อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 5 มิ.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 5 มิ.ย.61

พระยาพลเทพรีบเข้าช่วยพระยาจันทบูรแก้เชือกเรือ ขันทองเห็นจึงพุ่งเข้าฟันพระยาพลเทพเต็มแรงแต่พระยาพลเทพหลบทัน พระยาจันทบูรแก้เชือกเรือเสร็จหันมาเห็นขันทองกำลังไล่ฟันพระยาพลเทพก็ผลักเรือออกพายหนีไป

พันหาญกำลังต่อสู้กับขุนแผลงฤทธิ์ ถูกขุนแผลงฤทธิ์เตะคว่ำแล้ววิ่งไปช่วยพระยาพลเทพที่กำลังถูกขันทองไล่ฟัน พระยาพลเทพมองไปเห็นพระยาจันทบูรกำลังพายเรือหนีก็วิ่งลุยน้ำไปตะโกนให้กลับมาก่อน แต่พระยาจันทบูรก็จ้ำพายหนีสุดชีวิต

“อ้ายชาติชั่ว” พระยาพลเทพแค้นจัดตะโกนด่า หันไปเห็นขันทองกำลังสู้กับขุนแผลงฤทธิ์ก็วิ่งหนีไปอีกทาง ขันทองฟันขุนแผลงฤทธิ์สุดแรงแล้ววิ่งตามพระยาพลเทพไป ขุนแผลงฤทธิ์รีบวิ่งตามไปทันที



ขันทองกับขุนแผลงฤทธิ์สู้กันด้วยดาบ ทั้งสองฝีมือไม่แพ้กัน แต่ขันทองก็พลาดถูกฟันที่ลำตัว ขุนแผลงฤทธิ์ย่ามใจที่ขันทองบาดเจ็บ แต่ด้วยความหนุ่มกว่า ขันทองสู้จนขุนแผลงฤทธิ์อ่อนกำลังลง ขันทองรุกไล่จนฟันดาบในมือขุนแผลงฤทธิ์หลุดตกที่พื้น พระยาพลเทพจ้องดาบที่พื้นไม่วางตา

ขุนแผลงฤทธิ์ถูกขันทองฟันที่ลำตัวอย่างจังจนยืนโงนเงน ขันทองที่บาดเจ็บเสียเลือดมากและอ่อนล้าจากการต่อสู้ยืนดู จู่ๆขุนแผลงฤทธิ์ก็ถูกถีบจากข้างหลังมากระแทกขันทอง พริบตานั้นก็มีดาบแทงทะลุขุนแผลงฤทธิ์มาเข้าร่างขันทองจนเสียบอยู่ในดาบเดียวกัน

ขุนแผลงฤทธิ์สะดุ้งเฮือกหันมองข้างหลังเห็นพระยาพลเทพใช้ดาบของตนที่หล่นอยู่แทงทะลุมา

“อภัยให้ฉันเถิดท่านขุน ฉันจะจดจำท่านขุนในฐานะหมาที่ซื่อสัตย์กับฉันที่สุด”

พอพระยาพลเทพดึงดาบออกร่างของขุนแผลงฤทธิ์ก็ทรุดกองกับพื้นขาดใจตายตาเหลือกค้าง ส่วนขันทองก็ทรุดเลือดทะลักอาการสาหัส แต่ยังจ้องหน้าพระยาพลเทพด่า

“เศษสวะยังมีประโยชน์กว่าคนอย่างมึง”

“เศษสวะอย่างกูก็ยังมีลมหายใจ แต่คนดีอย่างมึงกำลังจะตาย” พระยาพลเทพเงื้อดาบสุดแขนจะฟันขันทอง แต่ทันใดนั้นเสียงพันหาญก็ตะโกนขึ้น “พ่อขันทอง” ทำให้พระยาพลเทพชะงักหันมอง วินาทีนั้นเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง กระสุนเจาะเข้ากลางหน้าผากพระยาพลเทพ ร่างพระยาพลเทพร่วงผล็อยทันที

ฝีมือขันทองนั่นเอง ขันทองใช้ปืนที่แมงเม่ามอบให้ยิงพระยาพลเทพตายและตัวเองก็หมดสติไป

ooooooo

ค่ำนี้ม่วงมาบอกข่าวขันทองแก่ครอบครัวที่กระท่อมค่ายพระเจ้าตากว่าเกิดศึกที่จันทบูร ขันทองบาดเจ็บหนักเป็นตายเท่ากันให้แมงเม่ารีบไปกับตน

ที่ห้องหนึ่งในเรือนพระยาจันทบูร หมอตรวจดูอาการของขันทองแล้วบอกพระเจ้าตากว่าอาการหนักหนานักอาจจะอยู่ไม่พ้นวันนี้ แมงเม่าเปิดประตูเข้ามาพอดี พระเจ้าตากเรียกทุกคนออกไปเพราะอยากให้แมงเม่าอยู่ตามลำพังกับขันทองในวาระสุดท้าย

แมงเม่าเอื้อมจับมือขันทองมาแนบแก้มร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

ขันทองฝันไปขณะหมดสติว่าขุนทองและสาลิกา พ่อกับแม่มาร้องเรียก และโผเข้าหาอย่างดีใจที่ได้เจอกัน ไม่อยากเชื่อว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอีก

“ต่อไปเราก็จะไม่พรากจากกันอีกแล้วลูกเอ๊ย เพราะพ่อกับแม่จะมารับพ่อขันทองไปอยู่ด้วยกัน”

ในฝันขันทองยิ้มออกมาดีใจอย่างที่สุด

ขณะเดียวกันแมงเม่ายังกุมมือขันทองแนบแก้มร้องไห้รำพัน...

“พี่ขันทองจ๊ะ รู้หรือไม่ว่าฉันเคยคิดว่าไม่อยากให้พี่เป็นขันทีเลย แต่พอพี่ไม่ใช่ขันทีจริงๆฉันกลับทำตัวไม่ถูก อยากให้พี่กลับไปเป็นขันทีตามเดิมดีกว่า แม้แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เพลานี้ไม่สำคัญแล้วจ้ะ ไม่ว่าพี่จะเป็นชายแท้หรือขันที ฉันก็ไม่ใส่ใจแล้ว ขอเพียงพี่อยู่กับฉันก็พอ”

พอแมงเม่าพูดขาดคำ ขันทองก็คอพับลงไป

แมงเม่าร้องสุดเสียง “พี่ขันทอง” แมงเม่าตกใจสุดขีดยังคงร้องเรียกไม่ขาดปาก “พี่ขันทอง...พี่ขันทอง...อย่าทิ้งฉันไป พี่ขันทอง...พี่ขันทอง...”

สาลิกาเร่งขันทองให้รีบไปกันเถอะ แต่ขันทองแว่วเสียงเรียก ตนรู้สึกคุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ให้พ่อกับแม่รอก่อน ตนจะไปตามหาว่าใครเรียก

“คงไม่ได้ดอก พ่อกับแม่ต้องรีบไป รอเจ้าไม่ได้ ในเมื่อเจ้าไม่พร้อมไปกับพ่อกับแม่ก็กลับไปเสียเถิด”

แมงเม่าเสียใจสุดชีวิตตัดพ้อต่อว่าขันทองที่สัญญาว่าจะดูแลปกป้องตนแต่กลับมาทอดทิ้งกัน ร้องไห้ตัดพ้อต่อว่าไปก็ทุบที่หน้าอกขันทองไปบอกให้ฟื้นขึ้นมาถามว่ารู้บ้างไหมว่าพูดแล้วไม่รับผิดชอบทำให้คนอื่นเสียใจเพียงใด

ทันใดนั้นขันทองก็ไอโขลกๆเบาๆ ทุกคนตะลึงงัน ขันทองหันมองแมงเม่าดุ

“เจ้าตัวดี ฉันเจ็บเจียนตายยังทุบตีฉันอีก เจ้าคนไม่มีหัวใจ”

แมงเม่าร้องไห้โฮโผกอดขันทองไว้ด้วยความดีใจสุดชีวิต ขันทองนิ่งไปอย่างครุ่นคิดถึงความฝันที่แม่บอกกับตนก่อนจากมาว่า

“ฟังแม่นะพ่อขันทอง พ่อขันทองมีชีวิตเป็นของตนเองแล้ว มิจำเป็นต้องไปกับพ่อแม่ดอก ขอให้ลูกจำไว้ว่า ความรักของพ่อกับแม่จะอยู่กับลูกตลอดไป”

“กลับไปเถิด คนที่รักเจ้าไม่ได้มีแค่พ่อกับแม่เท่านั้น กลับไปเพื่อพวกเขาและเพื่อตัวเจ้าเอง”

ขันทองก้มกราบเท้าพ่อกับแม่ ขุนทองเอื้อมมือลูบหัวลูกอย่างเอ็นดูรักใคร่

ขันทองหันมองแมงเม่าที่กอดตนร้องไห้ดีใจอยู่ ยกมือลูบหัวแมงเม่าอย่างทะนุถนอมด้วยความรักหมดหัวใจ...

ooooooo

ผ่านมาสองเดือน ขันทองอาการดีขึ้นจนลุกเดินได้แล้ว แมงเม่าบอกว่าอีกไม่นานคงกลับไปจับดาบจับปืนได้แล้ว

“สมพรปากเถิดเจ้า พระองค์ท่านกำลังเร่งต่อเรืออยู่  พ้นหน้ามรสุมเมื่อใดก็คงยกกลับไปกู้อโยธยาตามแผนที่วางไว้ ฉันอยากจะหายทันตอนนั้น อย่างน้อยจะได้เป็นกำลังให้พระองค์ท่านได้บ้าง”

ขันทองเห็นแมงเม่ามองไปที่ทะเลถามว่าเจ้าชอบทะเลรึ ถ้าต่อไปยกเรือนมาปลูกริมทะเลดีหรือไม่

“ฉันอยู่ที่ใดก็ได้ ขอเพียงได้อยู่พร้อมหน้ากันเท่านั้นก็พอ” ฉุกคิดได้ถามว่าแล้วพี่ถามเรื่องปลูกเรือนทำไม ขันทองตอบเขินๆว่าปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่มิใช่รึ แล้วจะไม่ถามเจ้าได้อย่างไร

แมงเม่าเขินบอกว่า “ฉันจำได้ พี่บอกว่าได้บ้านเมืองกลับมาเมื่อใดถึงจะพูดเรื่องนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

ขันทองกุมมือแมงเม่าขึ้นมาถาม

“ฉันเกือบตายนะเจ้า หากวันนั้นตายไปคงไม่มีโอกาสได้กุมมือเจ้าเช่นนี้ ฉะนั้นฉันไม่อยากรออีกแล้ว ฉัน...เอ่อ...พี่อยากได้เจ้ามาเป็นศรีเรือนของพี่ เจ้าจะว่าอย่างไร”

แมงเม่าเขินอาย พูดเบาๆว่า “พี่ขันทองอยากให้ฉันว่าอย่างไร ฉันก็จะว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

เมื่อต่างเปิดใจกัน ขันทองรวบร่างแมงเม่าเข้าไปกอด แมงเม่าปล่อยไปตามใจปรารถนาของกันและกันซบหน้ากับแผงอกอุ่นของขันทองอย่างมีความสุข

ooooooo

กาลผ่านมาจนมีบรรยายสรุปว่า...

“หลังจากหมดหน้ามรสุม สมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงยกทัพจำนวน 5,000 เป็นทัพเรือออกจากเมืองจันทบูร ล่องมาตามฝั่งทะเลในอ่าวไทยจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีคืนจากอังวะได้ ก่อนจะยกทัพไปกรุงศรีอยุธยาและเข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้น ขับไล่ทหารอังวะออกจากอาณาจักรได้สำเร็จ”

มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าตากสินชูดาบขึ้นท้องฟ้าอย่างอาจหาญ พร้อมคำบรรยายว่า

“ซึ่งรวมระยะเวลาเพียง 7 เดือนนับแต่เสียกรุงก็สามารถกอบกู้บ้านเมืองกลับมาได้สำเร็จ ก่อนจะทรง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า ‘สมเด็จพระบรมราชาที่ 4’ แต่คนทั่วไปก็ยังนิยมเรียกพระองค์ว่า ‘สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช’ มาจนทุกวันนี้”

ooooooo

ผ่านไปสองสัปดาห์...ที่ค่ายทหารอังวะ พระเจ้ามังระ เนเมียวสีหบดี และอะแซหวุ่นกี้ กำลังคุยแผนการรบกับจีนอยู่ในกระโจม ก็มีทหารเข้ามารายงานอย่างร้อนรนว่ากองทัพพระเจ้าตากตีทัพเราแตกกู้อโยธยาคืนไปแล้ว

พระเจ้ามังระโกรธมากหันเล่นงานเนเมียวสีหบดีทันที ไหนว่าทิ้งกองทัพไว้ดูแลอโยธยา แล้วเหตุใดจึงถูกกู้กลับคืนไปได้ในเวลารวดเร็วเช่นนี้

เนเมียวสีหบดีกลัวมากรีบคุกเข่ารายงานว่า ตนจัดทหารหนึ่งหมื่นคนไว้คอยควบคุมอโยธยา แต่ทหารหนึ่งหมื่นคนอาจไม่เพียงพอกับพื้นที่กว้างใหญ่ของอโยธยาก็เป็นได้

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 5 มิ.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ