My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 3 วันที่ 15 ก.ค.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 3 วันที่ 15 ก.ค.61

โขงกับทิชาไปนั่งที่ร้านอาหารริมทะเลปรึกษากันเรื่องหางานให้คนที่มาฝึกอาชีพทำ โขงบอกว่าเธอรู้จักเจ้าของกิจการที่นี่มากกว่าตน เธอบอกว่าแต่ยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลย

“ลองคุยดูสิครับ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวก่อน แล้วค่อยๆแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ไป  ว่าเรามีแรงงานที่เป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือและด้อยโอกาสพวกนี้อยู่ ให้เขาเห็นว่าทางมูลนิธิมีกิจกรรมเรื่องฝึกอาชีพที่ได้ผล สามารถพัฒนาฝีมือแรงงานได้จริงๆ ใครๆก็ต้องสนใจครับ”

“คิดไม่ผิดจริงๆที่ทิชามาปรึกษาคุณ” ทิชายิ้มหวานอย่างดีใจจริงๆ



ที่ร้านอาหารนี่เอง โขงได้เจอเหมียวที่มาสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟและมาเสิร์ฟที่โต๊ะโขงด้วย เหมียวแต่งหน้าอ่อนๆดูสวยขึ้น พอเห็นกันต่างก็ชะงักอึ้ง เหมียวเสิร์ฟน้ำแล้วรีบผละไป โขงชะงักอึ้งจนทิชาถามว่ารู้จักหรือ พอดีพี่สาเจ้าของร้านเห็นเหมียวเงอะงะจึงขอโทษบอกว่าเป็นเด็กใหม่ทดลองงานยังไม่คล่องงาน

เหมียวเข้าไปในครัวบ่นหงุดหงิดว่าจะตามรังควานไปถึงไหน พลันก็ได้ยินแม่ครัวพูดว่า

“ยิ่งเกลียดยิ่งใกล้ ยิ่งไล่ยิ่งเจอไม่เคยได้ยินหรือไงวะ...เออ...รู้...รู้ว่าเอ็งไม่ชอบมัน แต่ไล่ยังไงมันก็ไม่ไปนี่หว่า”

เหมียวนึกว่าแม่ครัวคุยกับตน หันมองจึงเห็นว่าแม่ครัวเสียบหูฟังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่บังเอิญเรื่องตรงกับตนพอดี เหมียวเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ ได้ยินแม่ครัวแนะว่า

“เอางี้มั้ย หาเป้าหมายใหม่ให้มันสิวะ มันจะได้เลิกตื๊อเอ็งซะที”

เหมียวฉุกคิดได้ ก็พอดีแม่ครัวทำอาหารเสร็จตักใส่ปิ่นโต พี่สาบอกให้เหมียวไปส่งคุณชัดที่บ้านปากซอย เหมียวรีบหิ้วปิ่นโตเดินอ้าวออกไป

โขงขอโทษทิชาบอกเดี๋ยวมาแล้วลุกตามเหมียวไป เหมียวเดินออกมาได้ยินโขงเรียก บอกให้รอด้วย เหมียวบ่นเบาๆ “จะบ้าตาย” แล้วรีบเดินหนี

ทิชาสั่งอาหารมานั่งรอจนอาหารเย็นหมดโขงก็ยังไม่มาเธอจึงสั่งให้เปิ้ลคิดเงินเลย

โขงตามไปถามเหมียวว่าไปอยู่ไหนมา ทำงานพาร์ตไทม์ด้วย ตกลงทำงานวันละกี่ชั่วโมง ผิดกฎหมายหรือเปล่า เหมียวหงุดหงิดตะเบ็ง “โว้ย!!!” อย่างเหลืออด ถามว่าบอกไม่ให้มายุ่งกับตนพูดภาษาคนฟังไม่รู้เรื่องหรือไง นึกถึงที่แม่ครัวแนะให้ไปหาเป้าหมายใหม่ให้ เลยโพล่งไปว่า

“จะบอกให้นะ ที่บ้านเช่าฉันน่ะ มีตั้งหลายคนที่เดือดร้อนกว่าฉัน คนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ไปสนใจพวกนั้นไป๊...มาตามฉันแบบนี้ เพื่อนคุณ คุณทิชาไม่รอแย่เหรอป่านนี้”

“ชิบ...” โขงตกใจนึกได้ว่าทิ้งทิชาไว้รีบกลับไป เห็นทิชากำลังจะกลับพอดีพูดงอนๆว่ารอเขาครึ่งชั่วโมงแล้ว โขงขอโทษบอกว่าพอดีตนเจอเด็กมีปัญหาที่รับผิดชอบอยู่เลยสัมภาษณ์กันหน่อย แล้วชวนกินกันเลยเพราะเธอก็ยังไม่ได้กิน

เหตุผลและท่าทีธรรมชาติจริงใจของโขงทำให้ทิชาอ่อนลง มองโขงกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วยิ้ม

โขงตักอาหารให้ทิชากินกันยิ้มแย้มแจ่มใสเสร็จแล้วยังเดินหัวเราะกลับด้วยกันอีก เหมียวเห็นแล้วเบ้ปากหมั่นไส้ไม่รู้ตัว

เหมียวกับเปิ้ลยังทำงานต่อ แต่เปิ้ลถูกพี่สาดุและให้กลับไปเลยเพราะรินน้ำหกใส่ลูกค้า เหมียวเห็นใจเปิ้ล สัญญาว่าจะรีบหาเงินมาคืนให้ เปิ้ลบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวตนไปหางานใหม่ก็ได้

คืนนี้เปิ้ลกับเหมียวกลับถึงห้องเช่าโดยไม่รู้เลยว่าโขงตามมาแอบดูอยู่ และพอรุ่งขึ้นเปิดประตูจะรีบไปทำงานโขงก็มายืนที่ประตูแล้ว เหมียวผงะถามว่ามาได้ไง

พอดีพ่อหมีคนห้องข้างๆเปิดประตูผัวะออกมา ปากก็ด่าและกระชากน้องโมออกมาด่าว่านอนตื่นสายไล่ให้รีบไปโรงเรียนให้ตั้งใจเรียน เงินตนหามาแบกปูนหลังแทบหักเอามาส่งเรียนแต่กลับเอาไปถลุงในร้านเกมหมด น้องโมถามว่า แล้วทีพ่อเอาไปซื้อเหล้าล่ะ

พ่อหมีจะตบหัวน้องโมหาว่าย้อน โขงจับมือไว้บอกให้ใจเย็นๆก็โดนด่าว่าอย่าเสือก สะบัดจนโขงที่ไม่ทันตั้งตัวกระเด็นแล้วกระชากน้องโมไป แม่แมวออกมาอ้อนวอนพี่หมีอย่าทำลูกเลย โขงบอกให้เหมียวโทร.แจ้งตำรวจ เหมียวหยิบโทรศัพท์มาโทร.พลางบอกให้เปิ้ลไปก่อนเดี๋ยวจะตอกบัตรไม่ทัน ทางนี้ตนจัดการเอง

พ่อหมีตีน้องโมอีก โขงกระโดดคว้าแขนไว้ พ่อหมีสะบัดเลยฟาดปากโขงเข้าอย่างจัง แล้วหันไปจะตีน้องโมอีก โขงเข้าไปห้ามอีกพ่อหมีกระชากคอเสื้อไปต่อยล้มแล้วตามไปจะตื้บซ้ำ แต่ถูกลุงไสวเอามือสับท้ายทอยผัวะเดียวก็ร่วง ลุงไสวตกใจบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ

กำชัยมาถึงพอดีเขาจับพ่อหมีข้อหาทำร้ายร่างกายลูกชาย พ่อหมีเถียงว่าตนสั่งสอนลูกต่างหาก โขงเลยให้ดูหน้าและเนื้อตัวน้องโมที่ถูกตีและเฆี่ยนด้วยเข็มขัดฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว ถามว่าสั่งสอนลูกจนปางตายแบบนี้โตขึ้นลูกจะเป็นคนดีหรือเป็นปัญหาสังคมที่ชอบใช้ความรุนแรงกันแน่

“แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย” พ่อหมีตวาด

“คุณโขงเขาเป็นเจ้าหน้าที่แผนกพัฒนาครอบครัว เขามีหน้าที่เรื่องนี้โดยตรง เช่นเดียวกับตำรวจเพราะหากพ่อแม่รังแกลูก มันไม่ใช่เรื่องในครอบครัวต่อไปแล้วเพระมันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของคนในสังคม”

กำชัยให้พ่อหมีไปโรงพักเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม โขงย้ำกับกำชัยว่า แค่สงบสติอารมณ์นะเดี๋ยวตนจะตามไปคุย พอกำชัยจะเอาพ่อหมีไป แม่แมวก็ร้องไห้ตีโพยตีพายไม่ยอมให้เอาไป วิ่งตามไปที่รถแต่ไม่ทันก็หันกลับมาชี้หน้าด่าโขงกับลุงไสว

“พวกมึงจำไว้เลย พวกมึงทำให้พี่หมีโดนจับ กูจะอาฆาตพวกมึงตลอดไป”

ooooooo

หลังจากกำชัยพาพ่อหมีไปแล้ว โขงก็พาน้องโมไปที่มุมสงบแล้วเอาโทรศัพท์ให้เล่นเกมครู่หนึ่งก็ขอโทรศัพท์คืน ถามว่าเข้าใจหรือยังว่าจะผ่านด่านนี้ไปได้ยังไง น้องโมบอกว่าต้องสะสมอาวุธและหลบให้เก่ง

โขงบอกว่าแต่เกมที่เราสู้กับพ่อ เราจะไม่ใช้อาวุธแต่ใช้ความไวเข้าสู้ คือด่านแรกหลบให้พ้นตอนพ่อเมา ด่านที่สอง ตั้งใจเรียนให้ผลการเรียนดีจนพ่อไม่รู้จะด่าเราเรื่องอะไร ด่านที่สาม ช่วยแม่ทำงานบ้าน อย่าให้แม่เหนื่อย ดูแลแม่ด้วย บอกน้องโมว่าเทอมนี้เอาแค่สามด่านก่อนดูซิว่าจะผ่านได้สักด่านไหม ย้ำกับน้องโมว่า

“นี่แค่ด่านเล็กๆ ด่านของพวกผู้ใหญ่ยากกว่านี้เยอะ แต่ยังไงเราก็ต้องผ่านไปได้ จำไว้ ชนะในเกมมันไม่เจ๋งเท่าชนะในชีวิตจริงหรอก”

เหมียวมาแอบฟังอยู่แซวว่าแล้วหน้าตาตัวเองเป็นแบบนี้จะบอกเจ้านายว่าไปเล่นเกมผ่านด่านไหนมา

เหมียวเทน้ำใส่ผ้าเช็ดเลือดที่มุมปากให้โขง บอกว่าเรื่องของใครก็เรื่องของคนนั้นเขาจะไปยุ่งด้วยทำไม โขงบอกว่าเดี๋ยวนี้คนใช้ความรุนแรงกันมากขึ้น แต่มันก็ไม่น่ากลัวเท่ากับคนในสังคมเพิกเฉยชินชาทำเหมือนการตบตีฆ่าฟันกันเป็นเรื่องธรรมดา

เหมียวถามว่าแล้วจะให้ทำยังไง คนมันเป็นแบบนี้ ต่อให้พยายามแทบตายก็เปลี่ยนโลกโหดๆนี้ไม่ได้หรอก

“ไม่ต้องคิดไกลขนาดนั้นสิ เอาแค่ชีวิตตัวเองกับชีวิตคนใกล้ตัว ใครช่วยอะไรได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ร้องดังๆให้คนที่แข็งแรงกว่ามาช่วย เท่านี้ก็เจ๋งมากแล้วคุณมณเหมียว”

เหมียวอึ้งในความมุ่งมั่นจริงใจที่จะช่วยคนอื่นของโขง

ฝ่ายพ่อหมีคุยกับโขง นักจิตวิทยาแล้วก็ยังฮึดฮัด จนกำชัยให้เลือกเอาว่าจะฟังเขาหรือจะเข้าไปนอนในนั้นเลือกเอา พ่อหมีจำใจบอกว่า “ฟังก็ได้”

ลุงไสวที่ขับรถผ่านละแวกนั้นเห็นพ่อหมีตีลูกประจำ ทำอะไรไม่ได้ก็ถ่ายวิดีโอไว้เผื่อจะเอาไปลงโซเชียล ครั้งนี้เลยเอาให้กำชัยดู กำชัยเอาคลิปไปเปิดให้พ่อหมีดู พ่อหมีถึงกับอึ้งที่ตนทำรุนแรงกับลูกขนาดนั้นขณะเมาตัดสินใจยอมเข้ารับการบำบัดมากกว่าถูกจับขังคุก

แต่ชัยที่ถูกขังอยู่ในโรงพัก พอเห็นโขงก็อาฆาต ท้าเหยงๆให้มาลองกันตัวตัว เมื่อออกไปไม่ได้ก็อาฆาต

“ถ้ากูออกไปได้ล่ะมึ้ง!”

เหมียวไปถึงโรงงานเห็นพี่โชติคุยกับเปิ้ลอย่างตึงเครียดถามว่าคุยอะไรกัน เปิ้ลบอกว่าเปล่า พี่โชติเห็นเหมียวมาสายก็เล่นงาน เปิ้ลเร่งเหมียวให้รีบไปเถอะ พอเหมียวรีบเดินไป พี่โชติก็โวยตามหลัง

“พูดด้วยแล้วหนีทำไมวะ” เมื่อเหมียวเดินอ้าวไปก็บ่นอุบอิบ “คนนึงก็ขอเบิกเงินล่วงหน้า...อีกคนก็มาไม่ตรงเวลามันก็ต้องหักเงินรึเปล่า...เฮ้อ เป็นหัวหน้านี่มันเหนื่อยจริงๆ ไปหาชาไข่มุกกินดีกว่า”

ooooooo

โขงกลับไปถึงสำนักงาน เจียรไนยเห็นก็เล่นงานทันทีเพราะจ้องอยู่แล้ว นับเวลามาสายเป็นวินาทีกันเลย สุรารักษ์ผสมโรงอย่างสะใจ แต่แล้วก็ชะงักหน้าเสีย เมื่อนารีเดินออกมาบอกโขงว่า

“โขง...พี่ได้รับรายงานแล้วนะ โขงทำได้ดีมาก”

“คุณโขง...” กำชัยเดินมาจากอีกทางบอกข่าวดีว่า “นายหมียอมเข้ารับการบำบัดแล้วนะ”

“ไปคุยกันที่ห้องพี่ดีกว่า” นารีบอกแล้วเดินนำไป

เจียรไนยกับสุรารักษ์มองหน้ากันแล้วรีบตามไปอย่างอยากรู้อยากเห็น แล้วทั้งเจียรไนยและสุรารักษ์ก็ยิ่งหมั่นไส้ อิจฉา เมื่อทั้งนารี กำชัย กระทั่งทิชาที่มาทีหลังต่างชื่นชมโขงที่ทำงานอย่างจริงจังเจ็บตัวก็ไม่เลิกถูกด่าก็ไม่สน

สุรารักษ์หาว่าโขงสร้างภาพเอาหน้า ตนจะกระชากหน้ากากออกมาให้ได้ ผู้กองกำชัยดูออกตามไปคุยด้วยเล่าผลงานของโขงทั้งเรื่องช่วยแรงงานต่างด้าวที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ล่อลวง ช่วยหาเบาะแสจนตำรวจทลายซ่องได้สำเร็จ ช่วยผู้หญิงที่ถูกล่อลวงและที่ถูกทำร้าย ช่วยตามหาเด็กหาย...

สุรารักษ์ทนฟังไม่ได้ถามว่าเขาอยู่ทีมเดียวกับโขงใช่ไหม

“ถ้ามีเป้าหมายเดียวกัน ตั้งใจจะช่วยประชาชนเหมือนกัน ไม่ว่าคุณ ผม คุณโขงก็อยู่ทีมเดียวกันทั้งนั้นนะครับ” สุรารักษ์ไม่เชื่อ กำชัยจึงให้เวลาพิสูจน์ แล้วอ่อยทิ้งท้ายว่า “คุณก็อย่าไปตั้งแง่กับคุณโขงนักเลย ยิ่งจับผิดคิดมากหน้าก็ยิ่งแก่ ผมชอบตอนคุณอารมณ์ดีมากกว่า ตอนคุณยิ้มน่ารักกว่าตั้งเยอะ” แล้วขอตัวเลย

สุรารักษ์อึ้ง เคลิ้มที่กำชัยชมว่าน่ารัก พึมพำหน้ายิ้มปริ่มเปรม...

“อะไรอ่ะ น่าร้งน่ารักอะไร บ้าจริง...ผู้กองนี่”

กำชัยมาถามโขงว่าได้ยินว่าเขาไปตามหาคนหายที่ผับคุณพีระ แล้วชวนกันไป เมื่อเข้าไปในผับก็กวาดตามองอย่างสำรวจ เมื่อเจอแสนก็เลียบเคียงถาม แสนปกป้องพีระสุดชีวิตยืนยันว่าคุณพีระเป็นคนดี เขาใจดีกับลูกน้องใครเดือดร้อนเขาก็ช่วย

“ถ้ายังสงสัย ทำไมไม่ถามผมเองล่ะครับ” เสียงพีระแทรกขึ้นยิ้มให้แต่เป็นยิ้มที่น่ากลัว  แล้วเชิญไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี กำชัยบอกว่าพวกตนเป็นลูกค้าธรรมดานั่งที่ไหนก็ได้

“เวลาสารวัตรหรือท่านผู้กำกับมาผมก็เชิญที่โต๊ะนี้ตลอด แล้วจะให้ผมเลือกปฏิบัติกับผู้กองได้ยังไง เชิญครับ เดี๋ยวผมให้เด็กนำเครื่องดื่มมาให้ไม่ต้องเกรงใจ ผมเลี้ยง”

ทั้งกำชัยและโขงพยายามเก็บข้อมูลอย่างละเอียด บังเอิญเจอทิชาเดินเข้ามา พีระเรียก

“ทิชา...ทางนี้ครับ”

ทิชาตกใจที่เห็นโขง แต่ถูกพร้อมเตือนว่าคุณพีระเรียก ถ้าไม่เข้าไประวังจะมีปัญหา ทิชาจึงเดินเข้าไป พีระบอกให้นั่ง กำชัยทักว่า นึกว่าเธอทำงานที่มูลนิธิอย่างเดียว

“ทิชาช่วยงานเอกสารของที่นี่ด้วยครับ ผมขอร้องให้มาเองแหละครับ  อีกหน่อยที่นี่ก็ต้องเป็นของทิชาให้มาเรียนรู้ไว้ แต่งงานกันไปจะได้คล่องๆ” พีระคุยหน้าตาเฉย

ทิชาไม่พอใจจึงขอตัว พีระเดินไปส่ง ทิชาต่อว่าเขาว่าประกาศว่าตนจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง พีระย้อนเย้ยๆ ว่าชอบเจอมันไม่ใช่เหรอ แล้วสาธยายว่าเธอเคยไปที่ไหนกับโขงบ้าง ถามประชดว่า

“หรือต่อหน้าคนอื่นมันไม่เร้าใจ ต้องแอบกินใช่ไหมถึงจะอร่อยกว่า”

“ต่ำ พูดจาน่าเกลียด” ทิชาตบหน้าเขาฉาดใหญ่ถามว่าเขาสะกดรอยตามตนหรือ

“ผมไม่ชอบปล่อยของของผมให้คลาดสายตา แล้วก็ไม่ชอบให้มันลืมว่าใครเป็นเจ้าของมันด้วย”

พีระพยายามจะจูบทิชา ถูกเธอตบหน้าอีกฉาด แสนมาเห็นพอดี พีระชะงักหันมองแสนที่ยืนอึ้งอยู่

พร้อมเข้าประชิดตัวแสนทันทีปรามแสนว่า

“เรื่องส่วนตัวของเจ้านายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนะถ้ายังอยากทำงานที่นี่อยู่ ไป...ไปร้องเพลงดีกว่า”

ooooooo

เหมียวเป็นห่วงแม่ไปหาที่ตลาด พวกยายไรยายแจ๊ว ยายหวานบอกว่าไม่ได้มาขาย นอนเมาอยู่ที่บ้านเหมียวจึงสั่งอาหารที่แม่ชอบหลายอย่างเพื่อเอาไปให้แม่ที่บ้าน

พอไปถึงบ้านก็เห็นแม่นอนเมาไม่ได้สติอยู่ ถ้วยชามทิ้งระเกะระกะเลอะเทอะ บ้านสกปรกรกรุงรัง พยายามเรียกแม่ พอทับทิมรู้สึกตัวก็ร่ำร้องหาแต่ชัยถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมา

เหมียวทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จ บอกแม่ว่าอยากกลับมาอยู่ด้วย ดูนาฬิกาเห็นว่าเกือบสามทุ่มแล้วบอกแม่ว่าซื้ออาหารมาฝากหลายอย่าง พรุ่งนี้จะมาใหม่แล้วตัดใจกลับไปทั้งที่เป็นห่วงแม่มาก

กำชัยกับโขงสงสัยว่าทิชามาทำงานเอกสารให้พีระถามกันว่าเป็นเอกสารอะไร? โขงมั่นใจว่าทิชาต้องถูกบังคับให้มาทำงานที่นี่แน่แต่ไม่รู้ว่าทำอะไร

ออกจากผับแล้วโขงขอกลับเอง เจอรถลุงไสวพอดี ลุงไสวดีใจที่เจอผู้โดยสารน้ำใจงาม โขงบอกว่าเราเจอกันบ่อยขนาดนี้เรียกตนว่าโขงเลยดีกว่า

“ไปไหนดีครับคุณโขง” ลุงไสวเรียกประเดิมอย่างอารมณ์ดีแล้วขับรถไปทางตลาด ลุงไสวแนะโขงว่า “ถ้าคุยกับเหมียวไม่รู้เรื่อง ก็ต้องหาทางคุยกับแม่เหมียวแทน”

น้อยหน่าเป็นเด็กใจแตกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม อยากเด่นอยากดังอยากสวย ไม่มีเงินก็ขโมยเงินยายไป ยายหวานกับยายไรโวยวาย น้อยหน่าบอกว่าตนไม่ได้ขโมยแล้ววิ่งหนีไป ไม่ทันระวังเลยตัดหน้ารถลุงไสวจนเกือบถูกชน โขงรีบลงไปดู น้อยหน่ากอดโขงไปแอบข้างหลังเขาเพราะพวกยายๆตามกันมาเป็นพรวน

ยายๆมาเห็นน้อยหน่ากอดโขงไว้แน่นก็ตีขลุมว่าน้อยหน่าหนีไปกับผู้ชาย ยายแจ๊วด่าสาดพวกยายไรยายหวานที่ด่าหลานตน จนลงมือลงไม้กัน เหมียวรีบร้อนจะไปอีกทางเห็นเข้าก็โวย

“โว้ย ตีกันอยู่ได้ น้อยหน่ามันไปไกลแล้ว”

เหมียวรีบไปทำงาน ถูกพี่สาด่าว่ามาสายจะอ้างเหตุผลอะไรก็ไม่สน พอดีเห็นลูกค้าเดินเข้ามาพี่สาเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเชิญลูกค้าเข้าด้านใน แล้วหันมาเล่นงานเหมียวต่อ

“ถ้ามีหน้าที่แล้วรับผิดชอบไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเลยดีกว่า”

เหมียวเห็นลูกค้าเดินเข้ามาอีกสองคนก็รีบไปรับ บอกพี่สาเบาๆว่า

“เดี๋ยวค่อยมาด่าต่อนะพี่”

พี่สาเลยอ้าปากค้าง พอเหมียวเดินพ้นพี่สามาก็บ่นตัวเองว่าไม่น่าเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย ถ้าถูกไล่ออกจะทำยังไง พอดีเฮียนางกับส้มมาเที่ยว เฮียนางเรียกเหมียวที่เป็นสาวเสิร์ฟ ส้มเห็นเหมียวก็อุทาน

“พี่เหมียวทำงานที่นี่จริงๆด้วย”

ลุงไสวพาโขงกับน้อยหน่าไปที่ริมทะเล น้อยหน่าเล่าให้ฟังว่า

“ยายไม่เข้าใจ น้อยหน่าแค่ยืมเงินไปซื้อเสื้อผ้า ก็ขอดีๆแล้วไม่ให้นี่นา น้อยหน่าไม่ได้จะขโมยเงินไปให้ผู้ชายซะหน่อย ยายไม่เคยฟังเอาแต่ฟาดๆๆ คนนะไม่ใช่ครก เจ็บจะตาย”

โขงถามว่ายายตีเป็นประจำหรือเปล่า น้อยหน่าบอกว่าตีไม่ประจำ แต่ด่าเป็นประจำ

“แล้วปกติยายด่าเรื่องอะไร” โขงหารายละเอียด...

ooooooo

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก ตอนที่ 3 วันที่ 15 ก.ค.61

เส้นสนกลรัก บทประพันธ์โดย หัสบรรณ
เส้นสนกลรัก บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
เส้นสนกลรัก กำกับการแสดงโดย กีรติ นาคอินทนนท์
เส้นสนกลรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
เส้นสนกลรัก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ