อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 9 วันที่ 13 ก.ค.61

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 9 วันที่ 13 ก.ค.61

“แม่เขารู้แล้ว ให้มาซื้อผักกาดดองจะไว้ต้มกับกระดูกหมู” พูดจบดำเกิงเดินต่อไป ทิ้งความปลาบปลื้มใจให้ดวลจนยิ้มไม่หุบและเขายังได้รู้จากพนักงานรุ่นพี่คนนั้นอีกว่าพ่อมาที่นี่บ่อย มาเดินดูของไปเรื่อยไม่ค่อยได้ซื้ออะไร นั่นแสดงว่าท่านไม่ได้ตัดขาดเขา หัวใจเขาพองโตขึ้นแทบเก็บความสุขไว้ไม่อยู่...

ไม่ได้มีแต่ดวลเท่านั้นที่ได้เจอกับเรื่องดีๆ เที่ยงวันก็ได้เจอเช่นกัน กำไลซึ่งอาการดีขึ้นมากวันนี้จึงเข้าครัวเอง ทิ้งให้เดือนสิบกับเขาอยู่เล่นเป็นเพื่อนเมฆ ครั้นทำกับข้าวเสร็จ เธอชวนทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน เมฆร้องไชโยเสียงลั่น ขณะที่เที่ยงวันดีใจน้ำตาคลอ ในที่สุดกำไลก็เปิดใจให้เขา

ไม่ใช่แค่เปิดใจแต่ทั้งคู่ยังปรับความเข้าใจกันอีกด้วย เที่ยงวันรู้สึกเหมือนได้ถูกปลดแอกอันหนักอึ้งออกจากตัว วันนี้เขาเป็นอิสระแล้ว...



ทางด้านสกาวเห็นดำเกิงหิ้วถุงใส่ของมาจากซุปเปอร์มาร์เกตที่ดวลทำงานอยู่ก็พอเดาออกว่าเขาแอบไปดูลูกมา น้ำตาแห่งความปีติพานจะไหล ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่นไปถึงวันเสาร์ที่ลูกจะกลับบ้าน...

ที่สวนสาธารณะริมน้ำ เที่ยงวันร้องตะโกนสุดเสียงระบายความสุขที่มันอัดแน่นอยู่ข้างใน เดือนสิบพลอยยินดีไปกับเขาด้วย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เขาขอบคุณเธอมากถ้าไม่มีเธอเขาคงไม่มีวันนี้

“ไม่ค่ะคุณเที่ยงเป็นคนดีถึงไม่มีเดือน เดือนก็เชื่อว่าสักวันน้ากำไลจะต้องเข้าใจในตัวคุณเที่ยงแน่ๆ”

“ไม่จริง ถ้าไม่มีคุณ  ผมคงไม่สามารถทำได้แน่ๆ ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆผมตลอดไป” ว่าแล้วเที่ยงวันจับมือเดือนสิบมากุมไว้ เธอไม่ตอบได้แต่ยิ้มเขิน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเขาได้โอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอ...

เรื่องดีๆที่เกิดกับเที่ยงวันไม่ได้มีแค่ปรับความเข้าใจกับกำไล ดำเกิงออกปากชวนเขากินข้าวตอนที่เขาขับรถมาส่งเดือนสิบ อีกทั้งวันเสาร์ที่จะเลี้ยงต้อนรับดวลกลับบ้าน ท่านก็ชวนให้เขามากินข้าวด้วยกัน เที่ยงวันแทบโดดตัวลอย วันนี้ช่างเป็นวันดีที่สุดในชีวิตของเขา

ooooooo

บ่ายวันรุ่งขึ้น ยี่สุ่นจัดให้มีปาร์ตี้เล็กๆเชิญมิถุนากับเชิญจิตมาจิบน้ำชากัน และถือโอกาสนี้ทาบทามมิถุนาให้มาเป็นคู่ชีวิตของลำธาร เชิญจิตดีใจเนื้อเต้นที่แผนจับผู้ชายรวยๆของตนกับลูกสำเร็จด้วยดี แต่ต้องเก็บอาการไว้ โยนให้มิถุนาเป็นคนตัดสินใจเอง ตนเป็นแม่คงฝืนใจอะไรไม่ได้

“หนูนีน่าว่าไงจ๊ะ พี่เขาอยากจะมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์กับเขาสักที”

มิถุนาอายม้วนพอเป็นพิธีก่อนจะพยักหน้ารับคำอย่างเขินๆทั้งบุญหยาด ยี่สุ่นและลำธารต่างดีใจกันถ้วนหน้าเพราะคิดว่าได้คนที่เหมาะสมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน โดยจะให้สินสอดเป็นทองคำหนัก 1,000 บาท เงินสดอีก 20 ล้านบาท เชิญจิตไม่พอใจแค่นั้น ต้องการให้ยี่สุ่นโอนคฤหาสน์หลังนี้เป็นชื่อมิถุนา ทำให้ยี่สุ่นไม่ค่อยพอใจ แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้...

เชิญจิตไม่สบอารมณ์นักที่ฝ่ายชายเสนอสินสอดแค่นั้น มิถุนาเองก็ไม่ชอบใจเช่นกันที่ยี่สุ่นจะหาช่างมาตัดชุดแต่งงานให้เนื่องจากเล็งชุดแบรนด์เนมที่ปารีสเอาไว้แล้ว เชิญจิตบอกลูกให้ใจเย็นๆ

“แต่งเข้าไปให้ได้ก่อน มันจะช่วยเรื่องเครดิตของตระกูลเรา แม่จะได้ลุกขึ้นมาทำธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง”...

ขณะที่ดวลกำลังสนุกกับการให้บริการลูกค้า พนักงานคนหนึ่งเข้ามาตามเขาให้ไปหาพี่ยศที่ห้องทำงานของคุณสวาทวิมล เพียงได้ยินชื่อเธอ ดวลรู้สึกสยองอย่างบอกไม่ถูก ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ...

ทางด้านเดือนสิบเห็นแม่อยากไปดูดวลทำงาน วันนี้ก็เลยจะพาไป ดำเกิงอยากไปดูเขาเช่นกันแต่วางฟอร์ม ได้แต่บอกว่าจะไปซื้อของขอติดรถไปด้วย

ทั้งเดือนสิบและสกาวแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง...

ระหว่างที่เที่ยงวันพาเดือนสิบ สกาวกับดำเกิงมุ่งหน้าสู่ซุปเปอร์มาร์เกตที่ดวลทำงานอยู่ ทูลโทร.มาบอกให้พนักงานบัญชีช่วยดูให้ทีว่ามีกระเป๋าเงินของเขาลืมไว้ที่แผนกบัญชีหรือเปล่า เธอยืนยันว่าไม่มี แต่จะให้คนหาที่แผนกอื่นให้ เขาถามถึงสวาทวิมลอยู่ไหน

“คุณสวาทวิมลติดธุระอยู่มังคะ เลยไม่ได้รับสาย เอ่อ...เห็นคุณสวาทวิมลเรียกเด็กใหม่เข้าไปสอบสวนเครียดเลยค่ะ ไม่รู้เรื่องอะไร”

“เด็กใหม่ ดวลเหรอ...แล้วไม่รู้เหรอว่าเรื่องอะไร ขอบใจนะ” ทูลวางสายสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ หรือสวาทวิมลมีแผนอะไรกับดวล รีบคว้ากุญแจรถออกจากบ้าน

ooooooo

เป็นอย่างที่ทูลหวั่นใจ สวาทวิมลร่วมมือกับยศใส่ร้ายดวลว่ายักยอกเงิน เนื่องจากเงินที่ส่งมอบไม่ครบตามจำนวน เขาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่าไม่ได้เอาไปและขอให้ยศช่วยเป็นพยาน นอกจากจะไม่เป็นพยานให้ยศยังบอกเขาให้ยอมรับผิดกับการกระทำของตัวเองและให้ลาออกจากที่นี่ไป

อีกมุมหนึ่งที่บริเวณเคาน์เตอร์คิดเงิน เที่ยงวันเดินเข้ามามองหาดวลแต่ไม่เห็นประจำที่แคชเชียร์ก็แปลกใจ เดือนสิบตั้งข้อสังเกตหรือว่าวันนี้เขาหยุด

เที่ยงวันคิดๆดูแล้วเขาไม่ได้หยุดวันนี้สักหน่อยจึงเรียกพนักงานคนหนึ่งมาถาม ได้ความว่าเขาถูกเรียกไปที่ห้องสวาทวิมล เที่ยงวันสงสัยเรียกไปทำไม

พนักงานอึกอักจนดำเกิงจับพิรุธได้ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า พนักงานชี้ไปอีกทางหนึ่งว่าเดินกันออกมาทางโน้นแล้ว ทุกคนเหลียวมองตามที่พนักงานชี้ เห็นดวลเดินตามยศออกมาโดยมีสวาทวิมลเดินปิดท้าย ทุกคนแปลกใจรีบเดินตามจนทันกันที่ห้องพักพนักงาน เที่ยงวันถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เด็กนี่ขโมยเงินที่แคชเชียร์”

ดวลเห็นครอบครัวยกโขยงกันมาก็ตกใจ ยิ่งเห็นพ่อมองมาด้วยสายตาผิดหวังยิ่งรู้สึกย่ำแย่ ยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ขโมย สวาทวิมลสั่งให้ยศค้นตัว เที่ยงวันขอร้องแม่มีอะไรค่อยคุยกันทีหลังดีไหม ท่านจะคุยตอนนี้เดี๋ยวนี้ แล้วสั่งยศอีกครั้งให้ค้นกระเป๋าเขาด้วย ยศรีๆรอๆไม่กล้า สวาทวิมลก็เลยจัดการค้นเอง หยิบเงินปึกหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายของดวล ดำเกิงผิดหวังอย่างแรงต่อว่าเดือนสิบนี่หรือที่อุตส่าห์ตามแม่มาดู

“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ อย่างนี้ใครก็เอามายัดลงไปได้...พี่ยศช่วยผมด้วย” ดวลอ้อนวอน

ยศที่เคยเมตตามาตลอดมาบัดนี้กลับไม่แยแส ทำให้ดวลช้ำใจมาก ในกระเป๋าของเขาไม่ได้มีแต่เงิน สวาทวิมลยังเจอยาเสพติดอีกด้วย ดวลตกใจไม่แพ้คนอื่นๆเช่นกัน เพราะยาซองนี้ที่ได้มาจากวัยรุ่นยัดเยียดให้ เขาตั้งใจจะเอาไปคืนแต่วัยรุ่นดันไม่รับคืน เขาก็เลยต้องเอาติดกระเป๋ามาด้วย

โดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ดำเกิงตรงเข้าไปตบลูกชายหน้าหัน เดือนสิบกับสกาวเองก็ตำหนิดวลอย่างรุนแรงเช่นกัน ไม่ถามสักคำว่าความจริงเป็นอย่างไร ดวลเสียใจมากที่คนในครอบครัวไม่มีใครเชื่อใจเขาสักคน มีเพียงเที่ยงวันเท่านั้นที่เชื่อว่าเขาไม่ได้ทำ สวาทวิมลสั่งยศให้โทร.ตามตำรวจ ดวลทั้งน้อยใจทั้งกลัวตำรวจตัดสินใจวิ่งหนี เจอทูลที่ด้านหน้าซุปเปอร์มาร์เกตพอดี ทูลเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขาร้องทักว่าเกิดอะไรขึ้น

“เขาหาว่าผมขโมยเงิน ผมไม่ได้ขโมย”

“ไม่ได้ขโมยแล้วหนีทำไม ฉันจะช่วยพูดเอง กลับเข้าไปเถอะ ไม่ผิดอย่าหนี” ทูลพยายามรั้งดวลไว้

เที่ยงวัน เดือนสิบและสวาทวิมลตามออกมา ดวลขยับจะหนีอีก คราวนี้ทูลล็อกตัวไว้แน่น เตือนเขาถ้าวิ่งหนียิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้นรวบรวมกำลังสะบัดสุดแรง ทูลที่ล็อกตัวเขาอยู่เสียหลักล้มหัวฟาดพื้น เที่ยงวันกับสวาทวิมลตกใจรีบเข้าไปดู ดวลกลัวความผิดวิ่งหนี ครู่ต่อมาทูลถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ท่ามกลางความวิตกกังวลของสวาทวิมลว่าเขาจะอาการหนัก เที่ยงวันได้แต่กอดปลอบใจแม่...

ด้านดำเกิงกลับถึงบ้านอย่างหัวเสีย เขาพยายามให้โอกาสลูกชายแล้ว แต่ลูกกลับทำให้ผิดหวังและเสียหน้า ประกาศกร้าวต่อหน้าเดือนสิบและสกาวห้ามใครพูดถึงชื่อดวลให้ได้ยิน มันไม่ใช่ลูกของตนอีกต่อไป แล้วเดินปึงปังขึ้นข้างบน สกาวทรุดลงนั่งแปะกับพื้นร้องไห้ตัวโยน เดือนสิบรีบเข้าไปกอดปลอบใจ

“ทำไมดวลทำแบบนี้ ไหนสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีก ทำไม” สกาวคร่ำครวญ

ooooooo

ดวลไม่รู้จะไปไหน นึกถึงเอนขึ้นมาได้ก็เลยแวะไปหาที่คอนโดฯที่พัก ต้องแปลกใจที่เจอกิ่งคำในสภาพยังไม่สร่างเมายาแถมเสื้อผ้าก็สวมแบบลวกๆอีกต่างหาก เธอเองก็ตกใจมากไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จัก

“ทำไมพี่กิ่งมาอยู่ที่นี่”

กิ่งคำยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เอนเปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน เห็นดวลมองกิ่งคำสลับกับมองตัวเอง จึงแนะนำให้รู้จักพี่กิ่งแฟนของเขา ดวลตกใจมาก ตั้งสติได้เดินเลี่ยงไปนั่งโซฟา ขณะที่กิ่งคำเดินหนีเข้าห้องนอน เอนมองทั้งคู่อย่างงงๆ กิ่งคำทนอยู่สู้หน้าดวลไม่ได้ รีบเก็บข้าวของกลับบ้าน ดวลรอจนเธอไปแล้วจึงซักเอนเป็นการใหญ่ทำไมพี่กิ่งมาอยู่ที่นี่ แล้วเขาไปรู้จักเธอได้อย่างไร

“มึงก็เคยเจอ ที่มึงไปต่อยเพื่อนเขาไง ยัยสราไงมึงจำไม่ได้เหรอ”

“กูจำไม่ได้ แต่นี่...เขามีสามีแล้วนะเว้ย สามีเขาเป็นคนโคตรดีเลย”

เอนถึงบางอ้อทำไมกิ่งคำถึงรีบร้อนกลับทั้งที่

มานอนแช่อยู่ที่นี่หลายวันแล้ว ที่แท้ก็รู้จักดวลนี่เอง เขายังเล่าอีกว่าเธอชอบกินขนมมาก ดีที่กลับไป อยู่ก็เปลืองเปล่าๆ ดวลตกใจนี่เขาให้พี่กิ่งเสพยาด้วยหรือ

“เปล่า เธอชอบของเธอเอง กูไม่เกี่ยวนะโว้ย ว่าแต่มึงเถอะ ทำไม ทนทำงานแบกหามไม่ไหวแล้วใช่ไหม”...

ทางฝ่ายลำธารเริ่มเหนื่อยหน่ายกับมิถุนาที่เอะอะอะไรก็ชวนไปช็อปปิ้ง ซื้อจนเบาะหลังรถอัดแน่นไปด้วยถุงใส่ของ ทำให้มองกระจกหลังไม่ถนัด เขาบอกให้เธอที่เอาแต่เล่นมือถือช่วยขยับถุงให้หน่อย เธอเอื้อมมือไปเขี่ยๆถุงอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ เขาได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ...

ตั้งแต่ล้มหัวฟาดพื้น ทูลยังไม่ฟื้นคืนสติ หมอตรวจอย่างละเอียดแล้วไม่พบว่ามีเลือดออกในสมองแต่ต้องขอดูอาการอีก 24 ชั่วโมงก่อน สวาทวิมลเอาแต่ร้องไห้เป็นห่วงกลัวจะต้องเสียเขาไป เที่ยงวันต้องกอดแม่ไว้ปลอบว่าพ่อต้องไม่เป็นอะไร จังหวะนั้นเดือนสิบแวะมาเยี่ยม สวาทวิมลหน้าตึงใส่

“ยังไม่พ้นขีดอันตรายคงไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยมหรอกนะจ๊ะ” สวาทวิมลพูดด้วยโดยไม่มองหน้า เดือนสิบรู้ว่าเธอไม่พอใจก็เลยขอตัวกลับก่อนไว้พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก สวาทวิมลโพล่งขึ้นทันทีไม่ต้องมาเยี่ยมจะดีกว่า อย่าให้ตนต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลย เที่ยงวันพยายามปรามแม่แต่ไม่เป็นผลจึงรีบตัดบท

“ผมเดินไปส่งนะครับคุณเดือน” พูดจบเที่ยงวันพาเดือนสิบออกไป สวาทวิมลมองตามไม่พอใจ...

ระหว่างเดินไปที่จอดรถ เดือนสิบถามหยั่งเชิงเที่ยงวันว่าโกรธดวลหรือเปล่าที่เป็นต้นเหตุให้พ่อของเขาต้องเป็นแบบนี้ เขาไม่โกรธ มันเป็นอุบัติเหตุ ดวลเองคงไม่อยากให้เกิดขึ้น

“แต่ก็เพราะคุณลุงเข้าไปห้ามดวลไว้และถ้าดวล...”

“ผมรู้ว่าพ่อผมจะไม่เป็นอะไร ท่านผ่านอะไรมาเยอะกว่านี้ ผ่านเรื่องแย่ๆมามาก ท่านเข้มแข็งเสมอครับ”

เรื่องแย่ๆที่เที่ยงวันว่าคือเรื่องที่เขาติดยา แล้วเล่าให้เดือนสิบฟังว่าตอนนั้นเขาอาละวาดเพราะอยากยาอย่างหนัก พยายามจะดิ้นให้หลุดจากถูกพยาบาลจับมัด พ่อต้องเข้าไปช่วยล็อกตัวไว้ เที่ยงวันที่ไม่มีสติ บันดาลโทสะกัดแขนพ่อเย็บไปหลายสิบเข็ม ยังทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้ที่แขนท่านจนถึงตอนนี้

“พ่อถึงอยากจะช่วยเหลือดวลให้มากที่สุด”

“แต่ดวลก็ทำให้ทุกคนผิดหวัง”

เที่ยงวันเตือนว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุป เรายังไม่ได้ฟังจากปากดวลเลย เดือนสิบแปลกใจกับคำพูดของเขา หรือเขาสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเหมือนที่เธอคิด  เพียงแต่ไม่กล้าพูด เธอได้แต่ขอบคุณเขาที่ยังมีศรัทธาในตัวดวลอยู่ เขาเคยตกอยู่ในจุดที่ดวลอยู่มาก่อน จึงเข้าใจคนหัวอกเดียวกันและจะเอาใจช่วยให้ดวลผ่านเรื่องร้ายๆเหล่านี้ไปให้ได้ นั่นยิ่งทำให้เดือนสิบรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้น

ooooooo

ยุพราฟังเดือนสิบเล่าเรื่องที่ดวลก่อเอาไว้ รู้สึกสงสารและเห็นใจเพื่อนรัก จึงแนะให้พักเรื่องครอบครัวไว้บ้างเพื่อตัวเองจะได้มีความสุขไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะน้อง ไม่ต้องทำตามความหวังของพ่อ ไม่ต้องคอยปกป้องแม่ตลอดเวลา ตนไม่เคยเห็นเธอทำอะไร

เพื่อตัวเองเลยสักครั้ง

“ยุพ นี่คือความสุขของเดือน”

“ไม่จริง เดือนไม่มีความสุข เดือนทุกข์ใจ เดือนร้องไห้ตลอดเวลา ยุพรู้ว่าเดือนก็มีใจให้คุณเที่ยง กับความสุขเล็กๆน้อยๆแค่นี้เดือนยังเก็บเอาไว้ไม่ได้เลย”

“ยุพฟังไว้นะ ความสุขของเดือนคือการที่เห็นครอบครัวมีความสุข ถ้าเดือนทิ้งครอบครัวไปเพื่อตัวเองยังไงเดือนก็ไม่มีความสุขหรอก...เดือนไปทำเอกสารต่อนะ” เดือนสิบผละจากไปด้วยไม่อยากมีปากเสียงด้วย

“โธ่เอ๊ย จะพูดออกไปทำไมเนี่ย” ยุพราตบปาก

ตัวเองที่พูดไม่รู้จักคิด...

กิ่งคำกลับถึงบ้านในสภาพอ่อนล้า ชีวาตม์

เข้ามาขอคุยด้วย เธอเป็นกังวลไปหมดกลัวดวลจะโทร.มาฟ้อง แต่ปรากฏว่าเรื่องที่เขาจะคุยด้วยแค่ต้องการปรับความเข้าใจกับเธอเท่านั้น ถ้าเขาทำอะไรให้เธอ

ไม่พอใจก็ขอโทษด้วย เขาไม่เคยมีใคร เขารักเพียงเธอคนเดียว และขอให้เรากลับมารักกันเหมือนเดิม

“ค่ะ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” กิ่งคำน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งใจ

ชีวาตม์ดีใจมากโผกอดกิ่งคำไว้แน่น อยู่ๆเธอคลื่นไส้วิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียน เขาตามไปลูบหลังให้ด้วยความเป็นห่วง...

ยุพรารู้ตัวว่าผิด รีบตามไปปรับความเข้าใจกับเพื่อนรัก ขอให้เธอให้อภัยคนปากไม่ดีอย่างตนด้วย

เดือนสิบไม่ถือโทษโกรธอะไร รู้ว่าเพื่อนทำไปเพราะรักและหวังดี...

กิ่งคำอาเจียนจนหมดเรี่ยวแรง ชีวาตม์ต้องประคองไปนอนที่เตียงแล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อตัวหน้าตาให้ ความใกล้ชิดบวกกับความคิดถึงทำให้อารมณ์พาไป

เขาเริ่มพรมจูบไปทั่วแต่เธอขยับหนี อ้างไม่ค่อยสบาย

“ผมเข้าใจ พักผ่อนนะครับกิ่ง งั้นผมไปอาบน้ำนะครับ” ชีวาตม์ผละไปโดยไม่ติดใจหรือไม่พอใจอะไร กิ่งคำพลิกตัวนอนตะแคงคว้าหมอนมากอด คิดถึงเอนจับใจ อยากให้เขามาอยู่ใกล้ๆ...

ที่ห้องไอซียู เที่ยงวันเห็นแม่หน้าเครียดยืนอยู่ข้างเตียงพ่อเข้าไปบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว

หมอแค่ให้พ่ออยู่รักษาตัวจนกว่าจะแข็งแรงเท่านั้น

สวาทวิมลขอให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเดือนสิบ ชีวิตของเขากำลังจะดีขึ้นอยู่แล้วอย่าให้ใครมาฉุดให้ลงไปอีก เขาเถียงว่าที่ตัวเองดีขึ้นเพราะมีคนที่เขาต้องคอยช่วยเหลือคอยห่วงใย มันทำให้เขาอยากทำตัวเองให้ดีขึ้น น่าเชื่อถือขึ้น แม่น่าจะดีใจไปกับเขา

“แต่ถ้าช่วยคนอื่นแล้วเราต้องมาลำบากมาเดือดร้อนแบบนี้...”

“แม่ครับผมเคยเสียคนที่ผมรักไปแล้ว ตอนนี้ผมเจอคนที่ผมรัก ให้ผมได้ดูแลคนที่ผมรักให้ดีที่สุด ผมไม่อยากเสียใครไปอีก” น้ำเสียงจริงจังของเที่ยงวันทำให้สวาทวิมลไม่กล้าขัดอะไรลูกอีก...

ดวลกำลังท้อแท้กับชีวิตที่อุตส่าห์ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นแต่กลับถูกกลั่นแกล้งจนต้องหนีมาขออาศัยบ้านเอนนอน แทนที่จะช่วยปลอบเพื่อนและเป็นกำลังใจให้ เอนกลับให้ยาเสพติดดวลไว้เสพจะได้ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ ดวลกำลังจิตใจอ่อนแอก็เลยห้ามใจตัวเองไม่ได้หันกลับไปหายานรกนั่นอีกครั้ง

ooooooo

เมื่อรู้ข่าวดีว่าพ่อฟื้นแล้วเที่ยงวันชวนเดือนสิบไปหาซื้อของโปรดไปฝากท่าน เธอทักท้วงท่านเพิ่งฟื้นไม่น่าจะกินอะไรได้ ให้ซื้อไปฝากสวาทวิมลแทน ระหว่างเลือกซื้อขนม บังเอิญเจอลำธารที่มากับมิถุนา

ลำธารดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้เจอคนรักเก่าทำให้มิถุนาไม่พอใจพูดย้ำให้เดือนสิบรู้ว่าตนเป็นแฟนใหม่ของเขา เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องหวังลมๆแล้งๆ

ว่าเขาจะกลับมาหา เที่ยงวันเห็นท่าไม่ดีชวนเดือนสิบกลับเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเยี่ยมแล้วแตะเอวเธอให้เดินไปด้วยกัน ลำธารจะตามไปปรับความเข้าใจกับเธอแต่มิถุนารั้งไว้...

เที่ยงวันเป็นห่วงความรู้สึกของเดือนสิบ คอยเหลือบมองเธอตลอดแต่ต้องแปลกใจที่เธอไม่แสดงอาการใดๆ อดถามไม่ได้นี่เธอไม่รู้สึกอะไรกับลำธาร

แล้วหรือ เธอจะลืมเขาง่ายๆได้อย่างไร คบหากันมาตั้งสามปี แต่ตอนนี้เธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ ทั้งเรื่องบ้านเรื่องดวล แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือจะหาของอร่อยอะไรให้ถูกใจสวาทวิมล เธออยากให้ท่านให้อภัยดวล เที่ยงวันเชื่อว่าแม่น่าจะใจเย็นขึ้นเพราะพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว

“เดือนก็หวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะ”...

ทางด้านลำธารเอาแต่ขับรถไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากห้างฯไม่พอใจที่มิถุนาพูดจาไม่ดีกับเดือนสิบ มิถุนาเองก็ไม่ชอบใจที่เขายังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอยู่ทำให้มีปากเสียงกัน เธอขู่ถ้าเจอเดือนสิบอีกจะเล่นงานให้หนักกว่าเดิม ลำธารเบนรถจอดข้างทางคว้าคอเธอ สั่งห้ามแตะต้องเดือนสิบเด็ดขาด

“ทำไมจะแตะต้องอีนั่นไม่ได้ ยังอาลัยมันนักใช่ไหม”

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 9 วันที่ 13 ก.ค.61

ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสิน
ละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ