My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 2 วันที่ 14 ก.ค.61
ดูเผื่อจะเคยเห็น พีระดูแล้วบอกว่าไม่คุ้นขอรูปไว้ถามพนักงานดู แล้วหันไปพูดกับลูกค้าที่เริ่มหันมาสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น บอกลูกค้าว่า“แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะครับ ไม่มีอะไรแล้ว เชิญสนุกกันต่อ” แล้วสั่งโตให้ปล่อยทั้งสามคน
พอพีระเดินพ้นหน้าโขง เหมียวและเปิ้ล สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม ถามโตว่าจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม โตบอกว่าเมี่ยงคำที่คุณพีระให้มา ตนกินไม่เหลือสักคำ ส่วนพร้อมถามว่า
“คุณพีระครับ แล้วไอ้โขงนี่เอายังไงต่อดีครับ”
เพียงเห็นรอยยิ้มของพีระ พร้อมก็เข้าใจแล้ว
สวัสดิ์ไม่อยากให้แสนยุ่งเรื่องนี้กลัวจะถูกไล่ออกจากงาน ทั้งที่เพิ่งมาทำได้วันเดียว ทั้งเชื่อว่าพีระไม่ทำเรื่องอย่างนี้แน่
ส่วนโขงทบทวนที่พีระขอรูปน้องสาวเหมียวไปดู เอะใจว่ารู้ได้ไงว่าเป็นน้องสาวเพราะยังไม่มีใครบอกเลยว่าเป็นเด็กหญิง??
ooooooo
คืนนี้ขณะเหมียวขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ถูกโขงโดดออกมาขวางเพื่อจะถามว่าเด็กผู้หญิงที่เธอตามหาคือใคร หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมียวไม่ตอบซ้ำด่าแล้วขี่รถออกไป
ขี่รถออกมาอึดใจเดียวก็ลังเลว่าจะให้โขงช่วยดีไหม แต่แล้วก็ตัดสินใจขับรถมุ่งไปทางบ้าน โขงจะตามก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาตัดหน้าแล้วตามมาอีกสองคันล้อมโขงไว้ ทั้งสามคือชัย ดำกับอ๊อดที่พีระส่งมาขยี้โขงต่อ มันทั้งสามรุมเล่นงานโขงจนสาหัส
ทันใดนั้นมีเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์แผดก้องขึ้นอย่างยาวนานจนชาวบ้านเปิดไฟเปิดหน้าต่างโผล่มาดู บ้างขว้างกระป๋องออกมา บางคนตะโกนด่า อีกคนตะโกนว่า “มึงไม่หยุดกูเรียกตำรวจนะเว้ย”
ชัยสบถแล้วคำรามใส่หน้าโขง “มึงจำชื่อกูไว้ ชัย หนองตาคำ อย่ามายุ่งกับน้องเหมียว แล้วก็อย่ามาลองดีกับกูอีก” แล้วมันทั้งสามก็กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ตะบึงหนีไป
เหมียวรีบมาดูโขง เห็นสภาพแล้วตกใจ เรียกก็ไม่ได้สติ พยายามประคองลุกขึ้นแต่กลับล้มไปด้วยกัน ที่กระเป๋าเป้ของโขงที่ตกอยู่ข้างๆ โทรศัพท์กระเด็นออกมามีสายโทร.เข้า หน้าจอปรากฏชื่อ “ครูจันทรา” ครูโทร.มาหาโขงแต่ไม่มีใครรับสาย ครูพึมพำอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า”
เหมียวพยายามเรียกและช่วยโขงลุกขึ้นจะพาไปสุขศาลา ทำจนหมดแรงก็ช่วยไม่ได้ ร้องขอความช่วยเหลือ บ้านที่ตื่นมาเปิดไฟและโผล่มาดูก็ค่อยๆดับไฟและเข้านอนกันหมด โชคดีที่เหมียวเห็นบ้านหลังหนึ่งมีรถเข็นเตี้ยๆจึงไปเอามาและพยายามลากโขงขึ้นไป ออกแรงเข็นเอาจริงเอาจังท่ามกลางแสงไฟสลัวจากเสา
ในที่สุดก็พาโขงไปถึงสุขศาลา บุรุษพยาบาลรีบช่วยกันปฐมพยาบาลทันที โทรศัพท์ของโขงดังขึ้นอีก เหมียวเห็นที่หน้าจอโชว์ชื่อครูจันทราจึงตัดสินใจรับ
พอครูจันทรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโขงก็รีบไปทั้งที่ดึกแล้ว พอดีอคินซื้อผลไม้มาเยี่ยมครูจึงรู้เรื่องโขง
ครูจันทราอดคิดถึงอดีตเมื่อ 17 ปีก่อนซึ่งเวลานั้นโขงเพิ่งอายุ 11 ปีไม่ได้...
วันนั้นโขงในสภาพมอมแมมใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ ถูกป้าพามาทิ้งเพราะโขงกินข้าวจุเลี้ยงไม่ไหว
โขงเดินเคว้งคว้างหิวโซเข้าไปที่ลานวัดพยายามมองหาของกิน ดีใจมากเมื่อเห็นถุงอาหารจะเข้าไปเอามากินแต่ถูกหมาวัดที่ไวกว่าแย่งไป โขงได้แต่มองอย่างเสียดาย เดินไปอีกเจอวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนั่งดื่มกันอยู่ มีข้าวผัดห่อหนึ่งวางอยู่ข้างหลังก็เอื้อมมือจะไปหยิบ เลยถูกวัยรุ่นกลุ่มนั้นเล่นงานหาว่าขโมย
โขงสู้เพื่อเอาตัวรอดเป็นครั้งแรก โดนวัยรุ่นสามคนอัดจนน่วมแต่ตายังมองถุงข้าวผัดก่อนหมดสติไป วันนั้นครูจันทราไปเจอและร้องเรียกอย่างตระหนก “หนู...หนู...”
“คุณ...คุณโขง...” วันนี้โขงในสภาพเดียวกันแต่เป็นเสียงร้องเรียกของเหมียว
ความรู้สึกของโขงขาดๆหายๆแล้วก็ค่อยๆชัดเจนเมื่อได้ยินและเห็นหน้าอคินชะโงกเข้ามาเรียก
“ไอ้โขง...”
โขงลืมตาขึ้น อคินดีใจมากรีบเรียกหมอและพยาบาลบอกว่าเพื่อนตนฟื้นแล้ว หมอเข้ามาดูบอกว่า
“แผลถลอกที่ขมับ สองสามวันก็ตกสะเก็ด ส่วนจ้ำๆช้ำๆตามร่างกาย พักผ่อนเยอะๆ เอายาแก้ปวดไปทา ไปทาน คนหนุ่มๆอย่างนี้ไม่ถึงอาทิตย์ก็หาย โดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก ถ้าจุกๆเสียดๆข้างในก็ลองเข้าเมืองไปเอกซเรย์ดูนะ”
“รู้ไหมว่าครูเป็นห่วงมาก ครูบอกว่าได้คุยกับผู้หญิงที่มาส่ง พูดจาไพเราะสุภาพมาก ใครวะ”
อคินถามล้อๆ มองแซวๆ แต่โขงยังงงๆ
ooooooo
ขณะออกจากสุขศาลา โขงคุยโทรศัพท์กับครูจันทราบอกว่าตนไม่ได้เจ็บหนักแค่สลบไปแป๊บนึงเอง เหมือนนักมวยถูกน็อกเดี๋ยวก็ฟื้นมาชกต่อ ครูบอกว่ามาทำงานนะไม่ได้มาชกคน
ครูจันทราอบรมอยู่พักหนึ่งโขงก็มีเหตุผลแก้ตัวไปทุกข้อ ครูเลยบอกให้เขาต้องพิจารณาตัวเองว่าทำไมตัวเองไปถึงไหนถึงเป็นศูนย์รวมบาทาอยู่เรื่อย โขงรับปากว่าจะสำรวมให้มากกว่านี้
โขงถามอคินว่าจะกลับเลยไหม อคินขอเที่ยวเล่นสักพัก พอมาถึงลานจอดรถ อคินถามว่าจะไปไหนดี
โขงกับอคินไปถึงหน้าโรงงานสับปะรด เหมียวกำลังจะตอกบัตรเห็นโขงก็เดินมาทักกวนๆว่าหายเร็วดีนะ นึกว่าเลือดจะออกหมดตัวตายไปแล้ว
“ขอบคุณนะคุณเหมียว ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ ถ้าตอบแทนอะไรได้ผมยินดีจะทำทุกอย่าง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันช่วยใครไม่เคยหวังอะไร หมาแมวถูกรถชนฉันก็ช่วยแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่ต้องคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณอะไร”
เหมียวจะเข้าไปทำงาน โขงเดินไปดักบอกว่าตนจะตามเรื่องเด็กที่หายด้วย เปิ้ลจึงเอารูปเมี่ยงให้ดู สงสัยว่าจะไปสมัครงานที่ผับพีระแต่ไปหาแล้วไม่เจอ เมี่ยงเป็นเด็กดี ไม่ได้คบผู้ชาย ไม่มีนิสัยชอบเที่ยวหรือขี้เล่นกับใคร หายไปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ อคินยิ้มให้กำลังใจว่าพวกตนจะรีบดำเนินการทุกช่องทาง
พออคินรู้จากโขงว่าแถวนี้มีเด็กต่างด้าวเข้ามาทำงาน เยอะมาก อคินเชื่อว่าต้องมีขบวนการค้ามนุษย์แน่ โขงขอเวลาทำความคุ้นเคยกับคนพื้นที่อีกหน่อยคงจะสืบได้
“ขนาดมีสาวในพื้นที่ช่วยชีวิตแบบนี้ยังไม่คุ้นกันอีกเหรอ” อคินแซว
“เฮ่ย...เขาช่วยฉันเหมือนช่วยหมาช่วยแมว แกไม่ได้ยินเหรอ” แล้วขอร้องว่า “เลิกแซวได้ป่าววะ เขาก็เป็นเคสที่ฉันต้องช่วยเหมือนกัน อย่าหาเหาใส่หัวให้ฉันต้องโดนไล่ออกเพราะไปกิ๊กกับเคสอีกกระทงนึงเลย แค่นี้ก็อ่วมอรทัยแล้ว”
อคินบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ที่นี่ไว้ใจไม่ได้เสียแล้ว เพราะลองมีนักเลงมารุมปองร้ายแบบนี้อย่าประมาท โขงขอบใจ ตนจะระวังไม่ทำให้คนอื่นตายเดี๋ยวเตชัสที่ช่วยค้ำประกันจะซวย
ooooooo
กลับถึงสำนักงาน สุรารักษ์เห็นสภาพของโขงถามว่าใครทำเธอ โขงไม่อยากให้เรื่องมากเลยบอกว่ารถล้ม แป๊ะดักคอว่ารถล้มหรือว่าล้มโดนตีนพวกที่ผับคุณพีระ พอดีพีระเข้ามาได้ยินเอ่ยชื่อตนถามว่า
“พีระ...ทำไมครับ”
พีระมองโขงแปลกใจว่าทำไมรอดมาได้ ทิชาที่มาด้วยตกใจเมื่อเห็นรอยฟกช้ำ ถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา โขงบอกว่า “ภูมิแพ้ครับ”
ทิชาเป็นทุกข์เป็นร้อนจะหายาให้ทาจะพาไปหาหมอ คุณนายระวีเห็นทิชาเป็นห่วงโขงมากจึงรีบพากลับอ้างว่าต้องไปประชุมกับคุณนายผู้ว่าฯ พอออกมาทิชาถามว่าทำไมคุณแม่ต้องพูดปดด้วย คุณนายระวีตำหนิทิชาที่วางตัวไม่เหมาะสม ทิชาถามว่าไม่เหมาะสมยังไงหรือ พีระที่ไม่พอใจกรุ่นอยู่แล้วพูดแทรกทันทีว่า
“เล่นกับหมาหมาเลียปาก คุณไม่เคยได้ยินเหรอครับทิชา”
ทิชาบอกว่าโขงเป็นเพื่อนตนและย้อนพีระอย่างเจ็บแสบว่า “คนเห็นคนไม่ใช่คนไม่ใช่คน คนเห็นคนเป็นคนนั่นแหละคน” เลยถูกคุณนายดุว่าหยาบคายและบังคับให้ทิชาขอโทษพีระ
อคินได้ยินการต่อว่าโต้เถียงกัน พอพีระกับคุณนายระวีเห็นอคินอยู่ใกล้ๆก็ทำเป็นรีบชวนกันเข้ามูลนิธิ
พอพีระเข้าออฟฟิศก็คำรามแค้นที่โขงยังไม่ตายพอดีพร้อมเอาบัญชีรายชื่อคนที่จะจัดการที่มีมากขึ้นมาให้ดู พีระบอกว่าเพราะพวกรายย่อยถูกพร้อมสอยร่วงไปหมดแล้ว บอกพร้อมว่า
“ไหนลองฟังหน่อยซิว่างวดนี้พวกแมงเม่าจะบินเข้ากองไฟกี่ศพ”
พร้อมเดินไปที่วิทยุ เปิดให้พีระฟังทันที
ooooooo
หวยงวดนี้ทับทิมถูกหวยได้เกือบหมื่นจากเลขที่ชัยบอกเลยฉลองเสียเมาไม่ได้สติ พอชัยเห็นทับทิมเมาก็แกล้งร้องหลอกว่าทับทิมตาย เหมียวตกใจวิ่งออกไปดู เลยถูกชัยปล้ำ
เวลาเดียวกันทิชาว่ายน้ำอยู่ในสระที่บ้านก็ถูกพีระกับคุณนายระวีมาบอกว่านับแต่พรุ่งนี้ ออกจากมูลนิธิแล้วให้ไปทำงานให้พีระโดยพีระจะมารับที่มูลนิธิและพามาส่งบ้าน ทิชาไม่ยอมไปก็ถูกหาว่าเป็นลูกเนรคุณไม่เชื่อฟังแม่
ทิชาถูกกดดันได้แต่เอามือกุมหน้าร้องไห้ โขงเห็นเหตุการณ์จากหอพักทนไม่ได้จึงปีนรั้วเข้าไปบอกทิชาว่าตนเป็นห่วงจึงเข้ามา อยากจะระบายอะไรตนยินดีรับฟัง ทิชาร้องไห้หนักเมื่อมีคนเข้าใจ เห็นใจ
เวลาเดียวกันเหมียวกำลังต่อสู้ไม่ยอมให้ชัยปล้ำ ศอกกระแทกโทรศัพท์ที่บันทึกเบอร์โทร.โขงไว้โทร.ติดทันที โขงหยิบโทรศัพท์ดูได้ยินเสียงชัยกำลังปล้ำเหมียว โขงหันกลับไปมองทิชาเห็นร้องไห้อยู่ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
ชัยกำลังปล้ำเหมียวอย่างหน้ามืดก็ต้องอารมณ์หมดหดหายเมื่อถูกตำรวจมาเรียกที่หน้าบ้าน ชัยเอามือปิดปากเหมียวจนหมดสติ ตำรวจมาเรียกไม่มีเสียงตอบก็ชวนกันกลับ
ชัยย่ามใจปล้ำเหมียวอีก แต่คราวนี้ถูกโขงกระชากออกมาต่อยไม่ยั้ง จนเหมียวขอให้พอได้แล้ว แต่เมื่อเรื่องถึงโรงพัก ชัยในสภาพสะบักสะบอมก็พลิกสถานการณ์โวยวายว่าถูกโขงทำร้าย โขงบอกเหมียวให้พูดความจริงกับตำรวจ เหมียวกลัวแม่จะเดือดร้อนและอยู่ไม่ได้
ถ้าชัยถูกตำรวจจับ เลยบอกว่าไม่มีอะไร ชัยไม่ได้ทำอะไรตน โขงคิดไปเองต่างหาก
แม้คดีนี้ชัยจะรอดตัวเพราะเหมียวบอกว่าไม่มีอะไร แต่ชัยก็มีคดีอื่นติดตัว กำชัยจึงคุมตัวเข้าห้องขัง เหมียวไม่รู้จะทำยังไงจึงเดินออกจากโรงพัก โขงรีบตามมาถามว่าทำไมเธอไม่พูดความจริงกับตำรวจ เหมียวบอกว่าเพราะถ้าชัยเป็นอะไรไปแม่ก็จะอยู่ไม่ได้ ตนรักแม่มาก ความสุขของแม่ขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนี้คนเดียว
โขงบอกว่าตนเป็นคนช่วยเธอไม่ให้ถูกชัยข่มขืนนะ ทำไมทำตนได้ลงคอ
“เพราะคุณเป็นคนอื่น แต่นี่มันเรื่องในครอบครัว... ฉันต้องปกป้องแม่ของฉัน คุณไม่มีพ่อแม่หรือไงถึงไม่เข้าใจ”
โขงใบ้กินสนิท แต่บนโรงพัก กำชัยยืนมองโขงอย่างสนใจ
พอเหมียวกลับถึงบ้านก็ถูกทับทิมทั้งตีทั้งด่าว่าเป็นตัวขวางความสุขของตน ตัดขาดแม่ลูกกันและไล่เหมียวออกจากบ้าน
แม้เหมียวจะเสียใจเป็นห่วงแม่ แต่เมื่อนึกถึงชีวิตที่ผ่านมาก็บอกกับตัวเองว่า เหนื่อย...พอกันที!!
แม้จะไม่มีแม่แล้ว แต่เหมียวก็ยังมีเปิ้ลที่เปรียบเหมือนเพื่อนตายที่อยู่เคียงข้างเสมอ
แม้โขงจะผิดหวังกับการช่วยเหมียวจนเกือบต้องรับเคราะห์เสียเอง แต่จิตวิญญาณของนักสังคม สงเคราะห์ทำให้เขาทิ้งปัญหาไม่ได้ จึงไปที่ตลาดพบทับทิมที่ขายผลไม้อยู่
นอกจากโดนทับทิมด่าแล้วยังเอาผลไม้ขว้างใส่เกือบหมดแผง แต่โขงก็ได้รู้ว่าทับทิมไล่เหมียวออกจากบ้านไปแล้ว เขาจึงตามไปที่โรงงานสับปะรดกระป๋องที่เหมียวทำงานอยู่ ก็ถูกเหมียวด่าว่าแส่แค่ตนไม่พอยังแส่ไปถึงแม่ตนด้วย โขงขอโทษแต่ชั่งใจดูระหว่างเรื่องที่เธอถูกแม่ไล่ออกจากบ้านกับการถูกชัยข่มขืนยังไงตนก็ต้องช่วยเธอ เหมียวบอกว่าขอให้ตนมีชีวิตแบบเดิมๆ คิดเองเลือกเองว่าจะทำอะไรยังไงได้ไหม เพราะหลังจากที่เขาเข้ามาชีวิตตนก็ยิ่งเลวร้าย ขอร้องขอให้ไปไกลๆจากชีวิตตนสักที
ปัญหาเหมียวยังแก้ไม่ตก กลับถึงสำนักงาน สุรารักษ์ก็เอางานมาให้บอกว่าเคสใหม่
ที่แท้คือแตงเด็กสาวที่มาขอนมแล้วถูกเจียรไนยด่าและโขงแนะนำให้ไปหางานทำ แตงเข้ามาของานทำ โขงจึงพาไปที่มูลนิธิแสงระวีที่ทิชาเปิดหลักสูตรสอนบรรดาผู้ที่ต้องการฝึกอาชีพ แตงไม่รู้จะเรียนอะไร โขงแนะนำว่าฝึกทำอาหารดีไหม แตงขอบคุณคุณทิชาที่ช่วยตน ทั้งโขงและทิชามองหน้ากันอย่างรู้สึกดีที่ได้ช่วยผู้ด้อยโอกาสให้มีโอกาส โขงบอกว่าสิ่งที่เธอทำน่าชื่นชมมาก
“ตามพระราชดำริของในหลวงไงคะ เราไม่ควรให้ปลาแก่เขาแต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้เขารู้จักวิธีตกปลาจะดีกว่า...ทิชาหวังว่าพวกเขาจะพึ่งพาตัวเองได้ มีชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างยั่งยืน”
ขณะที่ทั้งสองคุยกันอย่างคนมีหัวใจเดียวกันนั้น พีระก็เข้ามาแทรกอย่างไม่พอใจ ทิชาเกรงจะมีเรื่องจึงชวนพีระกลับมีท่าทีดีกับเขาจนเขาสงสัยถามว่าเล่นละครอะไรอยู่หรือเปล่า เมื่อคืนยังเสียงแข็งแต่วันนี้อ่อนหวาน ทิชาบอกว่าตนทำในสิ่งที่คุณแม่ต้องการต่างหาก และโขงเขาก็มาทำงาน ตนก็ทำงาน ไม่มีอะไร
“แล้วต้องแค่ไหนล่ะถึงจะเรียกว่ามีอะไร...บนเตียงหรือไง”
ทิชาตบหน้าพีระฉาดใหญ่ พีระปรามว่าอย่าลืมว่าเธอต้องอยู่ในสายตาตนตลอดเวลา โขงเห็นแล้วเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของพีระกับทิชาว่ายังไงกันแน่?
พีระพาทิชาไปที่ออฟฟิศของผับ มอบงานให้เธอทำ เอาแฟ้มมาเปิดให้ดูบอกให้ช่วยแต่งบัญชีใหม่ให้หน่อย ส่วนอีกเล่มให้โอนเข้ามูลนิธิแสงระวีให้ด้วย
ทิชาตกใจเมื่อเห็นตัวเลข ติงว่า
“คุณแม่ฟอกเงินให้คุณมามากพอแล้วนะ...คุณรู้ตัวใช่ไหมว่าทำอะไรอยู่”
พีระบอกว่ารู้ดีเลยล่ะ ตนเชื่อเหมือนแม่เธอว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่งแม้แต่เธอ ยังไงเธอก็ไม่รอด
พอดีพร้อมมาบอกว่ามีของมาส่ง พีระจึงออกไป พร้อมรายงานว่า “ลอตนี้พูดไทยไม่ได้สักคนเลยครับ”
“สินค้าอะไร” ทิชาพึมพำสงสัย
ooooooo
สวัสดิ์กับโขงมาที่ตลาด โขงต้องการมาดูว่าทับทิมเป็นอย่างไร ปรากฏว่าวันนี้ไม่มาขายผลไม้ ยายหวานทำหน้าที่ทันที เล่าฉอดๆว่าทับทิมเครียดที่ผัวเด็กหาย เลยเข้าไปละลายทรัพย์ในบ่อนตั้งแต่บ่าย
โขงนัดแป๊ะที่ตลาดด้วย เมื่อสามหนุ่มมาย่านพวกยายทั้งหลาย ทั้งยายไร ยายหวาย ยายแจ๊ว เลยเป็นเหยื่อเสนอขายของแทบจะทะเลาะกัน ยายแจ๊วมองโขงอย่างพิจารณาบอกว่าคุ้นๆเหมือนเคยเห็น โขงบอกว่าตนเคยอยู่ที่นี่ แต่ไม่ทันได้ซักถามอะไรกัน สุรารักษ์เลิกงานแล้วเดินมากับเจียรไนยเจอพวกโขงก็เล่นงานทันที
ว่าให้ส่งเด็กไปฝึกอาชีพ แต่ดันหายไปทั้งวันหนีมากินส้มตำอยู่นี่เอง
โขงพูดเรียบๆว่ายังไม่ได้สั่งเลย แล้วสั่งอาหารยายแจ๊วเพียบ พอสั่งเสร็จก็ถามพรรคพวกว่าใครอยากกินอะไรก็สั่งเพิ่ม สุรารักษ์กับเจียรไนยหมั่นไส้มาก อ้าปากจะฉะเสียให้สะใจ โทรศัพท์ของโขงก็ดังขึ้น
“ครับ ผมอยู่ที่ตลาด”
ไม่ถึงอึดใจ ทิชาก็ขับรถหรูมาจอด ลงจากรถตรงมาหาโขง พวกปากหอยปากปูต่างเงียบกริบ สงบเสงี่ยมเป็นผ้าพับไว้
ทิชามานั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่ถือตัว เห็นบรรดาทั้งหลายที่นั่งอยู่ต่างเกร็ง เธอถามว่าไม่มีใครรับประทานกันเหรอ ทุกคนตอบพร้อมกันว่าทานครับ...ทานค่ะ ทิชาถามสุรารักษ์ว่าพอมีงานอะไรจะแนะนำไหม สุรารักษ์พูดไม่ออก โขงจึงชวนทิชาไปกันเถอะ
พอสองคนลุกไป พวกที่อยู่ตรงนั้นต่างถอนใจโล่งอก บ้างสะบัดแขนแก้เกร็ง
ยายหวาน ยายไร ยายแจ๊ว มีเรื่องเม้าท์กันอีกตามเคย ถามกันว่าคุณทิชามาได้ไง มาหาโขงโดยเฉพาะเลยนะ แล้วสองคนไปต่อกันที่ไหน?
เหมียวยังเป็นห่วงเมี่ยงที่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย เปิ้ลบอกให้ห่วงตัวเองเถอะ นี่กลับบ้านไม่ได้ แล้วจะไปอยู่ไหน สุดท้ายเปิ้ลให้เหมียวไปอยู่กับตนที่ห้องเช่า เป็นบ้านที่แบ่งเช่าเป็นห้อง แม้จะเล็กแต่ก็พออยู่ได้ พอเหมียวไปที่ห้อง ปรากฏว่ามีแต่เสียงโหวกเหวกด่าทอทะเลาะกันขรมไปหมด
เหมียวอยู่กับเปิ้ล เปิ้ลเอาเสื้อผ้ามาให้เลือก เหมียวบอกว่าพรุ่งนี้ตนจะกลับบ้านไปเอาเสื้อตอนที่แม่ไม่อยู่ จู่ๆเจ๊เพ็ญเจ้าของบ้านก็เอากุญแจสำรองไขเข้ามา ถามว่าเหมียวจะอยู่นานไหม พอรู้ว่าสักพักก็เรียกค่าห้องเพิ่มอีกทั้งหมด 6 พันจ่ายสดเดี๋ยวนี้ เหมียวมีไม่พอ
เปิ้ลจึงเอาเงินของตนให้เจ๊เพ็ญ เป็นเงินที่เปิ้ลเตรียมส่งไปให้แม่
เหมียวไม่สบายใจ เปิ้ลบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวหาใหม่ แต่เหมียวก็ไม่สบายใจที่เปิ้ลต้องลำบากเพราะตน
ooooooo
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 2 วันที่ 14 ก.ค.61
เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณเส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ