อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 1 วันที่ 10 มิ.ย.61

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 1 วันที่ 10 มิ.ย.61

สวาทวิมลเห็นเที่ยงวันลูกชายเพิ่งผ่านการบำบัดจากอาการติดยาเสพติดก็เลยอยากให้ไปเที่ยวต่าง-ประเทศหวังจะให้ผ่อนคลายจากเรื่องต่างๆ เมื่อชีวาตม์เพื่อนรุ่นพี่ของเที่ยงวันจัดทัวร์ไปเที่ยวแอฟริกาใต้ และชวนให้เธอกับลูกไปเที่ยวด้วย สวาทวิมลจึงตกปากรับคำ

แม้เที่ยงวันจะไม่สบายใจนักเพราะไม่คุ้นชินกับ การเข้าสังคมด้วยกังวลว่าผู้คนจะจับจ้องเรื่องที่เขาติดยา เสพติดแต่ก็ยอมเดินทางมากับแม่ รื่นเริงแม่ยายของชีวาตม์ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสวาทวิมลเพราะมีปมเคยแย่งทูล พ่อของเที่ยงวันกันมาก่อน รู้เรื่องเข้าก็ขอมาทริปนี้ด้วยตั้งใจจะมาป่วนสองแม่ลูกโดยเฉพาะ

เมื่อมาถึงแหลมกู๊ดโฮป ประเทศแอฟริกาใต้ ชีวาตม์ปล่อยให้ลูกทัวร์เดินเที่ยวเล่นตามอำเภอใจ เที่ยงวันแยกไปนั่งดูวิวทะเลที่คลื่นลมปั่นป่วน พลันภาพในอดีตอันแสนเจ็บปวดผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา



ตอนนั้นเที่ยงวันขับรถราวจะแข่งกับพายุเพราะฤทธิ์ยาเสพติดที่เพิ่งเสพมา ฟานที่เพิ่งขอเลิกกับเขาซึ่งนั่งมาด้วยกลัวมากจนร้องไห้ออกมา สั่งให้เขาจอดรถ เที่ยงวันซึ่งเหลือสติเพียงน้อยนิดเห็นน้ำตาของหญิงคนรักก็เบนรถเข้าข้างทาง รถยังไม่ทันจะหยุดฟานพุ่งตัวออกมาเสียก่อน

“ฟานอย่าไป...ขอร้องเถอะนะ”

“เราเลิกกันแล้วนะเที่ยง ฟานจะไปไหน เที่ยงจะมาสนใจอะไร”

“แล้วเที่ยงล่ะ เที่ยงจะอยู่กับใคร ฟาน...เที่ยงขอร้องเถอะ” เที่ยงวันอ้อนวอนทั้งน้ำตา แต่ด้วยฤทธิ์ยาทำให้บางครั้งก็หลุดหัวเราะ ฟานมองเขาด้วยความสมเพช มีรถแท็กซี่แล่นมาเธอรีบโบกเรียก แล้วหันมาทางเขา

“ตัวของเที่ยงเอง เที่ยงยังไม่รักเลยแล้วเที่ยงจะรักฟานได้ยังไง” พูดจบฟานขึ้นแท็กซี่จากไป เที่ยงวันจะตามไปห้ามแต่เนื่องจากเมายาทำให้เขาเห็นภาพหลอนว่ามีตำรวจมาล้อมเอาไว้ เขากลัวมาก กลับขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ยาเสพติดทำให้เขาคิดไปเองว่าตำรวจขับรถไล่ล่ามาติดๆก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก

เมฆเด็กชายวัย 7 ขวบวิ่งมาที่ถนนเพื่อตามมาเก็บลูกบอล เนื่องจากความมืดทำให้เที่ยงวันไม่ทันเห็นขับรถชนเมฆอย่างจังเสียงดังสนั่น รถเสียหลักไถลไปสงบนิ่งอยู่ข้างทาง ชาวบ้านแถวนั้นเริ่มเข้ามามุงดู เที่ยงวันที่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้นั่งตัวสั่นอยู่หลังพวงมาลัยรถ ชาวบ้านเห็นเขาไม่ลงจากรถเข้าไปทุบกระจกเรียก บ้างก็เอาไฟฉายส่องหน้า เขาพยายามเรียกสติกลับมาแต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน

เที่ยงวันตื่นจากภวังค์เมื่อชีวาตม์เข้ามาจับไหล่ พร้อมกับพูดให้กำลังใจเพราะรู้ว่าเขาต้องผจญกับอะไร มาบ้าง แล้วชวนไปดูวิวมุมอื่น เขาชอบตรงนี้มากกว่าขออยู่อีกสักพัก

“เฮ้ย ไปเถอะ โน่นตรงโน้นก็สวย นั่น...ยิ่งสวย” ชีวาตม์อยากให้เขาเข้าสังคมบ้างชี้นิ้วไปทางเดือนสิบกับยุพราลูกทัวร์สาวร่วมคณะที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ เที่ยงวันเห็นเดือนสิบทำให้นึกถึงใครบางคน

ooooooo

ขณะเดือนสิบกำลังแอ็กท่าเป็นนางแบบให้ยุพราเพื่อนรักใช้มือถือถ่ายภาพ วาวาตูคนในพื้นที่ใช้กล้องถ่ายภาพเธอไว้ ก่อนจะบอกให้ยุพราไปยืนถ่ายภาพคู่กับเดือนสิบเป็นภาษาอังกฤษมีภาษาไทยผสมนิดหน่อยเพราะได้ต้อนรับทัวร์จากเมืองไทยบ่อย เดือนสิบดีใจที่จะได้ถ่ายรูปคู่กันเรียกเพื่อนให้เข้ามาแต่เธอส่ายหน้า

“ไม่เอา เสียตังค์แหงๆ ไปเถอะเดือน” ว่าแล้วยุพราจะดึงเดือนสิบออกมา

วาวาตูเหมือนจะเข้าใจบอกเป็นภาษาอังกฤษว่าจะถ่ายรูปให้ทั้งคู่ด้วยมือถือของพวกเธอ ยุพราเรื่องมากอีก กลัวเขาจะเอามือถือของตัวเองหนีไปรีบดึงเดือนสิบหนีไปอีกทาง วาวาตูรู้ว่าป่วยการจะยื้อจึงเดินคอตกจากไป เดือนสิบเหลือบไปเห็นเที่ยงวันมองมาทางตัวเองรู้สึกประหม่า ยุพราเองก็เห็นเช่นกัน

“โอ้โห คุณเดือนของเราสวยเข้าตาหนุ่มแฮะ มองไม่วางตาเลย”

เดือนสิบหันมองอีกที ยังเห็นเที่ยงวันจ้องอยู่ คราวนี้เธอเป็นฝ่ายดึงมือยุพราออกไปจากตรงนั้น...

ชีวาตม์เห็นเที่ยงวันจ้องเดือนสิบกับยุพราเขม็งก็ยิ้มให้พลางกระเซ้าบอกแล้วใช่ไหมว่าวิวทางนั้นสวย เขาได้สติรีบดึงตัวเองกลับ ชีวาตม์จะให้เวลาเขาชมวิวต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้วไปเจอกันที่รถบัส เขารับคำเขินๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังทะเลเพื่อกลบเกลื่อน แต่ก็อดหันไปมองเดือนสิบอีกครั้งไม่ได้...

นอกจากตัวเองจะไม่ชอบใจสวาทวิมลกับลูก รื่นเริงยังเป่าหูให้ลูกทัวร์คนอื่นไม่ชอบไปด้วยโดยเฉพาะนภางค์ซึ่งมาคุมเรื่องถ่ายแบบไปลงเพจของตัวเองที่คุยกันอย่างถูกคอ จึงพลอยตั้งแง่กับสองแม่ลูกไปด้วย...

ยุพราเห็นเพื่อนสนุกได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าวก็กลับมาหน้าเครียดอีก ขอร้องให้ปล่อยวางเรื่องเครียดสัก 8 วันจะได้ไหม เดือนสิบเกือบจะทำใจได้แล้วถ้ายุพราไม่จุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเสียก่อน

“ดวล...งั้นเดี๋ยวเดือนโทร.หาดวลก่อนนะ” เดือนสิบปลีกตัวออกไป ยุพราอยากจะตบปากตัวเองนักที่ดันพูดอะไรไม่เข้าท่าทำให้เพื่อนยิ่งเป็นกังวลเข้าไปอีก...

ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านดำเกิงในกรุงเทพฯ ดำเกิงกำลังเล่นงานดวลเนื่องจากไปค้นห้องเจอยาเสพติดครึ่งเม็ดอยู่ในซองพลาสติก ไหนบอกจะเลิกเสพแล้ว

นี่อะไร ว่าพลางโยนซองยาลงตรงหน้าลูก ดวลอธิบายว่านี่เป็นยาเก่าที่เหลืออยู่ ตอนนี้ตนไม่ได้เสพแล้ว ดำเกิงไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างเขาจะเลิกยาได้ สกาวช่วยพูดแก้ต่างให้ลูกว่าไม่ได้เสพยาแล้วจริงๆก็โดนผู้เป็นสามีด่าว่าโง่ ถึงได้โดนมันหลอกเอา ดวลไม่พอใจ

“ถ้าแม่ฉลาด จะแต่งงานกับ...” ดวลยังไม่ทันจะพูดคำว่าพ่อออกมา สกาวปิดปากไว้เสียก่อน

ดำเกิงรู้ว่าลูกจะพูดอะไรก็ยิ่งอารมณ์เสีย สกาวต้องขอร้องให้ลูกขึ้นห้องไปก่อน ดำเกิงไม่ยอมให้ดวลลอยนวลตามไปจะเอาเรื่อง เธอต้องเอาตัวกันเขาไว้แล้วไล่ลูกออกไป ดวลไม่อยากเห็นภาพแม่ถูกพ่อรังแกขยับจะขึ้นห้อง แต่ถูกพ่อไล่ตะเพิดราวกับหมูกับหมา ตัดสินใจเดินหนีออกจากบ้าน ทันทีที่เปิดประตูออกมา เดือนสิบโทร.เข้ามือถือดวลพอดี เขากดรับสายเป็นจังหวะที่พ่อตามมาด่าไล่หลัง

“ไปให้พ้นๆเลยไอ้เด็กเวร” เสียงดำเกิงได้ยินถึงหูเดือนสิบซึ่งถามว่านั่นเสียงพ่อใช่ไหม

“ไม่มีอะไรหรอกพี่เดือน เสียงคนเมาน่ะ อย่าไปสนใจเลยพี่เดือนเที่ยวให้สนุกเถอะ แค่นี้ก่อนนะมีสายเข้า” ดวลตัดสายพี่สาวทิ้งไปเลยเพราะไม่อยากให้พี่กังวลใจไปมากกว่านี้ เดือนสิบพยายามโทร.กลับไปหาน้องอีกครั้งแต่สายไม่ว่าง ยุพราที่เดินตามมาเห็นสีหน้าไม่สู้ดี ของเพื่อนถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอเล่าเรื่องที่คุยกับน้องให้ฟัง ยุพราไม่อยากให้เพื่อนเครียดจึงรีบตัดบท

“ก็ดวลบอกแล้วว่าไม่มีอะไร คิดมากน่ะ ไปๆได้มาเที่ยวทั้งทีทำตัวให้ร่าเริงหน่อย” ว่าแล้วยุพราดันตัวเดือนสิบให้เดินไปดูวิวอีกฝั่งหนึ่ง แม้จะยอมทำตามที่เพื่อนว่าแต่เธอก็ยังไม่คลายกังวลอยู่ดี

ooooooo

คลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าฝั่งยังคงส่งผลต่อจิตใจของเที่ยงวันซึ่งยังคิดถึงเรื่องราวในอดีต ภาพหนังสือพิมพ์ซึ่งพาดหัวข่าวตัวเป้ง รวมทั้งในสื่อออนไลน์ที่ว่าวัยรุ่นไฮโซเมายาขับรถชนเด็กอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน ยังคงตอกย้ำถึงสิ่งเลวร้ายที่เขาก่อขึ้น เสียงชัตเตอร์ดังรัวๆของกล้องถ่ายรูปปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ หันขวับ

“Hey! What are you doing”

วาวาตูตกใจรีบลดกล้องลง พร้อมกับขอโทษเขาเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวน เที่ยงวันไม่อยากยุ่งด้วยเดินหนี วาวาตูมองตามตาละห้อยมอง กล้องในมือตัวเองแล้วเหนื่อยใจ เดี๋ยวนี้ทุกคนมีกล้องในมือถือกันหมดก็เลยไม่มีใครอยากได้รูปถ่ายฝีมือเขา แต่เนื่องจากเขามีครอบครัวต้องดูแลก็เลยต้องอดทน...

รื่นเริงยังคงเม้าท์เรื่องสวาทวิมลกับลูกชายให้นภางค์กับก้านวงศ์ฟังอย่างสนุกปาก คนถูกนินทาทนไม่ไหวต้องเข้ามาปรามให้รู้สึกตัวก่อนจะผละจากไปเพราะไม่อยากจะมีเรื่องให้ฉาวกันไปใหญ่ แต่แทนที่จะหยุด รื่นเริงยิ่งเม้าท์หนักข้อขึ้น ด้านชีวาตม์เห็นสวาท-วิมลเดินหัวเสียมาที่รถบัสก็พอจะเดาออกว่าต้องเป็นฝีมือแม่ยายของเขา พยายามพูดเป็นกำลังใจให้ เธอถึงกับถอนใจเฮือก

“เมียเราเขาไปไหนฮึตาวาตม์ ทำไมไม่มาด้วยกัน ปล่อยให้แม่ตัวเองมาเที่ยวโดยที่ไม่มีคนคอยมาคุมแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้วิ่งไล่งับไล่กัดชาวบ้านเขาไปทั่วหรอก”

ชีวาตม์ได้แต่ยิ้มแหยๆไม่รู้จะทำอย่างไรกับแม่ยายตัวเองเหมือนกัน จังหวะนั้นเดือนสิบกับยุพราตามเข้ามา สวาทวิมลจึงเดินเลี่ยงขึ้นรถบัส แต่เกิดเดินเซเดือนสิบเข้าไปช่วยพยุงไว้ทัน ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ท่านรู้สึกถูกชะตากับเธอขึ้นมาทันที ขอบใจสำหรับความเอื้อเฟื้อ ชีวาตม์หันมาถามเดือนสิบว่าทริปนี้เป็นอย่างไรบ้าง แอฟริกาใต้น่าสนใจพอจะจัดกรุ๊ปทัวร์ให้ลูกค้าได้ไหม

“ดีมากเลยค่ะ เดือนจะเอาไปนำเสนอลูกค้า เดือนว่าลูกค้าต้องสนใจมากแน่ๆ”...

ระหว่างที่ชีวาตม์กำลังทำหน้าที่ไกด์อยู่ที่แอฟริกาใต้ กิ่งคำผู้เป็นภรรยาเพิ่งทำศัลยกรรมจมูกใหม่เสร็จมีผ้าพันแผลแปะเอาไว้ สราที่อยู่รอรับกลับบ้านแกล้งจำ เธอไม่ได้ ก่อนจะต่อว่าของเดิมก็สวยอยู่แล้วไม่รู้จะทำ อะไรกันนักหนา ผัวกลับมาจะจำหน้าไม่ได้ ระวังเขาจะ ไปมีคนอื่นแล้วอ้างว่าจำคนผิดเพราะนึกว่าเป็นกิ่งคำ

“หยุดพูดซะทีได้ไหม” กิ่งคำเริ่มจิตตกหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาชีวาตม์ซึ่งกำลังคุยเรื่องงานอยู่กับเดือนสิบที่ข้างรถบัส เขาเห็นไม่เหมาะจะรับสายไว้หลังเลิกงานค่อยโทร.หาน่าจะเหมาะกว่าก็เลยปล่อยให้สายเรียกเข้าดังอยู่อย่างนั้น เดือนสิบเห็นเขาอึกอักก็เลยบอกให้รับสายก่อนก็ได้

“ไม่เป็นไรครับ ภรรยาผมเองเดี๋ยวค่อยโทร.กลับค่ำๆก็ได้”

“คุยกับสาว เลยรับสายเมียไม่ได้” ยุพราไม่วายแขวะ เดือนสิบต้องหันมาทำตาดุใส่เธอถึงเงียบเสียงได้...

ฝ่ายกิ่งคำเริ่มหงุดหงิดที่ชีวาตม์ไม่ยอมรับสายแถมสรายังแหย่ไม่เลิกยิ่งทำให้หัวเสียมากขึ้น...

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 1 วันที่ 10 มิ.ย.61

ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสิน
ละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ