อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 6 วันที่ 28 มิ.ย.61
หมอตามขับรถมาส่งเงินยวงที่หน้าบ้านเห็นว่าเธอนัดกินข้าวกับแม่จัดแจงขอเข้าไปกินด้วย เธอกลับบอกให้เขาขับรถตรงไปก่อนถึงถนนใหญ่มีร้านขายอาหารอร่อยมากอยู่ร้านหนึ่งเชิญเขาแวะไปกินได้เลย เขาตื๊อไม่เลิกชวนเธอไปกินด้วยกัน เธอ
ส่ายหน้าเปิดประตูเข้าบ้านไปเลย
“เดี๋ยวสิคุณ...โธ่ ใจร้ายชะมัด”
ครั้นเงินยวงเข้ามาที่โต๊ะอาหารเจอแม่ ป้าและพี่ชายกำลังกินอาหารกันไปคุยกันไปกับมิถุนาอย่างอารมณ์ดี เธอฉอเลาะน่ารักแถมคอยตักอาหารให้ทุกคนอย่างเอาอกเอาใจ สร้างความประทับใจให้ทุกคนยกเว้นเงินยวงซึ่งเป็นนักจิตวิทยา สัมผัสได้ถึงกลิ่นตุๆของ
ความไม่จริงใจจากผู้หญิงคนนี้...
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เที่ยงวันทักทายแม่ตามปกติแล้วขอคุยกับพ่อเป็นการส่วนตัว เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่จะเล่าให้พ่อฟังแม่คงจะรับไม่ค่อยได้นัก สวาทวิมลมีงอนแต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของลูก เมื่อได้อยู่ตามลำพังพ่อลูก เที่ยงวันเล่าเรื่องเดือนสิบกับลำธารให้ฟัง เขาเคยเตือนเธอเรื่องผู้ชายคนนี้แต่เธอไม่สนใจ
“เราเห็นคนจะก้าวลงเหว เราไปเตือนเขาไม่เชื่อไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกลูก”
“ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าก้าวไปอีกนิดเดียวก็จะ
ร่วงลงไปอย่างนั้นเหรอครับ”
ทูลอธิบายว่าความรักเป็นเรื่องซับซ้อนตราบใดที่ยังรักเขาก็ไม่มีวันจะยอมรับว่ามันเป็นเหวลึก เที่ยงวันยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเดือนสิบถึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่ลำธารทำกับเธอ มันทำให้เขานึกถึงฟาน
“แล้วทำไมตอนนั้นฟานเลือกทิ้งผม เพราะ
เขาไม่รักผมแล้วใช่ไหมครับ”
ผู้เป็นพ่อส่ายหน้า เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฟังว่าฟานยังรักเที่ยงวันถึงได้ไม่อยากเห็นเขาต้องตกอยู่ในสภาพคนติดยา ยิ่งเขาเมายาขับรถชนเมฆพิการ นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้เธอตัดสินใจมาลาเขาก่อนจะหันหลังเดินจากไปทั้งน้ำตา สวาทวิมลตามมาขอร้องเธออย่าเพิ่งทิ้งเที่ยงวันไป ขืนเธอทำอย่างนั้นเขาต้องตายแน่ ช่วยอยู่จนเขาดีขึ้นก่อนจะได้ไหม ทูลย้ำกับสวาทวิมลว่าฟานแค่มาบอกลา
“ฉันไม่ให้ไป ลูกกำลังจะตาย คุณยังจะมาทำเป็นคนแสนดีอยู่ได้”
ฟานไหว้ลาทูลกับสวาทวิมลแล้วผละจากไป สวาทวิมลพยายามจะตามไปยื้อเธอไว้ ทูลต้องเตือนให้เธอมีสติหน่อย เราจะไปห้ามเธอแบบนี้ไม่ได้ มีเสียงเที่ยงวันร้องโหยหวนดังขึ้น สวาทวิมลรีบผละไปหาลูก ทูลมองตามสงสารทั้งแม่ทั้งลูก และยังเป็นห่วงสภาพจิตใจของฟานเช่นกัน ตัดสินใจเดินตามเธอจนทัน ฟานยังร้องไห้ไม่หยุดเพราะรู้สึกแย่ที่ทิ้งเที่ยงวันทั้งที่ยังอาการย่ำแย่ เธอขอโทษทูลด้วยที่ไม่อาจทนต่อไปได้
“หนูฟานฟังพ่อนะลูก หนูทำถูกแล้ว พ่อพูดจากใจจริง พ่อเข้าใจความรู้สึกของหนูทุกอย่าง อย่าโทษตัวเองเลยนะลูก มันไม่ใช่ความผิดอะไรของหนูเลยลูก ก้าวต่อไปข้างหน้านะลูกนะ พ่อขอบใจที่ฟานให้ความรักกับเที่ยงตลอดมา”
“หนูยังรักเที่ยงค่ะพ่อ และจะรักตลอดไป”
ooooooo
เที่ยงวันฟังพ่อเล่าเรื่องฟานถึงกับน้ำตาซึม ทูลขอโทษเขาด้วยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ ไม่อยากให้เขา สะเทือนใจ ตอนนั้นท่านบอกให้เธอก้าวไปข้างหน้า ท่านก็อยากให้เขาทำแบบเดียวกับเธอ
“แต่ก็คิดว่าสักวันจะบอกเที่ยง ไม่อยากให้ติดค้างคาใจกัน”
“ผมดีใจที่ได้รู้ครับพ่อ มาถึงวันนี้ก็ไม่ติดค้างคาใจแล้วจริงๆครับ”
ทูลดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น ส่วนเรื่องของเดือนสิบท่านก็อยากให้เขาเข้าใจเธอให้มากๆ เขาอยู่ในสถานะแค่เพื่อน จะหวังดีแค่ไหนก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ เขารับปากจะทำตามที่พ่อแนะนำ
“ที่เที่ยงไปเป็นอาสาสมัครมันก็ดีนะ อย่างน้อยก็ได้ใช้ประสบการณ์ตัวเองให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น ก็คิดซะว่าน้องชายหนูเดือนกับหนูเดือนเขาต้องการความช่วยเหลือจากเราก็ไปช่วยในฐานะเพื่อน อย่าไปคาดหวังอะไรมากกว่านั้น”...
ทางด้านกิ่งคำตัดสินใจมาหาเอนที่ห้องพักเพื่อเสนอเงินหนึ่งล้านบาทแลกกับการที่เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก แต่กลับถูกเอนหยอดคำหวานจนอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ปล่อยให้เขาพาไปที่เตียง เขาเห็นเธอลังเลก็เอายาเสพติดให้กินครึ่งเม็ด พอยาออกฤทธิ์ เธอรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว...
กินข้าวเสร็จ ยี่สุ่น บุญหยาดกับลำธารและเงินยวงออกมาส่งมิถุนาขึ้นรถตู้ของที่บ้านนี้ เนื่องจากมิถุนาไม่ยอมให้ลำธารไปส่ง อ้างว่าเขาพาเธอเที่ยวมาทั้งวันแล้วอยากให้เขาได้พักผ่อน ทั้งยี่สุ่นและบุญหยาดปลื้มไปหมดไม่ว่าเธอจะทำอะไร ลำธารเองก็เช่นกันมีเพียงเงินยวงเท่านั้นที่ไม่ปลื้มด้วย
รถตู้บ้านยี่สุ่นแล่นมาได้พักเดียว มิถุนาสั่งให้คนขับจอดตรงที่สว่างๆให้เธอลง แล้วคว้าเครื่องสำอางขึ้นมาแต่งแต้มเป็นการใหญ่ คนขับอึกอักขืนทำอย่างนั้นเจ้านาย ดุเขาแน่ เธอว่าถ้าเขาไม่พูดเธอก็ไม่พูด คนขับรถยังลังเล เธอจึงเสนอจะให้เงินเป็นค่าปิดปาก เขาอ้าปากจะเถียง มิถุนาแว้ดใส่ทันที
“เอ๊ะ พูดรู้เรื่องหรือเปล่า ฉันจะลง ถ้าไม่จอดฉันจะบอกคุณป้าว่าเธอไม่สุภาพกับฉัน”
คนขับรถไม่มีทางเลือกจำต้องทำตามที่มิถุนา ต้องการ เธอขยำเงินปาใส่หน้าเขาอย่างหยาบคายสั่งให้ปิดปากให้สนิทถ้าไม่อยากเดือดร้อน แล้วลงจากรถ คนขับรถมองตามพลางส่ายหน้า
“โห ขึ้นมาเป็นนางฟ้า ลงไปอย่างกับแม่มด”...
เกือบตีสองแล้ว ชีวาตม์ที่เคยเป็นคนหลับง่าย แต่คืนนี้กลับนอนไม่หลับ ป่านนี้แล้วกิ่งคำยังไม่กลับบ้านเขาควานหามือถือจะโทร.ไปตาม นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบขึ้นมา รีบลงไปที่ห้องรับแขก หยิบมือถือขึ้นมา เช็กดูข้อความเผื่อกิ่งคำจะฝากอะไรไว้บ้าง กลับเจอแต่ข้อความจากยุพราทวงถามถึงรูปที่แอบถ่ายลำธารกับสาวอื่น เขาค้นจนเจอรูปนั้นแล้วส่งไปให้พร้อมกับข้อความขอโทษที่ส่งช้าไปหน่อย แล้วลองโทร.หากิ่งคำ
มีเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ ชีวาตม์ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาเป็นห่วงภรรยาสุดๆ
นาราร่วมมือกับพ่อตัวเองตื๊อจนดำเกิงยอมพาเธอไปเยี่ยมดวลจนได้ ดำเกิงเองก็อยากจะไปดูลูกใจจะขาด แต่ถือทิฐิมากไปหน่อย...
ด้านกิ่งคำแต่งตัวเสร็จก็เผ่นออกจากห้องเอน ยังไม่ทันเดินถึงลิฟต์ เอนโผล่หน้ามาร้องเรียกไว้ เธอรีบวิ่งกลับมาหา ขอร้องให้เบาๆเสียงลงหน่อยเดี๋ยวใครออกมาเห็น เขาแค่อยากรู้ว่ากิ๊กของสามีเธอทำงานอะไร เธอแอบดีใจที่เขาสนใจ รีบบอกว่าผู้หญิงคนนั้นรวย ทำบริษัททัวร์กับเพื่อน ถ้าชอบจะติดต่อให้ เขาส่ายหน้า
“ผมจะไปเสียเวลากับหุ้นส่วนบริษัทเล็กๆทำไม สู้เมียเจ้าของบริษัททัวร์ใหญ่ๆไม่ได้” ไม่พูดเปล่าเอนเอานิ้วลูบแขนกิ่งคำเล่น เธอชักแขนหนี สั่งไม่ให้มายุ่งกับเธออีกแล้วเดินลิ่วไปที่ลิฟต์
เอนเลิกสนใจกิ่งคำ นึกแผนการจะไปหาดวลออกเพราะจำได้แล้วว่าเจอยุพราที่บริษัทของเดือนนั่นเอง...
สกาวเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน ตอนที่เที่ยงวันเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามา เดือนสิบเห็นเขาก็ชะงักทำหน้าไม่ถูก ขณะที่แม่กับน้องชายกลับดีใจที่เขากลับมา สกาววานเที่ยงวันอยู่คุยเป็นเพื่อนเดือนสิบกับดวลก่อน ท่านจะกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า เขาอาสาจะไปส่งท่านเอง สกาวส่ายหน้าขอกลับเอง เดือนสิบไม่สะดวกใจจะคุยกับเขา รีบเสนอตัวจะไปส่งแม่เองจะได้ไปดูบ้านด้วย เที่ยงวันเห็นสกาวจะทักท้วงชิงพูดขึ้นก่อน
“ผมไม่ได้ไปไหนตั้งใจมาเยี่ยมน้องดวล คุณเดือนไปส่งคุณน้าเถอะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนน้องดวลเอง”
เดือนสิบรู้สึกได้ว่าเที่ยงวันไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องวันก่อนนั้นแล้วก็สบายใจยิ้มออกมาได้ เร่งแม่ให้รีบไปจะได้รีบกลับ เธอกับเที่ยงวันยิ้มให้กันด้วยไมตรีทำให้สกาวกับดวลสบายใจขึ้น...
ทางฝ่ายเอนเจ้าเล่ห์ได้โล่ แวะไปที่ออฟฟิศของเดือนสิบ หลอกล่อจนยุพราหลงกลเผลอพูดถึงโรงพยาบาลที่ดวลไปรักษาตัว...
ดำเกิงออกจากบ้านมานานแล้วแต่ยังไม่ถึง โรงพยาบาลสักทีเพราะมัวแต่รอนาราแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าโปรดไปฝากดวลกับคนเฝ้าไข้ เขาอยากจะทิ้งเธอไว้ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็กลัวพ่อของเธอจะมาเอาเรื่อง
จำใจรอต่อไปอย่างหงุดหงิดใจสุดๆ...
ทันทีที่ได้ยินเสียงรถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้านดำเกิง พ่อของนาราโผล่หน้ามาดู เห็นเดือนสิบกับสกาวกำลังลงจากแท็กซี่ ร้องถามว่าเจอนาราหรือเปล่า เขาฝากลูกไปกับดำเกิงไปเยี่ยมดวล เดือนสิบตกใจมากถ้าพ่อไปเจอเที่ยงวัน โรงพยาบาลได้แตกแน่นอน รีบบอกคนขับแท็กซี่ให้พากลับโรงพยาบาล สกาวเองก็ไม่สบายใจบอกให้เดือนสิบโทร.เตือนเที่ยงวัน เธอโทร.ไม่ได้ วันนั้นเธอโกรธเขามากก็เลยลบเบอร์เขาทิ้ง
“โธ่...แล้วจะยังไงกันล่ะเนี่ย” สกาวทำท่าจะร้องไห้
ooooooo
เที่ยงวันไม่รู้มาก่อนว่าเอนคือเพื่อนเลวที่ชักชวนให้ดวลเสพยา เห็นเพื่อนมาเยี่ยมคนป่วยก็ดีใจแทน ปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกันตามประสาเพื่อน ส่วนตัวเอง ลงมาซื้อกาแฟดื่ม เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เอนชวนดวลให้หนีไปอยู่ด้วยกันและจะช่วยหาวิธีหาเงินแบบง่ายๆให้ เขาไม่ยอมไปไม่อยากทำให้แม่กับพี่สาวต้องผิดหวัง
“แหม พูดอย่างกับพวกเขาจะปลาบปลื้มสิ่งที่ มึงทำ บางทีเขาอาจจะสบายกันขึ้นก็ได้นะ ไม่ต้องมารับภาระอย่างมึง ถ้ามึงไปสักคน” เอนพูดจี้ใจดำดวลเต็มๆ เที่ยงวันกลับมาพร้อมกับกาแฟฝากทั้งคู่ การสนทนาของเพื่อนซี้จึงจบลงไปโดยปริยาย...
เป็นอย่างที่สกาวหวั่นใจ ดำเกิงที่พานารามาเยี่ยมดวล เห็นเที่ยงวันกับเอนอยู่ในห้องพักฟื้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟหาว่าเที่ยงวันเป็นคนพาเอนมาที่นี่เพื่อแก้แค้นตน เที่ยงวันพยายามอธิบายว่าดำเกิงเข้าใจผิด เขาไม่เคยแค้นอะไรทั้งนั้น เขามานี่เพื่อจะช่วยดวล
“เฮอะ อยากจะช่วยเหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะนึกว่าฉันไม่รู้รึไงนายมันก็แค่อยากจะฟันลูกสาวฉัน
แค่นั้นเอง” คำพูดของดำเกิงทำเอาทุกคนตกใจมาก โดยเฉพาะดวลรู้สึกหมดศรัทธาในตัวพ่อ เดือนสิบเปิดประตูเข้ามาทันได้ยินพอดี ต่อว่าพ่อทำไมถึงพูดแบบนั้น ครั้นเหลือบไปเห็นเอนก็ตกใจมากถามว่ามาได้อย่างไร
“ก็นายเที่ยงวันมันพากันมาน่ะสิ”
เดือนสิบเชื่อตามที่พ่อกล่าวหาโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ นาราขอร้องให้ทุกคนใจเย็นๆก่อน แล้วบอกให้ดวลอธิบายให้ดำเกิงฟัง เขาไม่รู้จะทำอย่างนั้นไปทำไม ในเมื่อทุกคนปักใจเชื่อไปแล้ว มันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรพ่อไม่เคยเชื่อคำพูดของเขา ดำเกิงแดกดันจะให้เชื่อคนชอบโกหกอย่างเขาได้อย่างไร
“พ่อคะใจเย็นๆก่อนนะคะ...ดวลขอโทษพ่อซะ อะไรๆมันจะได้ดีขึ้น ผิดแล้วก็ยอมรับซะ”
เที่ยงวันประหลาดใจที่เดือนสิบพลอยเป็นไปกับพ่อด้วย ดวลน้อยใจมากที่ไม่มีใครเชื่อ ตัดสินใจบอกกับเอนว่าจะไปกับเขา แล้วขยับจะออกจากห้อง ดำเกิงขู่ถ้าก้าวออกไปจากที่นี่เราก็ไม่ใช่พ่อลูกกันอีกต่อไป นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้าย ดวลคว้ามือเอนพากันออกไปเลย เที่ยงวันรีบวิ่งตาม
ดวลลากมือเอนออกมาเจอแม่พอดี สกาวรู้ทันทีว่าลูกจะหนีเข้าไปกอดลูกไว้ขอร้องอย่าหนีไปไหน แม้จะสงสารแม่ แต่ใจเขากู่ไม่กลับแล้ว เที่ยงวันตามมาทันขอร้องให้เขาคิดทบทวนให้ดีๆ กำลังจะเลิกยาได้แล้วอย่าเพิ่งไปไหนเลย ดวลไม่สนใจอะไรทั้งนั้นผลักแม่ออกเต็มแรงหน้าคะมำกระแทกพื้น เที่ยงวันรีบเข้าไปประคอง ดวลตกใจที่ทำให้แม่เจ็บตัวจะเข้าดูแต่ดำเกิง เดือนสิบกับนาราเปิดประตูออกมาเสียก่อน
“เฮ้ย ไปเถอะ” เอนลากแขนดวลที่ยังห่วงแม่ออกไป สกาวลุกขึ้นวิ่งตามแต่ก็ล้มลงไปอีก ทุกคนต้องเข้ามาช่วยทำให้ดวลหนีไปได้ ดำเกิงอยากจะไปตามลูกแต่ทิฐิค้ำคอจึงได้แต่ยืนนิ่ง นาราไม่ยอมแพ้วิ่งตามจนทันขอร้องดวลอย่าไป เอนยอมให้เขากลับไปไม่ได้ เสี้ยมว่าจะกลับไปทำไมในเมื่อไม่มีใครรักเขาสักคน
“ไม่จริง ดวลก็รู้ว่าเรารักดวล ใช่ไหมดวล” นาราจับแขนดวลไว้แน่น เอนเห็นแววตาลึกซึ้งที่ทั้งคู่มองสบตากัน กลัวดวลจะเปลี่ยนใจผลักนารากระเด็นแล้วฉุดมือเขาหนี...
อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 6 วันที่ 28 มิ.ย.61
ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสินละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ