My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 5 วันที่ 19 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 5 วันที่ 19 ก.ค.61

จากคำบอกเล่าด้วยความแค้นของนายพร

รุ่งขึ้นโขงไปดักทิชาที่หน้าบ้าน พอเธอขับรถออกมาก็โดดออกไปขวาง ทิชาเบรกเอี๊ยดลงมาถามว่าทำไมทำอย่างนี้ ถ้าตนเบรกไม่ทันจะทำยังไง

“เมื่อคืนมีคนคนนึงมาหาผม...”

โขงจะเล่าเรื่องนายพร แต่คุณนายระวีลงจากรถมาถามโขงด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า มีธุระกับทิชาแต่เช้าเลยหรือ โขงเสียจังหวะเลยเปลี่ยนเป็นปรึกษาเรื่องเคสกับทิชาและคุณนายระวี แต่เป็นเรื่องของนายพร



“คือ...มีลูกจ้างคนนึงทำงานมานาน แต่อยู่ๆก็เกิดลุกขึ้นมาทำร้ายเจ้านาย พอถูกจับได้แทนที่จะหนีไปไกลๆ กลับยังแอบอยู่เพื่อคอยบอกคนอื่นว่าอดีตเจ้านายทำเรื่องไม่ดีไว้ อย่างนี้ผมควรสรุปว่าไงครับ เขามีอาการหลงผิด ควรพบจิตแพทย์หรือว่าเรื่องที่เขาพูดมามันจะมีโอกาสเป็นจริง”

ทิชาพาซื่อช่วยโขงคิด คุณนายหมั่นไส้โขงแต่ก็ไม่เฉลียวใจว่าเป็นเรื่องของนายพร พูดฉอดๆว่า

“บางทีลูกน้องคนนั้นอาจจะอยากได้อะไรแล้วไม่ได้เลยอิจฉาคนอื่นแต่งเรื่องมาใส่ร้ายป้ายสีนายเก่า”

คุณนายจ้องหน้าโขงพูดกระทบว่า “คนเราสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักประมาณตนกันเท่าไหร่ อยากได้อยากมีเกินตัว อยากจนทำผิดคิดชั่วหนำซ้ำยังไปโยนความผิดให้ชาวบ้านแถมร้องแรกแหกกระเชออยากให้คนเข้าข้างอีก ไม่คิดบ้างหรือไง ยิ่งหาพวกก็ยิ่งพาคนอื่นเดือดร้อนไปทั่ว”

“แล้วคุณนายระวีคิดว่าควรแก้ปัญหานี้ยังไงล่ะครับ”

“ง่ายนิดเดียว บอกเขาไปว่าเจียมตัวนะ อย่าหวังสูง แล้วก็อย่ามาดึงคนดีๆเขาลงต่ำให้ต้องเสื่อมเสียไปด้วย แนะนำชัดขนาดนี้คุณโขงคงไปจัดการต่อเองได้นะคะ”

ทิชาฟังแม่พูดแล้วไม่สบายใจ แต่โขงฟังแล้วรู้ตัวว่าคุณนายระวีไม่ชอบตน พยายามคิดว่าจะเชื่อมโยงกับเรื่องนายพรได้หรือไม่ แต่คุณนายระวีก็ด่าหน้ายิ้มๆ

โคตรผู้ดี จะแค่หวงลูกสาวหรือมีอะไรแอบแฝง?

โขงไปถึงสำนักงาน ถูกแป๊ะแซวประชดว่ารีบมาทำไมนี่เพิ่งสิบโมงกว่าเอง สวัสดิ์ก็ไล่ให้กลับไปก่อนเพราะปกติมาเที่ยงไม่ใช่หรือ โขงมองสองคนงงๆว่าอะไรกัน?

เดินผ่านห้องประชุมที่ไม่ได้ปิดประตู โขงเห็นพีระยืนอยู่ระหว่างนารีกับสุรารักษ์ที่นั่งอยู่ พูดเสียงดังว่า

“ผมถูกกล่าวหาในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมต้องการคนรับผิดชอบ”

นารีจะทำหนังสือขอโทษเผื่อเขาจะสบายใจขึ้น พีระยืนยันขอให้เอาคนผิดมาลงโทษ โขงจึงเดินเข้าไปถามว่า “คุณพีระยังเชื่ออีกเหรอครับว่าคนผิดแล้วต้องถูกลงโทษ”

“แน่นอนสิ คุณพีระเขาเคารพในกติกา ยึดมั่นในความถูกต้อง” พร้อมสะอึกออกมาโต้แทน

“ความถูกต้องที่ซื้อขายได้ด้วยเงินน่ะนะ”

สุรารักษ์ปรามโขงว่าจะพูดให้เรื่องมันยิ่งแย่ทำไม พีระได้ทีชี้ทันทีว่าเห็นไหมว่าโขงมีอคติ ถามโขงว่าหมั่นไส้อะไรตนนักหนา ตนขยันทำมาหากินเลยมีเงินเก็บเยอะ มันน่าหมั่นไส้มากหรือไง ปรามโขงแถมท้ายว่า

“คุณโขง ผมรู้ว่าตอนเด็กๆคุณมีปัญหานะ แต่อย่าเอาความอิจฉาส่วนตัวมาหาเรื่องผมสิ”

โขงจะโต้อีก นารีบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้วขอโทษพีระ แล้วบอกว่าตนจะอบรมเขาเอง ก็พอดีเจียรไนย

มาบอกว่า “นักจิตวิทยาที่นัดไว้พร้อมแล้วค่ะ”

พอพีระออกไปกับพร้อมก็พูดอย่างสะใจว่า

“ไอ้โขงมันต้องคุยกับนักจิตวิทยาจริงๆด้วยว่ะ....ฮ่ะๆๆ ให้ไอ้ชัยปล่อยข่าวไปเยอะๆ ว่าแม้แต่ที่ทำงานของมันยังต้องส่งมันไปรักษาอาการบ้าเลย น่ากลัวขนาดไหน”

โขงโทร.บอกกำชัยทันทีว่าพีระเพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้ นักจิตวิทยาเปิดประตูเข้ามาพอดีโขงวางสายบอกนักจิตวิทยาว่าตนพร้อมแล้ว จะเริ่มจากตรงไหนดี

“เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวก่อนดีไหมคะ...” นักจิตวิทยามองโทรศัพท์ในมือโขงถามว่ากำลังทำอะไรอยู่

พอพีระออกมาไม่นาน พร้อมบอกว่ามีคนขับรถตาม พร้อมถามว่าขับวนดีไหม พีระนึกออกบอกว่า

“พามันไปทำบุญกับเราดีกว่า” พร้อมขับรถไปที่มูลนิธิแสงระวีตามคำสั่ง

ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ตามมาหยิบโทรศัพท์ต่อสายทันที

ooooooo

เมื่อนักจิตวิทยาคุยกับโขงเสร็จออกมา สวัสดิ์ถามทันทีว่าโขงปกติใช่ไหม สุรารักษ์บอกว่า เล่าคร่าวๆก็ได้ เข้าใจว่ามันเป็นความลับ โขงถามว่ายังจะมีความลับอะไรอีกหรือ คอยฟังกันซะขนาดนี้พูดเลย

“การที่คนเรามีปมเลวร้ายในอดีต ไม่ได้แปลว่าโตขึ้นมาเขาจะต้องเกเรเป็นอันธพาลหรือว่าเก็บกดจนกลายเป็นคนโรคจิต มันขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูด้วย เหยื่อความรุนแรงหลายรายก็สามารถเปลี่ยนสิ่งเลวร้ายที่เขาเจอ เป็นพลังในการดำเนินชีวิต หรือช่วยเหลือคนอื่นต่อไปถ้าสังคมรอบข้างช่วยกันเสริมแรงบวกให้เขา ไม่ใช่จับผิดหรือว่าซ้ำเติม”

นักจิตวิทยาพูดตามหลักการยิ้มๆ แต่เจียรไนยฟังแล้วหน้าจ๋อย นักจิตวิทยาบอกนารีว่า

“คุณโขงเขาตั้งใจทำงานมากนะคะ แม้ว่าจะใจร้อนไปหน่อย แต่ก็เพราะเขาจริงจัง อยากให้งานสำเร็จ”

นารีบอกว่าเรื่องนั้นพอรู้อยู่ มองหน้าโขงพูดเหมือนเตือนว่า

“แต่คนฉลาด เขาไม่บุ่มบ่ามกันหรอกนะ”

ooooooo

เหมียวเห็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทิชากับโขงก็หงุดหงิดจนเปิ้ลถามว่าเป็นอะไร ถามว่าเรื่องโขงหรือเปล่า เหมียวนิ่ง เปิ้ลบอกว่าแบบนี้มันไม่โอเคแล้ว ส้มถามว่าจะมานั่งซังกะตายเพราะผู้ชายทำไม ยุเหมียวว่า

“สวยซะ แล้วสยบเขาให้อยู่”

เฮียนางสอดขึ้นทันทีว่าตนขอแนะนำเพราะรู้ทันผู้ชาย วิจารณ์สภาพของเหมียวว่า

“ผมรวบตึงแบบนี้ไม่ผ่าน หน้ามันเยิ้มแบบนี้ก็ไม่ไหว เสื้อตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์นี่ก็ไม่เร้าใจ สรุป...อยากได้เขา เราก็ต้องเปลี่ยน”

เหมียวปฏิเสธทุกอย่างยืนยันว่าตนไม่ได้อกหักแล้วก็ไม่อยากได้ ผู้ชายมีอะไรดี ทำไมต้องไปชอบด้วย เปิ้ลบอกว่าผู้ชายทุกคนไม่ได้เลวเหมือนไอ้ชัย ส้มเชียร์ว่าถ้าดีจริงตนก็ดีใจด้วย ลุ้นว่า

“ถ้าพี่เหมียวไม่อยากปล่อยเขาไป พี่เหมียว

ก็ต้องลุย”

“ลุย!!!” เฮียนางสั่งลุย ทั้งเปิ้ลและส้มเชียร์เต็มที่ เหมียวมองทุกคนแบบ...จะดีเหรอ?

ผู้กองกำชัยคุยกับโขง แป๊ะ และสวัสดิ์ว่าเราต้องลุยต่อไม่ให้พีระรู้ตัว สวัสดิ์ติงเราเอิกเกริกจนเขารู้ตัวแล้ว โขงบอกว่าเราพลาดเพราะไม่มีหลักฐาน

“อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ แต่เสือดันจำกลิ่นเราได้หมดทุกคน” ผู้กองเอ่ย

“งั้นเราก็ต้องอาศัยคนที่อยู่ในถ้ำเดียวกับเสือ

สืบเรื่องนี้” โขงมองกำชัยเหมือนนึกออกว่าจะใช้ใคร

ฝ่ายพีระไปถึงมูลนิธิแสงระวีเห็นรถตำรวจจอดอยู่หน้ามูลนิธิแล้ว ถูกคุณนายระวีตำหนิว่ารู้ว่าตำรวจจับตาก็ไม่น่าจะมาที่นี่ เพราะมูลนิธิของตนไม่มีอิทธิพลคุ้มครองเขาได้ การที่เขามาสนิทด้วยจะทำให้พวกตนถูกสงสัยไปด้วย พีระไม่พอใจขู่ว่า “คุณถีบหัวส่งผมไม่ได้หรอกนะคุณนาย คุณก็รู้ว่าผมเป็นใคร”

“หลักฐานที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดที่ฉันและลูกกลายเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกหลอกใช้ ถูกบังคับอย่างน่าสงสาร คุณพีระคงไม่อยากให้ฉันต้องเอาออกมาใช้”

ทิชายืนฟังที่ประตูอย่างเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แม่จะหยุดการร่วมมือกับพีระเสียที...

ooooooo

กลับถึงบ้านเย็นนี้ โขงคิดและเขียนความเชื่อมโยงระหว่างพีระมูลนิธิ กับพีระ ทิชาและนายพร แล้วโขงก็ตกใจแทบผงะเมื่อมองไปเห็นทิชายืนยิ้มหวานอยู่ที่ประตูพร้อมอาหารในถุงผ้า

ฝ่ายเหมียวเมื่อได้แรงยุจากคนรอบข้างก็ฮึด

ลุกขึ้นมาแต่งตัวเปลี่ยนแปลงตามที่เฮียนางเสนอ ซื้ออาหารไปให้โขง พอเดินเข้าไปในบ้านก็ชูถุงผ้าใส่อาหารร้องถามเสียงใส

“หิวไหมคุณโขง”

พลันก็ชะงักอึ้งเมื่อเห็นทิชายืนอยู่กับโขง แต่พยายามทำร่าเริงเดินเข้าไป โขงรู้สึกถึงบรรยากาศไม่ปกติ แต่ก็ยิ้มแย้มต้อนรับสองสาวอย่างกระตือรือร้น รีบไปหาจานชามมาให้ทิชาใส่อาหาร แต่อาหารที่ทิชาซื้อมานั้นใส่กล่องอาหารที่เป็นแก้วออกมา ส่วนอาหารของเหมียวนั้นใส่ถุงพลาสติกรัดยางอากาศโป่งเต็มถุง

นอกจากนี้ อาหารก็แตกต่างกันลิบลับ ของที่ทิชาซื้อมามีผัดกะเพราเนื้อวากิว ต้มยำกุ้งแม่น้ำ และสลัดปลาแซลมอน แต่ของเหมียวมีก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ขนมจีนน้ำยาปู ลูกชิ้นปิ้ง ส่วนขนมมีลอดช่องน้ำกะทิ

ทิชากระตือรือร้นช่วยแกะอาหารของเหมียวใส่จานแต่แกะหนังยางไม่ได้โขงจึงรับไปช่วยแกะ ทิชาชมโขงว่าเก่งมากตนแกะไม่เคยได้เลยหนังยางพวกนี้ เล็บจะหัก พอโขงแกะเสร็จทิชารีบเอาจานมาใส่ช่วยกันกะหนุง– กะหนิง เหมียวมองแล้วเซ็งตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน งึมงำอย่างหมั่นไส้

“แหวะ แกะหนังยางได้เนี่ยนะเก่ง โหยโคตรแมน โคตรอัจฉริยะเลยนะเนี่ย”

โขงเอาใจ เอาอาหารของสองคนมาคลุกด้วยกันกินแล้วชมว่าอร่อยรสแปลกดี

การมา “ลุย” ครั้งนี้เหมียวกลับไปด้วยความเศร้าเมื่อโขงกับทิชาเอาอกเอาใจกันราวกับโลกนี้มีกันเพียงสองคน เหมียวผิดหวังน้อยใจจนร้องไห้ขณะเดินกลับไป พอนึกได้ก็ปาดน้ำตาพรืดถามตัวเองว่า

“จะร้องไห้ทำไมเนี่ย”

ooooooo

ระหว่างที่เหมียวไป “ลุย” นั้น เปิ้ลแอบไปสมัครงานที่ผับพีระ ใจหนึ่งก็กลัวเหมียวจะด่า อีกใจก็บอกตัวเองว่าต้องทำ ต้องหาตังค์ส่งให้แม่

ส้มก็มาสมัครงานที่นี่เหมือนกัน ขณะยืนรอต้อนรับลูกค้า ส้มที่เปลี่ยนชื่อเป็นออเร้นจ์ปรารภกับเปิ้ลว่าปกติตนทดลองงานไม่เคยผ่านเลยวันนี้ไม่รู้จะรอดไหม เปิ้ลที่เปลี่ยนชื่อเป็นพอลล่าบอกว่าตนก็เหมือนกันแต่มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องสู้

คืนนี้แสนสะพายกีตาร์มาทำงานตามปกติ แต่สมองเขาคิดถึงคำขอร้องของโขงที่ว่า “นายคนเดียวที่เข้าไปในถ้ำเสือได้...ฝากด้วยนะแสน” เมื่อเข้ามาในผับเห็นเปิ้ลกับส้มในชุดพนักงานเสิร์ฟก็สะดุดตากับท่าทาง เขินๆไม่ชินกับชุดของทั้งสอง และยิ่งเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งสะดุดตาสะดุดใจว่าหน้าคุ้นๆ ถามพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาว่าเด็กใหม่เหรอ พนักงานคนนั้นพยักหน้าแสนจึงเดินเข้าไปทัก

“สวัสดีครับ พี่คุ้นหน้าน้องมากเลยนะเนี่ย เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม พี่ชื่อแสน แล้วน้อง...” แสนไม่ทันถาม โตก็เดินเข้ามาจ้องหน้าแสนดุๆ บอกเปิ้ล

กับส้มว่าให้ไปเตรียมตัวรับแขก

พอสองสาวเดินไป แสนชะเง้อมองตามอย่างสงสัย ถูกโตยื่นหน้ามาขวางสายตา ถามว่าสนใจอะไรขนาดนั้น แสนเฉไฉว่าก็น้องเขาขาวสวยตัวเล็กน่าเอ็นดูตนก็แค่อยากดูเท่านั้น

“ออเร้นจ์ของกูจำไว้” โตปรามแล้วเดินไป

“ออเร้นจ์เหรอ...” แสนพึมพำ

ooooooo

โขงเดินมาส่งทิชา เธอเปรยว่าเหมียวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ โขงบอกว่าคงรีบไปทำงานที่ร้านอาหาร เธอชมว่าเขาใส่ใจดูแลเหมียวตอนมีปัญหา แถมยังจำกิจวัตรของเหมียวได้อีก พูดอย่างประทับใจว่า

“ทิชาชักอยากเป็นเคสของคุณโขงแล้วสิคะ เป็นคนธรรมดาแต่พิเศษ จริงๆคนเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่ต้องมีชื่อเสียงหรือว่าคนนับหน้าถือตาเลยนะคะ แค่มีแบบพอดี พอใจเท่าที่มี มีคนที่เรารักแล้วก็เข้าใจอยู่ใกล้ๆ มันก็มีความสุขแล้ว ไม่เห็นต้องดิ้นรนไขว่คว้าให้มันเหนื่อยเลย” ทิชาเศร้าแต่ฝืนหัวเราะแก้เกี้ยวว่า “ทิชานี่แย่จริงๆ พูดไรก็ไม่รู้ ทำเสียบรรยากาศหมด”

แต่โขงถือเป็นดี พูดจริงจังจริงใจว่า

“คุณทิชา...ถ้าคุณมีปัญหา มีเรื่องไม่สบายใจ คุณระบายออกมาบ้างก็ได้นะ ผมอยู่ตรงนี้ตลอด พร้อมรับฟังคุณเสมอ...อย่าคิดว่าคุณอยู่คนเดียวเลยนะครับ”

“ทิชาดีใจจริงๆที่ได้รู้จักคุณ...ขอบคุณนะคะคุณโขง” ทิชามองโขงเอ่ยอย่างซึ้งใจ ทั้งสองมองตากันนิ่ง แต่เสียงโทรศัพท์ทำลายบรรยากาศขึ้น โขงยกโทรศัพท์ดูหน้าจอ พึมพำเบาๆ

“แสน...”

แสนโทร.บอกโขง ตามองเปิ้ลกับส้มที่กำลังดูแลลูกค้าว่า

“มาสอง...ไม่ใช่เด็กขนาดนั้น...แต่เป็นคนไทยชัวร์”

ทันใดแสนก็ตกใจเมื่อเห็นเปิ้ลทำเครื่องดื่มหกใส่ลูกค้าเพราะตกใจถูกลูกค้าลวนลาม โตรีบเข้าไปขอโทษลูกค้า เดี๋ยวตนจะเคลียร์ให้แล้วพาเปิ้ลไปแสนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดบอกโขงว่าเดี๋ยวโทร.กลับแล้วตามไปดู

เมื่อโขงกลับเข้าบ้านเห็นถุงผ้าใส่อาหารของเหมียวลืมไว้ คิดว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้แต่ฉุกคิดอะไรได้คว้าถุงผ้าออกไปเลย

เปิ้ลถูกโตตำหนิรุนแรงเพราะคุณประกิตเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ การที่ถูกจับโน่นลูบนี่ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้า แล้วโตก็ส่งเปิ้ลไปให้พีระจัดการต่อ

โขงไปถึงบ้านเช่าเปิ้ลเห็นเหมียวเพิ่งกลับ ถามว่าทำไมเพิ่งกลับเลิกงานตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ เหมียวทำหูทวนลมเดินผ่านไป โขงถามว่าโกรธอะไรตนหรือ เหมียวหันขวับดึงถุงผ้าคืน โพล่งก่อนรีบเข้าห้องไปว่า

“เลิกทำเป็นสนใจฉันสักทีเหอะคุณ” เหมียวเข้าห้องไปกระแทกตัวนั่งที่เตียง บอกตัวเองอย่างเจ็บปวดว่า

“ถ้าไม่อยากเจ็บก็อย่าไปชอบเขาสิวะ”

อึดใจเดียวเปิ้ลก็เปิดประตูเข้ามาบอกเหมียวว่า “เจอคุณโขงหน้าบ้านเขาบอกว่าแกโกรธไรเขาก็ไม่รู้” เหมียวตอบเสียงห้วนว่าไม่มีอะไร เปิ้ลเข้ามาถามว่าเป็นอะไร เหมียวได้กลิ่นเหล้า ถามว่าไปทำอะไรมาทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งอย่างนี้ ถามว่าเห็นว่าไปสมัครงาน สมัครที่ไหน

เปิ้ลบอกว่าร้านอาหารแถวนี้ ร้านอาหารกึ่งผับมันก็ต้องมีเหล้าเบียร์บ้างไม่เห็นแปลกเลย เหมียวถามว่าเปิ้ลโกหกตนหรือ เราเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหนแล้วทำไมตนจะไม่รู้ว่าเปิ้ลปิดบังตน

เปิ้ลย้อนว่าทีเหมียวยังไม่เล่าให้ตนฟังทุกเรื่องเลย เหมียวชอบโขงก็ไม่เคยบอก ทะเลาะอะไรกันก็ไม่เคยเล่า เหมียวที่กำลังหงุดหงิดเรื่องโขงกับทิชาโพล่งไปอย่างไม่อยากให้เปิ้ลรู้ว่า

“ก็มันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแกไง”

เป็นเรื่องทันที เปิ้ลบอกว่างั้นเหมียวก็ไม่ต้องมาถามเรื่องของตนเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองเหมือนกัน

เปิ้ลผลุนผลันออกไป เหมียวรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดไม่ดีกับเพื่อนก็รีบตามออกไป

โขงยังอยู่หน้าบ้านเช่า เห็นมอเตอร์ไซค์วินคันหนึ่งผ่านมาจึงโบกเรียก พอมอเตอร์ไซค์จอดเปิ้ลก็โดดขึ้นสั่งให้ไปเลย เหมียวตามมาไม่ทัน โขงเรียกรถอีกคันบอกให้เหมียวซ้อนตามไปจะได้เห็นถนัด

ตามไปที่ตลาดก็ไม่เห็นเปิ้ล โขงให้นึกดูว่าเปิ้ลชอบไปที่ไหน จึงตามไปที่ริมทะเลเห็นเปิ้ลนั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่ โขงเข้าไปทัก แต่พอเหมียวตามมา เปิ้ลถามว่าจะตามมาด่าอีกเหรอ

เหมียวขอโทษเปิ้ลที่พูดไม่ดีไป ยอมรับว่าตนชอบโขง แต่ไม่ได้บอกเปิ้ลเพราะไม่อยากยอมรับว่าตนชอบโขงจริงๆ และที่ไม่อยากให้เปิ้ลไปทำงานกลางคืนเพราะเจอผู้ชายขี้เมา เปิ้ลจะไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรบ้าง บอกว่าถ้าจะหาเงินให้แม่บอกตนตรงๆ เปิ้ลบอกว่า

ทุกวันนี้เหมียวก็ทำงานหนักอยู่แล้ว

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 5 วันที่ 19 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ