นใครก็เดินออกมาบอกตัวเองว่ามีก่อการร้าย มีไฮแจ็กแบบสมรู้ร่วมคิด มีแผนสังหารนักบิน งึมงำว่าไม่ต้องรอให้ไล่ออกหรอกเดี๋ยวตนออกเอง พอดีเจอเดอะฟ็อกซ์เดินออกมาเห็นเข้าพอดี กิตติเผ่นทันทีเดอะฟ็อกซ์กระซิบลูกน้อง

“จับมันมา”

กิตติวิ่งเตลิดไปถึงแม่น้ำที่ติดกับบ้าน กระโดดลงไปแต่ชะงักเมื่อเห็นหมาเน่าลอยอยู่ แต่พอถูกลูกน้องเดอะฟ็อกซ์ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาก็ตัดสินใจโดดลงไปเจอหมาเน่าดีกว่าเจอลูกปืน ลูกน้องเดอะฟ็อกซ์ตามมายิงลงไปอีกหลายนัดแต่เห็นเงียบคิดว่ากิตติไม่มีทางรอดแน่เลยกลับไป

ooooooo

อคินพาริศาไปที่สนามบินฝึกบิน ถามริศาว่ากลัวการบินใช่ไหม วันนี้ต้องเป็นนักบินผู้ช่วยของตน ริศาบอกว่าตนทำไม่ได้หรอก อคินบอกว่า “อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

อคินพาริศาขึ้นเครื่องบินเล็ก อธิบายปุ่มต่างๆให้ริศาฟัง ริศาบอกว่าแค่เห็นปุ่มคอนโทรลตนก็มึนแล้วระหว่างขับเครื่องบิน อคินก็เปิดเพลงรักหวานๆคลอเบาๆ บางครั้งก็บินโฉบแสดงความสามารถด้านการบินแต่ริศากลัว เกร็ง อคินเอื้อมมาจับมือริศาบีบเบาๆ ปลอบว่า

“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรที่ริศาต้องกลัวเลยครับ”

อคินมองริศาอย่างชื่นชอบ ส่วนริศามองเขาอย่างประทับใจ...

แต่แล้วสภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อคินบอกริศาว่าวิทยุการบินแจ้งว่ากำลังมีกลุ่มเมฆ

ก่อตัวเป็นพายุเข้าข้างหน้า เห็นทีเราต้องกลับ ไว้โอกาสหน้า เราค่อยมาบินกันใหม่

อคินบังคับเครื่องบินให้บินผ่านเข้าไปในกลุ่มเมฆสีขาว เครื่องบินถูกกลุ่มเมฆปกคลุมจนมิด ริศามองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ

“ริศา...ริศา...ริศา...”

ริศานึกว่าอคินเรียกพอถามเขาบอกว่าไม่ได้เรียกแต่บอกว่าจะบินผ่านกลุ่มเมฆไปเครื่องอาจจะสั่นบ้างแต่ไม่ต้องตกใจ ทันใดเครื่องก็โคลง สั่น ริศาตกใจเผลอเอื้อมจับชายเสื้ออคินกำไว้เบาๆ

เครื่องบินยังบินอยู่ในกลุ่มเมฆทึบ เครื่องเริ่มสั่นมากขึ้น เสียงเรียกริศาเบาๆก็แว่วขึ้นอีก ริศามองออกไปเห็นเครื่องบินรบสมัยสงครามเวียดนามบินออกจากกลุ่มเมฆแล้วโฉบคู่ขนานกับเครื่องบินเล็กของอคิน

“พี่อคิน!!!” ริศาตกใจมากคว้าแขนอคินจับแน่น อคินถามว่ามีอะไรหรือ “ริศา...เอ่อ...ริศาเห็นเครื่องบินรบบินอยู่ข้างๆเราเมื่อกี๊นี้ค่ะ”

อคินบอกว่าถ้ามีเครื่องบินรบเข้ามาใกล้เรา

ขนาดนั้นตนต้องเห็นแล้ว และตนเช็กเรดาร์แล้ว แถวนี้มีเรา บินอยู่ลำเดียว ริศายืนยันว่าตนเห็นจริงๆ พลันก็ชี้ให้ดูแต่เขาก็ไม่เห็นอะไร

“นั่นไงคะ...มันกำลังจะชนเราแล้ว...หลบเร็วค่ะพี่อคิน...กรี๊ดดดดด” ริศากรี๊ดแล้วหมดสติไปทันที

“ริศา...ริศา!!!”

ooooooo

เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่บ้านสวนของปู่สันติ...

สาริศาอายุ 10 ขวบนั่งดูหนังสือตำราอาหารที่พ่อซื้อมาให้อย่างสนใจรอสารัตถ์ที่เพิ่งเสร็จจากการจัดงานศพของพ่อ และกำลังจัดการธุระที่บ้านสวนกับป้านิ่ม

ป้านิ่มแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลริศามานานจนเหมือนญาติผู้ใหญ่ของริศา ถามสารัตถ์ว่าบ้านสวนหลังนี้จะทำอย่างไรต่อไป สารัตถ์บอกว่าพ่อรักบ้านหลังนี้มาก สั่งไว้ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลว่าห้ามขายเด็ดขาด ข้าวของทุกชิ้นก็ต้องให้อยู่ที่เดิม ป้านิ่มบอกว่าตนจะหมั่นมาดูแลทำความสะอาดให้

สารัตถ์บอกว่าป้าช่วยตนดูแลริศาก็ยุ่งจะแย่แล้วตนจะจ้างคนมาดูแลเอง ป้านิ่มถามว่าจะจ้างใคร ตนหาให้ดีกว่า ป้านิ่มหันไปมองริศา ปรากฏว่าหายไปแล้ว

“มาบ้านสวนทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที” สารัตถ์บ่นลูกสาวยิ้มๆ

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ตอนที่ 1 วันที่ 28 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา บทประพันธ์โดย นภสร
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา บทโทรทัศน์โดย ทิพย์สุดา
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา กำกับการแสดงโดย ตระกูล อรุณสวัสดิ์
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ