My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 6 วันที่ 21 ก.ค.61
เปิ้ลเจอส้มที่จะไปทำงานต่างประเทศเหมือนกัน แต่พอเห็นชัยมาคุมไปบอกว่าเป็นไกด์ก็เอะใจ แต่ถูกชัยผลักขึ้นรถบอกว่า “สายไปแล้ว...ที่จะเปลี่ยนใจ”ขณะเหมียวรอทับทิมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากเปิ้ล พอดีหมอเดินออกมาเหมียวเลยกดตัดสายถามอาการของแม่ก่อน ชัยเห็นเปิ้ลโทร.ออก
แย่งโทรศัพท์ไปดูเห็นว่าโทร.หาเหมียว ชัยเปิดดึงซิมการ์ดออกบอกว่าโทรศัพท์เก่าไปหน่อยแต่น่าจะได้สักพัน
สองพัน แสยะยิ้มพึมพำ “ขายแม่งทิ้งทั้งโทรศัพท์ทั้งคนเลย”
หมอตรวจทับทิมแล้วบอกว่าความดันต่ำ นี่หัวใจหยุดเต้นไปสองนาทีปั๊มกลับมาแล้วก็อาจเป็นเจ้าหญิงนิทรา เหมียวเสียใจตำหนิตัวเองว่าตนไม่รู้เรื่องเลย
ถ้าตนไม่ออกจากบ้านก็น่าจะอยู่ดูแลแม่ได้ดีกว่านี้
ชัยพาเปิ้ลกับส้มไปที่บ้านขังหญิง ทั้งสองพยายามขัดขืนส่งเสียงร้องแต่ก็สู้กำลังของชัยกับดำไม่ได้ ส้มบอกเปิ้ลว่าเราต้องหนีให้ได้จำจากละครทำเป็นปวดท้อง
ร้องให้เปิดประตู พอชัยเปิดประตูมันก็หื่นเข้าหาส้ม
คุณนายระวีเข้ามาสั่งให้ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้ พีระตามเข้ามาปรามชัยกับดำ แล้วบอกเปิ้ลว่าไม่ต้องกลัว
ไปทำงานที่นั่นทั้งสบายทั้งเงินดี เปิ้ลบอกว่าตนไม่อยากไปแล้ว พร้อมสวนทันทีว่าเธอรับเงินล่วงหน้าไปแล้วคุณนาย
ระวีก็เอาความสบายและเงินมาล่อจนสองสาวค่อยสงบลง
ที่สถานบริการแห่งหนึ่ง น้อยหน่าถูกบังคับให้รับแขกจนบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่ถูกคนคุมบอกว่ายังไม่ครบ 10 รอบ แล้วลากน้อยหน่าไป น้อยหน่าร้องน่าเวทนาตลอดทางว่าตนไม่ไหวแล้ว...ร้องหายายให้ช่วยด้วย
ฝ่ายแสนเห็นเปิ้ลกับส้มขึ้นรถไปกับชัยก็ปลอมตัวไปบอกโขงที่บ้าน บอกว่าตนถูกขู่กลัวพ่อได้รับอันตรายขอทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน โขงเชื่อว่ามันกล้าทำขนาดนี้แสดงว่ามีแบ็กอัปดี นึกถึงมูลนิธิคุณนายระวีขึ้นมาทันที
โขงส่องกล้องไปที่สระน้ำมูลนิธิ เห็นคุณนายกำลังโต้เถียงกับพีระที่ต่อว่าคุณนายว่าล้ำเส้นงานของตน
ซ้ำเห็นคุณนายตบหน้าพร้อมที่เดินเข้ามา พีระไม่พอใจที่คุณนายทำร้ายคนของตน
โขงตกใจที่เห็นคุณนายทะเลาะกับพีระ คิดถึงทิชาทันที พึมพำ
“คุณทิชา คุณรู้ไหมว่าเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร”
ooooooo
วันนี้ขณะที่คุณนายระวีกำลังดูบัญชียอดบริจาคที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ บ่นว่าทำไมมันน้อยลง ก็พอดีโขงเข้ามา ทิชาแปลกใจที่โขงมา แต่คุณนายถามประชดว่ามาหาทิชาแต่เช้าอีกแล้ว ว่างไม่มีอะไรจะทำรึไง
“ผมมาหาคุณนายระวีต่างหากล่ะครับ”
ที่แท้โขงตั้งใจมาดูว่าคุณนายเป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมจึงตบพร้อม บอกคุณนายว่าตอนนี้มีเด็กร้อยกว่าคนที่เสนอชื่อเข้ารับทุน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติไม่ทันตนเลยมาขออนุญาตชวนคุณทิชาไปลงพื้นที่ คุณนายไม่ให้ทิชาไปโขงจึงเสนอขอให้คุณนายไปแทน คุณนายปรามว่าอย่าตลก เพราะที่นี่เขามีตำแหน่ง ฐานะ และจะให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติไปแทน
ทิชาบอกว่าตนจะไปกับโขงเพราะคุณนายสมรให้ตนรับผิดชอบเรื่องทุน ว่าแล้วไหว้แม่โดยไม่สบตา
“ทิชาไปนะคะ”
“ลานะครับ” โขงรีบลาเมื่อคุณนายหันมองตาขวาง แล้วก็มองตาขวางตามไป ทำอะไรไม่ได้
เวลาเดียวกันเหมียวเดินเร็วๆเข้ามาที่สุขศาลาอย่างร้อนใจ ที่เมื่อคืนกลับมาห้องเช่าเห็นว่ามีมิสคอลจากเปิ้ลสามสายแต่พอโทร.กลับก็ไม่มีใครรับสาย วันนี้โทร.อีกก็ติดต่อไม่ได้ ขณะเหมียวกำลังว้าวุ่นใจ พยาบาล ก็มาบอกว่าให้รีบไปดูแม่เร็ว พอเหมียวเข้าไปในห้องก็ตกใจเมื่อหมอกับพยาบาลชุลมุนอยู่กับทับทิมที่กำลังอาละวาดทั้งดิ้นทั้งตะโกน
“ไม่นะหมอ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปไหนนะ ฉันจะกลับบ้าน”
ที่แท้หมอจะส่งทับทิมไปตรวจหัวใจที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เหมียวหว่านล้อมให้แม่ไปก็ถูกตวาดว่าตนไม่เป็นอะไร เพราะตนมีปลัดขิกอาจารย์ลิลลี่ แต่คลำหา ไม่เจอ เลยหาว่าเหมียวเอาไป โทษว่าเพราะไม่มีปลัดขิกตนเลยป่วย สั่งเหมียวให้ตามพี่ชัยมารับกลับบ้านด้วย
หมอกับพยาบาลมองหน้ากันอย่างหนักใจที่ทับทิมเอาแต่โวยวายไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น
ฝ่ายโขงออกมากับทิชาครู่เดียวคุณนายก็โทร.เข้ามือถือทิชา เธอมองลังเล โขงบอกว่าถ้าวันนี้เธอมีงานต้องเคลียร์เอาไว้ไปกันวันอื่นก็ได้
“วันนี้แหละค่ะ ทิชาตัดสินใจแล้ว” ทิชากดปิดโทรศัพท์เลย โขงถามว่าไม่กลัวคุณแม่โกรธหรือ เธอตอบทันทีว่า “ไม่ค่ะ ทิชาไม่ได้ทำผิดอะไร”
พอดีโทรศัพท์โขงดังขึ้น โขงรับสายแล้วตกใจถาม
“อะไรนะครับ!”
โขงกับทิชารีบไปห้องยายแจ๊วที่สุขศาลา เห็นหมอกับพยาบาลกำลังช่วยกันจับยายแจ๊วที่ถือมีดปอกผลไม้จ่อที่คอตัวเอง คร่ำครวญว่าเพราะตนใช่ไหมทำให้น้อยหน่าต้องหนีไป โทษว่าตนไม่ดีเลี้ยงลูกก็ไม่ดีเลี้ยงหลานก็หนี ถามว่าน้อยหน่าอยู่ไหน มาทำศพยายด้วย
ยายแจ๊วคลุ้มคลั่งจนหมอต้องให้ยาระงับประสาทกิน เชิญทุกคนที่อยู่ในห้องออกไปก่อนเพื่อยายแจ๊วจะได้พักผ่อน ยายไรรำพึงสมเพชว่า เห็นกันอยู่หลัดๆไม่น่าบ้าเลย โขงบอกว่ายายแจ๊วไม่ได้บ้า ปรึกษาหมอว่าเราควรย้ายไปที่โรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวชหรือไม่ก็มี
นักจิตวิทยาดูแลใกล้ชิดไหม
ทิชาบอกว่าตนรู้จักจิตแพทย์เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเคสชอบทำร้ายตัวเองท่านหนึ่งเดี๋ยวจะติดต่อประสานให้ท่านมาดูแลยายแจ๊ว ส่วนค่าใช้จ่ายตนขอรับผิดชอบทั้งหมด
“โอ้...แม่พระจริงๆแม่คุณ” ยายหวานจับมือ
ทิชาซาบซึ้ง
“นางฟ้ามาโปรดแล้วนะนังแจ๊ว เอ็งรอดแล้ว” ยายไรดีใจด้วย
“ทิชาไม่ใช่นางฟ้าหรอกค่ะ ใครเป็นทิชาก็ต้องทำแบบนี้ทั้งนั้น” โขงมองทิชา เธอยิ้มกลบเกลื่อน พอพ้นสายตาโขง ทิชาก็หน้าเครียดทันที
ooooooo
ยายไรกับยายหวานเป็นห่วงยายแจ๊ว บ่นกันว่าไม่รู้น้อยหน่ารู้หรือเปล่าว่าทำให้ยายทุกข์ใจบาปหนา ยายหวานว่าต้องโทษคนที่พาน้อยหน่าไป ถ้าไม่ใช่โขงก็แล้วไป แต่ถ้าใช่เดี๋ยวกรรมก็ต้องตามทันให้เราเห็นเอง
ทิชาทนฟังไม่ได้บอกโขงว่าตนจะไปรอที่รถ เมื่อโขงตามมาก็ชวนไปหาเด็กๆกัน ตนอยากเจอเด็กๆ และให้ทุนเขาจะได้มีโอกาสที่ดีไม่เหมือนกับน้อยหน่า โขงจึงชวนทิชาซื้อของไปทำอาหารกินกันก่อน
แต่พอไปถึงบ้านเจอไอ้โม่งสองคนเข้ามารื้อค้นข้าวของกระจุยกระจาย เมื่อโขงเข้ามาก็รุมกันทำร้ายแต่โขงยังบาดเจ็บที่แขนจึงเสียทีถูกไอ้โม่งล็อกคอจากด้านหลัง
“อย่าทำคุณโขง!!!”
ไอ้โม่งทั้งสองสบตาพยักหน้าให้กันแล้ววิ่งหนีไป ทิชารีบไปดูโขงถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“ความสวยก็เป็นอาวุธได้จริงๆด้วย แค่คุณร้องห้ามพวกมันก็ยอมถอย สงสัยว่ามันเป็นโจรขี้หลีชีกอกระมัง แต่...มันจะมาขโมยอะไรในบ้านผมเนี่ย ของมีค่าอะไรก็ไม่มีซักอย่าง” พูดแล้วทั้งสองก็หัวเราะขำ พอโขงดูของที่ซื้อมาก็ร้อง “แง...ไข่ผมแตกหมดเลย” พลางยกถุงไข่ให้ดู แล้วหัวเราะกันขำลูกเล่นของโขง
ooooooo
ขณะเหมียวกำลังร้อนใจที่ติดต่อเปิ้ลไม่ได้นั้น เฮียนางก็มาโวยวายหาว่าเหมียวเอาส้มของตนไปซ่อน เหมียวจึงรู้ว่าส้มก็หายไป เหมียวเอะใจขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านแม่เปิ้ล เฮียนางโดดซ้อนท้ายไปด้วย
ไปถึงจึงรู้ว่าเปิ้ลไม่อยู่แต่ได้โอนเงินมาให้แม่โปะหนี้หมดไม่งั้นแม่ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนเพราะเจ้าหนี้จะยึดบ้าน เหมียวเอะใจว่าเปิ้ลเอาเงินก้อนใหญ่จากไหนมาให้แม่? เสียใจที่เพื่อนไม่เคยบอกความเดือดร้อนนี้ให้ตนรู้เลย ซ้ำยังเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องให้ตนด้วย ปัญหาคือเปิ้ลหายไปไหนและเอาเงินจากไหนส่งให้แม่?
เฮียนางนึกอะไรได้ควักกระเป๋าหยิบกระดาษที่พับยู่ยี่ออกมา บอกว่าตนพบกระดาษนี้ในล็อกเกอร์ของส้มถามว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องส้มไหม เหมียวรับไปดูเป็นโปสเตอร์รับสมัครงานของผับพีระเหมียวตกใจ รีบไปหาโขงที่บ้าน
เป็นเวลาที่โขงอยู่กับทิชากำลังงงกับการที่ถูกไอ้โม่งมารื้อค้นบ้านและทำร้ายตน ทิชาขอโทษ โขงถามว่าขอโทษทำไมเธอไม่ใช่คนถล่มบ้านตนสักหน่อย ทิชานิ่งไปอึดใจแล้วโพล่งถามว่า
“ถ้าทิชาไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณโขงคิดล่ะคะ ไม่ได้เป็นนางฟ้า ไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่คุณโขงเข้าใจแต่...เป็นนางมารร้ายแปลงร่างมา คุณโขงจะเกลียดทิชาไหมคะ”
“คุณทิชาไม่มีทางเป็นนางมารร้ายได้เลยครับ”
“เป็นได้สิคะ แต่ทิชาพยายามแล้ว พยายามที่จะขอร้องให้เขาเลิกทำเรื่องพวกนี้กัน แต่ทุกอย่างมันกลับหนักข้อกว่าเดิม” ทิชาร้องไห้บอกว่าตนไม่อยากเป็น...ไม่อยากอยู่อย่างนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตนทน
ไม่ไหวแล้ว...เธอซบหน้ากับฝ่ามือร้องไห้น่าสงสาร
หลังจากทำอาหารเสร็จ ระหว่างกินกันโขงเลียบเคียงถาม ทิชาจึงเปิดใจว่าตนทะเลาะกับคุณแม่มา เรามีทัศนคติไม่ตรงกันแต่ปกติตนจะเชื่อฟังคุณแม่ แต่คราวนี้ตนดื้อ
คุณแม่คงโกรธมาก เพราะคุณแม่ไม่ชอบให้คนร่วมทาง
ออกนอกเส้นทาง โขงถามว่า “คุณก็เลยไม่เคยได้เลือกทางเดินของตัวเองเลย”
“เพราะคุณแม่คิดว่ามันดีสำหรับทิชา แต่ไม่เคยถามเลยว่าทิชาอยากไปด้วยหรือเปล่า ทิชาไม่อยากทำให้คุณแม่เสียใจ เพราะรู้ว่าที่คุณแม่ทำไปเพราะรักทิชา”
“แล้วที่คุณยอมทนก็เพราะว่ารักคุณแม่เหมือนกัน” ทิชาบอกว่าเพราะความรัก ตนคงต้องทนอยู่อย่างนี้ตลอดไป “แต่ผมว่าความรักที่ดี ไม่ใช่แค่การเดินนำหรือการ
ก้าวตามอย่างเดียวนะครับ แต่เราต้องคอยดู คอยเตือนให้เขาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ถูกใจ ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้คุณทิชาเข้มแข็งพอที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง แล้วก็แข็งแกร่งพอที่จะนำทางคนอื่นด้วย”
โขงพูดอย่างเชื่อมั่นในตัวทิชาจนเธอมีกำลังใจขึ้น ทันใดก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเหมียวร้อนรนเข้ามา
“คุณโขง...คุณโขง”
เหมียวชะงักกึกเมื่อเข้าไปเห็นโขงกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับทิชา โขงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เหมียวบอกว่าตนขี่รถผ่านมาเลยแวะ บอกโขงให้กินข้าวกับคุณทิชาต่อเถอะ เดี๋ยวต้องแวะที่อื่นอีกแล้วชวนเฮียนางกลับ
เฮียนางถามว่าเมื่อโขงที่เราจะปรึกษาอะไรได้ก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณทิชา แล้วเราจะไว้ใจใครได้
“เราคงต้องจัดการเอง” เหมียวไม่ยอมจำนน
ooooooo
คืนนี้เหมียวกับเฮียนางก็แต่งตัวแบบนักเที่ยวกลางคืนไปที่ผับของพีระ แต่เจอชัยก่อน เฮียนางบอกชัยว่าเหมียวมาสมัครงาน เหมียวคร่ำครวญความลำบากในครอบครัวจนต้องมาทำงานที่ฝืนใจตัวเองเพื่อเงิน
แสนขึ้นร้องเพลงเห็นเหมียวก็ตกใจ ลังเลว่าจะบอกโขงดีไหม แต่ความคิดฝ่ายดีก็บอกว่าถ้าตนไม่ทำแล้วใครจะทำ จึงทำทีเซลฟี่ตัวเองแต่ติดรูปเหมียวยืนอยู่กับชัยแล้วส่งไปให้โขง พอโขงเห็นรูปก็ร้อนใจนั่งไม่ติด ขอโทษทิชาบอกว่ามีเคสด่วนต้องรีบไป ต้มยำสุกแล้ว
กินเลยไม่ต้องรอ ทิชาเหวอพูดไม่ออกที่จู่ๆก็โดนทิ้งไป
เมื่อพีระรู้ว่าเหมียวมาทำงานที่ผับ ก็ถามชัยว่าไม่เอะใจเลยหรือว่าเด็กใหม่ของเขาสนิทกับสินค้าชิ้นล่าสุดของเขา ชัยบอกว่าก็น้องเขาบอกร้อนเงิน
ฝ่ายเหมียวกับเฮียนางเมื่อเข้าในผับแล้วก็เร่งกวาดตาสำรวจไปทุกซอกมุม แต่ก็ไม่เห็นเปิ้ลกับส้ม แต่กลับเจอโขงที่มายืนตรงหน้า บอกดุๆว่า
“เราต้องคุยกัน” แล้วลากเหมียวไปมุมลับตาถามว่า “คุณคิดจะทำอะไร”
แต่ไม่ทันได้พูดอะไรกันก็เห็นพีระ ชัย กับดำ เดินอาดๆเข้ามา ชัยตวาดว่า
“หยามกันถึงถิ่นเลยเหรอวะ”
“เป็นเรื่องอีกแล้ว” แสนบอกกับเฮียนางที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน
เหมียวบอกโขงว่าตนมาสมัครงานเพราะที่นี่เงินดี ได้เงินง่าย ตนอยากสบายอยากรวยเร็ว ตนเหนื่อยและเบื่อความจนเต็มทีก็เลยมา โขงบอกไม่เชื่อ สั่งให้กลับบ้าน เมื่อเหมียวไม่กลับก็พยายามลากไป
“อย่าใช้กำลังบังคับผู้หญิงสิครับคุณโขง” เสียงพีระปรามอย่างมีอำนาจพร้อมโต และการ์ดอีกสองคนยืนขนาบ
เหมียวไล่โขงให้กลับไปเสียและอย่ามายุ่งกับตนอีก พีระผายมือไล่โขง โตปรี่เข้าประกบดึงโขงออกไป
“มณเหมียวเราต้องคุยกันนะ มณเหมียว” โขงยังพยายามหันมาตะโกน
หลังจากลากโขงไปแล้ว พร้อมถามพีระว่ารับเหมียวคนใกล้ชิดโขงมาทำงานมันเสี่ยงไปไหม
“ทุกการลงทุนมันก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น แต่ก่อนที่เราจะเดือดร้อนก็รีบตักตวงผลประโยชน์ให้คุ้มค่า”
ooooooo
เช้าวันนี้ทิชาถามคุณนายว่าเมื่อวานที่บ้านโขงเป็นคนของคุณแม่ใช่ไหม คุณแม่ตั้งใจข่มขู่คุณโขงใช่ไหม คุณนายระวีบอกว่าตนตั้งใจสั่งสอนลูกสาวของตนต่างหาก
แล้วคุณนายก็บอกทิชาว่าลูกชายท่านผู้ว่า
เพิ่งกลับจากลอนดอน ตนนัดจิบน้ำชาไว้ตอนบ่าย ติงว่าชุดที่ทิชาใส่ไม่ค่อยสวยไปเปลี่ยนใหม่เสีย ทิชาบอกว่าตนไม่ไป ไม่ไปจิบน้ำชากับลูกชายใครทั้งนั้น คุณนายเดินกลับมาปรามทันทีว่า
“ทิชาอย่าลืมนะคะว่ามันอาจจะมีเรื่องน่ากลัวกว่าแค่การตักเตือน ทิชาคงไม่อยากให้มันรุนแรงถึงขั้นนั้นใช่ไหมคะ...ไปเปลี่ยนชุด!”
ทิชาจำต้องทำตามคำสั่ง ถามตัวเองอย่างสับสนว่า
“ทิชาจะเข้มแข็งได้ยังไงคุณโขง ทิชาจะเลือกทางเดินของตัวเองได้ยังไง”
วันนี้โขงไปที่โรงงานสับปะรดบอกเฮียนางว่าเปิ้ลไม่มาทำงานหลายวันแล้วและวันนี้เหมียวก็ไม่มาเหมือนกันหรือ เฮียนางถามโขงว่าเขาชอบเหมียวใช่ไหมให้ตอบมาตรงๆ ตนจะได้รู้ว่าควรตอบคำถามเขาไหม โขงตอบเลี่ยงว่า “ผมเป็นห่วงเหมียว”
เฮียนางหงุดหงิดบอกว่าคำตอบไม่แมนเลย
ไล่ให้กลับไปเสียตนจะไม่บอกอะไรทั้งนั้นแล้วผละไปเลย
เมื่อไม่ได้เรื่องจากเฮียนางโขงแอบนัดพบกับแสนเอารูปในโทรศัพท์ให้ดู ถามว่านี่คือพอลล่ากับออเร้นจ์หรือเปล่า แสนยืนยันว่าเป็นสองสาวที่ขึ้นรถตู้ไป ถามโขงว่ารู้จักหรือ
โขงโทร.หาเหมียวทันที เหมียวกำลังจัดอาหารให้ชัยกับทับทิมกิน ทับทิมเดินบ่นมาว่ายังเวียนหัวอยู่เลย แล้วอ้วกออกมาเลอะเทอะจนชัยลุกไปอย่างรังเกียจ เหมียวพาทับทิมไปนอนพักแล้วกลับมาเช็ดล้างอ้วกและซักเสื้อผ้าเปื้อนอ้วกของแม่เสร็จแล้วเอาไปตาก
โขงมาหาเหมียวที่ราวตากผ้าบอกว่า รู้แล้วว่าทำไมเธอไปทำงานที่ผับพีระ ตัดพ้อว่าทำไมไม่บอกตน ขณะนั้นเองยายไรเดินมาเรียกยายหวานที่แอบดูแอบฟังเหมียวกับโขงคุยกันชวนไปเยี่ยมยายแจ๊วกัน ยายหวานจุ๊ปากให้เงียบแล้วแอบดูแอบฟังด้วยกัน
โขงกับเหมียวโต้เถียงกันเรื่องเหมียวไปทำงานที่ผับพีระ เหมียวอ้างเหตุผลเดิมของตน โขงบอกว่าตนไม่ให้เหมียวไปทำงานที่นั่น เหมียวบอกว่างั้นก็หาเงินมาให้สิ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องมาคุยกัน พูดแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูใส่หน้าโขง ปัง!
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 6 วันที่ 21 ก.ค.61
เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณเส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ