My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 1 วันที่ 26 มิ.ย.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 1 วันที่ 26 มิ.ย.61

6 ปีก่อน...อิสร์กับปอนด์เรียนมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์แต่คนละคณะ อิสร์อยู่ปี 4 ขณะที่ปอนด์อยู่ปี 3 สองคนเริ่มคบกันตั้งแต่ปอนด์เข้าปี 1 และมีปัญหาช่วงที่อิสร์ใกล้เรียนจบ

นอกจากอิสร์จะเป็นนักกิจกรรมตัวยงแล้ว

เขายังเป็นนักร้องนำวงดนตรีของมหาวิทยาลัย จึงมีสาวๆตามกรี๊ดให้ปอนด์ได้หึงหวงอยู่เป็นระยะ ครั้งหนึ่งปอนด์

โกรธมากเพราะเป็นวันวาเลนไทน์แต่อิสร์มาช้าทั้งที่นัดกันไว้ดิบดี หนำซ้ำในระหว่างคุยกันอยู่ยังมีสาวโทร.หาอิสร์ แต่เขาโกหกว่าเป็นแม่ พอเธอจับได้ก็เลยมีปากเสียงกัน



“ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าไปสนิทกันตอนไหน”

“เขาเป็นแฟนเพลง ก็เลยคุ้นกับเรา แต่เราไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว”

“แฟนเพลง แฟนเพลงอีกแล้ว”

“ก็มันจริงนี่ เขาเป็นมวลชนของเรา เราก็ต้องทำดีกับเขา เพื่อให้เขาติดตามมาร่วมงานกิจกรรมของเราในงานต่อๆไป เราจะไปทำหยิ่งทำห่างเหินกับมวลชนไม่ได้”

“เราเลิกกันเถอะพี่อิสร์” ปอนด์โพล่งออกมาจนอิสร์ตะลึง “เพราะถ้าปอนด์ขอให้พี่อิสร์เลิกเล่นดนตรีของพี่ พี่อิสร์ก็คงไม่ยอมใช่ไหม ปอนด์ไม่อยากให้พี่อิสร์เลือกระหว่างส่วนตัวกับส่วนรวม เพราะยังไงๆพี่อิสร์ก็ต้องเลือกส่วนรวม เลือกกิจกรรมที่พี่ทำเพื่อสิ่งที่พี่อิสร์คิดว่าสำคัญ แต่ปอนด์มันคือคนสุดท้ายที่พี่อิสร์จะแคร์ไง ปอนด์ขอเป็นฝ่ายไปดีกว่า เราจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

“ปอนด์...แล้วปอนด์ไม่รักพี่แล้วเหรอ”

“ความรักมันก็งั้นๆแหละพี่อิสร์ ถ้าคนที่เรารักเห็นชีวิตส่วนรวม ชีวิตกิจกรรม สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว ปอนด์ไม่อยากให้คนมาประณามว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ขัดขวางความเป็นคนของประชาชนของพี่อิสร์ ต่อไปนี้ปอนด์จะไม่มีแฟนเป็นคนที่เห็นส่วนรวม เห็นมวลชนสำคัญกว่าแฟนอีกแล้ว ปอนด์จะไม่รักคนที่วิ่งเซอร์วิสส่วนรวมไปทั่ว ทำหน้าที่ตลอดๆ แม้แต่ในวันสำคัญของปอนด์ แล้วปล่อยให้ปอนด์รอ ปอนด์จะรักแต่คนที่เห็นปอนด์สำคัญที่สุดในโลกนี้ คนที่มีแต่ส่วนตัว ไม่มีส่วนรวม ไม่มีหน้าที่อะไรทั้งนั้น นอกจากหน้าที่แฟนของปอนด์”

ปอนด์พูดเสียงดังฟังชัดจนตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนไม่น้อย และเริ่มมีเสียงซุบซิบ อิสร์อายเกินกว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ เขาเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งเธอไว้กับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง...

ooooooo

เหตุการณ์วันนั้นทั้งอิสร์และปอนด์จำแม่นไม่เคยลืม สองคนมองหน้ากันนิ่งหลังจากรำลึกความหลัง ชาติยืนมองเขาและเธอสลับกันไปมาอย่างงงๆ พออิสร์ได้สติก็วางมาดเก๊กถามปอนด์ว่า

“ใครที่หายไปนะ น้องชายคุณเหรอ คุณหมายถึง...”

“ปิ๊ก...ปิ๊กตั้งใจมาหาพี่...เอ๊ย...คุณ...แต่คุณปล่อยให้เขาหลงป่า”

“ปิ๊กหลงป่า? แล้วเป็นความผิดของผมงั้นเหรอ”

“ใช่”

“แต่ผมไม่ได้เจอกับปิ๊กมากว่า 5 ปีแล้วนะ”

“คุณต้องรับผิดชอบ  คุณต้องไปตามหาเขาให้เจอ”

“เอ๊ะ นี่มันเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวมนะเนี่ย...เอ...

แยกไม่ออก โอ๊ย จะช่วยหรือไม่ช่วยดีนะเนี่ย” อิสร์เริ่มกวน

“มันเป็นหน้าที่ของคุณนะ ฉันเป็นประชาชน ปิ๊กคือมวลชนของคุณ เขามาที่นี่เพราะคุณ คุณต้องดูแลเขาสิ”

“คุณเคยประกาศว่าจะไม่รักคนทำเพื่อส่วนรวม แต่จะรักแต่คนที่ห่วงเรื่องส่วนตัวมากกว่านี่”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็...ถ้าผมเอาเรื่องส่วนตัวเป็นใหญ่  ผมก็จะบอกว่าผมจะไม่ไปช่วยปิ๊กเพราะเราสองคนไม่ถูกกัน ผมจะไม่ช่วยญาติของคนที่เคยทำให้ผมเจ็บใจ”

ระหว่างที่สองคนเถียงกัน ชาติรู้สึกไม่ชอบมาพากล ค่อยๆถอยห่างออกไปเงียบๆ

“ไม่ได้ คุณจะเอาเรื่องส่วนตัวมาแก้แค้นฉันไม่ได้ คุณต้องทำหน้าที่ของคุณ คุณต้องช่วยปิ๊ก”

“สรุปว่าตอนนี้คุณอยากให้ผมตัดเรื่องส่วนตัวทิ้งไปใช่ไหม”

ปอนด์อึ้งไปนิดก่อนตอบรับ อิสร์ได้โอกาสต่อรอง

“งั้นตอนนี้ถ้าผมทำหน้าที่ที่ผมควรทำ คือช่วยประชาชนผู้หลงป่าโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง คุณจะกลับมารักผมใช่ไหม”

“อะไรนะ”

“คุณควรจะปรับทัศนคติใหม่ คนที่ทำงาน

เพื่อส่วนรวมต่างหากที่สมควรจะรักชื่นชม ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวหรือคอยเอาแต่วิ่งตามแฟน”

“นี่คุณยังอาฆาตฉันอยู่เหรอ”

“คุณจะปรับทัศนคติหรือไม่ปรับ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”

“ถ้าคุณไม่เดือดร้อน ไม่ต้องการความช่วยเหลือ คุณก็จะไม่รู้เลยว่าคนที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่น มันดีกว่าคนที่เอาแต่สนใจแต่ความสุขส่วนตัว”

“ไม่ต้องมาสอนฉัน”

“ไม่ได้สอน ผมกำลังต่อรองกับคุณ ผมจะเข้าไปตามปิ๊กกลับมา ถ้าคุณรับปากว่าจะยอมแต่งงานกับผม”

“อะไรนะ!!” ปอนด์อุทานเสียงหลง

“คุณต้องยอมเป็นเมียของคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวม แล้วก็อยู่ไปอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีปากเสียง แม้ผัวจะเอาแต่ทำงานในป่าและเซอร์วิสประชาชน และเห็นคุณเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะแคร์ ถ้าคุณโอเคผมถึงจะไปช่วยน้องคุณ”

“นี่คุณจดจำทุกคำของฉัน อาฆาตฉันขนาดนี้

เลยเหรอ”

“ผมไม่พูดเล่น แล้วแต่คุณนะ นึกได้เมื่อไหร่แล้วค่อยโทร.ไปบอกก็ได้ ผมไปช่วยหัวหน้าผมที่โรงพักก่อนล่ะ” อิสร์ทำท่าจะไป ปอนด์ละล่ำละลักทันที

“ก็ได้ๆๆ โอเคๆ แต่คุณต้องไปช่วยปิ๊กเดี๋ยวนี้”

“โอเค...แปลว่าอะไร”

“ก็ถ้าปิ๊กปลอดภัยกลับมา ฉันจะแต่งงานกับคุณไง”

“เจ้าป่าเจ้าเขาเป็นพยาน ถ้าคุณผิดคำพูด คุณเป็นลูกหมาห้าร้อยชาติ” อิสร์ยิ้มอย่างมีชัย ชี้หน้าปอนด์เชิงกำชับ หญิงสาวอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว

ooooooo

อิสร์ ชาติ พัฒน์ และบุ้งออกตามหาปิ๊กกับเพื่อนในป่าตั้งแต่ช่วงสายจนบ่ายคล้อย เจอทั้งหมูป่าและเสือโคร่ง แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

ชาติเพิ่งเคยเห็นเจ้าป่าตัวเป็นๆ ทึ่งที่มันใหญ่มากรีบถ่ายคลิปเก็บไว้ อิสร์พูดอย่างสะใจว่า

“ใครหน้าไหนมาบอกว่าป่าทับสักเป็นป่าเสื่อมโทรมอีก ผมจะเอาคลิปเสือของด็อกเตอร์นี่แหละไปตอกหน้าให้ นี่คืออัปเดตที่สุดแล้ว”

“เขาออกมาล่าเหยื่อเหรอ” ชาติถาม

บุ้งวิเคราะห์น่าฟังว่า “แต่ดูเขาไม่รีบที่จะไล่ตามไอ้หมูป่าไป เหมือนเขาไม่ได้หิวโหยอะไรนักหนา”

“เขาอาจจะล่าเหยื่อได้ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วกินอิ่มแล้ว” คำพูดของพัฒน์เล่นเอาบุ้งผงะ  คิดว่าวัยรุ่นสองคนนั้นอาจเสร็จเสือเสียแล้ว แต่อิสร์ท้วงว่าไม่น่าใช่ เพราะปกติเสือจะไม่ยุ่งกับคน

“แต่ก็ไม่แน่นะครับ เราออกค้นหากันเมื่อคืนถึงไม่เจอ”

คำพูดของพัฒน์น่าคิด อิสร์เริ่มใจไม่ดี ความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นความกังวล

เดินต่อไปกันอีกสักพักเกือบทะลุฝั่งใกล้ออกปากทางหมู่บ้าน เส้นทางที่ทุกคนไปเจอคนร้ายลักลอบตัดไม้เมื่อวันก่อน อิสร์ชะงักเมื่อเห็นเศษอะไรบางอย่างบนพื้น

“นี่มันโทรศัพท์นี่”

สภาพโทรศัพท์มือถือถูกยิงกระจาย บุ้งเจอปลอกกระสุนปืน หยิบให้ทุกคนดูแล้วพากันสงสัยว่า

ใครยิงและยิงเพื่ออะไร เกี่ยวกับเด็กสองคนนั้นหรือเปล่า

พัฒน์สังหรณ์ใจเดินลิ่วนำไปบริเวณต้นสัก

ที่วันก่อนถูกตัดแต่ไม่สำเร็จ แต่วันนี้สักต้นนี้ไม่มีแล้ว ถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ รอบข้างเศษไม้กระจุยกระจายเกลื่อนแสดงถึงการแปรรูปเรียบร้อย กิ่งไม้ที่ถูกตัดทิ้งกองพะเนิน เลื่อยยนต์ยังถูกวางทิ้งไว้

อิสร์ยืนอึ้งอยู่กับที่ ขบฟันจนเห็นเป็นสันนูนแค้นใจ

ไม่ต่างจากพัฒน์แต่ไม่โวยวาย มือเกร็งกำเข้าหากันแน่น

“เมื่อวานนี้เราจับพวกมันได้ตั้งหลายคน แล้วใครมันกลับมาอีก”

“มันฆ่าพ่อผม กลับมาเอาพ่อไปจนได้...พ่อ!!” พัฒน์คร่ำครวญอย่างเจ็บปวด เปรียบต้นสักเหมือนพ่อ

ทันใดมีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ ทุกคนวิ่งไปเห็นสองหนุ่มถูกมัดโยงมือติดกับต้นไม้กลางลำธารที่น้ำปริ่มถึงเอว คนหนึ่งคอพับไปแล้ว อีกคนหน้าซีด ปากแห้งแตกเป็นขุย แหกปากตะโกนอย่างคนสิ้นหวัง

ปิ๊กกับต๊ะนั่นเอง อิสร์นำทีมลงไปช่วยสองหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ปิ๊กยังมีสติจำอิสร์ได้ พูดทักทายก่อนบอกเล่าเรื่องเห็นคนตัดไม้ว่ามีคนงานต่างชาติ แต่หัวหน้าเป็นคนไทย มันมัดตนกับเพื่อนไว้แล้วขนไม้ไป

พัฒน์จะตามไปล้างแค้นพวกมัน แต่อิสร์เห็นสภาพปิ๊กกับเพื่อนย่ำแย่จึงคัดค้านจนพัฒน์ชักสีหน้า

ไม่พอใจ บอกว่าแบ่งกันไปก็ได้

“สองต่อสิบเนี่ยน่ะเหรอพัฒน์ อันตรายเกินไป พี่จะไม่ยอมให้พวกเราต้องเสี่ยง จะต้องไม่มีลูกน้องพี่คนไหนตายในหน้าที่ ถ้าจะตาย ต้องเป็นพวกมัน”

อิสร์ประกาศกร้าว จ้องหน้าพัฒน์อย่างคนที่มุ่งมั่นไม่ต่างกัน แต่รอบคอบกว่าและเจนจัดกว่า...พัฒน์

ถอนหายใจ สะบัดหัวฮึดฮัด ใจร้อน หงุดหงิดเต็มที่

“เป็นแผนของพวกมัน”

“แผนอะไรวะ” บุ้งตะโกนมาจากข้างหลังอิสร์

“แผนที่เอาไอ้เด็กพวกนี้มาเป็นตัวถ่วงพวกเรา มันรู้ว่าเราต้องช่วยคนมากกว่าจะเลือกไปตามจับมัน”

“ผมว่าเราต้องรีบพาเด็กสองคนนี้ออกจากป่า ก่อนอาการจะหนักมากกว่านี้นะอิสร์” ชาติเร่ง

“พี่...ถ้าเราไปตอนนี้ เราอาจจะตามจับมันไม่ได้อีกเลยนะ พี่ดูมันรีบแค่ไหนถึงขั้นยังทิ้งเลื่อยยนต์ไว้แบบนั้น...หยามกันฉิบเป๋ง”

“ใช่ มันรีบ แต่พัฒน์เชื่อพี่ วันหนึ่งมันจะพลาด...มาเร็ว ช่วยเด็กก่อน”

พัฒน์จำยอม...ทุกคนช่วยกันแบกร่างผู้หลงป่าเดินไปตามทางคดเคี้ยวของป่าทึบ

ooooooo

อิสร์แวะรับปอนด์ก่อนพาปิ๊กกับเพื่อนส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ หมอตรวจและให้น้ำเกลือแล้วบอกอิสร์กับปอนด์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยว่า

“เราต้องเอาตัวคนไข้ไว้ดูอาการก่อนนะครับ ต้องตรวจร่างกายหลายอย่างจะได้แน่ใจว่าปลอดภัย”

“น้องจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ”

“ตอนนี้มีอาการไข้ หมอส่งเลือดเข้าแล็บแล้ว...

พรุ่งนี้ก็ทราบ ถ้าเป็นแค่ไข้ธรรมดา ไม่ใช่ไข้มาลาเรีย สองสามวันก็กลับบ้านได้ครับ ส่วนคนไข้รายนี้ก็เหมือนกันนะครับ สถานการณ์เดียวกัน ทางเราโทร.ไปบอกญาติตามเบอร์ที่คุณให้แล้ว เขาจะมากันวันพรุ่งนี้”

“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ ฝากน้องด้วยนะคะ”

อิสร์สงสารปอนด์ที่ห่วงใยน้องมาก แต่พอเธอมองมาเขาก็แสร้งทำเย็นชาเฉยเมยเดินหนีออกมา ปอนด์ก้าวตามอย่างอึดอัดใจ

“คุณคงต้องพักที่นี่แล้วล่ะ ตรงข้ามโรงพยาบาลมีโรงแรมที่พอใช้ได้ เดินข้ามถนนไปเองคงได้นะ ผมต้องไปก่อน ยังมีอะไรต้องสืบต่อ น้องคุณถูกพวกตัดไม้มันจับไว้ แล้วมันใช้เขาเป็นตัวถ่วงให้พวกผมไปไล่ตามจับมันไม่ได้ ผมจะพยายามตามพวกมันให้เจอว่าเป็นพวกไหน ปิ๊กกับเพื่อนอาจต้องมาช่วยด้วย เพราะปิ๊กน่าจะจำหน้าพวกมันได้”

“อะไรนะ คุณจะลากปิ๊กเข้าไปเสี่ยงกับพวกผู้ร้ายคดีตัดไม้เหรอ”

“ก็แค่ช่วยชี้ตัวหรือให้รายละเอียดพวกผม ทำไม เรื่องช่วยส่วนรวมคุณไม่มีความคิดจะทำเลยใช่ไหม ผมไม่โง่ให้ปิ๊กมีอันตรายหรอก ก็แค่อาจจะเสียเวลาบ้าง”

“ฉันขอคิดดูก่อน”

“งั้นผมพูดเรื่องส่วนรวม ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณก็ได้ ที่ปิ๊กต้องมาเป็นไข้แบบนี้เพราะโดนพวกมันจับตัวไว้แล้วเอาไปมัดแช่ไว้ในน้ำ คุณไม่อยากให้คนที่ทำกับน้องคุณได้รับโทษเหรอ คุณอยากปล่อยให้คนที่มันทำปิ๊กลอยนวลเหรอ”

“ปิ๊กมาที่นี่เพราะมาหาคุณ แต่คุณก็ดันไม่อยู่”

“อ้อ เป็นความผิดของผมสินะ แล้วทำไมอยู่ๆ ปิ๊กจะอยากมาหาผมล่ะ”

ปอนด์อ้ำอึ้งไม่กล้าบอก อิสร์เดินออกแล้วชะงักนึกได้หันกลับมา

“อ้อ...แล้วอย่าลืมที่สัญญากันไว้ ตอนนี้ผมก็หาตัวปิ๊กจนเจอ แล้วช่วยปิ๊กออกมาจากป่าสำเร็จแล้ว คุณก็อย่าลืมกลับไปบอกพ่อแม่ว่าให้เตรียมตัวไว้ให้ดี ผมจะให้พ่อผมรีบไปคุย อย่าเบี้ยวล่ะ”

อิสร์พูดอย่างกับทวงหนี้แล้วเดินลิ่วจากไป ปอนด์มึนตึ้บ เดินเกือบวิ่งตามไปถึงรถ พูดขึ้นด้วยท่าทีประหม่า

“เรื่อง...สัญญาที่ฉันพูดไปน่ะ”

“อะไร ทำไม จะเบี้ยวเหรอ”

“เปล่า...แต่ฉัน...ฉันจะทำตามสัญญา ปิ๊กต้องหายและปลอดภัยดีก่อน ถ้าปิ๊กเป็นอะไร ฉันขอเลิกล้มทั้งหมด”

“พอปิ๊กหาย คุณก็จะมีข้อแม้อย่างอื่นมาอ้างอีกอยู่ดี สบายใจเถอะปอนด์ นึกซะว่ามันเป็นแค่เรื่องขำๆ ไร้สาระก็แล้วกัน ผมไม่หวังการรักษาสัญญาจากคุณหรอก ยังไงๆผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ไม่ว่าปิ๊กจะเป็นใคร ตอนนี้คุณก็ได้น้องชายกลับมาสมใจแล้ว ถ้าอยากจะเบี้ยวก็เชิญ ผมรู้ตัวดีว่าผมเทียบกับแฟนใหม่คุณไม่ได้ แต่งงาน

กับผม...ก็อย่างที่เห็น สารรูปมอซอในเครื่องแบบเถื่อนๆ แบบนี้ ขับรถกระบะถูกๆเยินๆแบบนี้ มันคนละโลกกับชีวิตคุณ คุณคงไม่เอาหรอก ผมเข้าใจ”

“อย่าดูถูกกันให้มากนัก อิสระ รัชชพลกุล ฉันก็ลูกผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน ฉันมีศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่า

คนอย่างคุณ ฉันไม่โกงสัญญาคุณแน่”

สองคนยืนจ้องกัน ดวงตาแต่ละคนท้าทาย เอาชนะ... ความทรงจำกลับไปสู่อดีตอีกครั้งอย่างชัดเจน

ooooooo

อิสร์เจอปอนด์ครั้งแรกตอนเธอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ส่วนอิสร์อยู่ปี 2 แต่บ้านของสองคนอยู่ซอย

เดียวกัน ปิ๊กน้องของปอนด์จึงได้รู้จักอิสร์ในเวลาต่อมา

มีเวลาว่างปอนด์จะมาเล่นกีฬากับปิ๊กที่สนามภายในหมู่บ้าน อิสร์จึงใกล้ชิดปอนด์มากขึ้นทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่บ้าน จนสานสัมพันธ์กันเป็นแฟน แต่เพราะอิสร์มีกิจกรรมมากโดยเฉพาะเรื่องการร้องเพลง ทำให้ปอนด์มีอาการน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง และกลายเป็นความหึงหวงเมื่อมีสาวๆตามกรี๊ดอิสร์

ผ่านไปอีก 3 ปี เมื่ออิสร์อยู่ปี 4 ปอนด์อยู่ปี 3 อาการน้อยใจและความหึงหวงของปอนด์เพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นกับตาว่าอิสร์ชี้มือและยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวหมวยนางหนึ่งที่มาดูเขาร้องเพลง

ปอนด์ปรี๊ดแตก โกรธควันออกหู เอาเรื่องอิสร์ขณะเดินมาด้วยกันตามถนนในหมู่บ้าน

“มันชื่ออะไร ยัยหมวยๆคนนั้น มันชื่ออะไร”

“จะรู้ไหมเนี่ย หมวยๆตั้งหลายคน”

“ที่สวยๆ ที่พี่อิสร์ร้องเพลงใช่เลย แล้วชี้ไปที่มันไง”

“โอ๊ย...จำไม่ได้ ก็ชี้ตั้งหลายคน”

“คนที่ร้องว่า...ใช่เลย มีคนเดียว”

“โหย...ไหวมั้ยปอนด์ พี่ก็เซอร์วิสแฟนเพลงทุกคนแหละ เขาคือคนของมวลชนของเรา”

“เซอร์วิสมวลชน พี่อิสร์ก็แค่เป็นวงโฟล์กซองเวลามีงานคณะหรือกิจกรรมชมรมเองนะ พี่อิสร์ต้องเอาใจสาวๆขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ถ้าพี่ทำยังไงให้คนมาร่วมงานกิจกรรมได้เยอะๆ จะเป็นงานของคณะหรืองานอะไรก็ตามที่เขาเอาวงพี่ไปแสดง พี่ก็ต้องทำแหละ”

“อ้อ ที่ทำทั้งหมดนี่เพื่อกิจกรรมส่วนรวม แล้วถ้าปอนด์จะบอกล่ะ ว่าปอนด์ไม่ชอบที่พี่อิสร์ต้องเป็นคนของส่วนรวม ถ้าพี่อิสร์แคร์ปอนด์ต้องเลิกไปร้องเพลงอ่อยพวกสาวๆ พี่อิสร์จะว่าไง”

“เอาเป็นว่า...พี่จะเล่นกับคนดูให้น้อยลงละกัน แต่จะให้เลิกทำงานวงโฟล์กซองวนศาสตร์มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

วันนั้นสองคนจ้องหน้ากันเคร่งเครียด...จนมา

วันนี้เขาและเธอก็มายืนจ้องหน้ากันอีก ปอนด์ดึงดัน

ไม่ยอมแพ้ บอกว่าเท่าที่ตนจำได้ คนที่ตุกติกแล้วทำ

ทุกอย่างตามใจตัวเองตลอดไม่ใช่ตน

“ผมไม่เคยตุกติก ผมรักษาคำพูดต่อคุณเสมอ”

อิสร์นึกถึงวันหนึ่งในอดีตที่เขาอุตส่าห์หอบดอกไม้มาหาปอนด์ถึงบ้านเพราะเป็นวันเกิด แต่ปอนด์กลับใส่ชุดนอนนอนเล่นเกมบนโซฟาทั้งที่มีนัดดินเนอร์ด้วยกัน เพียงเพราะเขามาช้าไปนิดหน่อย ปอนด์งอนถึงกับพูดประชดเมื่อเขาเอ่ยคำขอโทษ

“ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่อิสร์ตามสบายเหอะ ได้ข่าวว่ารีบทำป้ายวันคุ้มครองสัตว์ป่าอยู่ไม่ใช่เหรอ กลับไปคุ้มครองสัตว์ต่อไป๊...ขาดพี่อิสร์ซะคน สัตว์มันคงจะแย่ ไม่ต้องสนใจปอนด์หรอก ปอนด์คุ้มครองตัวเองได้”

วันนั้นอิสร์เสียใจและน้อยใจ...ปอนด์เองก็จำเหตุการณ์วันนั้นได้ แล้ววันนี้เธอต้องมาเจอเขาและเกิดมีสัญญาบ้าๆขึ้นมา

“คุณคอยดูก็แล้วกัน ฉันพูดคำไหนคำนั้น”

“ดี!! พรุ่งนี้ผมจะรอฟัง ตอนหมอบอกว่าปิ๊กไม่เป็นอะไร กลับบ้านได้แล้ว คุณจะมาไม้ไหนอีก” พูดจบอิสร์ขึ้นรถขับออกไป ปอนด์มองตามฉุนๆ

ooooooo

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 1 วันที่ 26 มิ.ย.61

ลมไพรผูกรัก บทประพันธ์โดย อุธิยา
ลมไพรผูกรัก บทโทรทัศน์โดย ปราณประมูล
ลมไพรผูกรัก กำกับการแสดงโดย ตระกูล อรุณสวัสดิ์
ลมไพรผูกรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
ติดตามชมละคร ลมไพรผูกรัก ได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ