อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 14 วันที่ 29 ก.ค.61

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 14 วันที่ 29 ก.ค.61

“ก็...ฝากด้วยนะ ถ้าว่างก็มาช่วยๆกันนะ” คำพูดของดำเกิงทำให้นาราดีใจโผกอดเขาจนน้ำในอ่างกระฉอก สกาวหลุดขำ ขณะที่เดือนสิบเห็นบรรยากาศในบ้านดีขึ้น นี่แสดงว่าเธอตัดสินใจถูกแล้ว...

ฟานพยายามช่วยเที่ยงวันให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้ได้ แต่เขากลับไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ฟานตัดพ้อนี่เธอไม่มีความหมายกับเขาแล้วจริงๆใช่ไหม เขาไม่รักเธอแล้วใช่ไหม เขาพยักหน้ารับคำ

“เที่ยงเคยคิดว่าเที่ยงรักฟานมาก จนมาวันนี้ถึงได้เข้าใจว่าการที่เรารักใครสักคนมากๆมันเป็นยังไง”



“แต่เที่ยงเคยบอกว่ารักฟานมาก มันไม่จริงเลยเหรอ”

“ถ้าเที่ยงรักฟานมากเที่ยงคงเลือกฟานมากกว่าเลือกยาและเลิกมันได้ และถ้าฟานรักเที่ยงมาก ฟานก็คงไม่ไปจากเที่ยง มันจบไปแล้วฟาน” เที่ยงวันยืนยันหนักแน่น ฟานพยักหน้าเข้าใจ ค่อยๆเดินจากไป

ooooooo

ถึงวันสู่ขอ แทนที่ฝ่ายชายจะมาที่บ้านฝ่ายหญิง กลับกลายเป็นฝ่ายหญิงต้องตากหน้าไปบ้านฝ่ายชาย สกาวอึดอัดใจมากถึงกับออกปากว่าเหมือนเรามาสู่ขอผู้ชายไม่มีผิดเพี้ยน ดำเกิงมองตาเขียว

“ก็ทางเขาสะดวกแบบนี้ อย่าทำให้ยุ่งยากเลยได้ไหม เขาไปหรือเรามา  สุดท้ายผลมันก็ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ ไปเถอะรีบเข้าไปข้างในดีกว่า” ดำเกิงเดินนำสกาวกับเดือนสิบเข้าบ้านลำธาร...

ยี่สุ่นให้ดำเกิงเป็นฝ่ายไปหาฤกษ์หายามมา  แต่มีข้อแม้ต้องเป็นวันที่ทางตนกับครอบครัวสะดวก  จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนยกเลิกนัดกับเพื่อนๆ เขาไม่ขัดข้องวันไหนก็ได้ตามแต่ทางฝ่ายชายสะดวก ขอให้แจ้งมาก็แล้วกัน ส่วนเรื่องสินสอดเขาเอาแค่เป็นธรรมเนียมก็พอ

“แหมชอบจังบ้านนี้ง่ายๆดีนะคะ มิน่าหนูเดือนสิบถึงได้ง่ายไปหมด” บุญหยาดแดกดัน ยี่สุ่นนึกขึ้นได้ หลังแต่งงานแล้วถ้าเดือนสิบจะใช้นามสกุลเดิมก็ได้  ทางนี้ไม่ขัดข้องอะไร

“พวกเราก็เป็นคนหัวสมัยใหม่หน่อยน่ะค่ะ ไม่ถือสาอะไร” คำพูดของบุญหยาดทำเอาดำเกิงจุก แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปให้ได้...

แม้รู้ดีว่าช่วงนี้ชีวาตม์ต้องรับบทหนัก กิ่งคำทิ้งแม่ตัวเองที่ป่วยติดเตียงให้เป็นภาระคอยดูแล แต่สวาทวิมลไม่มีทางเลือกเพราะไม่รู้จะหันไปหาใครให้มาช่วยพูดกับเที่ยงวัน ชีวาตม์หาเวลาว่างได้ก็รีบมาหาเขาที่บ้าน  ถือโอกาสนี้ขอโทษเขาด้วยที่เข้าใจผิดว่ามีอะไรกับกิ่งคำ เที่ยงวันไม่เคยถือโทษโกรธอะไรชีวาตม์แล้วถามถึงกิ่งคำเป็นอย่างไรบ้าง ชีวาตม์เองก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอหายไปเลยติดต่อไม่ได้

“พี่วาตม์คงเหนื่อย ต้องดูแลคุณรื่นเริง”

ชีวาตม์ยังคงมองโลกในแง่ดี ใครๆก็เหนื่อยกันทั้งนั้น ทุกคนล้วนแต่มีปัญหา ถ้าเที่ยงวันหัดมองปัญหาให้เป็นเรื่องธรรมดาแล้วรวบรวมสติเพื่อหาทางแก้ไขน่าจะดีกว่า เขาพยายามแล้วแต่ก็ไม่ช่วยอะไร

“เอาน่ะ มันต้องมีหนทางสิ ทางออกที่ดีอาจไม่ได้ตอบโจทย์ของนาย แต่รับรองว่ามันต้องมีทางออก” ชีวาตม์ เห็นเที่ยงวันน้ำตาซึม ตบไหล่อย่างเป็นกำลังใจให้...

ไม่ได้มีแต่เที่ยงวันที่ทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เดือนสิบเองก็ทุกข์ใจไม่แพ้เขาเช่นกัน ยุพราสงสาร

เพื่อนรักจับใจอาสาจะไปพูดกับดำเกิงให้เอง ท่านมาทันได้ยินพอดีถามว่ามีเรื่องอะไรจะคุยหรือ ยุพราขอร้องท่าน อย่าบังคับเดือนสิบให้แต่งงานกับลำธาร หากต้องร่วมชีวิตกับผู้ชายคนนั้น เท่ากับเธอต้องตกนรกทั้งเป็น

“เขาเคยรักกัน มันมีพื้นฐานความรักอยู่แล้วแต่งงานไปก็ต้องมีความสุข อย่าพยายามมาเจ้ากี้เจ้าการคิดแทนหน่อยเลย” ดำเกิงเริ่มเดือดปุดๆ

“ยุพไม่คิดแบบนั้น เดือน...เดือนดูนะว่าแม่ของเดือนตกนรกยังไงถ้าต้องอยู่กับคนไม่มีเหตุผล”

ดำเกิงโกรธควันแทบออกหู ด่ายุพราว่าปากเปราะเพราะปากแบบนี้ถึงไม่มีผัวกับเขาสักที เธอสวนทันที ที่ไม่มีเพราะกลัวมีผัวแบบดำเกิง เดือนสิบกลัวเหตุการณ์จะบานปลาย รีบออกรับว่าเธอเลือกที่จะแต่งงานกับลำธารเองไม่มีใครบังคับ แล้วโผกอดเพื่อนรักร้องไห้ ยุพรากอดตอบพลางมองดำเกิงอย่างขุ่นเคืองสุดๆ...

เย็นนี้ลำธารรับเดือนสิบไปกินข้าวกับแม่ของเขาที่บ้าน ยี่สุ่นมาแปลก เดือนสิบจะนั่งพื้นเหมือนทุกครั้ง แต่ท่านกลับบอกให้นั่งบนเก้าอี้เสมอกัน เธออดคิดไม่ได้ว่าท่านจะมาไม้ไหน บุญหยาดขัดอกขัดใจแต่รู้ว่าน้องสาวต้องมีแผนบางอย่าง เงินยวงเห็นว่าที่พี่สะใภ้เอาแต่นั่งก้มหน้าจึงชวนคุยเพื่อให้ผ่อนคลาย

“ยวงเสียดายมากเลย อีกสองวันจะบินแล้วคงอยู่ช่วยเตรียมงานไม่ได้ แต่ยวงจะกลับมาแน่นอนค่ะพี่เดือนงานฉลองสมรสอีก 2 เดือนข้างหน้า ยวงจองโรงแรมให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนทีมจัดงานเขารู้ดีค่ะว่าควรจัดออกมาในรูปแบบไหน เพราะเขาจัดงานที่นี่บ่อย  พรุ่งนี้เขาจะคุยรูปแบบซะเลยนะคะ”

“เด็กๆจัดการกันไปเลยนะลูกนะ” ยี่สุ่นไม่ได้แค่พูดจาภาษาดอกไม้กับเดือนสิบเท่านั้น ยังให้เด็กไปหยิบเครื่องประดับโบราณที่เป็นมรดกตกทอดมาให้เธอดู

ไม่รู้ว่าจะเข้ากับชุดแต่งงานของเธอหรือเปล่า

“ไม่เห็นจะยากเลยถ้าไม่เข้าเราก็ตัดชุดใหม่ให้เข้าสิ จริงไหมครับเดือน” ลำธารดีใจไปกับเดือนสิบด้วย

“จะตัดสินใจอะไรก็รีบเข้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันกาล” ยี่สุ่นยิ้มให้เดือนสิบอย่างมีเมตตา ทุกคนตื่นเต้นโดยเฉพาะเงินยวงไม่คิดว่าแม่จะเปลี่ยนใจมาปลื้มว่าที่สะใภ้ถึงกับเอาเครื่องเพชรประจำตระกูลมายกให้ในวันแต่งงาน โดยไม่รู้เลยว่ายี่สุ่นก็แค่จะเคาะกะลาให้หมาดีใจ แต่บังเอิญหมาอย่างเดือนสิบไม่หลงปลื้มไปด้วย...

ดวลในสภาพย่ำแย่ถูกจับมัดขึงกับเตียงทั้งมือและเท้า เขาควรจะอยู่ในความดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลแต่ครอบครัวไม่มีเงินพอจะทำอย่างนั้น สกาวสงสารลูกเหลือเกิน ขออนุญาตดำเกิงแก้มัดลูกได้ไหม แค่ยืนลูกยังไม่มีแรงแล้วจะหนีไปไหนได้ เขาไม่ได้กลัวลูกหนี

“เอาสิ แกะเลย เดี๋ยวจะหาว่าฉันทารุณมัน อยากจะปล่อยมันก็แกะเชือกได้เลยมันจะได้หนีไปให้พ้นๆ

บ้านฉันสักที” ดำเกิงมองเดือนสิบที่เพิ่งเดินเข้ามา “แต่ถ้ามันหนีไปฉันก็ไม่ถือว่าจบกันนะ พ่อทำตามคำขอของเดือนแล้ว ไม่มีโอกาสที่สองแล้วนะ” คำพูดของดำเกิงทำให้สกาวที่กำลังจะแก้มัดดวลชะงัก เดือนสิบขอร้องแม่อย่าปล่อยน้อง มัดเอาไว้แบบนี้ดีแล้ว สกาวสงสารดวลไม่อยากให้ถูกมัดแบบนี้

“ปล่อยให้หนีไปยิ่งน่าสงสารกว่านี้นะคะแม่ เราช่วยดวลได้เท่านี้ ที่เหลือมันอยู่ที่ดวลแล้วค่ะแม่”

ooooooo

ที่ห้องเช่าโทรมๆ กิ่งคำอยากยาลุกขึ้นไปหาตามลิ้นชักเพื่อจะเอามาเสพ ทันใดนั้นมีน้ำไหลออกมาตามหว่างขา เธอตกใจสุดขีดทำอะไรไม่ถูก ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย...

หลังกิ่งคำคลอดลูก ชีวาตม์ชวนยุพราไปหาเอนที่กองถ่ายแบบเพื่อบอกให้รับรู้ เขาส่งเสียงเฮลั่น นี่แสดงว่าไม่ใช่ลูกของเขา ไม่เชื่อให้ลองนับเวลาดู ชีวาตม์แจ้งว่าเด็กคลอดก่อนกำหนด ออกมาตัวเล็กนิดเดียว กำลังสู้อยู่ไม่รู้จะรอดหรือไม่ เช่นเดียวกับกิ่งคำ ขอร้องให้เอนไปเยี่ยมเธอกับลูกหน่อย

“ถามจริง พี่จะให้ผมไปเยี่ยมพี่กิ่งน่ะเหรอ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะพี่ เขามาหาเพื่อนนอนแก้เหงาผมก็จัดให้” คำพูดเอาแต่ได้ของเอนทำเอาชีวาตม์เกือบทนไม่ไหว ยุพราได้แต่แตะไหล่เพื่อรั้งสติเขาไว้ แล้วอ้อนวอนเอนให้ไปเยี่ยมลูกก็ยังดีถ้าไม่เห็นแก่กิ่งคำ

“ขอโทษนะครับพี่ การนอนกันเพื่อความสนุกน่ะผมไม่สมควรต้องมานั่งรับผิดชอบอะไร เด็กคนนี้พี่จะเอาอะไรมายืนยันว่าเป็นลูกผม”

“เด็กคนนี้เป็นลูกผม ไม่เป็นไร คิดซะว่าพวกเราเข้าใจผิดแล้วกันนะ”

“โอเค งั้นถ้าไม่จำเป็นกรุณาอย่ามารบกวนผมอีกนะครับ” เอนยิ้มกวนให้แล้วเดินจากไป ยุพราหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า เห็นหน้าจอว่านภางค์ยังคงฟังสายอยู่ก็ยิ้มออกมา...

ด้านนภางค์กับโอเล่เปิดสปีกเกอร์โฟนฟังเสียงจากมือถือของยุพราได้ยินทุกคำที่เอนพูด นภางค์ถึงกับหน้าเครียดไม่คิดว่าเอนจะเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้...

เที่ยงวันยังคงทำใจเรื่องเดือนสิบไม่ได้นอนหมด อาลัยตายอยากอยู่ริมหาดแห่งหนึ่ง ยิ่งพยายามลบเธอจากใจก็ยิ่งเห็นภาพเธอชัดเจน เขาดับความฟุ้งซ่านของตัวเองด้วยการวิ่งลงทะเล ดำผุดดำว่าย ทำทุกอย่างเพื่อสลัดภาพเดือนสิบออกจากสมอง...

พักหลังมานี่ ลำธารมาเป็นแขกกินข้าวที่บ้านแทบทุกวัน เดือนสิบเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่ทำแบบนี้ ถ้าเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น เที่ยงวันคงไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกระหว่างเธอกับเขาได้เลย เพียงแต่ตอนนี้เธอมีเที่ยงวันอยู่เต็มหัวใจเสียแล้ว

เธอมองลำธารที่คุยกับพ่ออย่างถูกคอ และยังปฏิบัติกับแม่ดีมาก ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น

ooooooo

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 14 วันที่ 29 ก.ค.61

ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสิน
ละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ