My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 4 วันที่ 16 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 4 วันที่ 16 ก.ค.61

น้อยหน่าหน้าเศร้าเล่าว่า เพราะตนเป็นลูกแม่

ยายเกลียดแม่แต่แม่ไม่อยู่ให้ด่าเลยมาลงที่ตน เล่าอย่าง อัดอั้นจนร้องไห้ว่า

“น้อยหน่าทำอะไรก็ผิดหมด ขนาดได้เป็นเชียร์- ลีดเดอร์ยายยังด่าเลย...น้อยหน่าเกิดมาแล้วทำให้ยายขายขี้หน้า ยายก็เลยไม่รัก แม่ก็ไม่รัก แม่เลยทิ้งน้อยหน่าไว้กับยาย ส่วนพ่อเป็นใครก็ไม่รู้...ไม่มีใครรักน้อยหน่าเลยอ่ะพี่โขง...”

ลุงไสวไม่รู้จะทำยังไงเลยจับมือโขงไปลูบหัวน้อยหน่าพูดเองว่า



“ก็มีพี่โขงไงจ๊ะ”

น้อยหน่าดีใจถามว่าจริงหรือ พี่โขงรักน้อยหน่าเหรอ โขงยิ้มเหวอๆ บอกว่า เมื่อกี้ตนไม่ได้พูด น้อยหน่าหงอยลงทันที คร่ำครวญว่าตนไม่สวย ไม่ใส ไม่เร้าใจ ไม่...

โขงรีบบอกว่า

“พี่ไม่ได้เกลียด”

น้อยหน่าตีขลุมว่าแปลว่ารัก พูดอย่างลิงโลดว่า

“พี่โขงเป็นคนแรกเลยนะที่อยู่กับน้อยหน่าตอนน้อยหน่าร้องไห้ ไม่เคยมีใครดีกับน้อยหน่าแบบนี้เลยอ่ะ” จับมือโขงกุมไว้แน่น “ขอบคุณนะพี่โขง” โขงอึดอัดแต่รักษาน้ำใจเพราะน้อยหน่าดีใจมาก

ส้มกินไปคุยไปกับเฮียนาง ชมเหมียวว่าตั้งใจทำมาหากินแบบนี้โคตรเท่เลย ทำให้เฮียนางยิ่งหมั่นไส้เหมียว หาทางแกล้งสารพัดทวงอาหารที่ไม่ได้สั่ง เหมียวก็อดทน แต่ส้มทนไม่ไหวถามว่าตกลงชวนตนมากินข้าวหรือมาหาเรื่องพี่เหมียวกันแน่ แล้วลุกขึ้นออกไปเลย เฮียนางเรียกส้มให้รอด้วยรีบตามไป หันชี้หน้าเหมียว

“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร”

“สงครามบ้าไร” เหมียวพึมพำแต่พอหันกลับก็เจอพี่สายืนหน้าบึ้งอยู่ บอกเหมียวให้ไปหางานอื่นทำเถอะ เหมียวขอโทษอ้อนวอนอย่าไล่ตนออกเลย ขอแก้ตัวใหม่ สัญญาจะไม่มีเรื่องกับใครจะไม่มาสายด้วย เพราะงานนี้สำคัญกับชีวิตตนจริงๆ พี่สาจึงลงโทษด้วยการสั่งให้ทำความสะอาดร้านทั้งหมดคนเดียวหลังปิดร้าน

เหมียวตั้งหน้าตั้งตาขัดพื้น พูดประชดตัวเองว่าเอาให้ขึ้นเงาเลย แต่มีเสียงแซวขึ้นว่า

“ขัดระดับนี้ต้องขึ้นเลขแล้ว”

เหมียวอารมณ์เสียทันทีเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นโขงยืนอยู่ เมื่อเหมียวเอาถุงดำไปทิ้งหลังร้าน โขงตามไปถามว่าทำไมเหลือทำอยู่คนเดียว เหมียวบอกว่าตนชอบทำคนเดียว เล่าว่าวันนี้เหนื่อยสุดๆ จะเอายังไงว่ามาเลย โขงจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อยหน่ารู้ไหม

เหมียวเลยรู้ว่าโขงพาน้อยหน่าขึ้นรถสองแถวไป ถามว่ารู้ไหมว่าใครๆเขาคิดไปถึงไหนกันแล้วความวัวยังไม่ทันจบก็เปิดความควายขึ้นมาอีก ไม่เหนื่อยมั่งรึไง

โขงจึงเล่าอดีตที่เป็นบาดแผลในชีวิตของตน

ให้ฟังว่า ตอนสิบขวบแม่ถูกพ่อยิงตายต่อหน้า ตอนนั้นตะโกนให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีใครช่วยเลย โขงเดินเข้ามาพูดตรงหน้าเหมียวว่า

“ผมคิดตลอดว่า ตอนนั้นถ้ามีใครสักคนมาช่วยพวกเรา แม่อาจจะไม่ตาย แล้วถ้าก่อนนั้นมีใครมาดูแลพ่อหรือมาคุยกับแม่ ครอบครัวผมก็อาจจะไม่พบจุดจบแบบนั้น อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ ผมก็เลยอยากจะเป็นคนคนนั้น คนที่จะไปช่วยครอบครัวอื่นไม่ให้เขาต้องเจอแบบผม จะไม่มีเด็กคนไหนที่ร้องขอให้คนช่วยด้วยๆ แต่ไม่มีใครมาช่วย”

โขงยิ้มกวนๆ กลบเกลื่อนอารมณ์เศร้าของตน แต่เหมียวยิ่งหมั่นไส้หาว่าเขาเล่นละครได้เนียน บอกว่าตนไม่ได้ขอให้เขาช่วย เอาไว้ขอเมื่อไหร่ค่อยมาก็แล้วกัน

สายวันต่อมา เปิ้ลได้รับโทรศัพท์จากแม่จึงเลี่ยงไปรับสายทำกุญแจล็อกเกอร์หล่นไม่รู้ตัว เฮียนางแอบเก็บไว้เดินตามเปิ้ลไปได้ยินเปิ้ลคุยกับแม่ว่าบ้านกำลังจะถูกยึด แต่เปิ้ลไม่ยอมบอกเหมียว เฮียนางจะปากโป้งถูกเปิ้ลพุ่งเขาปิดปากบอกว่าวันนี้เฮียใส่เจลอะไร

เยิ้มเชียวให้ไปล้างออกเสีย เลยกันเฮียนางปากสว่างออกไปได้

เฮียนางยังหาเรื่องเหมียวไม่เลิกไปบอกพี่โชติว่าเหมียวจะลาออกจากสาวโรงงานไปเป็นสาวบริการ พอเหมียวรู้ก็ต่อว่าเฮียนางให้เลิกหาเรื่องกันสักทีตนไปทำอะไรให้หรือถึงตามหาเรื่องไม่ได้หยุด

ส่วนน้องโมก็ยังแอบไปเล่นเกม โขงผลักประตูร้านเกมเข้าไป พวกเด็กๆนึกว่าตำรวจหนีกันกระเจิง โขงบอกสวัสดิ์ให้ช่วยจับเด็กๆที สวัสดิ์ไปแอบดัก พอน้องโมวิ่งมาก็ขัดขาล้มลงเลยถูกจับได้ โขงถามว่าทำไมต้องหนี น้องโมบอกว่านึกว่าพ่อมาตาม

โขงบอกว่าตอนนี้พ่อไปบำบัดติดเหล้าถามว่าแล้วดีขึ้นไหม น้องโมว่าแม่เอาแต่ร้องไห้ตลอด น่าเบื่อ

โขงชวนไปเดินคุย ถามว่าถ้าพ่อเลิกเหล้าได้เราจะเลิกเล่นเกมไหมแล้วหากิจกรรมอื่นทำแทน น้องโมทำหน้าเบ้เชื่อว่าพ่อไม่มีวันเปลี่ยน แม่ก็เหมือนกันรับปากอะไรแล้วไม่เคยทำ ผิดสัญญา โกหกตลอด ไม่เห็นมีใครเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แต่จะมาบังคับให้เด็กกลับตัว

จากการคุยอย่างอดทนของโขงทำให้น้องโมเห็นถึงความปรารถนาดีจริงใจของเขา เมื่อเขาชวนไปทำอะไรที่สนุกกว่าเล่นเกมก็สนใจ

ooooooo

วันต่อมาก็มีเสียงเพลงจังหวะสนุกๆแว่วมา

ในห้องพักของเปิ้ลกับเหมียว พอออกไปดูเห็นคน

มุงกันอยู่ เห็นทีมเต้นของครูพัสกร มีครูแจ็ค ครูแบ็ม และลูกศิษย์กำลังเต้นไปกับเพลงฮิบฮอบอย่างสนุกสนาน

น้องโมมาดูอย่างตื่นตาตื่นใจ แม่แมวก็มาดูอย่างพลอยสนุกไปด้วย

ทีมเต้นของพัสกรสร้างบรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่นานวงเต้นก็กว้างขึ้น...ครูและพัสกรเชิญชวนทุกคนมาร่วมสนุก ที่ไม่เป็นก็สอนให้ ที่เป็นแล้วก็สอนท่ายากขึ้น จนกลายเป็นการเต้นของทุกคน เหมียว เปิ้ล และน้อยหน่าก็เต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง แม่แมวของน้องโมก็ปล่อยแก่เต้นไม่หยุด

แต่พอเหมียวเหลียวเห็นโขงสบตากันอย่างจัง ก็หมดสนุก ชักสีหน้าใส่แล้วเดินออกไป พัสกรเห็นดังนั้นขอร้องให้กลับมาเต้นกันอีกเพราะทั้งเหมียวและเปิ้ลช่วยทำให้บรรยากาศการเต้นสนุก ทำให้เด็กๆกับชาวบ้านยอมเปิดใจให้เรา ขอร้องให้กับไปช่วยกันต่อเถอะ

“นั่นสิ ไปเป็นหน้าม้าให้พวกเราหน่อย” โขงเสริม

เหมียวหน้าตึงบอกว่าไม่ใช่ธุระของเราชวนเปิ้ลไปกันเถอะ เปิ้ลยังติดลม ท่าทางลังเล

“ขอร้องเถอะนะครับ” พัสกรเอ่ย “คือพวกผมไม่ได้มาเล่นๆนะครับ พวกเรากำลังจะทำกิจกรรมเพื่อเด็กด้อยโอกาส ทำให้เด็กได้ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ จะได้ออกกำลัง ได้พัฒนาศักยภาพและได้ค้นพบพรสวรรค์หรือได้ใช้พลังในการสร้างสรรค์อะไรดีๆ จะได้ไม่ไปติดเกมหรือเล่นยา หรือไปหมกมุ่นเรื่องที่ไม่สมวัยทั้งหลาย มาช่วยกันเถอะครับ เด็กๆจะได้มีกำลังใจ แล้วพวกเราก็จะได้สนุกๆนะครับ นึกว่าช่วยเด็กๆด้วยกันนะครับคุณ ผมพัสกร”

“เปิ้ลค่ะ”

“เหมียวฮะ”

“เหมียวเหรอฮะ”

พัสกรทวนชื่อสบตากับโขงถามด้วยสายตาว่าคนนี้หรือ โขงตอบด้วยสายตาว่าใช่

“คุณเหมียว คุณเปิ้ล ไปเต้นกันเถอะฮะ เดี๋ยว

ผมสอนท่าเต้นสวยๆ ท่าใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตเลย นะฮะ มานะฮะ”

เปิ้ลตอบรับก่อนแล้วชวนเหมียว พอสองสาวจูงกันออกมา พัสกรร้อง

“เย้...ดีใจจัง...มาครับ”

โขงมองเหมียว เปิ้ล และพัสกรแบบอึ้ง ทึ่งแล้วก็โล่งอกเมื่อบรรยากาศการเต้นสนุกสนานคึกคักขึ้น

สวัสดิ์ชมโขงว่าเก่งจริงๆ แต่เตือนว่ามันอาจจะเป็นดาบสองคม โขงถามว่าทำไม สวัสดิ์ท่องกลอนของสุนทรภู่ให้ฟังว่า

“จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใคร เขาอยากเห็น เราเด่นเกิน”

แม่แมวสนุกมากทั้งยังหวังว่าถ้าได้เต้นบ่อย

โมอาจจะเลิกเล่นเกมได้ เมื่อได้สร้างบรรยากาศจนเป็นกันเองแล้ว นักจิตวิทยาก็ชวนแม่แมวไปคุยกันโดยมี

หญิงที่เคยถูกสามีทำร้ายแต่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว

มาร่วมคุยด้วย

ooooooo

บริเวณที่กินน้ำและขนม เด็กๆและสาวๆพักเต้นมากินน้ำและขนมกัน สวัสดิ์เอาโทรศัพท์มือถือออกมาแอบถ่ายรูปเห็นโขงมองไปทางหนึ่งตาขวางๆ จึงมองตามไปเห็นเหมียวกำลังคุยกับพัสกร

เหมียวเสนอว่า ถ้าเด็กๆ ได้เต้นอย่างนี้กันทุกวันก็ดี พัสกรเห็นด้วยและไม่เพียงเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็ควรเต้นด้วยเหมือนกัน โขงเดินมาสมทบแซวเหมียวว่าเท้าไฟไม่เบานะ ถ้าพัสกรไม่มาก็คงไม่รู้ว่าชาวหนองตาคำแต่ละคนมีพรสวรรค์แค่ไหน เปิ้ลเสนอให้จัดบ่อยๆ โขงบอกว่านอกจากพัสกรแล้วตนจะหากิจกรรมอื่นๆ ให้ทำกันหลายๆอย่าง

เหมียวขัดคอว่าพวกเราชอบเต้นก็ควรจะให้เต้นอย่างเดียว โขงถามว่าชอบเต้นหรือชอบครูเต้นกันแน่เลยถูกเหมียวเอาน้ำที่ถืออยู่สาดใส่ด่า “ทุเรศ”

ทิชามาเห็นเหมียวสาดน้ำใส่โขงพอดี ตำหนิว่าเล่นอะไร แรงไปหรือเปล่า เหมียวหมั่นไส้สวนไปทันควันว่าก็อยากปากเสียทำไม ทิชาตกใจถามเหมียวว่าทำไม

พูดอย่างนี้ควรขอโทษโขงเสีย เหมียวขอโทษอย่างเสียไม่ได้ ยิ่งเห็นโขงคุยกับทิชาอย่างปลื้มปริ่มก็ยิ่งฮึดฮัดสะบัดเดินออกไปเลย

สวัสดิ์แอบถ่ายรูปโขงคุยกับทิชาเรียกแป๊ะให้ช่วยถ่ายด้วย แป๊ะไม่เอาเพราะด่าเจียรไนยกับสุรารักษ์ว่าคอยจับผิดเพื่อน แต่พอสวัสดิ์บอกว่าเย็นนี้จะเลี้ยง แป๊ะก็เสนอทันทีว่าเอามือถือตนดีกว่า ชัดกว่าทันที

เมื่อเจียรไนยดูรูปที่สวัสดิ์ส่งมาเห็นโขงอยู่กับ

ทิชาและเห็นครูพัสกรมาสอนเต้นก็สงสัยว่าโขงเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนดังระดับพัสกรมาสอนได้ กำชัยที่นั่งประชุมอยู่ด้วยติงว่าการแอบถ่ายรูปคนอื่นถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเขามีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ สุรารักษ์บอกว่าตนกำลังหาหลักฐานยืนยันว่าโขงเป็นพวกตีสองหน้า

กำชัยติงว่า ตนเห็นโขงทำงานและเราก็ควรตั้งใจทำงานมากกว่ามานั่งจับผิดเพื่อน แรงงานต่างด้าวที่ถูกล่อลวงมาเป็นขอทานกำลังรอให้เราไปช่วยอยู่ เจียรไนย

มองท่าทีเขินๆของกำชัยกับท่าทางงอนๆของสุรารักษ์ อย่างสังเกต

เหมียวกับเปิ้ลเอาสับปะรดมาให้พัสกรขอบคุณที่มาสอนได้เป็นสับปะรดมาก เหน็บโขงว่าไม่เหมือนบางคนที่ทำตัวไม่เป็นสับปะรดเลย แล้วส่งเสียงหวานให้พัสกรมาอีกไวๆ แต่ตาเหล่ใส่โขงอย่างท้าทาย

ooooooo

ชัยถูกขังอยู่ที่โรงพัก สั่งดำที่ไปเยี่ยมให้ไปติดต่อพีระหาทางให้ตนออกไปให้ได้ พีระกำลังต้องการคนส่ง “ของ” ที่ไว้ใจได้จึงให้ทนายไปประกันชัยออกมา

ทิชาไปทำงานให้พีระตามปกติแต่ใจไม่อยู่กับตัวภาพสายตาโขงที่มองเหมียว ภาพที่โขงตามเหมียวออกจากร้านอาหารวกวนรบกวนจนไม่มีสมาธิทำงานพอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าจะออกไป พีระก็เข้ามาพอดีถามว่าจะไปไหน พอทิชาบอกว่ามีธุระส่วนตัวพีระก็ประชดทันทีว่า

“ขลุกอยู่กับมันทั้งวันยังไม่หนำใจหรือ ถามจริงๆเหอะ คนจน กระจอกๆอย่างมันเร้าอารมณ์คุณได้มากกว่าคนรวยๆเริ่ดๆใช่ไหม”

“คนจนที่เป็นคนดี ดีกว่าคนรวยที่เลว”

พีระถามว่าแล้วคนที่ตบแต่งบัญชีเลี่ยงภาษี คนที่ตั้งมูลนิธิเพื่อฟอกเงินล่ะ จัดว่าดีหรือเลว ทิชาบอกว่าถ้าให้ตนเลือกตนคงหนีไปนานแล้ว พอดีพร้อมเข้ามาบอกพีระว่าทนายโทร.มา

ทนายโทร.มาจากสถานีตำรวจบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามที่สั่งแล้ว ดำดีอกดีใจที่ลูกพี่ได้ออกจากห้องขัง ชัยกร่างคุยโวว่าคนดีอย่างตนตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ติดตะรางทีไรได้ออกทุกที พอดีผู้กองกำชัย

มาเจอถามว่าใครมาประกันตัวให้ ชัยบอกว่าญาติแล้วรีบไปเลย

ทันทีที่ออกมาได้ ชัยกลับไปที่บ้านทับทิม เจอเหมียวซื้ออาหารมาให้แม่หลายถุง ชัยย่องเข้าไปข้างหลังกอดหมับแล้วร้องตะโกนให้ทับทิมช่วยตนถูกเหมียวปล้ำ

“อ๊าย...อีเหมียว อีลูกเลว” ทับทิมวิ่งเข้ามาทั้งด่าทั้งทุบตีเหมียวที่ถูกชัยกอดอยู่ ด่าอีลูกเลว เลี้ยงไม่เชื่อง คว้าถุงอาหารที่เหมียวซื้อมาขว้างใส่หัวเหมียวถุงแตกแกงจืดราดหัวเหมียว ยังไม่พอทับทิมยังคว้าถุงส้มตำ

ที่ดำยื่นให้จะปาใส่เหมียวอีก แต่มีมือหนึ่งยื่นมาลากเหมียวออกไปทัน

โขงนั่นเอง โขงลากเหมียวออกจากบ้านไป แต่ที่ข้างบ้านยายหวานมายืนดูอยู่พึมพำสะใจ

“ไอ้ชัยกลับมา อีเหมียวเข้าหาไอ้ชัย ผัวไอ้เหมียวหึงมาฉุดไอ้เหมียวไป โอ๊ย...มันสุดโค่ยไปเลยเว้ย”

ทิชากลับถึงบ้านคืนนี้ก็บอกกับแม่ว่าตนจะไม่ไปทำงานให้พีระแล้ว ตนไม่อยากเป็นคนเลวไม่อยาก

ทำผิดกฎหมาย ไม่อยาก...คุณนายระวีพูดต่อทันทีว่า

“ไม่อยากให้คุณแม่มีความสุขใช่ไหม”

คุณนายระวีรำพึงรำพันว่าตนทำงานหนักมา

ทั้งชีวิตเพื่อให้เราสองคนสบาย แต่เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมทำให้แม่ไม่ได้ ทิชาบอกว่าตนทำเพื่อคุณแม่ได้ทุกอย่างแต่เราเลิกทำธุรกิจกับคุณพีระเถอะ ตนอยากให้คุณแม่ล้างมือมาทำสัมมาอาชีพที่ไม่เบียดเบียนสังคม บอกแม่ว่า

“ทิชาอยากให้คุณแม่กลับตัวเป็นคนดี”

“นี่ทิชาด่าว่าแม่เป็นคนเลวเหรอ...ที่คุณแม่ให้

ทิชาช่วยคุณพีระก็เพราะธุรกิจของคุณพีระนี่แหละที่ช่วยพยุงฐานะของเราไว้ ทิชาคิดว่าสมบัติคุณพ่อมีเหลือเฟือหรือไง ถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะอยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ได้เหรอ ทิชาอยากให้คุณแม่ลำบากตอนแก่เหรอ ต้องไปนั่งขอทานใต้สะพานลอยเลยไหมล่ะทิชาถึงจะพอใจ”

คุณนายระวีพูดเหมือนเจ็บปวดมากจนทิชาพูดไม่ออก

ooooooo

โขงพาเหมียวไปที่ก๊อกน้ำสาธารณะจัดแจงเอาหนังยางรัดผมออกแล้วสระผมให้ แล้วยังเอาผ้าขนหนูผืนเล็กในกระเป๋าออกมาเช็ดผมให้ เหมียวบอกว่าตนทำเองได้ โขงบอกเหมียวว่าของพวกนี้ตนเอาไว้ใช้เวลาไปวิ่งหรือออกกำลัง

เหมียวถอยห่างจากโขงบอกว่าตนไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกแผนพัฒนาครอบครัว โขง

ขอให้คิดว่าเป็นเพื่อนก็ไม่เอา ตนไม่ชอบเป็นเพื่อนกับผู้ชายโขงเลยขอเป็นเพื่อนสาวทำจริตจนเหมียวขำ

แต่ขณะบรรยากาศกำลังดีขึ้นนั่นเอง ทิชาก็โทร.หาโขง เสียงเธอเหมือนผ่านการร้องไห้หนัก พอเหมียวรู้ว่าทิชาโทร.มาก็สะบัดลุกไป โขงเรียกไว้ทิชาได้ยินถามอยู่กับเหมียวหรือ โขงบอกว่า ใช่มีเรื่องนิดหน่อยแต่ขอโทษที่ตนเล่าไม่ได้ ทิชาเข้าใจแต่ถ้ามีอะไรจะให้ตนช่วยได้ตนยินดี

โขงถามว่าเธอโอเคหรือเปล่า ทิชาบอกว่าตนโอเค พอดีว่างเลยรื้อรูปเก่าๆมาดู เจอรูปพ่อ พ่อทำงานอาสาสมัคร ทำเพื่อคนอื่นเหมือนเขา ท่านใจดีอบอุ่น คุณโขงก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน

คุณนายระวีเข้ามาถามว่าโทรศัพท์คุยกับใคร ทิชารีบวางสายบอกว่าโทร.สั่งงาน เสร็จพอดี คุณนายระวีบอกว่าที่คุยเมื่อกี้ทิชาคงไม่โกรธอย่าทิ้งแม่ไปนะ เรามีกันสองคนเท่านั้น แต่พอเห็นรูปพ่อในมือทิชาก็โกรธถามว่าทำไมยังมีรูปพวกนี้อยู่ กระชากรูปไป ทิชาขอร้องขอเก็บไว้รูปเดียวเท่านั้น

“ไม่!!! ฉันอุตส่าห์พาแกออกมาจากสลัม ออกมาจากห้องเช่ารูหนู หาพ่อคนใหม่ที่เลี้ยงดูเธอได้ เธอยังจะเก็บรูปผู้ชายจนๆ ที่ไม่มีแม้แต่เงินซื้อข้าวกินไว้ทำไม” แย่งรูปไปฉีกทิ้ง ปาใส่หน้าทิชาปรามว่า “ฉันลำบากแค่ไหนกว่าจะพาเธอมาถึงจุดนี้ อย่าลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำอีกเด็ดขาด นายโขงอะไรนั่นก็เหมือนกัน เลิกยุ่งซะทีเข้าใจไหม”

คุณนายระวีออกไปแล้ว ทิชาเก็บเศษรูปพ่อขึ้นมาปะติดปะต่อร้องไห้กับรูปพ่อ

ooooooo

วันต่อมา คุณนายระวีได้รับโทรศัพท์จากคุณนายสมร คุณนายผู้ว่าเชิญไปในงานมอบโล่ให้โขงที่ช่วยแก้ปัญหาในชุมชนทั้งเรื่องพ่อติดเหล้า เด็กติดเกมที่เป็นปัญหาเรื้อรังของสังคม

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 4 วันที่ 16 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ