อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 14 วันที่ 3 มิ.ย.61
2–3 สัปดาห์ต่อมา เนเมียวสีหบดีได้รับสาส์นจากอังวะเรื่องศึกกับจีน เรียกทหารมาแจ้งว่าการศึกกับจีนนั้นตึงเครียดนัก เห็นทีเราต้องพักทัพเพียงเท่านี้ต้องรีบยกกลับไปรับศึกจีนโดยเร็วเนเมียวสีหบดีจะทิ้งทหารไว้ 10,000 คน โดยกำลังหลัก 3,000 คนที่ค่ายโพธิ์สามต้นภายใต้การบังคับบัญชาของสุกี้ ทำการกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สมบัติกลับไปภายหลัง เยื้อนออดอ้อนว่าท่านคงไม่ทิ้งตนกลับไปแต่ผู้เดียวดอกนะ เนเมียวสีหบดีที่กำลังหลงใหลเยื้อนบอกว่าจะพาเยื้อนไปอังวะด้วยแต่ตอนนี้ต้องอยู่ที่นี่ก่อน เอากลับไปตอนนี้จะผิดวินัยกองทัพ
เยื้อนดีใจถามว่าแล้วคนสามหมื่นจะนำเดินทางไกลกันไปได้อย่างไร ไม่กลัวเชลยหนีระหว่างทางหรือ
เนเมียวสีหบดีแสยะยิ้มบอกว่า “ข้ามีวิธี” ซึ่งเป็นวิธีที่ทารุณโหดเหี้ยมดังคำบรรยายที่ว่า
“เพื่อป้องกันการหลบหนีของเชลย อังวะได้เจาะรูบริเวณเส้นเอ็นที่ส้นเท้า แล้วร้อยเส้นหวายเข้าไป ซึ่งต่อมาได้เรียกเส้นเอ็นบริเวณนี้ว่า ‘เอ็นร้อยหวาย’ มาจนถึงทุกวันนี้ และหลังจากการร้อยหวายเสร็จสิ้นในวันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2310 กองทัพอังวะส่วนใหญ่ก็ได้ถอนทัพกลับพร้อมกวาดต้อนเชลยและทรัพย์สมบัติกลับไปด้วย นับเป็นการสิ้นสุดสงคราม ด้วยการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง”
ooooooo
หลังการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา กองกำลังก็ยังฝึกซ้อมดาบกันอย่างจริงจัง โดยมีพวกแมงเม่า อินซึ่งเริ่มท้องแก่แล้วและทหารอีกจำนวนหนึ่งช่วยกันขนเสบียงและน้ำมาให้พวกที่ซ้อมดาบ
แมงเม่าเรียกคุณพระมากินข้าวเพื่อจะได้มีแรงซ้อมต่อไป ขันทองยิ้มกรุ้มกริ่มบอกว่าตนไม่ใช่คุณพระแล้วอย่าเรียกอย่างนี้อีกเลย ขอให้เรียกว่า “พี่ขันทอง” แทน ถามแมงเม่าว่าแจกข้าวปลาอาหารเสร็จแล้วให้ไปพบตนที่หัวแหลมได้หรือไม่ ตนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
เมื่อแมงเม่าไปที่หัวแหลม ขันทองมอบสร้อยทำจากเปลือกหอยให้บอกว่าตนทำเอง ยามศึกสงครามสร้อยทองสร้อยเงินตนคงหาให้เจ้าไม่ได้ แมงเม่าหยอกว่านี่หรือที่ว่าเรื่องสำคัญ ขันทองพูดอย่างน้อยใจว่าหากเจ้าเห็นว่า ‘ไม่สำคัญ’ ก็ไม่เป็นกระไร แมงเม่าจึงรับสร้อยไปคล้องคอตัวเองทันที
ขันทองดีใจมาก แมงเม่าบอกว่าฝีมือร้อยแย่มากตอนตนเป็นเด็กยังทำได้สวยกว่านี้อีก
“พุทโธ่...เห็นใจฉันบ้างเถิด ชีวิตนี้ฉันจับอยู่สองอย่างคือมีดกับพระไตรปิฎก งานฝีมือเช่นนี้ก็เพิ่งทำคราแรก ได้เท่านี้ก็หลังขดหลังแข็งแย่แล้ว”
“ถึงไม่งามนัก แต่ฉันก็ชอบนะเจ้าคะ” แมงเม่ามองสร้อยยิ้มปลื้ม ขันทองดีใจมากจับสร้อยบอกว่า
“ให้บ้านเมืองกลับคืนมาเมื่อไหร่ พี่จะ...เอ่อ...พี่จะพูด ‘เรื่องสำคัญ’ กับเจ้านะ”
“พูดเช่นนี้ ฉันอยากจะให้บ้านเมืองสงบสุขเสียวันนี้พรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ” แมงเม่าทำยิ้มหน้าเป็นปกปิดความเขิน
ทันใดนั้นพันหาญก็วิ่งมาบอกข่าวดีว่าจันทบูรตอบรับการร่วมมือกับเราแล้ว
ooooooo
ทางจันทบูรส่งพระสงฆ์ 4 รูปมาเชิญพระเจ้าตากไปปรึกษาหารือเรื่องกู้บ้านกู้เมืองที่จันทบูร พระเจ้าตากขอจัดการงานทางนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะไปจันทบูรพร้อมด้วยพระคุณเจ้าทั้งสี่
เมื่อพันหาญนำพระสงฆ์ทั้งสี่รูปไปจำวัดแล้ว ขันทองบอกพระเจ้าตากว่าเรื่องนี้ตนไม่ใคร่ไว้ใจนัก
หลวงพิชัยเห็นด้วย แต่เราไม่มีทางเลือก หากเราจะเทียบเคียงกับชุมนุมต่างๆที่เข้มแข็งเราก็ต้องร่วมมือกับจันทบูรเท่านั้น พระเจ้าตากยิ้มบางๆบอกว่าอย่าห่วงเลย ตนเรียกชาวบ้านละแวกนี้มาถามแล้ว พระคุณท่านทั้งสี่เป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงในเมืองระยองและจันทบูรจริง ผู้ถือศีลย่อมไม่โป้ปด คงเป็นบุญของบ้านเมืองมากกว่าที่ทำให้พระยาจันทบูรเปลี่ยนใจ
ความจริงคือพระยาพลเทพหนีไปจันทบูรและสมคบกับพระยาจันทบูรใช้พระสงฆ์ออกหน้าไปเชิญพระเจ้าตากจะได้ไม่ระแวง
พระยาจันทบูรถูกพระยาพลเทพและขุนแผลงฤทธิ์ยุยงก็ยิ่งฮึกเหิม ขุนแผลงฤทธิ์อาสาจะนำทัพไปซุ่มโจมตีเอง สัญญากับพระยาพลเทพว่า ครานี้จะต้องล้างอายให้จงได้
“ดีมากท่านขุน ฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น โดยจำเพาะอ้ายพระยาตากกับลูกชายอ้ายเสือขุนทอง ต้องให้พวกมันตายโดยไม่มีแม้แต่แผ่นดินกลบหน้า” พระยาพลเทพอาฆาตแค้น
ooooooo
หลังจากพระเจ้าตากได้คุยกับพระคุณเจ้าทั้งสี่ขณะฉันเช้าแล้ว มีข้อติดใจหลายประการจึงตัดสินใจจะไปจันทบูร สั่งพันหาญให้ดูแล ‘พังคีรีบัญชร’ ซึ่งจะใช้เป็นช้างทรงให้ดี
พระเจ้าตากสั่งขันทองให้เลือกทหารมีฝีมือพร้อมเครื่องศาสตราวุธหนึ่งพันตามตนไปจันทบูร ขันทองติงว่าหากถูกจันทบูรวางกำลังดักจะรุกก็ไม่ได้จะถอยกลับก็ยาก พระเจ้าตากตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เท่ากับไม่มีกระไรจะเสีย แม้ต้องเสี่ยงด้วยชีวิตก็ต้องหักเอาจันทบูรให้จงได้”
แมงเม่ารู้ข่าวจึงเอาปืนสั้นที่ม่วงให้ไว้ป้องกันตัวให้ขันทอง ขันทองไม่รับเพราะอยากให้แมงเม่าเก็บไว้ป้องกันตัว แมงเม่าพูดก่อนเดินหนีไปด้วยความเขินว่า
“ฉันรู้ว่าพี่ห่วงฉัน...เอ่อ...แต่ถ้าพี่เป็นกระไรไปฉันก็อยู่ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน”
ขันทองมองตามแมงเม่าไปยิ้มกริ่ม นัยน์ตาเป็นประกายก่อนที่จะเอาปืนที่แมงเม่าให้ไว้ขึ้นแนบอก
เมื่อสุ่นไปอยู่กับนายกองอังวะก็หาทางกำจัดทั้งนายกองและกล้า ยุนายกองว่ากล้าซ่อนสมบัติไว้มากมายที่ให้นายกองไว้เป็นเพียงส่วนน้อย ตนสามารถหาทองมาให้นายกองน้ำหนักเท่าตัวเองได้ นายกองตื่นเต้นดีใจมากทั้งหวังรวยและอยากได้ความดีความชอบ
สุ่นพานายกองไปหากล้าเพื่อจะเอาสมบัติที่กล้าซ่อนไว้ ระหว่างทั้งสองโต้เถียงกัน สุ่นก็เอามีดเล็กที่ซ่อนอยู่แทงนายกองบาดเจ็บแล้ววิ่งไปหากล้าให้รีบกำจัดนายกองเสีย นายกองเพียงบาดเจ็บสั่งทหารให้ฆ่าพวกมันให้หมด ในที่สุดกล้าก็ถูกทหารอังวะแทงตาย สุ่นก็ถูกแทงเช่นกันแต่ก่อนสิ้นใจสุ่นยิ้มที่แก้แค้นแทนม่วงได้ พึมพำก่อนสิ้นใจ “พี่ม่วง...”
ooooooo
8–9 วันต่อมา พระเจ้าตากประทับอยู่บนหลังช้างพังคีรีบัญชรอย่างองอาจ นำหน้าทหารไปโดยมีพระสงฆ์ 4 รูปนั่งอยู่บนเสลี่ยงให้ทหารหามไป ขันทองขี่ม้าอารักขาและคอยระวังการซุ่มโจมตี
ฝ่ายพระยาจันทบูรได้รับรายงานจากทหารว่าพระเจ้าตากให้มาเรียนท่านเจ้าคุณว่าทัพมาถึงเพลาเย็นแล้วข้ามน้ำเข้าเมืองมาไม่สะดวก พรุ่งนี้จึงจะข้ามมา ก็โมโหว่าเป็นข้ออ้าง ฉุกคิดถามพระยาพลเทพว่า
“หรือมันจะรู้ตัวแล้วว่าเราจะดักซุ่มโจมตีขณะพวกมันข้ามน้ำ”
พระยาพลเทพยืนยันว่าแผนการเตรียมมารอบคอบจะรู้ตัวได้อย่างไร และทัพก็เดินมาไกลแล้วถอยกลับตอนนี้เราก็ส่งคนเข้าบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย ขุนแผลงฤทธิ์เสนอให้ตีตอนนี้เลยไม่ต้องรอให้ข้ามน้ำ
พระยาพลเทพบอกว่าไม่ได้เพราะพระยาตากไปตั้งทัพในวัด พวกชาวบ้านอาจประณามเอาได้ มั่นใจว่า
“อย่างไรเสียอ้ายพระยาตากก็เป็นดั่งลูกไก่ในกำมือแล้ว ไม่มีทางที่มันจะหนีไปได้ดอก”
แต่ที่ในป่าขันทองจับเวรยามของเมืองจันทบูรได้คนหนึ่งลากเข้าป่าไป จากนั้นพระเจ้าตากโมโหมากที่เรามาด้วยความซื่อแต่กลับถูกคิดร้าย เช่นนี้ก็ไม่มีกระไรต้องพูดคุยกันอีกแล้ว ส่วนพระสงฆ์ที่ก็รู้ตัวว่าถูกหลอกมาขันทองคาดว่านี่ต้องเป็นแผนของพระยาพลเทพแน่
หลวงพิชัยขอให้พระเจ้าตากมีพระบัญชามาเถิด พวกตนพร้อมจะทำตามไม่บ่ายเบี่ยงเลย
“ทางรอดทางเดียวคือเราต้องบุกยึดจันทบูรในคืนนี้ให้จงได้” พระเจ้าตากประกาศเด็ดเดี่ยว “สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็เพื่อจะกู้บ้านกู้เมืองให้อาณาประชาราษฎร์ได้ทำมาหากินกันอย่างมีความสุข สมณชีพราหมณ์แลนักบวชในลัทธิต่างๆสามารถประกอบกิจพิธีกรรมกันต่อไป หากเราต้องมาพ่ายแพ้ในวันนี้ ก็มิต้องคิดถึงการใหญ่ในภายหน้าแล้ว”
อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 14 วันที่ 3 มิ.ย.61
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ