อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 9 วันที่ 11 ก.ค.61
กำไลเป็นไข้สูงหมดสติไประหว่างยกสำรับมาตั้งบนโต๊ะ จานอาหารกระเด็นไปคนละทิศละทาง เมฆตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย แต่เสียงเขาดังไม่พอให้ใครได้ยิน เด็กน้อยตัดสินใจโผลงจากรถวีลแชร์คลานไปหาแม่ที่สลบไสลไม่ได้สติ ถึงได้รู้ว่าท่านตัวร้อนจัด พยายามเขย่าตัวเรียกแต่ท่านได้แค่ปรือตามองแล้วหลับไปอีก เมฆนึกถึงเบอร์โทร.ที่เที่ยงวันจดไว้ให้คลานไปหยิบเที่ยงวันกินข้าวกับเดือนสิบเสร็จพอดีตอนที่เมฆโทร.มาขอความช่วยเหลือ ไม่นานนักเที่ยงวันกับเดือนสิบมาถึงบ้านกำไล เมฆที่นอนกอดแม่อยู่ที่พื้นขอร้องให้ช่วยแม่ด้วย เที่ยงวันอุ้มกำไลขึ้นมาจากพื้นไปที่รถ ขณะที่เดือนสิบอุ้มเมฆไปวางบนรถวีลแชร์แล้วเข็นตาม ป้าข้างบ้านที่เพิ่งตามเข้ามาได้แต่ยืนงง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ใครบอกฉันที”...
ทางด้านชีวาตม์เป็นกังวลมากที่กิ่งคำหายไป พยายามโทร.หาก็ติดต่อไม่ได้ สอบถามจากรื่นเริงก็ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน แถมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอไปเป็นตายร้ายดีอย่างไร สนใจแค่ว่าเธอหายไปทำให้ตัวเองขาดรายได้ ไม่มีเงินไปเล่นพนัน เขาได้แต่ส่ายหน้าระอาใจกับแม่ยายตัวเอง
ooooooo
เอนรูดม่านหน้าต่างเปิดให้แสงเข้ามา หันมองไปที่เตียงนอนด้วยความหงุดหงิด กิ่งคำในสภาพทรุดโทรมไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวันยังคงเมายาหลับใหลไม่รู้เรื่อง สภาพดูไม่จืดของเธอทำเอาเขารับไม่ได้ อีกทั้งเงินในกระเป๋าเธอก็หมดไม่เหลือ เขาปลุกเธอด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้ปราศจากอารมณ์ขุ่นมัว
“พี่กิ่งครับ พี่กิ่งหิวหรือเปล่าครับ ไม่ทานอะไรเลย”
กิ่งคำลืมตาขึ้นมาก็ถามหายาเสพติด เอนไม่มีให้ เงินไม่มีจะไปหาของที่ไหนให้ บอกให้เธอกลับบ้านไปได้แล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นห่วง เธอไม่ยอมกลับรู้ดีว่ากลับไปก็ไม่มีความสุข เบื่อเธอแล้วหรือถึงไล่ให้กลับ เขาไม่ได้ไล่สักหน่อย แล้วดึงเธอมากอดทั้งที่ไม่ยินดีเพราะตอนนี้เธอไม่ได้ตัวหอมและสะอาดเหมือนที่เคยเป็น
“ฉันอยากอยู่ที่นี่...ตลอดไป” กิ่งคำออดอ้อน เอนแอบเบือนหน้าหนีไม่ปลื้ม...
ที่ห้องพักฟื้นคนไข้ กำไลรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล เห็นเที่ยงวันกับเดือนสิบนั่งอยู่กับเมฆก็ไม่พอใจตวาดใส่ทั้งที่เรี่ยวแรงไม่มีว่ามาทำไม เมฆเล่าให้ฟังว่าพี่ทั้งสองคนช่วยแม่เอาไว้แล้วพามาที่นี่ แทนที่จะขอบคุณกำไลกลับบอกว่าทีหน้าทีหลังไม่ต้องมายุ่ง
“คุณน้าคะ ถ้าคุณน้าเป็นอะไรไปแล้วเมฆล่ะคะจะอยู่ยังไง”
“แม่ครับ แม่ต้องเข้มแข็งนะครับ เมฆไม่มีใครแล้ว นอกจากแม่” คำพูดของเด็กน้อยทำเอาเที่ยงวันยิ่งรู้สึกผิดต่อสองแม่ลูก พยายามทำดีเพื่อทดแทนความผิดพลาดในอดีต แต่กำไลใจแข็งไม่ยอมญาติดีด้วย คอยแต่จะไล่ตะเพิดเขากับเดือนสิบไปให้พ้นหน้าท่าเดียว...
กิ่งคำจำใจกลับบ้านเนื่องจากเงินหมดไม่มีเงินซื้อยา ชีวาตม์เห็นเธอกลับมาทั้งดีใจและตกใจปนกัน ดีใจที่เธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ตกใจกับสภาพทรุดโทรมของเธอ ปกติเธอจะต้องสวยเนี้ยบอยู่เสมอ
“กิ่งเกิดอะไรขึ้น ประชดผมใช่ไหมกิ่ง ทำไมทำกับตัวเองอย่างนี้” ว่าแล้วชีวาตม์ดึงกิ่งคำมากอด รู้สึกแย่ที่ปล่อยให้เธอตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผิดกับเธอไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเขาอีกแล้ว ใจเธอลอยไปหาเอนกับยา
ooooooo
เดือนสิบตัดสินใจค้างที่โรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงเมฆ กำไลไม่ต้องการให้อยู่ไล่ทั้งคู่กลับ
“ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้น้องเมฆอยู่เฝ้าไข้ จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่อีกหนึ่งคนช่วยดูแลค่ะ”
“ฉันดีขึ้นบ้างแล้ว ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันหรอก”
เที่ยงวันเป็นห่วงเดือนสิบที่จะต้องมารับอารมณ์เกรี้ยวกราดของกำไล อาสาจะอยู่ที่นี่เอง กำไลตวาดแว้ดว่าไม่ต้อง เดือนสิบเห็นท่าไม่ดีบอกให้เขากลับไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวยุพราจะเอาเสื้อผ้าของใช้มาให้เธอเอง
ไม่ต้องห่วง เขามองกำไลกับเมฆที่นอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยความหนักใจ...
กำไลนอนมองเมฆที่หลับอยู่บนเตียงคนเฝ้าไข้ คิดตามคำพูดของเดือนสิบที่ว่าเมฆจะอยู่ได้อย่างไรหากเธอเป็นอะไรไป น้ำตาไหลด้วยความคับแค้นใจ ระหว่างนั้นเด็กน้อยขยับตัวร้องเรียกแม่ขอน้ำดื่ม กำไลรีบลุกไปหาแต่เกิดหน้ามืดจะเป็นลม เดือนสิบเข้ามาเห็นพอดีเข้าไปพยุงให้เธอนอนลงอย่างเดิม
“แม่ครับ หิวน้ำจังเลย”
เดือนสิบผละจากกำไลวิ่งไปหยิบน้ำมาให้เมฆดื่ม เขาขอบคุณโดยไม่ลืมตาก่อนจะหลับไปอีก กำไลนึกถึงคำพูดของเดือนสิบขึ้นมาอีกครั้ง เป็นห่วงลูกจับใจ...
ดวลมาด้อมๆมองๆที่ห้องผู้จัดการฯเห็นยศกำลังคุยอยู่กับพนักงานคนหนึ่ง จึงถอยออกมาอย่างมีมารยาท พนักงานจะมาขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าเนื่องจากลูกป่วย ยศยื่นเอกสารให้เขาเซ็น
“เอา เซ็นชื่อ ดีนะว่าเจ้านายใจดี ที่อื่นเขาไม่มีแบบนี้หรอก”
พนักงานเซ็นชื่อเสร็จก็รีบกลับไป ยศเก็บข้าวของเสร็จออกจากห้อง เจอดวลรอท่าอยู่ถามว่ามีอะไร จะเบิกเงินล่วงหน้าหรือ เขาไม่ได้มาเบิกเงิน พอดีเก็บของเสร็จแล้วก็เลยมาถามว่ามีอะไรให้ทำอีกหรือเปล่า
“ไม่มีอะไรแล้ว นายกลับได้ นึกว่าจะเบิกเงินล่วงหน้าซะอีก ที่นี่ให้เบิกได้ 50% ของเงินเดือน ของนายเดือนนี้ทำแค่ครึ่งเดือนก็ได้เบิกน้อยหน่อย”
ดวลไม่อยากเบิก ตั้งใจว่าสิ้นเดือนจะเอาเงินไปให้แม่ ถ้าเบิกล่วงหน้าเงินจะเหลือน้อยลงไปอีก แล้วเขาจะคืนเงินค่าของที่ยศซื้อให้ด้วย ยศขอเปลี่ยนจากคืนเงินเป็นตั้งใจทำงานก็แล้วกัน ดวลยินดีจัดให้แล้วขอตัวกลับก่อน ยศมองตามเขาที่ผละจากไปอย่างหนักใจที่ต้องกำจัดเขาไปจากที่นี่ตามคำสั่งของสวาทวิมล
ooooooo
ในที่สุดหมอก็อนุญาตให้กำไลกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ เที่ยงวันกับเดือนสิบไม่ใช่แค่พาเธอกับลูกมาส่งบ้าน ยังช่วยเก็บกวาดบ้านที่มีฝุ่นหนาเนื่องจากเธอไม่อยู่บ้านหลายวันให้อีกด้วย แม้กำไลจะไม่ชอบใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะร่างกายยังอ่อนแรง ทั้งคู่ยังช่วยกันทำอาหารให้สองแม่ลูกกิน
เที่ยงวันคอยดูแลเมฆกินข้าว ส่วนเดือนสิบรับ
หน้าที่ดูแลกำไล ไม่ว่าเขาจะทำดีแค่ไหน กำไลก็ยังเย็นชาใส่และไม่มีทีท่าจะให้อภัยเขาเช่นเดิม นั่นทำให้เขาเศร้ามาก เดือนสิบต้องเข้ามาปลอบว่าเขาทำดีที่สุดแล้วและเราต้องสู้ต่อไปเพื่อชนะใจกำไลให้ได้ เพราะถ้าเขาแพ้ เขาจะติดอยู่กับความรู้สึกนี้ตลอดไป เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนสภาพแบบนี้ต่อไปไหวหรือเปล่า
“ต้องไหวสิคะ มาค่ะ เราช่วยกันนะคะ” กำลังใจจากเดือนสิบทำให้เที่ยงวันมีแรงฮึดสู้ต่อไป...
ตั้งแต่กิ่งคำปล่อยให้ยาเสพติดเข้ามามีส่วนในชีวิต ร่างกายก็ทรุดโทรมไม่เหมือนเดิม สราถึงกับออกปากตอนเจอกันที่ฟิตเนสว่าทำไมถึงปล่อยตัวให้โทรมอย่างนี้ เธอลองส่องกระจกดูดีๆก็เห็นตามที่เพื่อนทัก ริ้วรอยตีนกาที่ไม่เคยกล้ำกรายบัดนี้มากันพรึ่บ เธอเริ่มเป็นกังวลกับสภาพตัวเอง
ความกังวลเรื่องไม่สวยของกิ่งคำไม่มีความหมายเมื่อความอยากยาเข้าครอบงำ เธอกลับไปหาเอนและเสพยาจนเมาหลับ เขารีบค้นกระเป๋าเธอดูแทบไม่มีเงินติดตัว
“อะไรวะเนี่ย เงินก็ไม่มียังจะหน้าด้านมาได้ทุกวัน” เอนหงุดหงิดมาก ลองดูตามตัวกิ่งคำว่าพอจะมีของมีค่าอะไรติดตัวบ้าง เจอนาฬิกาข้อมือที่เธอใส่ติดมือ ปลดมาดูแม้จะไม่ใช่นาฬิกาไฮเอนด์ แต่น่าจะขายได้หลายบาท เขาขอนาฬิกาเรือนนั้นจากเธอพอเป็นพิธีเพราะรู้ว่า
เธอเมาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น...
ขณะที่กิ่งคำติดยาเสพติดอย่างหนัก รื่นเริงหมกมุ่นอยู่แต่กับการพนัน เล่นไพ่จนเงินทองที่ได้มาจากลูก
ไม่เหลือสักบาท ขอยืมเพื่อนที่เล่นไพ่ด้วยกันก็ไม่มีใครให้ยืมเพราะยืมไปคราวก่อนยังไม่ได้ใช้ เธอจึงต้องลุกขึ้นจากวงไพ่อย่างหงุดหงิด หนึ่งในขาไพ่ตามมากระซิบถ้าเธออยากเล่น ตนจะแนะนำที่เล่นพนันให้ได้
“ไม่มีเงินจะที่ไหนก็เล่นไม่ได้หรอก”
“แต่ที่ฉันแนะนำน่ะถึงไม่มีเขาก็ออกทุนให้ก่อนนะ สนไหมล่ะ”
รื่นเริงตาวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที...
ที่ออฟฟิศภายในซุปเปอร์มาร์เกต สวาทวิมล
อารมณ์เสียมากที่เที่ยงวันไม่สนใจโซนเบเกอรีที่เธออุตส่าห์ลงทุนให้ เพราะมัวแต่ไปขลุกอยู่กับครอบครัวของเดือนสิบ ทูลขอร้องเธอให้เวลาลูกหน่อย ให้ลูกได้ทำสิ่งที่อยากทำ เดี๋ยวลูกก็กลับมาทำงานเอง จังหวะนั้นดวลเคาะประตูห้องแล้วเอาเอกสารจากห้องบัญชีเข้ามาให้
สวาทวิมลไม่ชอบขี้หน้าเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็พาลหาเรื่องว่าเขาว่านี่เป็นเอกสารเงินๆทองๆไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ต้องมาจุ้นจ้าน ทูลเห็นเขากลัวจนหงอ บอกว่ามีงานอะไรก็ไปทำ ดวลรีบออกไปอย่างรวดเร็ว...
ทูลสงสารและเห็นใจดวลที่โดนสวาทวิมลพาลใส่ ตามมาพูดให้กำลังใจจนเขาผ่อนคลาย การมาคุยกับดวลครั้งนี้ทำให้ทูลได้รู้ว่าเขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาคิดได้
ooooooo
เช้านี้เที่ยงวันกับเดือนสิบไปที่บ้านกำไลเพื่อช่วยดูแลเมฆ ระหว่างที่เธอต้องพักรักษาตัว เช่นเคยเธอไม่ปลื้มเท่าใดนักที่มีเขามาวนเวียนใกล้ชิดลูกชาย เที่ยงวันไม่ย่อท้อยังคงทำดีกับสองแม่ลูกต่อไป หวังว่าสักวันเธอจะใจอ่อน ยอมให้อภัยกับความผิดพลาดในอดีตของเขา...
ระหว่างที่เที่ยงวันมุ่งมั่นทำดี มิถุนาชวนลำธารมาช็อปปิ้งทั้งที่เป็นเวลางาน อีกทั้งยังหลอกล่อเขา
ให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมแพงระยับให้...
เสร็จจากดูแลกำไลและเมฆ เดือนสิบชวนเที่ยงวันมานั่งรอดวลที่มุมกาแฟของซุปเปอร์มาร์เกตที่เขา
ทำงานอยู่ ระหว่างนั่งรอ เธอคุยเปิดใจกับเที่ยงวันถึงสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลำธาร
มีปัญหาว่ามาจากครอบครัวของลำธาร แม่ของเขาไม่ค่อยจะชอบเธอเท่าใดนัก เธอเข้าใจว่าใครๆก็อยากให้ลูกได้ในสิ่งที่ดีที่สุด พ่อของเธอก็เหมือนกัน เธอจึงพยายามทำให้ท่านสมหวังแต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
จังหวะนั้นดวลเดินเข้ามาหา เที่ยงวันร้องทักว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาสนุกกับงานมาก แล้วฝากพี่สาวไปบอกแม่ด้วยว่าเสาร์หน้าเขาจะกลับบ้านไปหาท่าน...
เดือนสิบรีบนำข่าวดีนี้ไปบอกแม่ซึ่งดีใจมาก ทนอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ไหวขอให้เธอพาไปหาดวล อยากเห็นเขาทำงาน เธอไม่เห็นด้วยที่แม่จะไป รอ
อยู่บ้านดีกว่า ขืนไปจะทำให้ดวลลำบากใจเปล่าๆ
“จ้ะ แม่จะรอดวลกลับมา”
ooooooo
ดำเกิงในสภาพสวมหมวกหลุบต่ำและใส่
แว่นดำมายืนแอบมองดวลกำลังเรียงของขึ้นชั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอยิ้มพอใจที่เห็นลูกขยันทำงาน ยศเดินเข้ามาหาดวลสีหน้าเป็นกังวล
“ดวล วันนี้จิ๋วมันลา ดวลไปทำแคชเชียร์แทนจิ๋วมันที แล้วต่อไปก็ประจำอยู่แคชเชียร์เลยแล้วกันนะ เคยทำแล้วนี่ จำได้นะ”
“ครับพี่ยศ จำได้ครับ ผมจะตั้งใจครับพี่” ดวลดีใจสุดๆ ดำเกิงที่แอบมองอยู่ดีใจไม่แพ้ลูกเช่นกัน...
เอนจำต้องหาที่เกาะใหม่ ผู้หญิงคนเดียวที่
นึกได้ก็คือนภางค์ เขาไม่รอช้าแวะไปหาเธอที่ออฟฟิศพร้อมผ้าพันคอผืนสวยเป็นของฝาก แล้วเสนอตัวผูกให้เธอ เขาบรรจงเอาผ้าพันคอผูกให้เธออย่างสวยงาม จงใจใกล้ชิดเธอแทบจะหายใจรดกัน นภางค์ข้องใจอยู่อึดใจก่อนจะปล่อยตัวสบายๆไปตามเกมของเขา...
ดวลทำหน้าที่แคชเชียร์ได้อย่างคล่องแคล่ว ยศยืนมองไม่ค่อยสบายใจนัก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีประดังกันเข้ามาทำให้รู้สึกแย่มาก ดวลหันมาเห็นเขาก็ส่งยิ้มให้ เขาได้แต่พยักหน้ารับรู้ แม้จะถูกชะตากับเด็กคนนี้ แต่ถ้าให้แลกกับความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว เขาคงไม่สามารถเลือกดวล
ลูกค้าคนหนึ่งวางตะกร้าใส่ของลงที่ช่องคิดเงินของดวล เขากุลีกุจอคิดเงินไม่ได้เงยหน้ามอง ครั้นมองหน้าลูกค้าชัดๆดวลต้องตกใจที่เห็นดำเกิงยืนอยู่ เขาสั่นไปหมดทำตัวไม่ถูก ไม่รู้พ่อจะมาอารมณ์ไหน สีหน้าราบเรียบของพ่อทำให้ดวลคลายความกังวลลงไปได้ พนักงานขายคนหนึ่งจำดำเกิงได้เข้ามาทัก
“คุณลูกค้านั่นเอง กาแฟที่ถามหาเมื่อวันก่อนมาแล้วนะครับ ให้ผมไปหยิบให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ยังพอมีอยู่” ดำเกิงตอบไม่เต็มปาก พนักงานรับคำแล้วผละจากไป ดวลถึงกับอึ้ง นี่เท่ากับพ่อเคยมาที่นี่แล้ว คิดเงินเสร็จสรรพเขายกมือไหว้ดำเกิงเก้ๆกังๆไม่รู้จะพูดอะไร คว้าถุงใส่ของเดินออกไป ดวลร้องบอกท่านให้บอกแม่ด้วยว่าวันเสาร์หน้าจะกลับบ้าน
“แม่เขารู้แล้ว ให้มาซื้อผักกาดดองจะไว้ต้มกับกระดูกหมู” พูดจบดำเกิงเดินต่อไป ทิ้งความปลาบปลื้มใจให้ดวลจนยิ้มไม่หุบและเขายังได้รู้จากพนักงานรุ่นพี่คนนั้นอีกว่าพ่อมาที่นี่บ่อย มาเดินดูของไปเรื่อยไม่ค่อยได้ซื้ออะไร นั่นแสดงว่าท่านไม่ได้ตัดขาดเขา หัวใจเขาพองโตขึ้นแทบเก็บความสุขไว้ไม่อยู่...
อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 9 วันที่ 11 ก.ค.61
ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสินละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ