อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 7 มิ.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 7 มิ.ย.61

6 เดือนผ่านไป...ขณะแมงเม่ากำลังตรวจกระดาษที่คนงานกับทาสทำ ขันทองก็นำนักมวยคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าเขามีข่าวของคนที่แมงเม่าอยากรู้มาบอก แล้วพากันขึ้นเรือนไป

เขาคนนั้นคือนักมวยที่ถูกจับตัวเป็นเชลยคราวกรุงแตก ต่อมามีการแข่งชกมวยต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้ามังระ ตนอาสาขึ้นชกและชนะนักมวยหลายคน พระเจ้ามังระจึงพระราชทานรางวัลให้ขอกระไรก็ได้หนึ่งประการ ตนจึงขอกลับสู่แผ่นดินเกิด

แมงเม่าถามถึงกรมขุนวิมลว่าเป็นอย่างไรบ้าง นักมวยผู้นั้นเล่าอย่างรู้ดีว่าถ้านับแบบชาวบ้านก็ไม่ถือว่าลำบาก แต่ถ้าคิดว่าพระองค์ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ถือว่าลำบากเอาการ เล่าสภาพให้ฟังว่า



พระเจ้ามังระพระราชทานที่ดินให้เชลยที่ถูกจับไปสร้างบ้านเรือน เรียกกันว่า “หมู่บ้านโยเดีย” อยู่กันไม่ลำบากกระไร เว้นแต่ต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานเท่านั้น

ส่วนกรมขุนวิมลแม้ไม่มีคนรับใช้ อาหารการกินก็ไม่ดีนัก นอกจากทำงานส่วนตัวแล้วท่านยังเจียดเวลามาคัดลอกหนังสือและสอนหนังสือพวกชาวบ้านด้วย

นักมวยเล่าต่อว่า

“หนังสือที่พระองค์ทรงคัดลอกเก็บไว้ในกระท่อมหลังหนึ่ง เรียกว่า ‘หอแมงเม่า’ ขอรับ”

เมื่อนักมวยกลับไปขันทองบอกแมงเม่าว่า “เสด็จพระองค์หญิงคงทรงคิดถึงแม่แมงเม่าถึงได้ตั้งชื่อหอหนังสือเช่นนั้น นับเป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้จริงๆ”

“สิ่งเดียวที่ฉันเสียใจมาตลอดก็คือไม่ได้ถวายรับใช้เสด็จพระองค์หญิงให้ถึงที่สุด สมกับพระเมตตาที่ทรงมีให้” แมงเม่าร้องไห้บอกว่า “อังวะนั้นไกลนักแลเป็นคู่ศึกคู่สงครามกัน หม่อมฉันคงไม่อาจถวายรับใช้ได้อีกแล้ว แต่หากชาติหน้ามีจริง หม่อมฉันจะขอเป็นข้ารับใช้เสด็จทุกชาติไปเพคะ”

แมงเม่าก้มกราบที่พื้นทั้งน้ำตาแสดงความรักและภักดีที่มีต่อกรมขุนวิมลอย่างหมดหัวใจ

ooooooo

ผ่านไปอีก 2-3 วัน...แมงเม่าชวนขันทองไปที่วัดร้างแห่งหนึ่งที่เต็มด้วยซากปรักหักพัง บอกว่ามาเยี่ยมน้าพันหาญเพราะน้าท่านมาทำราชการอยู่ที่นี่ ก็พอดีพันหาญเดินยิ้มแย้มมาทักทาย

“พ่อขันทองมาแล้วรึ กำลังรออยู่เทียว”

ขันทองถามว่ารอตน มีกระไรหรือ ก็พอดีมีคนขว้างก้อนดินใส่แมงเม่า ขันทองดึงหลบได้ทัน มองไปเห็นหญิงหนึ่งแต่งตัวมอมแมมวิ่งหนีไป ขันทองตามไปจึงรู้ว่าหญิงนั้นคือเจ้าจอมเพ็ญนั่นเอง

แมงเม่าบอกว่าเจ้าจอมเพ็ญเสียสติไปแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นเลยแม้แต่ตัวเองก็จำไม่ได้แล้ว

เจ้าจอมเพ็ญเห็นแมงเม่าก็ดีใจร้องเรียก “นังเลื่อน” ชี้หน้าขันทองบอกให้ไล่ไอ้สามหาวนี่ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้

แมงเม่าบอกว่าแม่เป้าเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่อโยธยาเจอเจ้าจอมเพ็ญหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งแอบตามไปจึงรู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญพักอยู่ละแวกนี้ และมักจะไล่ทุกคนหาว่าจะมาขโมยสมบัติของตน

เมื่อน้าพันหาญต้องมาราชการที่นี่ตนจึงเล่าให้ฟัง และน้าพันหาญก็ไปเจอสมบัติของเจ้าจอมเพ็ญและขนหีบสมบัติมหาศาลมาเปิดให้ดู บอกว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ตนขนมาไม่ไหวแต่ได้จัดให้คนเฝ้าไว้แล้ว บอกว่านี่เป็นของขันทองแต่ถ้าอยากแบ่งให้ตนบ้างก็ไม่ว่ากระไรดอก

ขันทองนิ่งไปอึดใจ จึงบอกพันหาญว่า

“ดีแล้ว เพลานี้บ้านเมืองต้องการใช้เงินทองนัก ฉันจะถวายพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งหมด พระองค์ท่านจะได้เอาไปใช้สร้างความจำเริญให้บ้านเมืองต่อไป” พันหาญตกใจถามว่าให้ทั้งหมดหรือ “สมบัติบาปที่ได้มาเพราะการคดโกงฉันไม่ต้องการดอกจ้ะ ดูเจ้าของเถิด ต้องเป็นบ้าเพราะของพวกนี้ มิใช่เวรกรรมตามทันแล้วคือกระไร ให้สมบัติทั้งหมดกับบ้านเมืองน่ะดีแล้ว จะได้เป็นการไถ่บาปด้วย”

แมงเม่าบอกขันทองว่ายังมีอีกเรื่องที่ตนอยากจะคุย แล้วเอ่ยหน้าเศร้าว่า

“ฉันรู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญกับคุณพระมีความแค้นต่อกัน แต่เพลานี้เจ้าจอมเพ็ญก็ได้รับผลกรรมแล้ว หากทำได้ฉันก็อยากให้อโหสิเป็นกุศลต่อตัวคุณพระเองเจ้าค่ะ”

ขันทองมองหน้าแมงเม่ายิ้มบางๆ ขณะเอ่ย...

“เจ้าน่ะศีลเสมอกับพี่เสียจริงๆ ถึงเจ้าไม่บอกพี่ก็ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว” ขันทองดึงแมงเม่าเข้าไปกอดภูมิใจในความเมตตาของเธอ

ส่วนเจ้าจอมเพ็ญก็ยังวางมาดนางพญา เดินกรีดกรายจิกมองชี้นิ้วสั่งบ่าวไพร่ไปทั้งที่อยู่ในความว่างเปล่าเป็นที่น่าสมเพช

ooooooo

หนึ่งปีผ่านไป...

ขันทองกับแมงเม่าขี่ม้ามาตามริมแม่น้ำในยามเย็น พูดคุยกันอย่างมีความสุข

“ถ้าเป็นอย่างวันนี้ได้ตลอดไปก็ดีนะเจ้าคะ คุณพระทำราชการ ฉันทำโรงกระดาษ ตกเย็นก็มาเจอกัน พูดคุยกัน จะมีกระไรสุขเท่านี้”

“เราเกิดมาในกลียุค มีทางเลือกไม่มากนักดอกเจ้า ดูเอาเถิดพอตั้งกรุงได้ไม่นานก็ต้องรบพุ่งกับชุมนุมต่างๆเพื่อรวมแผ่นดินกว่าสองปี พอรวมได้แล้วนึกว่าจะเป็นสุขก็ต้องรบกับแว่นแคว้นอื่นอีก หากอังวะสงบศึกกับจีนเมื่อใด ก็คงไม่แคล้วเป็นสงครามใหญ่ขึ้นมาอีก”

“คุณพระจะออกรบอีกหรือเจ้าคะ” แมงเม่าหน้าเศร้า

“มันเป็นหน้าที่ กว่าจะรวบรวมแผ่นดินได้ เสียเลือดเนื้อไปมากนัก ถ้าเราไม่ปกป้องไว้ก็ต้องเจ็บปวดแบบคราเสียอโยธยาอีก”

“เจ้าค่ะ ฉันจะไม่ยอมต้องเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้ว ถึงฉันจะไปรบด้วยไม่ได้ ฉันก็ขอส่งใจไปร่วมรบกับคุณพระด้วยนะเจ้าคะ”

“เจ้ารอพี่อยู่ทางนี้เถิดนะคนดี พี่สัญญาว่าจะนำหัวใจของเจ้ากลับมาพร้อมกับหัวใจของพี่ ไม่มีวันให้เจ้าต้องรอเก้อเป็นอันขาด”

แมงเม่ายิ้มสบายใจ เอนซบอกขันทองอย่างคลายกังวล

ภาพเขียนพู่กันจีนรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้า ชูดาบขึ้นฟ้าอย่างสง่างาม ฉายขึ้นพร้อมคำบรรยายว่า...

“หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงปราบปรามชุมนุมต่างๆ รวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นได้สำเร็จ ก็ต้องทรงทำสงครามต่อเนื่องเพื่อปกป้องอาณาจักรและแผ่ขยายอาณาเขตออกไปอีก จนอาจกล่าวได้ว่า เป็นรัชสมัยที่เกือบไม่ว่างเว้นการศึกเลย แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ยังทรงสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจไว้อย่างมากมาย ทั้งการขยายพื้นที่ปลูกข้าว ส่งเสริมการค้าขาย การตัดถนนและขุดคลองจำนวนมาก ซึ่งนับเป็นประโยชน์ต่อเนื่องกับบ้านเมืองมาอีกยาวนาน”

********อวสาน*******

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 7 มิ.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ