My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 7 วันที่ 22 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 7 วันที่ 22 ก.ค.61

โขงกับเหมียวโต้เถียงกันเรื่องเหมียวไปทำงานที่ผับพีระ เหมียวอ้างเหตุผลเดิมของตน โขงบอกว่าตนไม่ให้เหมียวไปทำงานที่นั่น เหมียวบอกว่างั้นก็หาเงินมาให้สิ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องมาคุยกัน พูดแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูใส่หน้าโขง ปัง!

ยายไรกับยายหวานได้ยินและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ยายหวานสรุปทันทีว่า

“นังเหมียวร้อนเงิน ไอ้โขงไม่ให้นังเหมียวเลยต้องไปทำงานกับคุณพีระ...หมดโปรโมชันแล้วสินะ



ผัวไม่เลี้ยงดูแล้วไง ใกล้ถูกทิ้งแล้วแน่นังเหมียว”

“ใช่เหรอวะ” ยายไรยังสงสัย

เหมียวทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหวังได้เงินและไม่ถูกเลิกจ้าง จนถูกอกถูกใจลูกค้าติดใจ พีระพอใจการทำงานของเหมียว พอลูกค้ากลับก็เรียกเหมียวไปพบให้นั่งกินข้าวด้วยกันจะได้เป็นเพื่อนและคุยกันด้วย

พร้อมดูอยู่ตลอดเวลา ปรารภกับแสนว่าแปลก คุณพีระไม่เคยชวนพนักงานคนไหนไปกินข้าวเลย สงสัยจะหลงเสน่ห์แคทตี้ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของเหมียวเข้าแล้ว นอกจากชวนนั่งโต๊ะแล้ว พีระยังพาเหมียวไปหนองตาคำ โฮเทลด้วย พูดอย่างรู้ดีว่า

“โรงแรมหรูเลยล่ะ คงได้กินกันทั้งคืนแน่”

แสนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมเดินออกมาเหลือบมองแสนแล้วยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

โขงรีบขึ้นรถสองแถวของไสวมุ่งไปที่ร้านอาหารโรงแรมที่แสนบอกทันที ไสวขับไม่ทันใจก็เร่งจนพอไปถึงโรงแรมโขงก็วิ่งลงไปเลย ไสวสงสัยว่ารีบร้อนแบบนี้สงสัยมีเรื่องอะไรหรือเปล่า

พีระส่งเครื่องดื่มให้เหมียว เหมียวพยายามปฏิเสธแต่ก็ขัดพีระที่คะยั้นคะยอแกมบังคับไม่ได้ เหมียวดื่มจนบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่พอพีระบอกว่าเรื่องเงินตนช่วยได้ เหมียวก็รับมาดื่ม อ้อนว่า

“ถ้าแก้วนี้หมด คุณพีระต้องบอกแคทตี้นะคะว่าทำไมถึงแสนดีแบบนี้”

เหมียวดื่มจนบอกว่าไม่ไหวแล้ว พีระก็ขยับเข้าใกล้เอามือวางที่ขาเหมียว เหมียวถามว่า

“คุณพีระจะทำอะไรแคทตี้เหรอคะ”

“แล้วเธอจินตนาการไว้ว่ายังไงล่ะ” พลันก็ยื่นหน้าเข้าไปจะจูบ เหมียวหลับตาปี๋กลั้นหายใจ

ทันใดนั้นโขงพรวดเข้ามากระชากพีระออกจากเหมียว ตะคอก

“ไอ้คุณพีระ!!!”

“คุณโขง คุณมาอาละวาดที่นี่ไม่ได้นะ” เหมียวตกใจพยายามดึงโขงออกจากพีระ

“คุณจะทำอะไรมณเหมียววะ!” โขงตะคอกอีก พีระลุกขึ้นเผชิญหน้าโขงโดยมีเหมียวยืนคั่นกลาง

ooooooo

ไสววิ่งมาเจอเหมียว ถามว่าโขงอยู่ไหน เหมียวมองไปทางลานจอดรถแทนคำตอบ ที่นั่นโขงกับพีระกำลังเผชิญหน้าจดจ้องเหมือนนักมวยบนสังเวียนที่พร้อมจะปล่อยอาวุธเล่นงานคู่ต่อสู้

พีระจดๆจ้องๆแต่พูดดูถูกโขงว่าไม่มีน้ำยา เหมียวยั่วอ่อยจนเพลียก็ไม่ทำอะไรจึงต้องหันมาหาตน ปกติตนต้องจ่ายก่อนแต่เหมียวนี่...ฟรี

พีระยั่วจนโขงทนไม่ได้โผเข้าต่อยปาก ด่าไอ้ชั่ว ไอ้เลว พีระปากแตกแล้วแต่ยังเยาะเย้ยโขงไม่หยุด

“ยอมรับเถอะคุณโขง คุณก็อยากได้อีนี่เหมือนกัน แต่ไม่มีปัญญา”

พีระทั้งเยาะเย้ยและยั่วพลางถอยไป โขงย่างสามขุมตาม สีหน้าแววตาเลือดขึ้นหน้า ยิ่งเมื่อพีระบอกว่า

“ฉันติดใจมันแล้วสิ คงไม่เบื่อง่ายๆ อาจจะใช้งานอีกซักเดือนสองเดือนก่อนนะ มึงก็รอตอนกูโละมันทิ้งขยะรีไซเคิลละกัน อาจจะเยินๆไปบ้าง”

“ตายซะเถอะมึง!!!” โขงคำรามบ้าดีเดือดต่อยออกไปสุดแรง พีระหน้าตาตกใจ แต่ที่แท้โขงต่อยกำแพงระบายอารมณ์จนข้อนิ้วแตกเลือดออกทนถูกพีระเยาะเย้ยและยั่วไม่ไหวรีบเดินหนีออกไป

“ออกมาได้แล้วทิชา” พีระเช็ดเลือดที่มุมปากร้องบอกทิชาที่หลบอยู่หลังเสา พอทิชาเดินซีดออกมาก็ถาม “ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอทิชา หรือเจ็บจนพูดไม่ออก...เสียใจที่เห็นไอ้พวกคนต่ำๆมันรักกันแล้วอิจฉาผิดหวังก็ร้องไห้ออกมาเลยสิ”

“ฉันอยากหัวเราะที่คุณโดนฟาดปากจนอยากจะปิดตลาดเลี้ยงฉลองมากกว่า” ทิชาเดินจ้ำมาที่รถตัวเองและขับออกไปอย่างเร็ว พีระมองตามพูดเยาะ “ทำปากแข็งไปเถอะทิชา”

ทิชาขับรถออกไปจอดใต้เสาไฟฟ้า ทิ้งตัวพิงพนัก พึมพำทั้งเสียใจและโกรธว่า

“คุณโขง คุณโกรธแค้นพีระเพราะเหมียว...นี่คุณแคร์เหมียวขนาดนี้เลยเหรอ กับฉัน...คุณไม่เคยหึงหวงอะไรเลยใช่ไหม”

ส่วนที่ประตูเชื่อมกับลานจอดรถที่ผับ เหมียวทำเป็น เกรี้ยวกราดโขงและปกป้องพีระ โขงพูดอย่างรับไม่ได้ว่าไม่คิดเลยว่าเธอจะยอมขนาดนี้ ตนคงมองเธอผิด เหมียวอ้างอยู่ประโยคเดียวว่า

“ฉันมีความจำเป็น คุณไม่เข้าใจ” โขงพูดไม่ออกเดินหนีไป เหมียวยังตะโกนตามหลังไปว่า “ดีแล้ว ทีหลังคุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของชาวบ้านอีกล่ะ”

กลับถึงบ้าน คำพูดของเหมียวที่ว่า “ฉันมีความจำเป็น คุณไม่เข้าใจ” ยังวนเวียนกึกก้องในความรู้สึก โขงตะโกนถามอยู่คนเดียวว่า “คุณคิดอะไร จะทำอะไร ความจำเป็นคืออะไร ทำไมไม่บอกผม”

ooooooo

สองวันต่อมา...เมื่อโขงกลับไปทำงานทั้งที่แขนยังต้องแขวนพยุงอยู่ ยังไม่ทันได้นั่งโต๊ะทำงานสวัสดิ์ก็วิ่งเข้ามาเรียกทุกคนหน้าตาตื่น

พอทุกคนออกไปที่หน้าสำนักงานก็เห็นรถตู้ของพีระจอดอยู่และมีนักข่าวยืนรออยู่สี่ห้าคน แป๊ะนึกว่ามาทำข่าวโขงช่วยยายแจ๊วลงมาจากเสา แต่พอนักข่าวเห็นโขง ก็วิ่งเข้าหา ถามว่าเขาเพิ่งช่วยชีวิตคนเอาไว้แล้วทำไมถึงกลายเป็นอันธพาลไปทำร้ายคนอื่นปางตาย

นารีถามว่าพวกคุณพูดเรื่องอะไร นักข่าวบอกว่าเรื่องที่โขงไปอาละวาดที่ร้านอาหารเมื่อคืนก่อน สุรารักษ์ถามว่าอาละวาดอะไร พร้อมยืนอยู่ข้างหลังกลุ่มนักข่าวพูดแทรกขึ้นว่า

“งั้นดูด้วยตาคุณเลยแล้วกัน ว่าคุณทำอะไร

คุณพีระไว้บ้าง” กลุ่มนักข่าวแหวกออกเผยให้เห็นพีระที่นั่งอยู่บนรถเข็นมีทนายเข็นให้ มุมปากบวมปูด แขนเข้าเฝือกอ่อน พร้อมป่าวร้องว่า “นี่คือผลงานของเจ้าหน้าที่พัฒนาครอบครัว”

นักข่าวถ่ายรูปพีระกันพึ่บพั่บ ในขณะที่เจ้าหน้าที่พัฒนาครอบครัวทุกคนหันมองโขงอย่างตกใจ

เมื่อเข้าไปในสำนักงาน โขงปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนไม่ได้ทำ เปิดโปงพีระว่าสกปรก ลงทุนเล่นละครได้ขนาดนี้เลยหรือ มันจะน่าขำแค่ไหนถ้าใครๆจับได้ว่าทุกอย่างที่เขาทำมันปลอมทั้งนั้น

พีระบอกว่าให้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บอกความจริงก็แล้วกัน แล้วทนายก็เอาโน้ตบุ๊กมาเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดในลานจอดรถผับให้ดู ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพที่โขงเป็นฝ่ายกระทำพีระทุกขั้นตอนแม้กระทั่งพีระถอยและยกมือยอมแพ้ โขงก็ยังตามไปอย่างเกรี้ยวกราด

ทั้งพร้อมและทนายรุมกันถามว่าหลักฐานชัดอย่างนี้โขงยังจะปฏิเสธอีกหรือ แป๊ะถามโขงเบาๆว่าแผลที่มือเพราะอัดพีระหรือ ทนายเอาใบรับรองแพทย์มาโชว์ พร้อมก็อ้างลูกค้าในร้านอาหารเป็นพยานได้

โขงทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเปิดโปงว่าพีระจงใจให้ตนรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นให้ตามเขาไปและจัดฉากทุกอย่างไว้ ทุกอย่างเป็นแผนของเขา ภาพที่เอามาก็ไม่ใช่เหตุการณ์ทั้งหมด เขาสร้างสถานการณ์เพื่อทำลายตน ตนไม่ได้ทำอะไรเขามากกว่าต่อยปากเลย

ระหว่างโขงแฉพีระนั้น นารีบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ตนต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน พีระถามนารีว่าไม่เช็กเมลหน่อยหรือ นารีหันไปกดคอมพ์เช็กเมล พอสัญญาณมาเจียรไนยอ่านดังๆ

“คำสั่งด่วนจากกรมพัฒนาครอบครัว...พักงานนายโขง ธรรมดี ไม่มีกำหนด ลงชื่ออธิบดีกรม...”

ทุกคนตกใจกับคำสั่งฟ้าผ่านี้ พอพีระกลับถึงออฟฟิศ ชัยกับดำก็สอพลอว่าแผนของเขาเยี่ยมมากสามารถเด้งโขงออกไปได้ พีระยิ้มลำพองใจบ่นว่า “เสียดายที่ไม่ได้เลี้ยงส่งไอ้โขงเลย”

สวัสดิ์ถามนารีว่าโขงโดนพักงานจริงๆหรือ นารีบอกว่าจนกว่าจะมีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าโขงไม่ได้ทำ

โขงเดินอ้าวกลับบ้าน ทิชามาดักเรียกบอกว่าถึงขั้น สั่งพักงานก็เกินไป ยังไงก็ควรมีการสอบสวนก่อน โขงบอกว่าพีระเตรียมหลักฐานไว้พร้อมมาก ทิชาอาสาเป็นพยานให้ เขาถามว่าวันนั้นเธอเห็นเหตุการณ์หรือ ทิชาปฏิเสธว่าเปล่า แต่เมื่อวานตนเจอพีระดูเขายังปกติมาก ไม่ได้เจ็บหนักอย่างที่เห็นวันนี้เลย

โขงเกรงว่าทิชามาเป็นพยานให้ตนจะทำให้เธอเดือดร้อน ผิดใจกับแม่ ตนไม่โอเคเลยถ้าเธอต้องเดือดร้อนเพราะช่วยตน ทิชาจับมือโขงบอกว่าตนไม่แคร์ ตนอยากช่วยเขา

เหมียวกลับถึงบ้านดู live จากโทรศัพท์แล้วโพล่งว่าคุณโขงไม่ได้ทำ สภาพของพีระคือการแต่งแฟนซีและแสดงละครเพื่อทำลายโขงร้อยเปอร์เซ็นต์โพล่งแล้ววิ่งออกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ไปหาโขงทันที เจอโขงกับทิชาที่ทางเดินเข้าบ้าน เหมียวบอกว่าตนมีเรื่องต้องคุยกับเขา

ทิชาเร่งโขงให้รีบเข้ากรุงเทพฯกัน ผู้ใหญ่จะได้รู้ว่าความจริงเป็นยังไง เหมียวบอกโขงเสียงแข็งว่าถ้าไม่ได้คุยกันตอนนี้ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว โขงจึงบอกทิชา ว่าเดี๋ยวตนโทร.หา ทำให้ทิชาผิดหวังมาก

โขงจูงมือเหมียวเข้ามาในบ้าน เหมียวบอกว่าเขาก็น่าจะรู้ว่าตนไปทำงานที่ผับพีระทำไม ยืนยันว่าตนเอาตัวรอดได้ เขาไปก็ต้องเดือดร้อนอย่างที่เห็น โขงบอกว่าถึงรู้ว่ามันเป็นกับดักตนก็ต้องไปอยู่ดี เหมียว ถามว่าบ้าไปแล้วหรือ

“เออ...บ้า ยังไม่รู้อีกรึไง...” โขงดึงเหมียวเข้าไปกอด “เป็นห่วงจนจะบ้าอยู่แล้ว” เหมียวบอกว่าเขาก็เป็นห่วงแบบนี้กับทุกคน “ผมอาจเป็นห่วงทุกคน แต่มีแค่คนเดียวที่ต่างจากคนอื่น”

แล้วโขงบอกว่าตนก็กลัวเหมือนกัน เพราะตนไม่ได้มาจากครอบครัวดีเด่นอะไร ยอมรับว่า...

“ความรุนแรงที่ผมเจอ มันทำให้ผมไม่กล้ามีความผูกพันกับใครเหมือนกัน แต่อยู่ๆใจเรามันก็เปลี่ยนไปโดยที่เราควบคุมไม่ได้ ใจเรามันน่ากลัวนะ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องซื่อสัตย์กับมันไม่ใช่เหรอ...ผมเป็นห่วงคุณ ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณเข้าหาไอ้พีระเพราะอะไร แต่ผมก็ยอมให้คุณไปเสี่ยงไม่ได้ แค่คิดว่ามันแตะต้องตัวคุณผมก็ทนไม่ไหวแล้ว”

เหมียวยังไม่มั่นใจกับความรู้สึกของโขงนัก โขงยืนยันว่าตนจริงจัง ตนอยากเห็นเธอปลอดภัย เหมียวบอกว่าตนก็ไม่อยากเห็นเขาโดนพักงานเหมือนกัน ทั้งสองเปิดใจและหยอกล้อกันในความรู้สึกที่มีต่อกัน

วันต่อมาโขงไปหาครูจันทราที่บ้าน เจออิสระ อคิน พัสกรและเตชัสที่บ้านครู ทุกคนเป็นห่วงโขงและช่วยกันคิดหาทางสู้กับพีระ เตชัสเสนอว่าที่โขงสู้พีระไม่ได้เพราะเขาไม่มีอะไรในมือเลย

ครูจันทราเสนอว่า อย่างแรกโขงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อน ยังไงเราก็ลุยเดี่ยวไม่ได้ โขงต้องมีคนที่นั่นคอยสนับสนุน อคินเสนอว่าถ้าไม่มีคลิปแต่มีภาพหรือพยานก็ได้ บอกโขงให้คิดดูว่ามีใครยืนยันให้เขาได้ไหม

โขงพยายามคิด นึกได้ว่าในกล้องวงจรปิดมีรถสองแถวจอดอยู่ ลองซูมเข้าไปดูเห็นเป็นรถของลุงไสว

โชคดีจริงๆที่ไสวเพิ่งซื้อกล้องวงจรปิดมาติด จึงได้ภาพจากอีกมุมหนึ่งต่างจากภาพกล้องวงจรปิดของผับ ในภาพเห็นชัดว่าโขงไม่ได้ชกพีระแต่ชกกำแพงระบายอารมณ์ และทนพีระยั่วยุไม่ไหวเดินหนีไป ที่สำคัญพอโขงเดินออกไป พีระเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพูดอะไรกับใครสักคนแต่ไม่มีเสียง ทุกคนดูภาพแล้วไสวถามว่า

“พอยืนยันได้ไหมครับว่าคุณโขงไม่ได้อัดคุณพีระอย่างที่เป็นข่าว”

นารีดูแล้วให้สวัสดิ์เตรียมเอารถออกไปสำนักงานใหญ่ ถามไสวว่าสะดวกไหมถ้าจะให้ไปยืนยันความบริสุทธิ์ให้โขงด้วยกัน ไสวตอบทันทีว่ายินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

เมื่อไปถึง “กองปราบปรามพิเศษ” เตชัสแนะนำโขงแก่เพื่อนว่าโขงคือเจ้าหน้าที่พัฒนาครอบครัวที่ตนเล่าให้ฟัง โขงจึงยื่นเอกสารข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ที่หนองตาคำให้ อึดใจเดียวผู้กองกำชัยก็โทร.มาบอกโขงว่าพบรถตู้คันต้องสงสัยแล้ว เมื่อแสนดูก็ยืนยันว่าเป็นรถคันที่รับส้มกับเปิ้ลไป

จากการตรวจสอบเส้นทางรถตู้ เริ่มออกจากผับ ไล่ไปจนถึงหาดใหญ่ วิเคราะห์กันว่าคงเป็นจุดพัก เพื่อรอส่งไปต่างประเทศ กำชัยบอกโขงว่า

“ผมจะประสานตำรวจท้องที่ให้ช่วยติดตาม ยังไงเราก็ต้องช่วยทุกคนให้ได้”

เปิ้ลกับส้มก็พยายามหาทางหนี เห็นผู้คุมที่เอาข้าวมาให้มีโทรศัพท์เหน็บกระเป๋าหลังก็ทำทีทะเลาะตบตีกัน ผู้คุมเปิดประตูเข้ามาห้ามก็อาศัยช่วงชุลมุน

จิ๊กโทรศัพท์แล้วแอบโทร.หาเหมียว แต่บอกได้แค่ว่าพวกตนทำงานที่ผับพีระและถูกหลอกมาแล้วเสียงก็เงียบหายไปเลย

ชัยกับดำและผู้คุมอีกสองคนเข้ามาจ้องเปิ้ลที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น พอชัยจะเข้าแย่งโทรศัพท์เปิ้ลก็ขว้างโทรศัพท์จนแตกกระจายแล้ววิ่งไปที่ประตู ชัยตามไปจิกกลับมาจะทำร้าย ดำรีบเตือนลูกพี่ว่า

“เฮ้ยพี่ชัย นายสั่งไว้ ห้ามทำให้สินค้ามีตำหนิ เดี๋ยวเราโดนด่าอีก” ชัยจึงปล่อยเปิ้ลไปอย่างหงุดหงิด

เหมียวรีบโทร.กลับหาเปิ้ลแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เหมียวพึมพำอย่างร้อนใจ

“เปิ้ล...แกเป็นไงบ้างวะ...ฉันจะช่วยแกได้ไงเนี่ย”

ที่กองปราบปรามพิเศษ ทิม เจ้าหน้าที่กองปราบเดินคุยมากับเตชัสและโขง

“ผมแจ้งไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างผับพีระกับมูลนิธิ

แสงระวี แต่ยังไม่พบความผิดปกติ” โขงเอ่ย เตชัสก็บอกว่า

“ข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้ไม่แข็งแรงพอที่ศาลจะอนุมัติหมายค้นห้องทำงานหรือบ้านนายพีระ”

ทิมบอกว่าเราต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม ถ้าเราไม่ล่อซื้อก็ต้องส่งสายเข้าไป โขงติงว่าคนของเราที่อยู่ข้างในก็ถูกพีระสงสัย กว่าจะหาคนใหม่ ผู้หญิงที่หายตัวไปอาจถูกส่งไปประเทศที่สามแล้วก็ได้ เตชัสเสนอว่า

เราต้องเร่งมือ ถ้าเอาผิดนายพีระได้ก็น่าจะยับยั้งการเคลื่อนไหวทางอื่นของมันได้เหมือนกัน

ทันใดนั้นกำชัยก็เรียกโขงบอกว่ามีคนอยากคุยกับเขา

เหมียวรีบมาหาโขงเล่าว่าเปิ้ลโทร.มาหาตน

พูดกันไม่ทันรู้เรื่องสายก็ตัด ตนโทร.กลับก็ติดต่อไม่ได้

กำชัยบอกว่าตนเช็กแล้วเป็นเบอร์แบบเติมเงิน ดูชื่อที่ลงทะเบียนก็เป็นพวกรับจ้างเปิดเบอร์ให้คนอื่น จึงไม่มีร่องรอยอะไรเลย

เหมียวทนไม่ได้ เสนอว่าตนจะกลับเข้าไปทำงานที่นั่นเพื่อหาหลักฐานว่าพีระค้าผู้หญิง โขงค้านทันทีเพราะพีระรู้แล้วว่าเหมียวเป็นใคร เขาคงไม่ปล่อยให้เหมียวล้วงความลับง่ายๆ

“ผู้กองบอกว่า พอนายพีระมันเขี่ยคุณได้ ก็มั่นใจตัวเองมาก ดูไม่กลัวใครทั้งนั้น ตอนนี้กำลังชะล่าใจ มันไม่น่าสงสัยฉัน” เหมียวมั่นใจ แต่โขงก็ยังไม่ยอมให้เธอกลับไป

“ฉันเห็นด้วยกับคุณเหมียวนะ โทษทีที่ขัดจังหวะ นายเพิ่งพูดเองว่าจะหาทางส่งสายคนใหม่เข้าไป ผู้หญิงอื่นๆอาจถูกส่งไปประเทศที่สามแล้วก็ได้”

ยังไงโขงก็ไม่ยอมให้เหมียวไป เพราะมันเสี่ยงเกินไป เหมียวเล่าถึงความผูกพันและช่วยเหลือกันมากับเปิ้ล บอกว่าตนไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้ในขณะที่เพื่อนรักกำลังเผชิญอันตราย ยอมรับว่าตนก็กลัวถ้าเข้าไปทำงานกับพีระอีก แต่ขอร้องอย่างมั่นใจว่า

“ฉันรู้ว่าใครคอยอยู่ข้างหลังฉัน...ฉันเห็นคุณเป็นตัวอย่างไงคุณโขง ฉันอยากทำสิ่งที่ฉันทำได้ ให้ฉันช่วยเถอะนะคะ”

เพื่อความปลอดภัยของเหมียว เตชัสจึงสอนศิลปะป้องกันตัวให้เหมียว เหมียวตั้งใจฝึกจริงจังเพื่อหาทางช่วยเปิ้ลให้ได้

“ดวงตา ใช้นิ้วจิ้มก็ได้ หรือใช้หมัดชก ถ้าเป็นหู ใช้มือตบ ถ้าโจมตีแรงๆจะหยุดคนร้ายได้ ส่วนลำคอ ใช้สันมือสับไปที่ลูกกระเดือก” เตชัสสอนไปสาธิตไป

“ตา หู กระเดือก!” เหมียวทบทวนอย่างแม่นยำ

“แจ่ม!...คุณรู้จักลิ้นปี่ไหม” เหมียวพยักหน้า

“ชก เตะ หรือถีบเลยรับรองจุก อีกจุดที่คุณน่าจะรู้อยู่แล้ว จุดยุทธศาสตร์ของผู้ชาย” เหมียวบอกว่าข้อนี้ง่าย

ตนเคยลองมาแล้ว “นั่นแหละครับ จะกำ บีบ ถีบ เตะอะไรก็ได้ ได้ผลใกล้เคียงกัน แต่ต้องให้แน่ใจว่าที่เราทำมันแรงพอจะหยุดคนร้ายได้นะครับ”

“ค่ะ ตา หู คอ ลิ้นปี่ แล้วก็เป้า” เหมียวทวน

“เอ้า ไอโขง เข้ามา” เตชัสเรียกโขงมาเป็นคู่ซ้อมของเหมียว พอซ้อมได้ครบทุกจุดเหมียวหยุดดูผลงาน โขงบอกว่าไม่ต้องหยุดดูผลงาน วิ่ง...สุดท้ายต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุด ไกลที่สุด แล้วคุยว่า

“นี่ผมออมมือให้ ไม่ได้ทำจริง แต่พวกนั้นจะเต็มที่กับคุณแน่ๆ”

“นี่ฉันก็ออมมือให้ ไม่ทำจริง ถ้าทำจริงคุณเป็นหมันไปแล้ว” เหมียวคุยบ้างเพื่อให้โขงมั่นใจ แล้วพูดจริงจังว่า “ฉันสัญญานะคุณโขง ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”

ฝึกซ้อมจนมั่นใจแล้ว คืนนี้เหมียวไปยืนที่หน้าผับ เห็นรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ เหมียวนึกภาพภายในรถตู้...

ภายในรถตู้มีการดัดแปลงมีจอรับสัญญาณ โขง เหมียว กำชัย และทิมนั่งอยู่ในรถ

โขงติดเข็มกลัดที่เป็นกล้องแอบถ่ายให้เหมียวแถวป้ายชื่อพนักงาน ทิมกำชับว่า

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 7 วันที่ 22 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ