My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 4 วันที่ 16 มิ.ย.61

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 4 วันที่ 16 มิ.ย.61

พัสกรเดินหนี แต่จ่อยก็ตามตื๊อไม่ละลด

“ผมเบิ่งทุกคลิปของครู ครูคักอีหลี ผมชอบครูหลายๆ ครูช่วยสอนผมเต้นหน่อยได้บ่...ผมอยากเต้นเก่งเหมือนครู” จ่อยคุกเข่าจับมือพัสกรอ้อนวอน “ผมขอร้องนะครับ ช่วยรับผมเป็นศิษย์ด้วย”

จ่อยวิงวอน ขอร้อง พัสกรมองนิ่งๆเหมือนจะใจอ่อน พลันเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องในวันนั้นก็ก้องขึ้นมาในความรู้สึก พร้อมกับคำขู่ที่ว่า “มึงเต้น ทุกคนตาย” พัสกรมองจ่อยแล้วมองไปรอบๆร้องเรียก



“แหวนพลอย...ออกมาได้แล้ว ออกมา!!!”

แหวนพลอยค่อยๆก้าวออกมายิ้มหน้าจ๋อยบอกว่าคุณพัสกรรู้ตัวไวจัง บอกว่าเรื่องนี้แหวนพลอยอธิบายได้นะ พัสกรสั่งเสียงเข้มให้กวงพาเด็กกลับไปก่อนแล้วหันขวับมองแหวนพลอยตาขุ่น

ooooooo

เมื่อไปนั่งคุยกันที่ผาชัน แหวนพลอยพยายามอธิบายว่า

“แหวนพลอยขอโทษ แหวนพลอยไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณพัสกรนะคะ โอเค เรื่องจ่อยน่ะแหวนพลอยวางแผนไว้จริงๆ แต่จ่อยเขาก็อยากเต้นจริงๆเหมือนกัน แหวนพลอยไม่ได้จ้างเขามานะ”

“เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันมาอยู่ที่นี่ทำไม” แหวนพลอยบอกว่ารู้ “แล้วเธอก็รู้ใช่ไหม ว่าทำไมฉันยังสอนเต้นไม่ได้ เธอก็เห็นทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งระเบิด พ่อแม่พี่น้องฉันต้องตาย ขวัญกมลบาดเจ็บ แล้วยังป่วยทางจิต ทั้งหุ่นสยองที่โรงเรียนที่เธอเองเกือบถูกทำร้าย คำขู่ว่าถ้าฉันเต้นอีกจะมีคนตายอีก เธอจำไม่ได้รึไง ฉันเต้น ทุกคนตาย หรือเธออยากตาย อยากให้เด็กนั่นตาย...ใช่ไหม”

“แต่นี่เราอยู่อุบลฯ ที่นี่ไม่มีผู้ร้าย”

“เธอต้องการอะไร กดดันให้ฉันเป็นอย่างที่เธออยากให้เป็นงั้นเหรอ ถ้าพัสกรไม่เต้น ไม่เป็นศิลปิน ก็ไม่มีอะไรจะให้เธอติ่ง แล้วมันก็จะหมดสนุก งั้นใช่ไหม ฉันขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายนะแหวนพลอย อย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!!!”

พูดจบพัสกรลุกไปเลย แหวนพลอยมองอย่างเจ็บปวด เสียใจ ตะโกนไล่หลังเขาไปว่า

“ทำไมคุณพัสกรขี้ขลาดอย่างนี้ จะหนีไปถึงไหนฮะ”

พัสกรหยุดกึกหันมาเรียกปราม แหวนพลอยไม่หวั่น ยังคงพูดต่อไปอย่างเจ็บปวด กดดันว่า

“ใช่ แหวนพลอยก็กลัวตาย แต่เรามีกันตั้งหลายคน ช่วยกันเป็นหูเป็นตาได้ เราก็ต้องหาทางจับผู้ร้ายให้ได้ด้วย คุณไม่อยากรู้เหรอว่ามันเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม คุณกลัวไปซะทุกอย่าง กลัวจนลืมว่าตัวเองผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง ลืมว่าที่ผ่านมาเคยพยายามมาแค่ไหนกลัวจนลืมความฝันของตัวเอง ลืมความหวังของทุกคน ลืมหน้าที่ที่ตั้งใจไว้ ละทิ้งสิ่งที่ตัวเองพยายามมาทั้งชีวิต เพราะกลัวๆๆ”

“ไม่เคยมีคนต้องตายเพราะเธอเป็นต้นเหตุเธอไม่เข้าใจหรอก” พัสกรเสียงอ่อนลง

“เมื่อไหร่คุณพัสกรจะเลิกโทษตัวเองสักที!!! จะติดแหง็กกับความกลัว ความรู้สึกผิดไปอีกนานแค่ไหนกันน่ะ ชีวิตนี้จะไม่ไปต่อเลยเหรอ”

“ใช่ ฉันยังไม่พร้อมจะไปต่อ ฉันคิดว่าเธอจะอยู่ข้างฉันซะอีกแหวนพลอย”

แหวนพลอยอึ้งไปกับคำพูดและสายตาตัดพ้อของพัสกร...ในขณะที่เขาเดินเร็วๆจากไป

เมื่อมาถึงทางออกผาชันที่ขวัญกมล ปู่ และวิโรจน์อยู่ ขวัญกมลถามพัสกรว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าบึ้งขนาดนั้น พัสกรไม่ตอบแต่ถามว่าเธอเดินไหวไหม พอเธอไหวเขาก็ชวนกลับแล้วเข้าประคองเธอลุกขึ้นเดินไป

แหวนพลอยตามมาถึงเห็นภาพนั้นทั้งเจ็บทั้งเสียใจจนน้ำตาไหลพึมพำ

“มันไม่เหมือนที่แหวนพลอยคิดไว้เลย”

ปู่กอดปลอบ วิโรจน์ตบบ่าให้กำลังใจ แต่กวงโกรธที่พัสกรทำให้แหวนพลอยร้องไห้...

ooooooo

ที่ร้านปิ้งย่าง กินกันจนพุงกางแล้วฉัตรชัยเดินออกมา ในขณะที่จันทิมาเหลือบมองโทรศัพท์ในมือตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่นิรุตต์จะโทร.มา ฉัตรชัยเดินมากอดจันทิมาถามว่า เราไปนอนกันที่ไหนดี

จันทิมาถามว่าเขาอยากพักที่ไหนทำเป็นโอนอ่อนไม่ปฏิเสธ บอกว่าอยากตามใจเขา ฉัตรชัยกระซิบบอกทันทีว่า “งั้นเอางี้ ไปที่ห้องทำงานผมก็แล้วกัน”

ฉัตรชัยจู่โจมจูบจันทิมา เธอตกใจผลักเขาออกตามสัญชาตญาณ แต่พอนึกได้ว่ากำลังเล่นละครอยู่ก็โอนอ่อนรีบขอโทษถามว่าเจ็บไหม ฉัตรชัยสำออยว่าเจ็บนิดหน่อยแล้วจะจูบอีก แต่พอดีโทรศัพท์ของจันทิมาดังขึ้น จันทิมาขอตัวรับโทรศัพท์ พอเดินห่างออกมาเธอบ่นว่าทำไมโทร.มาตอนนี้

เป็นสายจากนิรุตต์นั่นเอง เขาจะวาง เธอเร่งมีอะไรให้พูดมาเลย

“ปิดจ๊อบได้เลย” นิรุตต์พูดสั้นๆแล้ววางสายเลย

จันทิมาแกล้งโวยวายว่าหมาที่บ้านกัดแมวข้างบ้าน บอกฉัตรชัยว่าต้องรีบไปเคลียร์แล้วหาทางกลับเลย ฉัตรชัยมองตามบ่นเซ็งๆอย่างอารมณ์ค้าง “ค้างๆงี้เลยนะ ไรวะ”

ooooooo

กลับถึงบ้านพัก พัสกรยังหงุดหงิด ขวัญกมลบอกให้ใจเย็นๆตนอยู่ข้างเขาเสมอ บอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น พัสกรไม่ทันตอบกวงก็พุ่งเข้ามาผลักอกพัสกรตะคอก “ทำไมคุณทำงี้วะ”

ปู่ วิโรจน์ และแหวนพลอยตามเข้ามาฉุดห้ามกวง กวงสะบัดจากทุกคนชี้หน้าด่า

“ไอ้คุณพัสกร ไอ้คนใจร้าย คุณทำให้แหวนพลอยเสียใจ มันร้องไห้มาตลอดทางเพราะคุณ ทำไมวะแหวนพลอยมันทำทุกอย่างเพื่อคุณ แต่คุณแม่งไม่เคยเห็นค่า เอาแต่ด่า เอาแต่ไล่ มันเป็นสากกะเบือไม่มีหัวจิตหัวใจรึไง คิดว่ามันเป็นของตาย จะทำยังไงกับมันก็ได้เหรอวะ...ฮะ!!!”

“อย่าบ้านักเลยได้ไหม กลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ก่อนไป” พัสกรไล่

“ได้!” กวงหันกลับคว้ามือแหวนพลอย “ไปแหวนพลอย ไปอยู่กับเรา เราจะดูแลแหวนพลอยอย่างดี ไม่มีวันทำให้แหวนพลอยต้องร้องไห้แบบนี้”

“แหวนพลอยต้องอยู่ที่นี่!” พัสกรคว้ามือแหวนพลอยอีกข้างไว้ จ้องหน้าบอก “เธอยังเป็นหนี้ฉันอยู่”

“โว้ย เอาหนี้มาอ้าง ไอ้หมาหวงก้าง” กวงด่า พุ่งเข้าจะต่อยพัสกรแต่แหวนพลอยดึงไว้

“หยุด!!!” ขวัญกมลปรี๊ดขึ้นมา “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่มันมากเกินไปแล้ว เป็นแค่คนรับใช้ แค่คนอาศัยมีสิทธิ์อะไรมาด่ามาทำร้ายพัส พัสเขาอุตส่าห์ให้มาอยู่ด้วย แทนที่จะสำนึกบุญคุณกลับสร้างแต่ปัญหาไป...ออกไปกันให้หมดเลยนะ เลิกยุ่งวุ่นวายกับพัสเขาสักที ไปสิ”

“ไม่ ข้าไม่ไป ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เอ็งยังไม่เกิดถ้าเอ็งอยากไปก็ไปสิวะ” ปู่พยายามดึงขวัญกมลออกมา พูดเกือบเป็นตวาดว่า “เอ็งอยากไปนักก็ไปสิ ไปเลยไป...ออกไป”

“พอ!! หยุด!!!” พัสกรทนไม่ไหวตะโกนขึ้น พอทุกคนชะงักเขาบอกผมไปเอง แล้วคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่ชั้นวางของเดินหุนหันออกไปเลย ขวัญกมลตามไปเรียก แต่พัสกรขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว

“ปล่อยคุณพัสกรไปก่อนเถอะครับ เขาคงต้องการเวลาที่จะคิดพิจารณาอะไรบ้าง พวกเราทุกคนก็เหมือนกัน คิดทบทวนให้ดี ใช้สติไม่ใช้อารมณ์” วิโรจน์พูดมองปู่กับกวง แล้วมองแหวนพลอยกับขวัญกมล “เพื่อคุณพัสกรนะครับ”

ขวัญกมลเหมือนจะเย็นลง รับฟัง แต่พอเดินกลับไปทางบ้าน ขณะผ่านแหวนพลอยก็จิกใส่เบาๆ

“เพราะเธอคนเดียว แหวนพลอย”

ooooooo

พัสกรไปถึงถนนเลียบทุ่งนาจอดรถลงไปนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ใต้ร่มเงาใบหนา ขณะปล่อยใจไปกับธรรมชาติที่สงบสวยงามนั้น ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเด็กที่ไล่ตามกันมา

มองไปเห็นจ่อยถูกเด็กเกเรวัยเดียวกันไล่ล้อว่าจ่อยตุ้งติ้งเป็นตุ๊ด จ่อยเถียงว่าตนไม่ใช่ตุ๊ด แต่เด็กสามคนนั้นก็ทำท่าล้อไม่หยุด พัสกรคิดว่าเป็นแผนของแหวนพลอยจึงยืนมองเฉยๆ แต่ดูไปดูมาเด็กเกเรทั้งสามจะจับจ่อยนุ่งกระโปรง จ่อยเหวี่ยงหมัดดิ้นไม่ยอมก็ถูกหาว่าสู้ จะรุมจ่อย พัสกรจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ตะโกน

“ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูครูประจำชั้นให้รีบสลายตัวใน 3 วิ” แล้วเริ่มนับหนึ่งทันที เด็กเกเรชี้หน้าจ่อยขู่ก่อนถอยไปว่ากูจะฟ้องพ่อมึงไอ้จ่อย พัสกรถามว่า “ชื่อจ่อยใช่ไหม มาคุยกันหน่อย”

จ่อยเล่าว่าถูกพวกนั้นหาว่าตนเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเพราะตนชอบเต้น พัสกรยังสงสัยถามว่าเมื่อเช้าที่เต้นให้ดูก็ไม่มีใครจัดฉากใช่ไหม จ่อยเล่าว่า เมื่อเช้าพี่แหวนพลอยนัดตนไปเจอ บอกว่าจะมีสะไพ้ ให้ตนซ้อมเต้น จะมีคนทำให้ตนไปประกวดได้สำเร็จตนจึงเต้น แล้วครูก็โผล่มา เล่าอย่างแปลกใจว่า

“ผมโคตรดีใจเลยอ่ะ แต่ครูกลับโมโห ผมไม่รู้ว่าครูโมโหอะไร”

จ่อยเล่าว่าตนกำลังพยายามเก็บตังค์ไปประกวด “ยังบัดแดนซ์คอนเทด” ที่กรุงเทพฯ ตนไปเต้นโชว์ที่ตลาดคนเดินในเมืองได้เงินมาตั้ง 190 บาทแล้ว จ่อยเล่าแล้วมองอ้อนวอนถามว่าครูจะสอนผมไหม

“ถ้าฉันบอกว่าฉันแค่มาพักผ่อน ไม่คิดจะสอนใครตอนนี้ เธอจะทำยังไง”

จ่อยสีหน้าผิดหวัง แต่บอกพัสกรอย่างไม่ยอมแพ้ว่าไม่มีครูก็ไม่ใช่ปัญหา ตนโดนล้อโดนด่าโดนฟาดก้านคอด้วยหน้าแข้งก็โดนมาหมดแล้ว มองหน้าพัสกรพูดอย่างแน่วแน่ว่า

“ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก นี่มันความฝันของผมเลยนะ ถ้าผมไม่สู้เพื่อความฝันของตัวเอง แล้วใครจะสู้เพื่อผมล่ะ จริงไหม”

ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความฝันของจ่อย ทำให้พัสกรอึ้ง...คิด

ooooooo

นิรุตต์ตามกุ๊งกิ๊งมาถึงหน้าโกดังแห่งหนึ่งย่องเข้าไปไม่เห็นใคร มันเป็นโกดังโล่งๆมีกระจกเงาบานใหญ่ เพ่งมองไปจึงเห็นฉัตรชัยกับกุ๊งกิ๊งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนโซฟา

“นี่เหรอวะที่ประจำ...คนเรา...จะนัดทำอะไรกันในที่แบบนี้เหรอวะ”

ทันใดนั้นลูกน้องฉัตรชัยร้องตะโกนจากข้างหลังนิรุตต์ “ขโมย...ขโมยเว้ย ขโมย!” สิ้นเสียงร้องลูกน้องฉัตรชัยสามสี่คนรวมทั้งเจบีก็วิ่งกันเข้ามา นิรุตต์โดนรุมทันที นิรุตต์ถูกฉัตรชัยชกจนหมวกหล่น เขาจึงก้มหน้างุด ฉัตรชัยถามว่า “มึงเป็นใคร ต้องการอะไร” พยายามจะจับนิรุตต์เงยขึ้นดูหน้า

ทันใดนั้นแสงไฟสูงจากรถคนหนึ่งสาดใส่หน้าฉัตรชัย นิรุตต์ดิ้นสุดแรงจนหนีออกมาวิ่งไปกระโดดขึ้นรถคันนั้นที่เปิดประตูรออยู่ กุ๊งกิ๊งกับฉัตรชัยเห็นหน้าคนขับต่างอุทาน “นั่นมัน...จันทิมา!”

ระหว่างพานิรุตต์หนีออกมา เขาติงจันทิมาว่าทำแบบนี้เสี่ยงมากพวกนั้นอาจรู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกัน จันทิมาบอกว่าพวกนั้นไม่เห็นหน้าเขาไม่ใช่หรือ ดีที่เขาแชร์โลเกชันให้ตน ไม่งั้น...

จันทิมาพูดไม่ทันจบนิรุตต์ก็ตัดบทให้จอดรถตรงนี้ เมื่อไปนั่งที่ริมแม่น้ำนิรุตต์โทร.หาหมวดนะถามว่าได้พิกัดที่ตนส่งให้แล้วใช่ไหม ช่วยเช็กให้ด้วยว่ามันเป็นของใคร ไว้ใช้ทำอะไร และตนอยากได้กล้องวงจรปิดรอบนั้นทั้งหมดดูว่ามีใครเข้าออกบ้าง บอกหมวดนะว่าตนโอเค เดี๋ยวเจอกัน

ooooooo

พัสกรกลับถึงบ้านแล้วก็ยังครุ่นคิดที่จ่อยพูดก่อนจากกัน เขามองรูปพ่อที่คลุกคลีกับพวกเด็กๆ เหลือบเห็นอัลบั้มตั้งอยู่จึงหยิบดู มีกระดาษคั่นอยู่

เขาเปิดดูหน้าที่คั่นกระดาษไว้...มีอักษรตัวโตว่า “ครู” มีข้อความว่า

“ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทนและอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตนให้อยู่ในระเบียบแบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ...”

พัสกรสะดุดคิดแล้วอ่านต่อ...

“ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง หันไปห่วงอำนาจ ห่วงตำแหน่ง ห่วงสิทธิ์และห่วงรายได้กันมากเข้าๆ แล้วจะเอาจิตใจที่ไหนมาห่วงความรู้ ความดีความเจริญของเด็ก ความห่วงใยสิ่งเหล่านี้ก็จะค่อยๆบั่นทอนทำลายความเป็นครูไปจนหมดสิ้น ไม่มีอะไรเหลือไว้พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจหรือผูกใจใครไว้ได้ ความเป็นครูก็จะไม่มีค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่เคารพบูชาอีกต่อไป”

“พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” พัสกรพึมพำ มองที่หนังสือเปิดดูเป็นภาพที่รวบรวมรูปในหลวง ร.9 จากนิตยสารต่างๆตัดเก็บไว้ หน้าสุดท้ายมีลายมือของภากรเขียนกำกับไว้ว่า “พระองค์ไม่เคยย่อท้อ แล้วเราจะท้อได้ยังไง”

พัสกรกอดอัลบั้มไว้แนบอกบอกพ่อว่า “ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ” แววตาเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าจะทำอะไรต่อไป เขาโทร.ไปหาแหวนพลอยทันที บอกให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย เรามีเรื่องต้องคุยกัน แหวนพลอยหนาวๆร้อนๆว่ามีเรื่องอะไรถึงโทร.มากลางดึก

เช้าตรู่พัสกรพาแหวนพลอยไปที่ผาชันตอนตะวันกำลังจะขึ้น พอพระอาทิตย์โผล่ที่ขอบฟ้า พัสกรก็เอ่ย

“เขาบอกว่าการมาชมพระอาทิตย์ขึ้น เปรียบเหมือนการเติมพลังชีวิตให้สดใสโชติช่วงเหมือนแสงของวันใหม่ที่ตัดเส้นขอบฟ้า ฉันพร้อมจะเริ่มต้นอีกครั้ง ฉันจะสอนจ่อยเอง”

แหวนพลอยดีใจมากถามว่าจริงหรือ ลืมตัวจะเข้าไปกอดพัสกร พอนึกได้ก็ชะงักตบหน้าตัวเองเบาๆ ถามว่า “นี่แหวนพลอยไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...ทำไมคุณพัสกรถึงเปลี่ยนใจล่ะคะ”

 “พ่อเตือนสติฉัน...สิ่งที่ฉันรู้แต่หลงลืมไป....ฉันไม่ได้เป็นแค่นักเต้น แต่ยังเป็นครู หน้าที่ของเราก็คือการสอน เราต้องสอนให้เด็กมีความรู้ ให้เป็นคนดีให้ได้” พัสกรบอกแหวนพลอยที่มองหน้าเขาเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ว่า “ฉันเรียนรู้หลายอย่างจากพ่อ แล้วรู้ไหมว่าพ่อฉันเรียนรู้จากใคร”

แหวนพลอยบอกว่าพระบรมราโชวาทในหลวงรัชกาลที่ 9 พัสกรพยักหน้า บอกแหวนพลอยว่า

“ฉันเข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงมีพลัง ทำไมพ่อถึงไม่เคยท้อ ไม่เคยเหนื่อย เพราะเป้าหมายของพ่อไม่ใช่ตัวเอง พอเลิกมองแค่ตัวเอง วิสัยทัศน์ก็กว้างเลยนะ ฉันต้องทำอย่างพ่อให้ได้ ต้องตั้งใจให้มากกว่าเดิม พยายามให้มากกว่าที่เคย สู้ให้ได้มากกว่าที่เคยสู้ ต้องลุกขึ้นให้ได้มากกว่าที่เคยล้มมา หมดเวลาเจ็บช้ำหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว” มองหน้าแหวนพลอยถามว่า “เธอยังอยากสู้กับฉันไหม”

“แหวนพลอยจองพื้นที่หน้าเวทีพร้อมชูป้ายไฟตลอด คุณพัสกรก็รู้”

พัสกรมองหน้าแหวนพลอยที่ยืนเคียงคู่กันเบื้องหน้าพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส

ooooooo

แต่ที่บ้านพักกำลังวุ่น เมื่อขวัญกมลตื่นมาไม่เห็นพัสกรและแหวนพลอยก็หายไป ขวัญกมลโทร.หาพัสกรและกวงก็โทร.หาแหวนพลอยแต่ไม่รับสายทั้งคู่ ขวัญกมลบอกกวงว่าตนเข้าใจความรู้สึกของกวงแต่ก็ไม่โทษแหวนพลอยเพราะยังเด็ก

ขวัญกมลทำเป็นห่วงใยแหวนพลอยบอกว่าขนาดตนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนยังโดนทำร้ายขนาดนี้แล้วของที่ได้ฟรีล่ะ กวงฉุนกึกที่พัสกรเห็นแหวนพลอยเป็นของง่ายได้ฟรี ยิ่งเห็นขวัญกมลร้องไห้เสียใจก็ยิ่งเชื่อและแค้น

พอพัสกรพาแหวนพลอยกลับมาถึง กวงก็พุ่งเข้าชกพัสกรทันที ด่า “ไอ้คนหลอกลวง” แหวนพลอยดึงกวงไว้ถามว่าบ้าหรือ ชกคุณพัสกรทำไม

กวงด่าพัสกรว่าผู้ชายหลายใจมีแฟนอยู่แล้วยังเอาผู้หญิงอื่น เห็นแหวนพลอยเป็นของฟรี หมดสนุกก็ทิ้ง แค่นี้ยังน้อยไป

ขณะกวงกับพัสกรกำลังโต้เถียงกัน ขวัญกมลก็เล่นต่อ ร้องกรี๊ดว่าไม่จริงไม่จริง พัสไม่รักขวัญแล้ว ขวัญจะเหลือใครอีก ทำท่าเหมือนจะวิ่งเตลิดไป พัสกรรีบวิ่งเข้าไปกอดไว้พร่ำบอกว่า

“ผมรักคุณ ขวัญ...ผมรักคุณ...ผมมีแค่คุณเท่านั้น” ขวัญกมลถามว่าแล้วแหวนพลอยล่ะ “เราไม่มีอะไรกันผมไม่ได้คิดอะไรกับแหวนพลอยเลย ผมมีแค่คุณ แค่คุณคนเดียวขวัญกมล”

แหวนพลอยได้ยินทุกคำน้ำตาไหลพราก แต่พยายามฝืน มองพัสกรกอดปลอบขวัญกมลแล้วจู่ๆก็หันบอกกวงว่า “กวง...เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”

กวงอึ้ง พัสกรตกใจ วิโรจน์ถอนใจส่ายหน้า ส่วนปู่ตบหน้าผากตัวเอง พึมพำ...

“ฉิบหายวายป่วงกันไปใหญ่แล้ว...”

ส่วนขวัญกมลยิ้มสะใจ สมใจในแผนการของตน แต่พอกลับเข้าห้องก็ทำเป็นใจกว้างบอกพัสกรว่าถ้าเขาไม่อยากให้ตนอยู่ตนก็คงต้องไป พัสกรตัดบทโพล่งบอกว่า

“ผมจะกลับไปสอนเต้น”

ขวัญกมลตกใจผงะ!

ooooooo

จันทิมาถูกกุ๊งกิ๊งกับฉัตรชัยคาดคั้นถามว่าคนเมื่อคืนนี้เป็นใคร แล้วเธอมาช่วยมันทำไม

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 4 วันที่ 16 มิ.ย.61

มนตราลายหงส์ บทประพันธ์โดย ศตรัศมิ์
มนตราลายหงส์ บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
มนตราลายหงส์ กำกับการแสดงโดย ฉัตรชัย นาคสุริยะ,นัฐพงศ์ วงษ์กวีไพโรจน์
มนตราลายหงส์ ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี บราเธอร์ จำกัด
มนตราลายหงส์ ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ