My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 1 วันที่ 12 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 1 วันที่ 12 ก.ค.61

“ครู...” โขงอุทานเสียงสะท้าน...

ครูจันทรามองหน้าโขง นึกถึงโขงในอดีตเมื่อครั้งที่ครูให้เขียนเรียงความเรื่องฮีโร่ของผม เวลานั้นโขงถือเรียงความในมือนั่งกับพื้น เอ่ยกับครูและเพื่อนๆ ที่นั่งห้อมล้อม

โขงเอ่ยกับทุกคนว่าต่อไปนี้เป็นเรียงความเรื่องฮีโร่ของผม แล้วเริ่มอ่านอย่างตั้งใจ

“ฮีโร่ของผมคือคุณครูจันทรา วงศ์เรือง คุณครูเป็นคนที่ยอมเผชิญหน้ากับเรื่องราวยากๆ ความทุกข์  ความวุ่นวาย เช่น ไปให้การที่ศาลเยาวชน ไปประกันตัวเด็กๆ ที่สถานีตำรวจ เยี่ยมเด็กๆที่บาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทหรืออุบัติเหตุจากการแข่งมอเตอร์ไซค์บนถนนที่โรงพยาบาล พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจลูกๆ และอื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่ใช่เรื่องของตัวเอง”



ครูจันทราหัวเราะขำๆเมื่อนึกไปอีกทางเหมือนโขงว่าตน “เผือก” โขงยังคงอ่านต่อไปอย่างภูมิใจ

“คุณครูต้องมารับรู้เรื่องราวชีวิตบัดซบ ต้องคลุกคลีกับผ้าขาวที่สกปรก ที่ไม่สวยงาม เพื่อช่วยเด็กๆได้มีชีวิตที่สวยงาม”

“สิ่งที่ผมเสียดายก็คือ...ผมคิดว่าถ้าพ่อแม่ของผมได้รู้จักกับครู หรือมีคนอย่างครูได้ไปให้คำปรึกษาหรือพูดคุยให้ความคิดดีๆกับพ่อแม่ผม เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกท่านคงไม่เกิดขึ้น ผมคงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นผมตั้งใจว่าต่อไปนี้ผมอยากจะเป็นคนที่ทำหน้าที่นั้นเพื่อจะได้ช่วยระงับยับยั้งปัญหาครอบครัว สรุปว่าฮีโร่สำหรับผม ไม่ใช่นักรบ ไม่ใช่นางงาม ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหน แต่คือคนที่สามารถทำให้ความรุนแรงในครอบครัวไม่เกิดขึ้นอีก และทำให้เด็กๆทุกคนเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข”

โขงยิ้มให้ทุกคน พยายามจะไม่ร้องไห้ เพื่อนๆ อึ้ง ซึ้ง และในที่สุดก็ปรบมือกันกราว...

ooooooo

โขงมองครูจันทราพูดอย่างละอายใจว่าตนไม่ดีเหมือนครู ไม่เข้มแข็งเหมือนครู ตนอ่อนแอ ขี้แพ้ ทำแต่เรื่องเดือดร้อน ครูจันทราถามว่าจริงหรือ ตั้งแต่มาทำงานแผนกพัฒนาครอบครัว เธอไม่มีผลงานที่ดีบ้างหรือ

“พี่โขง” เสียงก้อยแทรกเข้ามา โขง ครูจันทรา อิสระ และป้านิดหันมองก้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังเตชัส

ก้อยกราบเท้าโขงที่ช่วยตนกับลูกไว้ บอกว่าถ้าคลอดจะให้โขงตั้งชื่อให้ โขงรีบชักเท้าออกบอกว่าไม่ต้องอิสระถามเตชัสว่าไปพาก้อยมาได้ไง เตชัสบอกว่าครูเขารู้ว่าโขงมันจะเป็นยังไง อิสระทึ่งว่าครูอ่านเกมขาดจริงๆ

“พี่โขง ไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง แต่พี่โขงเป็นที่ปรึกษาครอบครัวที่ดีที่สุดสำหรับก้อยนะ”

โขงหันมองครูจันทรา ความคิดเริ่มสงบลง แล้ววันต่อมาโขงก็ไปหาหัวหน้าที่ “แผนกพัฒนาครอบครัว” หัวหน้าตกใจเมื่อเห็นโขง อิสระ และเตชัสมายืนอยู่หน้าโต๊ะเป็นแผง แล้วก็อึ้งเมื่อเตชัสกับอิสระถอยออกไปและโขงคุกเข่าลง

“หัวหน้าครับ ขอโอกาสให้ผมแก้ตัวอีกสักครั้งเถอะครับ ผมขอโทษที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ แต่ผมขอสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วครับ”

หัวหน้าบอกว่าตนเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เตชัสกับอิสระจึงช่วยพูดขอโอกาสให้โขง เพราะโขงทำงานจริงจัง ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อก็ปลอดภัย ขอให้เห็นแก่ความดีของโขงบ้างเถอะ หัวหน้าบอกว่านั่นเป็นความดีของโขงแต่ฝ่ายชายที่ต้องหยอดน้ำข้าวต้มให้เรารักษาล่ะกี่รายแล้ว

เตชัสรับรองว่าโขงจะไม่ทำอย่างนั้นอีก หัวหน้าถามว่าเอาอะไรมาประกัน

“ฉันเองค่ะ” ครูจันทรายืนอยู่ที่ประตูเอ่ยขึ้น “ฉันเชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้เขาคงไม่โง่ทำลายอนาคตตัวเองด้วยอารมณ์อีก ให้โอกาสเขาอีกครั้งเถอะนะคะ ฉันขอร้อง” แล้วครูจันทราก็เอาเอกสารวางไว้ บอกหัวหน้าว่า “ฉันขอเป็นคนรับผิดชอบความประพฤติของโขงเอง”

เตชัสกับอิสระก็ขอเอาตำแหน่งข้าราชการของตนค้ำประกัน หัวหน้าถามว่าพวกคุณเอาตำแหน่งมาเสี่ยงทำไม

“เราสามคนเป็นข้าราชการ ถึงไม่ใหญ่โตมากแต่ก็พอมีระดับซึ่งเป็นที่ยอมรับอยู่บ้าง เราขอโอกาสจากคุณ ให้โขงอีกครั้ง และโขงก็ต้องรับรู้ว่าต่อไปนี้ ก่อนจะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆว่าถ้าเขาผิดพลาดอีก พวกเราสามคนก็จะพลอยเสียหายไปด้วย ดิฉันเชื่อว่าเขาจะ

ไม่กล้าทำอะไรแบบเดิมอีกแล้วค่ะ”

ครูจันทรา โขง เตชัสและอิสระมองหัวหน้าอย่างมุ่งมั่น ในขณะที่หัวหน้า...หนักใจ

ooooooo

โขงในสภาพโทรมๆเดินเข้าไปในอาคาร เทศบาล เห็นเจียรไนยกำลังแว้ดๆใส่เด็กสาวคนหนึ่งที่มาขอนมผงไปให้ลูกว่าเดือนที่แล้วเพิ่งเอาไปสองกล่อง เด็กสาวบอกว่าหมดแล้ว ก็แว้ดว่าหมดก็ไปซื้อเอา

เด็กสาวโต้ว่าได้รับบริจาคมาตั้งเยอะจะหวงไว้ทำไม ตนมีลูกตั้งสามคน เจียรไนยบอกว่าต้องเอาไว้แจกจ่ายให้ทั่วถึง เพราะคนอื่นก็มีปัญหาเหมือนกัน ด่าว่าขยันทำลูกแต่ไม่ขยันทำมาหากินเดือดร้อนไปทั่ว

โขงยืนฟังอยู่ทนไม่ไหวหยิบนมให้เด็กสาวสองกล่อง

“อ่ะ เอาไป แล้วถ้าเธอไม่อยากขอนมฟรีแล้วโดนด่า เธอก็เปลี่ยนเป็นมาขอคำปรึกษา รับการฝึกอาชีพซะ อาจใช้เวลาหน่อย  แต่ถ้าเธอมีทักษะ มีความรู้เพิ่มขึ้น เธอก็จะได้ทำงานได้เงินเยอะขึ้น เยอะกว่าเก็บขวดขายไม่รู้กี่เท่า”

เด็กสาวบอกว่าตนจบแค่ ป.4 จะฝึกงานอะไรได้ โขงให้กำลังใจว่าเป็นแม่คนนี่ก็ยากที่สุดแล้วยังเป็นได้เลย อย่างอื่นก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ลองดู เด็กสาวขอบคุณที่โขงพูดดี ไม่เหมือนคนอื่น แอบหางตาใส่เจียรไนยอย่างไม่พอใจ

เจียรไนยหันมาถามโขงอย่างเอาเรื่องว่าเป็นใครมาจากไหน  ทำไมมาก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ โขงมองอย่างรำคาญแล้วเดินหนี เจียรไนยตามจิกว่า

ถ้าอยากมาร้องเรียนก็ต้องไปห้องโน้นไม่ใช่เดินเทิ่งๆ มาแบบนี้

โขงเดินเข้ามาในห้องกวาดตามองเห็นแป๊ะกำลังคร่ำเคร่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เหมือนตั้งใจทำงานมากแต่จากเงาสะท้อนหน้าจอ โขงเห็นว่าที่แท้แป๊ะกำลังเล่นเกมอย่างเมามัน

“แป๊ะ...มีเคสใหม่เข้ามา” สุรารักษ์เดินเข้ามาบอก แป๊ะถามว่าค้ามนุษย์เหรอ พอสุรารักษ์บอกว่าเป็นปัญหาครอบครัว ผัวทำร้ายเมีย แป๊ะก็ปฏิเสธว่าไม่เอา  ทำเรื่องนี้ทีไรสุดท้ายก็เป็นหมาหัวเน่าทุกที ถามว่าไม่มีเคสใหญ่ๆ ระดับชาติบ้างเหรอ

“ปัญหาครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาระดับชาติ ฉันนัดสัมภาษณ์ไว้แล้ว อ่ะ...เอาไปจัดการ”

สุรารักษ์เอาแฟ้มให้ แป๊ะทำท่าอิดออด อ้างว่างานตนเยอะ เคสผู้พิการท่วมหัวเลย ให้พี่สุราไปจัดการเองเถอะ อ้างว่าพี่เข้ากับผู้หญิงได้ดีกว่า

“หนึ่ง...ฉันชื่อสุรารักษ์ ไม่ใช่สุรา สอง...คือฉันไม่ว่าง ต้องไปกรุงเทพฯเพราะมีธุระที่กระทรวง สาม...เคสผู้พิการที่ไหน แกเล่นเกมทั้งวัน”

แป๊ะไหว้ขอร้องให้สุรารักษ์รับไว้เองเถอะ แป๊ะพูดไม่ทันจบ โขงก็เดินเข้ามาหยิบแฟ้มบอกว่า

“ผมรับเคสนี้เอง”

แป๊ะอ้าปากค้าง สุรารักษ์ เจียรไนย ต่างมองโขงงงๆ แป๊ะพึมพำ “ใครวะ”

ooooooo

เมื่อโขง สุรารักษ์ เจียรไนย และแป๊ะ เข้าไปที่ห้องทำงานของนารีหัวหน้าฝ่าย นารีหัวเราะถามว่า

“นี่พี่ไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้จะมีนักสังคมสงเคราะห์คนใหม่มา โทษทีๆ พี่คงลืมน่ะ นี่โขง มาจากกรุงเทพฯส่วนนี่ก็สุรารักษ์ เจียรไนยแล้วก็แป๊ะ รู้จักกันไว้นะ”

สุรารักษ์พยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน เจียรไนยฟ้องว่าเมื่อกี้เขาหยิบนมเอาไปบริจาคโดยพลการ

นารีถามว่าแล้วให้เซ็นชื่อด้วยหรือเปล่า โขงบอกว่าตนลืม นารีจึงให้สุรารักษ์ทบทวนการแจกของว่าต้องเซ็นชื่อรับเพื่อป้องกันการกล่าวหาว่าเราเอาของไปขาย โขงจึงขอโทษ

นารีถามว่าแล้วได้ให้เสื้อผ้าเด็กไปหรือเปล่ามีคนเอามาให้หลายถุง เจียรไนยแก้ตัวว่าตนมัวแต่ยุ่งอยู่กับเขาก็เลย...เจียรไนยเหล่ไปทางโขง

“ตอบว่าลืมเหมือนกันก็ได้ สั้นกว่าตั้งเยอะ” โขงขัดขึ้นเคืองๆที่มาโทษตน แป๊ะหัวเราะชอบใจ ส่วนนารีมองโขงยิ้มๆกับท่าทีกวนๆของเขา

สุรารักษ์ยังติดใจเดินมาถามโขงเมื่อออกจากห้องนารีว่าจำตนได้ไหม โขงจำไม่ได้ แต่สุรารักษ์จำได้ บอกว่ารู้ว่าเขาเคยก่อวีรกรรมไว้  เขาควรระวังความประพฤติให้ดี ถ้าอยู่ที่นี่แล้วก่อเรื่องอีกก็ไม่มีที่ไหนต้อนรับแล้ว

โขงเดินไปหาสวัสดิ์ที่เป็นคนขับรถของหน่วยงาน ปลุกสวัสดิ์ที่นอนกรนคร่อกๆอยู่ให้ไปส่งที่บ้านเหมียวซึ่งเป็นงานแรกที่เขารับทำ

“งานแรกก็หินเลยนะ ตั้งแต่มาขับรถให้ที่นี่เจอเรื่องผัวเมียตีกันทุกวัน แต่เคสที่เอ็งจะไปนี่โหดมาก ผัวสาดน้ำกรดใส่หน้าเมีย  จะหึงหวงอะไรขนาดนั้น คนเราสมัยนี้ก็ทำกันได้ ไม่รู้โดนเยอะขนาดไหน แต่ไงก็คงเละ”

สวัสดิ์ทำหน้าสยอง ขับรถพาโขงไปถึงบ้านเหมียวก็เย็นพอดี สวัสดิ์ให้โขงเดินเข้าไปคนเดียวเพราะบรรยากาศวังเวงพิกล ถามโขงว่าขากลับให้เรียกสองแถวกลับเองได้ไหม เพราะตนไม่อยากนั่งรอคนเดียวมันเสียวสันหลังเกิดอะไรโผล่มา โขงบอกให้กลับไปเลยเพราะกว่าตนจะเสร็จก็เลิกงานพอดี เดี๋ยวกลับเอง

สวัสดิ์ดี๊ด๊าได้กลับไปกรึ๊บก่อนเวลา

โขงไปร้องเรียกเหมียวอยู่นาน บ้านเงียบจนนึกว่าไม่มีใครอยู่ แต่แว่วเสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์จึงย่องไปดูที่หน้าต่าง ค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปดู พลันก็ผงะเมื่อมีหญิงสาวผมยาวหวีลงมาปิดหน้าข้างหนึ่งโผล่มา โขงถอยกรูดชนลังเปล่าที่วางเกะกะแทบหงายหลัง

โขงยังตั้งตัวไม่ติดก็มีกระบอกข้าวหลามขว้างมาถูกหัวจังๆ โขงหันไปมองว่าใครขว้าง ก็มีอีกกระบอกหนึ่งลอยมา โขงมือไวคว้าไว้ทัน มองไปเห็นเหมียวกำลังจะขว้างกระบอกที่สามมา รีบร้อง

“เฮ้ยๆคุณ กระบอกเดียวก็อิ่มแล้ว จะให้มาทำไมเยอะแยะ”

เหมียวถามว่าแกต้องการอะไร บ้านนี้ไม่มีอะไรให้ขโมยหรอก โขงกวนไปตามประสาว่าไม่ใช่ข้าวหลามก็แล้วกัน เห็นหน้าเหมียวมีผ้าก๊อซปิดอยู่แว้บๆเลยถามว่าคุณมณฑาใช่ไหม เหมียวถามว่ารู้จักตนได้ไง หรือจะมาขายประกัน แล้วตั้งหน้าตั้งตาไล่ไปให้พ้น ไม่ว่าขายอะไรตนก็ไม่ซื้อทั้งนั้นอย่ามายุ่ง ใช้กระบอกข้าวหลามในมือดันโขงออกไป

“ฟัง!!! ผมมาจากหน่วยงานสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ สุรารักษ์บอกว่านัดคุณไว้แล้ว”

เหมียวชะงักแต่ก็จะไม่ยอมคุยเพราะคนที่นัดไว้เป็นผู้หญิงทำไมกลายเป็นผู้ชาย ไล่กลับไป แล้วไม่ต้องมาอีก

เสียงเอะอะได้ยินไปถึงยายหวานข้างบ้าน ยายหวานรีบโผล่มาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น โขงกับเหมียวโต้เถียงกัน เหมียวไล่อย่างไรโขงก็ไม่ยอมไป  เหมียวเลยจะเข้าบ้าน โขงวิ่งไปดัก ขณะเผชิญหน้ากัน โขงเห็นดวงตาเหมียวสวยและมีพลังมาก เหมียวก็เห็นแววตาโขงที่มองตนอย่างพิศวงสงสัย ต่างจ้องกันอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ชัยก็ออกมาถามเสียงดุดัน

“มีเรื่องอะไรกันวะ”

“ศึกชิงนางเว้ยเฮ้ย” ยายหวานคันปากแทรกขึ้น เป็นเรื่องทันที ชัยตวาดโขงว่ามายุ่งอะไรกับเมียตน เหมียวสวนไปว่า “จะมาจับมึงเข้าคุกไงไอ้ชั่วชัย”

“นี่แหละไอ้ชัย ที่สาดน้ำกรดใส่หน้านังเหมียวมัน” ยายหวานทำตัวเป็นผู้สื่อข่าวรายงานจ้อยๆ

ชัยขอโทษเหมียวสารภาพว่าตนผิดไปแล้ว ถูกเหมียวไล่ให้ไปไกลๆเลยถ้าไม่อยากติดคุก ชัยจับมือเหมียว บอกไม่ยอมไปไหน โขงจึงเข้าไปดึงชัยออกมาแนะนำเหมียวว่า

“คุณมีสิทธิ์ขอคำสั่งศาลไม่ให้สามีเข้าใกล้คุณได้นะคุณมณฑา”

ถูกเหมียวแว้ดใส่ว่าไม่รู้แล้วอย่ามั่ว ชัยได้ทีตะคอกโขงว่า

“เฮ้ยๆ มึงมายุ่งไรด้วยเนี่ย หน้าไม่คุ้น ไม่ใช่คนแถวนี้ล่ะสิ เออ ถึงไม่รู้ว่ากูเป็นใคร นี่ชัย หนองตาคำ นะเว้ย มึงอยากลองสักหน่อยไหมล่ะ”

เหมียวผสมโรงไล่โขง ด่าว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง แล้วหันไปชี้หน้าชัยด่าต่อ

“มึงก็เหมือนกัน ถ้าไม่หยุด ถ้ากูไม่ตาย มึงก็ตาย!!!”

ชัยหันมาไล่โขงว่าคนที่ไม่ได้ขอให้มาช่วยแล้วมา เขาเรียกว่า...

“แส่...” ยายหวานสอดขึ้นมา เลยถูกชัยด่าว่า นี่ก็อีกคน แล้วหันอ้อนเหมียวอีก ยายหวานบอกโขงว่า

“ปล่อยให้คนในครอบครัวเดียวกันเขาเคลียร์กันเองดีกว่าค่ะ สมาคมคนเผือกๆอย่างเราไปหาที่คุยกันสนุกๆดีกว่านะคะคุณ”

โขงเหล่มองยายหวาน แกยักคิ้วแผล็บๆอย่างวัยรุ่น ยายหวานเล่าว่าชัยกับเหมียวตบตีกันเป็นประจำเสียงดังเอะอะกลางคืนตนแทบไม่ได้นอน โขงถามว่าแล้วได้ช่วยอะไรเขาหรือเปล่า

“ลิ้นกับฟันมันกระทบกัน ลูกกระเดือกจะไปเสือกทำไม”

“มันเป็นหน้าที่นะยาย ถ้าเห็นครอบครัวไหนมีการทำร้ายร่างกาย ใช้ความรุนแรงต่อกัน คนที่เห็นต้อง รีบแจ้งเจ้าพนักงานทันที มันเป็นกฎหมายระบุไว้ใน พ.ร.บ.”

พอยายหวานรู้ว่าเป็นกฎหมายก็เสียว ทำเป็นลืมของขอกลับไปเอาแล้วแจ้นไปเลย

ชัยกลัวถูกจับถามเหมียวว่าคนที่มาเป็นตำรวจหรือเปล่า เหมียวถามว่ากลัวหรือ ทำไมเวลาทำคนไม่มีทางสู้ไม่เห็นกลัว

ขณะชัยกำลังออดอ้อนเหมียวนั้น ทับทิมก็ส่งเสียงเมาๆบ่นว่าทำไมมันร้อนอย่างนี้ พอชัยได้ยินเสียงทับทิมก็รีบผละจากเหมียวทันที

ที่แท้ชัยเป็นผัวเด็กของทับทิมแม่ของเหมียว

แต่พอทับทิมเผลอทีไรชัยก็เข้าหาเหมียวแต่เหมียวไม่เล่นด้วย ทับทิมหึงชัยจนเหมียวถูกเล่นงานบ่อยๆ เหมียวเล่าความเลวของชัยให้ฟังก็หาว่าใส่ร้ายผัวเด็กของตน ด่าเหมียวว่าเป็นตัวซวย ชีวิตตนไม่เจริญเพราะเหมียวเป็นตัวถ่วง เหมียวก็ได้แต่อดทนอดกลั้นตลอดมาเพราะแม่ไม่เพียงเล่นการพนันหากยังติดเหล้างอมแงมด้วย

ooooooo

โขงออกจากบ้านเหมียวมาขึ้นรถสองแถวนั่งรถไปก็สรุปงานที่ทำไปได้ว่า

1.ไม่ต้องการความช่วยเหลือ 2.ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด ปิดกั้นคนอื่นเข้าใกล้ แยกตัวจากสังคม และ 3.ป้องกันตัวเองด้วยข้าวหลาม เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนหยิบทุกอย่างรอบตัวมาเป็นอาวุธได้หมดเพราะมัวแต่คิดสรุปงาน โขงนั่งเลยบ้านไปรีบบอกให้รถจอด บ่นว่าเลยป้ายไปก็ไม่เตือน ลุงไสวขออภัย จำได้ว่าเมื่อเช้าไปส่งโขงที่เทศบาลเมืองและยินดีขับย้อนไปส่งโขง

แต่พอลุงไสวนึกได้ก็บอกว่า เดี๋ยวเดินทางลัดทะลุป่าช้านี่ไปก็ถึงบ้านโขงแล้ว

“หา!!” โขงตกใจที่ต้องเดินผ่านป่าช้า บ่น “ไม่รู้ระหว่างไล่ออกกับกลับมาที่นี่อันไหนมันแย่กว่ากัน”

ระหว่างที่โขงเดินผ่านป่าช้าก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ โขงวิ่งไปตามเสียงโดยสัญชาตญาณ เห็นหญิงสาวกำลังถูกชายวัยกลางคนปลุกปล้ำลวนลาม โขงสีหน้าเหมือนโดนผีสิงทันที กระชากชายคนนั้นขึ้นมาชกหน้าตะคอกใส่

“ทำไมมีแต่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิงโว้ย!”

ชายคนนั้นคว้าไม้จะฟาดโขง โขงหมุนตัวกระโจนใส่จนชายคนนั้นตั้งตัวไม่ติด ความดุร้ายเหมือนผีสิงของโขงทำให้ชายคนนั้นกลัวจนวิ่งหนีไป

ที่แท้ชายคนนั้นคือนายพร เป็นคนขับรถของครอบครัวหญิงสาวคือทิชาที่ถูกปล้ำ โขงประคองทิชาขึ้นถามว่า “ผัวคุณเหรอ”

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่ นายพร เขาเป็นคนขับรถของครอบครัวฉันค่ะ ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขากล้าทำแบบนี้”

โขงขับรถของทิชาไปส่งเธอที่บ้านซึ่งใหญ่โตมาก โขงจำได้ว่าตรงนี้เมื่อก่อนเคยเป็นสลัม ตอนนี้กลายเป็นวังไปซะแล้ว โขงถามทิชาว่าขับรถเข้าบ้านเองไหวไหม เธอชวนเข้าบ้านก่อน เดี๋ยวจะให้รถไปส่งเพราะอยากทำอะไรตอบแทนเขาบ้าง โขงบอกว่าตนกลับเองได้เพราะบ้านใกล้แค่นี้เดินไม่หลงแน่

“อาบน้ำ แปรงฟัน นอน คาถาศักดิ์สิทธิ์น่ะคุณ ตื่นมาก็ลืมแล้วว่าเครียดเรื่องอะไร”

ทิชาถามว่าเขาทำแบบนี้เวลาเครียดหรือ ขอบคุณ ตนจะลองทำตาม ทิชาเข้าไปในรั้วบ้านแล้วนึกได้ บอกโขงว่า

“ฉันชื่อทิชา คุณชื่ออะไรคะ”

โขงยืนอยู่นอกรั้วไม่ทันตอบ เสียงพีระก็ถามขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ทิชา!!! ทำไมคุณกลับมาเอาป่านนี้”

ทิชาหันไปมองพีระที่เดินหน้าตึงมา แต่พอหันไปหาโขงอีกทีปรากฏว่าเขาปิดประตูรั้วพอดี เธอมองอย่างผิดหวัง

พอทิชาเข้าไปในบ้านก็ถูกพีระต่อว่าทันทีว่ากลับบ้านผิดเวลา คุณแม่เป็นห่วงมาก นี่ก็ขอให้ตนช่วยส่งคนไปตาม พอดีคุณนายระวีแม่ของทิชาออกมาถามว่า

“ทิชา หนูหายไปไหนมาคะลูก คุณแม่โทร.ไปก็ไม่รับ” แล้วพูดอย่างเอาใจพีระว่า “คุณพีระเขามารอลูกตั้งแต่หัวค่ำ มีของฝากเยอะแยะเลย ไป...ไปนั่งคุยกันต่อในห้องนั่งเล่นดีกว่า”

“วันนี้ทิชาเหนื่อยมากเลยค่ะคุณแม่ อยากจะอาบน้ำ แปรงฟัน...นอน”

ooooooo

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 1 วันที่ 12 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ