อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.61
ทันทีที่กลับมาถึงบ้านครูจันทรา พัสกรเอาถ้วยรางวัลไปวางไว้ข้างๆรูปพ่อ บอกพ่ออย่างภูมิใจว่า“รางวัลนี้ผมให้พ่อนะครับ พ่อดีใจใช่ไหม”
“เธอมาไกลมากแล้วนะพัสกร เพราะเธอให้โอกาสตัวเองทำทุกอย่าง...จนสำเร็จจนได้ ครูภากรต้องดีใจและภูมิใจมาก”
ครูจันทราเข้ามายืนมองพัสกรเอาถ้วยรางวัลมาให้พ่อและพูดกับรูปพ่อ เอ่ยชื่นชมและให้กำลังใจเขา
“เพราะครูทำให้ผมเห็นภาพพ่อชัดขึ้น ผมอยากเป็นเหมือนพ่อ เป็นเหมือนครู...ผมอยากเก่งเพื่อจะได้สอนให้คนอื่นเก่ง โดยเฉพาะพวกเด็กๆที่มีปัญหาหรือด้อยโอกาส ผมอยากให้โอกาสคนเหมือนที่ครูเคยให้โอกาสผม”
ครูจันทราบอกว่าพอเขาเกิดความคิดดีๆที่อยากให้โอกาสคนอื่นก็มีคนดีๆอยากให้โอกาสเขาเหมือนกัน พัสกรถามงงๆว่าใครจะให้โอกาสตนหรือ
ครูจันทราพาพัสกรออกมาที่ห้องรับแขก พบกับพ่อ แม่ และลูกสาวครอบครัวหนึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับป้านิด ครูจันทราแนะนำว่านี่คือคุณวิทยากับคุณอุษา เรารู้จักกันมานานเพราะเคยติดตามดูงานแสดงบัลเล่ต์ของคุณภากรและเจอกันบ่อยๆ สมัยที่คุณภากรแสดงเป็นพระเอกบัลเล่ต์ที่โรงละครแห่งชาติ แล้วหันมาบอกพัสกรว่า “ตอนนั้น เธอยังไม่เกิดมั้ง”
คุณอุษาเล่าถึงสมัยนั้นที่พวกตนเอาช่อดอกไม้ไปให้คุณภากรที่หลังเวทีกันอย่างมีชีวิตชีวา แม้ตอนหลังไม่มีการจัดบัลเล่ต์อย่างนั้นอีก แต่พวกตนก็ติดตามงานของคุณภากรตลอด คุณวิทยาเสริมว่าครูภากรเป็นคนไทยที่เต้นเก่ง มีเสน่ห์ ตนเสียดายทั้งฝีมือ ทั้งความดี
คุณวิทยายังเล่าว่า...
“เขาสอนเด็กๆทั้งที่ต่างจังหวัด ทั้งพวกเด็กด้อยโอกาส ผมทราบว่าลูกชายครูภากรก็เรียนเต้น แล้วก็ตั้งใจจะเป็นครูเหมือนกับครูภากร ผมก็พยายามสืบหาอยู่เป็นปีจนคุณเริ่มมาแสดงออกทางทีวี เราจึงตามมาถูก...พอเราทราบว่าคนที่ดูแลทายาทครูภากรอยู่ก็คือครูจันทรานี่เอง เราก็เลยรีบมาขอพบนี่แหละครับ”
ทนายที่มากับคุณวิทยาและคุณอุษา สรุปว่า “คุณวิทยาและคุณอุษา วิริยกาญจน์ ต้องการจะขอเป็นคนดูแลทายาทของครูภากร เราหวังว่าคุณพัสกรจะไม่ปฏิเสธนะครับ”
พัสกรถามว่าจะดูแลตนอย่างไร พิณลูกสาวของทั้งสองซึ่งนิยมชมชื่นพัสกรบอกว่า พ่อแม่มีตนคนเดียวตนอยากมีพี่ชาย และคุณพ่อคุณแม่ก็อยากมีลูกชายด้วย พัสกรมองครูจันทราเชิงขอความเห็น ครูจันทรายิ้มให้เป็นการสนับสนุนในที...
ooooooo
2 ปีต่อมา...พัสกรเรียนอยู่ปี 4 แล้วและกลายเป็นนักเต้นที่มีแฟนคลับโดยเฉพาะสาวๆมากมาย ไม่ว่าเขาจะไปแสดงที่ไหน แฟนคลับก็ตามไปกรี๊ดกร๊าดกันอย่างคลั่งไคล้จนนักร้องคนหนึ่งบ่นว่า
“เดี๋ยวนี้เด็กมันกรี๊ดนักเต้นมากกว่านักร้องแล้วเหรอวะ”
“นักเต้นธรรมดาที่ไหนล่ะคะ นี่น่ะ พัสกร ออนเดอะฟลอร์ เลยนะ เป็นเกียรติจริงๆที่เขายอมมาร่วมงานกับเรา” ผู้จัดการสาวบอกอย่างภูมิใจ
แหวนพลอยอยู่ที่อุบลฯ แต่ก็ติดตามผลงานของพัสกรอย่างใกล้ชิด แม้จะไม่สามารถติดตามไปกรี๊ดได้ ก็สนับสนุนด้วยการกว้านซื้อนิตยสารเกี่ยวกับดาราที่เอารูปพัสกรขึ้นปก และสัมภาษณ์พัสกรตามแผงหนังสือซื้อจนเต็มเป้ที่สะพาย พูดกับรูปพัสกรที่ปกหนังสือว่า
“กลับบ้านเรานะคะคุณพัสกร แหวนพลอยเอา เงินเดือนซื้อหนังสือหน้าปกคุณพัสกรทั้งตลาด ให้เหลือแค่ร้านละเล่ม อย่างน้อยเขาจะได้เห็นว่า ถ้าใครเอาคุณพัสกรมาขึ้นปก หนังสือจะขายดิบขายดี เผื่อเขาจะเอาคุณพัสกรมาขึ้นปกอีกบ่อยๆไงคะ”
แหวนพลอยเอาหนังสือใส่เป้แล้วปั่นจักรยานไปอย่างมีความสุข...
ooooooo
จนค่ำแหวนพลอยลืมตาตื่นอย่างตกอกตกใจที่ฝันร้ายว่าถูกนักเลงทวงหนี้จะจับไปขัดดอก แต่แหวนพลอยก็สู้ได้อย่างเก่งกาจมหัศจรรย์ ยกจักรยานเหวี่ยงฟาดพวกนักเลงทวงหนี้ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
ที่ตื่นเต้นดีใจที่สุดคือพัสกรมาช่วยจนพวกนักเลงทวงหนี้หนีไป แต่พัสกรก็บาดเจ็บถูกแทงที่แขนเลือดไหลโกรก แหวนพลอยจะช่วยดูแผล แต่พอเห็นเลือดก็เป็นลมล้มไปเลย แต่ก็เป็นลมอย่างมีความสุขเพราะพัสกรรับไว้ในอ้อมแขน
พอสะดุ้งตื่นรู้ว่าเป็นแค่ความฝันก็โล่งใจ...ยิ้มอย่างฝันค้าง...มีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของพัสกร... พอตื่นมาก็เดินไปดูรูปพัสกร พูดกับรูปอย่างอารมณ์ค้างว่า
“คุณพัสกร...ว่าแล้ว แหวนพลอยต้องฝันไปแน่ คุณพัสกรคงไม่กลับมาที่นี่หรอก คุณพัสกรยุ่งจะตายใครจะมีเวลากลับมาบ้านต่างจังหวัดที่ไม่เคยกลับมาเป็นปีๆแล้ว แหวนพลอยมันบ้าจริงๆ เก็บเอาคุณพัสกรมาฝันเรื่อยเลย”
พลันก็มีเสียงหัวเราะอย่างตื่นเต้นจากหน้าบ้านแว่วมา แหวนพลอยรีบวิ่งออกไป แล้วก็ช็อกอีกครั้ง เมื่อเห็นปู่กับพัสกรนั่งคุยกันที่เก้าอี้เก่าๆใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
อุดม ปู่ของแหวนพลอยกับพัสกรคุยกันถึงอดีตที่พัสกรยังเป็นเด็กซนแก้ผ้าวิ่งเล่นน้ำฝนจนเป็นไข้ ถูกพ่อตีแต่ไม่เข็ดเพราะสนุก เล่าถึงอดีตแล้วทั้งอุดมและพัสกรก็หัวเราะขำกัน
คุยกันถึงอดีตแล้ว พัสกรบอกอุดมว่าที่มาครั้งนี้เพราะตนขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว เขากับแหวนพลอยต้องไปหาที่อยู่ใหม่ พัสกรให้เงินเขาไว้สามแสนไปหาบ้านหลังเล็กๆสำหรับปู่กับหลานได้อยู่ ถ้าเหลือก็เก็บไว้ให้แหวนพลอยเรียนหนังสือ
อุดมบอกว่าที่คุณพ่อคุณพัสกรให้ตนใช้ยังไม่ได้คืนเลย และได้ข่าวว่าเขาจะไปเรียนเมืองนอกน่าจะแพงควรเก็บไว้ใช้
“ค่าใช้จ่ายผม คุณพ่อคุณแม่บุญธรรมของผมท่านช่วยดูแลส่วนนึงครับ แต่ผมจะเอาเงินท่านมาใช้ทุกเรื่องก็เกรงใจ ก็เลยต้องขายบ้านจะได้มีเงินของตัวเองบ้าง เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉิน”
อุดมเกรงใจว่าสามแสนบาทมากเกินไป พัสกรบอกว่าลุงดูแลบ้านนี้อย่างดีให้เรามาเป็นสิบปี อุดมบอกว่าคุณต่างหากที่ให้ตนอาศัย
“เราก็เหมือนญาติกันนะครับ...ผมขายบ้านได้ ผมจะให้ลุงหาที่อยู่ใหม่ผมก็ต้องดูแลลุง...แหวนพลอยกำลังเข้ามหาวิทยาลัย ลุงคงไม่อยากให้หลานสาวตัวเองกลายเป็นเด็กเร่ร่อน แล้วยังมีเจ้าหนี้นอกระบบมาตามรังควานไปเรื่อยๆหรอก ถ้าสามแสนมากไปสำหรับบ้านลุงก็แบ่งไปใช้บ้างหรือเก็บไว้ลงทุนทำอะไรก็ได้...นะครับ”
แหวนพลอยที่แอบดูอยู่ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งสะเทือนใจ แอบอยู่จนพัสกรขึ้นรถกลับไป จึงออกมาหาปู่ ถามปู่ว่าคุณพัสกรจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วใช่ไหม เราจะไม่ได้เจอคุณพัสกรอีกแล้วใช่ไหม ปู่กอดแหวนพลอยปลอบว่า...
“คุณพัสกรไม่ได้ตายจากเราซะหน่อย...บุญคุณของเขา ของครอบครัวเขา ก็ยังท่วมหัวพวกเราอยู่เลย เรายังติดค้างคุณพัสกรอยู่อีกเยอะ ยังไงเราต้องได้เจอเขาอีก เราต้องตอบแทนเขาสักวันนะแหวนพลอย”
“แหวนพลอยจะต้องตอบแทนคุณพัสกร”
แหวนพลอยมองตามรถของพัสกรไปเหมือนให้สัญญา...
ooooooo
หลายปีผ่านไป...การประกวดเต้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเริ่มขึ้นอีกแล้ว แผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า “Thailand young blood dance contest 2017”
พิธีกรหญิงชายขึ้นทำหน้าที่อย่างมีชีวิตชีวา ประกาศอย่างตื่นเต้นว่า
“ปีนี้ เป็นการโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งของสองศิษย์เก่าที่เคยทำเวทีการประกวดของเราร้อนเร่าเป็นไฟสมัยพวกเขายังเป็นวัยรุ่น แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นเจ้าของสำนักจอมยุทธ์สายแดนซ์ชื่อดังที่ผันตัวมาอยู่เบื้องหลังคอยผลักดันเด็กรุ่นใหม่เข้าสู่วงการ”
พิธีกรแนะนำฉัตรชัยที่เดินนำทีมเด็กเต้นของเขาขึ้นมาเปิดตัวอย่างเท่ว่า
“จากรองชนะเลิศปี 2010 ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนเต้นที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย...ยิ่งไปกว่านั้น...เด็กๆของเขาก็เคยผ่านออดิชันระดับโลกมาแล้วมากมาย”
ทีมของฉัตรชัยเริ่มเต้นอย่างพร้อมเพรียงด้วยท่าเต้นที่ยาก แต่เด็กๆก็เต้นกันอย่างมั่นใจฉัตรชัยดูแล้วยิ้มพอใจ
ที่ห้องแต่งตัวหลังเวที ทีมของพัสกรมองทีมฉัตรชัยเต้นจากหน้าจอทีวี เด็กๆเริ่มเกร็ง แตงกวาบอกว่า ท่ายากทั้งนั้น น้ำฝนก็บอกว่าไม่มีพลาดเลย อีกคนถอดใจ ถามว่า ถอนตัวตอนนี้ทันไหม
“จะไปกลัวทำไม” เสียงพัสกรดังขึ้นจากข้างหลัง
จันทิมาบอกว่าพวกเขาก็เต้นตามจังหวะ ตามท่าที่ซ้อมมา กุ๊งกิ๊งบอกว่าเต้นเหมือนหุ่นยนต์หยอดเหรียญ เต้เสริมว่า “กรรมการเขาไม่ได้ดูแค่ท่าเต้นเป๊ะสักหน่อย เขาสนใจฟีลลิ่งของเราต่างหาก”
“นี่ครูไม่ได้พาทุกคนมาเพื่อเครียดนะ เต้นให้สนุก เต้นให้สนุก เต้นให้สนุก จำที่ครูบอกได้ไหม เราไม่ได้เต้นด้วยนี่” พัสกรชี้ที่หัว “แต่เราเต้นมาจากตรงนี้” พัสกรชี้ที่ใจ “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แพ้ชนะก็ช่างมัน แค่ได้เต้นด้วยกันก็มีความสุขแล้ว...ลืมทุกอย่างให้หมด แล้วไปแสดงให้คนดูสนุกเหมือนที่เราสนุกกับการเต้นของเรา”
เด็กๆเฮกันอย่างคึกคัก พัสกรรุนหลังเด็กๆให้ก้าวออกไปอย่างมั่นใจ พอดนตรีเริ่มด้วยจังหวะเร้าใจสนุกสนาน เด็กๆก็เต้นกันอย่างสนุกเต็มที่ พัสกร เต้ จันทิมา และกุ๊งกิ๊ง ยืนลุ้นให้กำลังใจอยู่ข้างเวที
ในกลุ่มคนดู มีป้ายไฟอันใหญ่ที่เขียนว่า “ทีมพัสกร” ชูเชียร์อย่างเร่าร้อน ที่แท้คนที่ชูป้ายไฟโบกไปมาคือ แหวนพลอยนั่นเอง ไม่เพียงชูป้ายไฟ แหวนพลอยยังตะโกนตลอดเวลาเหมือนจะให้ก้องกลบทุกเสียง...
“ทีมคุณพัสกร...ทีมคุณพัสกร....กรี๊ดดดดด”
ทันใดนั้นเสียงเพลงหยุดกึก ทุกคนตกใจงุนงงโดยเฉพราะนักเต้นเด็กๆเริ่มขวัญเสีย พัสกรวิ่งไปที่แผงควบคุม ฉุกคิดได้คว้าไมค์ที่วางอยู่ถือไว้ตัวหนึ่ง โยนให้เต้กับจันทิมาคนละตัวบอกทั้งสอง
“ปี 4 เทอมสุดท้ายตอนกู๊ดบายซีเนียร์” แล้วเขาก็ทำบีทบ็อกซ์ เต้กับจันทิมาทำตาม แล้วพวกเด็กๆเริ่มเต้นกันอย่างคึกคัก ทุกคนปรบมือเป็นจังหวะสนุกไปด้วย
“สุดยอด พี่พัสของพิณเอาอยู่อีกแล้ว” พิณตะโกนดีใจสุดๆ
ooooooo
พัสกร จันทิมาและเต้ ยังคงทำจังหวะอยู่ข้างแผงควบคุม แหวนพลอยลากกวงมาแอบดูที่มุมหนึ่ง ตื่นเต้นดีใจที่พัสกรแก้ปัญหาได้ จับมือกวงมองพัสกรเคลิ้ม พร่ำเพ้อ
“คุณพัสกรของแหวนพลอย ชนะชัวร์...ชนะชัวร์! ชนะชัวร์!!”
เมื่อถึงเวลาประกาศผล แหวนพลอยตะโกนไม่ขาดปาก “หงส์เหิน หงส์เหิน”
สุวิทย์ อุษาและพิณก็ทั้งชูป้ายไฟและร้องเชียร์ทีมหงส์เหินจนเสียงแหบแห้ง
ฝ่ายเจบีครูสอนเต้นของทีมฉัตรชัยก็ลุ้น “แชมเปี้ยนแดนซ์ แชมเปี้ยนแดนซ์” ฉัตรชัยติงว่าลุ้นทำไม ยังไงก็ได้ชัวร์ ลดเสียงลงว่า “จ่ายไปตั้งเท่าไหร่”
นาทีระทึกมาถึง เมื่อพิธีกรประกาศให้ทีมหงส์เหินออกมารับรางวัล เสียงเฮ เสียงกรี๊ดกึกก้องจนห้องแทบแตก พวกที่เชียร์ทีมหงส์เหินโดดกอดกันกระโดดโลดเต้นเป็นกลุ่มๆ แหวนพลอยกรี๊ดข้างหูกวงจนต้องเอามืออุดหู
กรรมการมอบถ้วยรางวัลให้น้ำฝนซึ่งเป็นตัวแทนทีมหงส์เหินและเด็กๆ รวมทั้งพัสกรยืนเรียงกันบนเวที ในขณะที่พิธีกรเริ่มประกาศต่อ
“ท่าเต้นสร้างสรรค์ แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร แถมยังแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี อย่างนี้ครับถึงได้รับรางวัลชนะเลิศ”
เด็กสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างเวทีคุยกันว่าอยากอยู่ทีมหงส์เหินจัง แต่ค่าเรียนคงแพงน่าดู เด็กอีกคนพูดหน้าจ๋อยว่า “อย่างพวกเราคงไม่มีปัญญา”
แต่พอพิธีกรเชิญพัสกรพูดอะไรทิ้งท้ายสักหน่อย เขามองเด็กสามคนนั้นถามว่า “ใครอยากเต้นบ้าง?”
แหวนพลอยเสียงใสมาก่อนเพื่อนว่า อยากค่า...อยาก เด็กสามคนพากันพยักหน้ารัว พัสกรบอกทุกคนว่า
“ใครอยากเต้นก็ต้องได้เต้น...ใครอยากเรียนก็ต้องได้เรียน ใครอยากมีโอกาสต้องได้โอกาส ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย เราตั้งใจสอนฟรี” เด็กๆดีใจถามว่าจริงหรือ “จริงสิ โรงเรียนสอนเต้นหงส์เหินยินดีต้อนรับทุกคน ใครสนใจก็เจอกันหลังเวทีได้เลย”
เด็กสามคนจับมือกันกระโดดด้วยความดีใจ
คนดูอื่นๆ ก็ตะโกนเชียร์กันลั่น แหวนพลอยมองพัสกรเพ้อ...“หน้าตาดีแล้วยังใจดี เทวดามาเกิดจริงๆ คุณพัสกรของแหวนพลอย”
ฉัตรชัยที่ยืนอยู่ข้างเวทีจ้องพัสกรด้วยสายตาเจ็บแค้น คำรามในคอ
“กูไม่ยอมแพ้มึงหรอก ไอ้พัสกร”
ooooooo
วันต่อมาขณะที่โรงเรียนหงส์เหินกำลังซ้อมเต้นกันนั้น แก๊งฉัตรชัยก็มาแว้น มีรถมอเตอร์ไซค์คนรวยจอดกันเต็มหน้าโรงเรียน เด็กเต้นและครูเจบีเดินแหวกเป็นทางให้ฉัตรชัยเต้นโชว์ลีลาเข้ามาแล้วไปหยุดตรงหน้าพัสกรอย่างท้าทาย
พัสกรถามว่าทำอะไรของแก ฉัตรชัยไม่ตอบแต่ถามเด็กๆของพัสกรว่า อยากเต้นสวยๆเท่ๆแบบนี้ไหม ครูเจบีก็อ่อยว่าเรียนฟรี 20 ชั่วโมง ถ้าลงทะเบียนภายใน 5 นาที พรุ่งนี้จะได้สิทธิ์ออดิชันกับค่ายเพลงจากเกาหลี
ฉัตรชัยกับครูเจบีช่วยกันอ่อยหลอกล่อเด็กๆทั้งเรื่องอนาคต งานและเงินดีชนิดที่หงส์เหินให้ไม่ได้ ครูเจบีเรียกให้เด็กๆเข้ามาสมัครราวกับเล่นปาหี่ขายยา ฉัตรชัยยังอ่อยว่าครูสอนเต้นเราก็รับเงินเดือนดีมากด้วย
“อย่ามาหาเรื่องเลยฉัตรชัย ครูของโรงเรียนหงส์เหินไม่มีใครไปอยู่กับนายหรอก”
“เอาชนะบนเวทีไม่ได้ เลยมากร่างข้างถนน คิดว่าเท่เหรอวะ” พัสกรถามขำๆ ตบอกฉัตรชัยเบาๆ “ฉันไม่สู้กับนายหรอกฉัตรชัย เพราะฉันไม่ได้อยากเป็นอันธพาลเหมือนนาย...เอาเวลาป่วนคนอื่นไปพัฒนาตัวเองไม่ดีกว่าหรือไง”
“ไม่ต้องมาแนะนำกูเลยไอ้พัส คิดจะมาแข่งกับกูเหรอวะ ไม่มีทาง วงการนี้กูเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องเป็นที่หนึ่ง ไอ้โรงเรียนโกโรโกโสของมึงไม่มีทางสู้กูได้ ระวังกูจะเอาระเบิดมาเขวี้ยงสักวัน”
ฉัตรชัยโมโหพาพวกขึ้นรถกลับไป พัสกรจึงสอนพวกเด็กๆว่า
“นี่เป็นตัวอย่างของคนหยาบคาย นิสัยไม่ดีที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย เราไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง! ไป กลับไปซ้อมต่อ”
กุ๊งกิ๊งกับจันทิมามองไปทางพวกฉัตรชัยอย่างไม่สบายใจ เต้บอกทั้งสองว่า
“พัสยังไม่สนใจ เราก็ไม่ต้องไปสนใจหรอกไป พรุ่งนี้จะเปิดโรงเรียนแล้ว อย่าไปแคร์เรื่องไม่เป็นเรื่องเลย” ว่าแล้วก็ต้อนเพื่อนทั้งสองตามพัสกรเข้าไป
ooooooo
วันนี้เป็นวันเปิดโรงเรียนหงส์เหิน บรรยากาศคึกคัก ทุกคนที่มาร่วมงานต้องมีบัตรผ่านประตูถึงจะเข้าได้ แหวนพลอยลากกวงเข้ามาที่หน้าโรงเรียนอย่างตื่นเต้นมาก
แต่แหวนพลอยไม่มีบัตร ถูกกันไม่ให้เข้าไป กวงไม่พอใจชวนกลับไปดูที่คอนโดฯ ไปนั่งดูข่าวดูคลิปเอาดีกว่า เย็นกว่าชัดกว่าไม่เมื่อยด้วย
“เราอุตส่าห์ลางานบินมาตั้งไกล เรื่องอะไรจะไปนั่งดูผ่านจอล่ะ กวงห้ามกลับนะ เราต้องร่วมมือทำโปรเจกต์ให้เสร็จก่อน” กวงเอือมๆ แต่แหวนพลอยหยิบแหวนไฟออกมาจากกระเป๋าบอก “แปรตัวอักษรด้วยแหวนไฟ” กวงทำหน้าเซ็ง ถามว่ามีอยู่สองคนจะแปรเป็นคำว่าอะไร พอลองเปิดไฟที่แหวน ถามว่าสว่างโล่ขนาดนี้ แสงวิบๆ เท่าหิ่งห้อยนี่ใครจะเห็น
ที่แท้แหวนพลอยนัดแฟนคลับมาประมาณสิบคนมาถือป้ายไฟ แจกแหวนไฟ แหวนพลอยแจกแหวนแล้วให้ตั้งเป็นสามแถว บอกทุกคนว่า
“พอเริ่มงานทุกคนก็เปิดไฟสีขาวก่อน พอคุณพัสกรออกมาเต้นก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู แถวหน้าโยกซ้ายแถวกลางโยกขวา แถวสุดท้ายเหมือนแถวหน้า สลับกันนะ พอจบเพลงปุ๊บเราก็ชูป้ายปั๊บ”
แหวนพลอยกางกระดาษเขียนว่า “พัสกรตลอดกาล” เป็นตัวอักษรสีแดงบนกระดาษสีชมพู กวงดูแล้วบ่น “จับคู่สีได้พินาศมากแหวนพลอย กลืนกันไปไหม คุณพัสกรเขาจะมองเห็นได้ไง ตัวอักษรแดงบนพื้นชมพูเนี่ยนะ”
พัสกรยืนอยู่ชั้นสองมองไปรอบๆอย่างสำรวจ ทันใดนั้นเสียงพิณก็เรียก
“พี่พัส...” พอพัสกรหันมอง เห็นพิณยืนอยู่ เธอบอกอย่างตื่นเต้นว่า “พิณมีกำลังใจมาให้ ทุกคนพร้อมไหม 3 4” แล้วพ่อกับแม่ที่ถือป้ายไฟก็โผล่มาจากทางซ้ายและขวา ร้องต่อๆกัน “พัสสู้ๆ...พัสสู้ตาย...พี่พัสไว้ลาย” แล้วพิณก็ผายมือไปด้านหลัง ขวัญกมลก้าวออกมา
ถือพู่ปิดหน้าแล้วก็เปิดหน้าตัวเองร้องต่อจากทุกคน “สู้ตายสู้ๆ” แล้วทุกคนก็โพสท่าจบเป็นรูปหัวใจด้วยกัน ทันใดทนายวิโรจน์ก็โผล่มาตรงกลางพร้อมช่อดอกไม้ ร้องบอก “ผมก็มาด้วยนะครับ”
พัสกรมองตะลึง อึ้ง นิ่ง จนพิณร้องเรียกให้พี่พัสตอบสนองหน่อย พัสกรจึงตื่นจากภวังค์บอกทุกคนว่า
“ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ... ผมโชคดีจริงๆที่ได้เจอพ่อกับแม่” พิณบอกว่าเจอพิณด้วย “ใช่...เธอด้วยตัวแสบ” พัสกรรับช่อดอกไม้จากทนาย “ขอบคุณนะครับทนายวิโรจน์คุณปิดท้ายได้เซอร์ไพรส์มาก”
พัสกรหันไปขอบคุณขวัญกมล เธอถามว่าชอบไหม เขาพยักหน้าบอกว่า “เพราะคุณตั้งใจทำให้ผมไง”
ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสยินดีและมีความสุขมากที่ได้มาร่วมงานสำคัญนี้ พัสกรกล่าวอย่างปลื้มปีติว่าไม่นึกเลยว่าคนอย่างผมจะมีความสุขได้ขนาดนี้ พิณเสนอให้เซลฟี่อัปไอจีอวดเพื่อนๆดีกว่า ชวนทุกคนมาถ่ายด้วยกัน ทนายวิโรจน์ขอตัวเพราะไม่ได้แต่งหน้า ขวัญกมลอาสาจะถ่ายให้
“ว่าที่ลูกสะใภ้ก็ถือเป็นคนในครอบครัวนะ” แม่รีบเปลี่ยนให้ขวัญกมลมายืนติดกับพัสกร ทุกคนยืนเบียดกันให้ทนายวิโรจน์ถ่ายรูปให้
หลังจากถ่ายรูปแล้ว พัสกรเดินมากับขวัญกมลเขาถามว่าเต้ จัน กับกุ๊งกิ๊งยังไม่มาหรือ ขวัญกมลบอกว่ายังไม่เห็น แต่จวนได้เวลาแล้วให้เขารีบไปเตรียมตัวดีกว่า
ส่วนที่บ้านครูจันทราก็วุ่นวายมาก ครูจันทรากับป้านิดเตรียมตัวเสร็จแต่เช้าแต่บรรดาวัยรุ่นทั้งหลายยังนอนอุตุกันอยู่ มีแต่อคินที่เตรียมตัวเสร็จแล้ว บ่นหัวเสียว่าอุตส่าห์นัดมารวมกัน ขืนให้ต่างคนต่างไปป่านนี้ยังฝันอยู่แหละ พอเร่งทุกคนมาพร้อมแล้ว อคินก็โดดขึ้นรถขับออกไป
ที่โรงเรียนหงส์เหินเมื่อใกล้เวลาเปิดงาน บรรยากาศคึกคักขึ้นทุกที ขวัญกมลถือไมค์ยืนข้างเวทีดูสคริปต์พลางเหลือบมองความพร้อมไปรอบๆ
เมื่อได้เวลาเปิดงาน ขวัญกมลทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีกล่าวเปิดงานว่า
“จากความตั้งใจของคุณพ่อภากร และความมุ่งมั่นของครูพัสกร ในที่สุด หงส์เหิน โรงเรียนที่เปิดโอกาสให้คนจนได้เต้นตามใจฝัน ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ...ขณะนี้ 9 โมง 20 นาทีแล้วนะคะ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับโรงเรียนแห่งนี้ตามที่เจ้าของโรงเรียนตั้งใจไว้...ถ้าขวัญกมลพูดว่าหงส์ ขอให้ทุกคนช่วยตอบว่าเหินได้ไหมคะ” แล้วขวัญกมลก็พูดนำให้ทุกคนพูดต่อ เสียง หงส์...เหิน...หงส์...เหิน ดังก้องไปทั้งบริเวณงาน
ทันทีที่ไฟบนเวทีสว่าง พัสกรก็กระโดดออกมากางแขนเหมือนกางปีกสยาย แสงไฟส่องสวยงามราวกับความฝันเสียงฮือฮาและปรบมือกึกก้อง
แต่ขณะที่กำลังเปิดงานกันอย่างสวยงามนั้น คณะของครูจันทรายังนั่งรถติดอยู่บนถนน และแหวนพลอยก็ยังเข้าไปในงานไม่ได้เพราะไม่มีบัตร แหวนพลอยดิ้นรนหลอกล่อการขัดขวางของเจ้าหน้าที่จนวิ่งพรวดเข้าไปในงานได้ เจ้าหน้าที่วิ่งตามไล่จับ กวงเลยวิ่งเข้าไปได้อีกคน
แต่ที่หน้าเวทีมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ขณะกำลังนับถอยหลังเปิดงานนั้น มีรถเข็นอาหารคันหนึ่งเลื่อนไหลเข้ามาที่หน้าเวทีแล้วถูกชนไหลไปทางกลุ่มคนดู ขวัญกมลรีบวิ่งตามไป เป็นจังหวะที่นับถอยหลังถึง 1 เสียงระเบิดตูมขึ้นสนั่น! เป็นจังหวะที่แหวนพลอยวิ่งเข้ามาเกือบถึงโรงเรียนแล้ว ทุกคนช็อก ต่างหมอบลงโดยอัตโนมัติ
ครูจันทรากับพวกมาถึงพอดี ทุกคนช็อกเมื่อได้ยินเสียงระเบิดและเห็นกระจกโรงเรียนแตกกระเด็น ฝุ่นควันคลุ้งไปทั่วบริเวณ และเสียงผู้คนกรีดร้องวิ่งหนีกันด้วยความหวาดกลัว
ooooooo
พัสกรบาดเจ็บที่เข่า ในสภาพเบลอๆเขายังเป็นห่วงครอบครัว พยายามคลานไปช่วยพิณที่หน้ามีรอยไหม้จากระเบิด แต่เขาก็หมดสติไป พอรู้ตัวอีกทีเห็นครูจันทราและเพื่อนๆรวมทั้งแหวนพลอยห้อมล้อมอยู่...แล้วเขาก็หมดสติไปอีก
พัสกรรู้สึกตัวอีกทีที่ห้องพักคนป่วยในโรงพยาบาล เขามองทุกคนที่ห้อมล้อมอยู่รอบเตียงถามว่ามาทำอะไรกัน มีอะไรหรือ มองไปรอบๆบอกว่า “นี่ไม่ใช่ห้องนอนผมนี่” ไม่มีใครตอบอะไร อคินถามว่าหิวไหมหลับไปตั้งวัน เมื่อพัสกรยังงงๆ ครูจันทราจึงบอกว่า
“พัสกร ครูจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังเองนะ แต่ตอนนี้เธอต้องพักก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก”
พัสกรยิ่งอยากรู้ ป้านิดทนไม่ได้ร้องไห้ พัสกรยิ่งสงสัยพยายามลุกขึ้นแต่ก็เจ็บปวดไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่เข่าใส่เฝือกอ่อนไว้ โขงบอกว่าเอ็นเข่าเขาบาดเจ็บนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็หาย
พัสกรยิ่งงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ร่ำร้องจะไปหาพิณ อ้อนวอนครูจันทราให้บอกตนเถอะ พ่อ แม่ พิณ ขวัญและเด็กๆเป็นยังไง ทุกคนปลอดภัยใช่ไหม และพยายามจะลุกขึ้นไปหาพวกเขา จนป้านิดทนไม่ได้บอกว่า
“ไม่มีใครอยู่แล้วพัส ไม่มีใครแล้ว เขา...ทุกคน... ตายแล้วพัส”
ครูจันทราจึงเล่าให้ฟังว่า “ขวัญกมลเป็นหนึ่งในคนที่รอดชีวิต หมอบอกว่าศีรษะโดนกระแทก สมองเลยบวมเล็กน้อย แต่ขวัญกมลเขาตอบสนองกับยาที่ให้ไป ยังไงเขาก็ต้องกลับมาดีขึ้นแน่ๆพัส”
“อีกแล้วเหรอครับครู เรื่องแบบนี้โคตรตลกเลยเนอะครู คนบ้าอะไรเจอเรื่องแบบเดิมซ้ำๆ พ่อจากไปไม่พอ พ่อแม่บุญธรรม น้องสาวก็ต้องมาตายอีก มันเรื่องบ้าอะไร โคตรจี้เลย” พัสกรระเบิดหัวเราะเหมือนคนบ้า
ครูจันทรา ป้านิด และเบนต่างบอกว่าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยไม่ต้องฝืน เขายังมีครู มีป้านิดและเพื่อนๆอยู่พร้อมฟังเขาเสมอ อิสร์ทนไม่ได้เดินเลี่ยงออกมาคำราม “ใครมันทำเพื่อนกูแบบนี้วะ”
พวกครูจันทราอยู่กับพัสกรจนหมดเวลาเยี่ยม อคินถามครูว่าจะไม่บอกพัสกรจริงๆหรือว่างานศพจัดที่ไหน ป้านิดบอกว่าร่างกายอ่อนแอ สภาพจิตใจก็บอบช้ำ พัสกรคงไม่พร้อมรับมือกับพวกนั้นตอนนี้หรอก ทุกคนมองพัสกรที่หลับอยู่อย่างหนักใจ เบนบอกว่า
“ได้ยาไปแล้วคงหลับยาว อย่างน้อยมันคงไม่ไปคืนนี้”
ที่โรงเรียนสอนเต้นของฉัตรชัย พวกเด็กๆที่ฟังการโฆษณาของฉัตรชัยกับครูเจบีในวันเปิดโรงเรียนของพัสกรหลงเชื่อพากันมาที่โรงเรียนของฉัตรชัยถามว่าเมื่อไหร่จะทำตามที่บอกไว้
ฉัตรชัยตำหนิเด็กว่าครูพัสกรของเขานอนร่อแร่อยู่โรงพยาบาลยังจะมัวห่วงเรื่องส่วนตัวอยู่อีก แล้วกระซิบบอกครูเจบีว่า “ให้มันกลับไปเก็บขวดขายซะ อย่าให้มาเกะกะรกหูรกตาที่นี่อีก”
ooooooo
แต่พอพัสกรตื่นขึ้นมาเขาก็ลุกเขยกไปที่ตู้เสื้อผ้า เห็นมีถุงใบหนึ่งในนั้นมีกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ เขาตรงไปที่รถวีลแชร์เข็นพาตัวเองออกไป พยาบาลเห็นก็พากันมาห้ามแต่พัสกรก็จะไปให้ได้
พัสกรหลบหลีกพยาบาลพยายามจะลุกเดินก็หกล้ม พอดีพันตำรวจตรีนิรุตต์ เจ้าของคดีระเบิดที่โรงเรียนมารับไว้ทัน
เมื่อเข้าไปคุยกันในห้องพักคนไข้ พัสกรถามว่าใครวางระเบิดโรงเรียนตน วางทำไม นิรุตต์บอกว่าเอาไว้เขาพร้อมเมื่อไหร่แล้วจะเล่าลงลึกให้ฟัง ถามว่าเขามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า
หมออยากให้พัสกรพักผ่อนจึงขอร้องสารวัตรอย่าเพิ่งคุยดีกว่า นิรุตต์บอกว่าได้ แต่พอหันมองพัสกร ปรากฏว่าหลับไปแล้วเพราะหมอให้ยานอนหลับไปกับสายน้ำเกลือเพื่อคนป่วยจะได้พักผ่อน แต่นิรุตต์บอกหมอว่า
“ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใครและมันก็ยังลอยนวลอยู่ เพื่อความปลอดภัยของครูพัสกร ผมฝากทางโรงพยาบาลช่วยให้ความร่วมมือด้วยนะครับ ผมจะให้ตำรวจสองนายประจำอยู่ที่นี่คอยดูแลความเรียบร้อยถ้าเกิดเหตุอะไรก็โทร.ตามผมได้ทันที”
นิรุตต์ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายมาเฝ้าหน้าห้องพักพัสกร จนถึงตีสามตำรวจทั้งสองง่วงนอนคนหนึ่งจึงไปซื้อกาแฟ ระหว่างเดินกลับผ่านเก้าอี้ที่หน้าลิฟต์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังก้มดูเห็นโทรศัพท์หล่นอยู่จึงวางถุงใส่ถ้วยกาแฟก้มหยิบ
ระหว่างนั้นเองมีมือลึกลับแอบเปลี่ยนถุงกาแฟ เมื่อเอากาแฟไปกินกันไม่นานตำรวจทั้งสองนายก็หลับคอพับ
ที่แท้มือลึกลับที่มาเปลี่ยนถุงกาแฟคือเต้ที่ปลอมเป็นพยาบาลนั่นเอง!
พอวางยาตำรวจหลับ เต้ก็ย่องเข้าไปในห้องจะฉีดยาที่เตรียมมาในสายน้ำเกลือ พลันก็ชะงักเมื่อมีคนผลักประตูเข้ามา แหวนพลอยนั่นเอง เธอแอบมาเยี่ยมพัสกร แหวนพลอยตกใจที่เห็นพยาบาลอยู่ ส่วนเต้ก็ตกใจรีบกำเข็มไว้แน่นแล้วทำเดินออกไปเนียนๆ แต่พอออกมานอกห้องก็พึมพำแค้น
“ไอ้พัสกร มึงไม่โชคดีตลอดไปหรอก”
พอหกโมงเช้าพยาบาลมาดูพัสกรเจอตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายยังหลับคอพับอยู่ก็รีบเข้าไปในห้อง แหวนพลอยตกใจมุดเข้าแอบใต้ผ้าห่มของพัสกร พัสกร รู้สึกตัวพอดีถามว่ามุดเข้ามาทำไม แหวนพลอยตกใจเด้งตกเตียง พอดีพยาบาลเข้ามาถามว่าเธอเป็นใครเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง มาทำอะไรคุณพัสกร
แหวนพลอยตกใจแก้ตัวไม่ถูก พยาบาลเลยสั่งให้เรียก รปภ.
“ไม่ต้องหรอกครับ เขาเป็นคนของผมเอง” พัสกรขัดขึ้น ลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
ooooooo
พัสกรรู้จากแหวนพลอยว่าเห็นข่าวเขา ปู่เลยบอกให้มาเยี่ยม พัสกรถามว่างั้นก็รู้สิว่างานศพครอบครัวตนจัดที่ไหน แหวนพลอยชะงักฉุกคิดว่าเมื่อไม่มีใครบอกเขาแล้วตนจะบอกหรือ
“ไหนบอกว่าจะตอบแทนฉันไงแหวนพลอย” พัสกรเสียงเข้มจนแหวนพลอยอึ้ง
สารวัตรนิรุตต์กับหมวดนะมาที่โรงพยาบาลแต่เช้า เจอตำรวจสองนายยังหลับอยู่ มีแก้วกาแฟเปล่าวางอยู่สองใบ นิรุตต์รู้ทันทีว่าโดนวางยา ขณะหมวดนะกำลังจะเปิด ประตูเข้าไป ประตูก็ถูกผลักออกอย่างแรงกระแทกหน้าหมวดนะจนเซ
ที่แท้แหวนพลอยผลักประตูออกมาดูลาดเลาเพื่อพาพัสกรออกไป พอเจอหมวดนะก็ตกใจ
หมวดนะและนิรุตต์คาดคั้นถามว่าเธอเป็นใคร มาทำอะไรในนี้ สั่งค้นเป้ แหวนพลอยรีบถอดเป้เทของออกมาหลอกให้ค้น เปิดโอกาสให้พัสกรเข็นรถออกจากห้องไปได้ ส่วนตัวเองก็วิ่งหนีไปทางบันไดหนีไฟ หมวดนะกับนิรุตต์ยิ่งสงสัยวิ่งไล่ตามจับ
พัสกรเข็นรถหลบมาถึงหน้าลิฟต์ก็กดเรียกลิฟต์ พลางเอ่ยขอบใจแหวนพลอยที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ไหน
พัสกรเข้าลิฟต์ไป ก็พอดีลิฟต์อีกตัวเปิดออก กุ๊งกิ๊งกับเต้อยู่ข้างใน มือเต้มีดอกไม้ส่วนกุ๊งกิ๊งกำลังโทรศัพท์บ่นๆว่ายังติดต่อจันทิมาไม่ได้ เต้บ่นว่าหายไปไหนของเขานะ แทนที่จะมาเยี่ยมพัสกรด้วยกัน พลันเต้ก็ชะงักเมื่อเห็นพัสกรอยู่ในลิฟต์อีกตัวแต่ลิฟต์ปิดพอดี กุ๊งกิ๊งถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
เต้เอะใจอะไรบางอย่างแต่ก็บอกตัวเองว่า “ไม่หรอกมั้ง...ไม่น่าใช่” แต่ก็รีบขึ้นไปที่ห้องพัสกรทันที
กุ๊งกิ๊งกับเต้มาถึงหน้าห้องของพัสกรเจอหมวดนะกลับมาดูที่ห้องพอดี เต้เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แหวนพลอยวิ่งมาถึงลิฟต์เปิดดูไม่เห็นพัสกรก็เอะใจว่าเขาหายไปไหน พอดีนิรุตต์ตามมาทันแต่แหวนพลอยวิ่งหนีพลางมองหาพัสกร
กุ๊งกิ๊งกับเต้มาถึงห้องไม่เห็นพัสกร หมวดนะสงสัยว่าหรือจะเป็นน้องคนเมื่อกี้ เต้ได้ยินพึมพำกับตัวเองอย่างมั่นใจว่า
“งั้นที่เห็นในลิฟต์ก็ใช่พัสกรจริงๆน่ะสิ” แล้วรีบไปที่ประตู
“เดี๋ยวเต้ แปลว่าพัสกรเขาจะหนีไปเหรอ...ไปไหนอะ” กุ๊งกิ๊งรีบวิ่งตามเต้ไป
ooooooo
แหวนพลอยตามไปเจอพัสกรที่ชั้นล่างโรง-พยาบาล ตรงไปคว้ารถเข็นหมับต่อว่าทันทีว่าไม่คอยกันเลยนะ ทันใดก็ได้ยินเสียง รปภ.บอกกันว่าเจอตัวแล้ว แหวนพลอยตาเหลือกรีบพาพัสกรหนี
แต่พอหนีพ้นจาก รปภ.ก็มาเจอนิรุตต์เข้าจังๆอีก เข็นพัสกรหนีก็ถูกนิรุตต์ตาม ขณะนั้นเองเต้ หมวดนะกับกุ๊งกิ๊งวิ่งมาจากอีกทาง กุ๊งกิ๊งร้องบอก “นั่น คุณพัสกรอยู่นั่น!”
แหวนพลอยเข็นรถออกทางประตูข้างเจอกวงเอารถมาจอดพอดี แหวนพลอยให้กวงช่วยพาพัสกรขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย พวกเต้วิ่งตามแต่ไม่ทัน นิรุตต์จำเต้กับกุ๊งกิ๊งได้ทักว่าเป็นเพื่อนสนิทของพัสกรใช่ไหม
กุ๊งกิ๊งดีใจนึกว่าแฟนคลับถามว่าอยากเซลฟี่ไหม นิรุตต์จึงแนะนำตัวเองบอกชื่อ ตำแหน่งและหน้าที่คือเจ้าของคดีปาระเบิดโรงเรียนหงส์เหิน ทำเอากุ๊งกิ๊งหน้าแตก
พอไปที่ห้องสอบสวน กุ๊งกิ๊งถูกสารวัตรนิรุตต์สอบสวนอย่างตึงเครียด กุ๊งกิ๊งโวยวายว่าตนเป็นเพื่อนกับพัสกรตั้งแต่เรียนปี 1 ผ่านมา 10 ปีแล้ว พัสกรเป็นยิ่งกว่าเพื่อน เหมือนพี่น้องด้วยซ้ำแล้วจะสงสัยตนได้ไงตัดพ้อต่อว่าแล้วร้องไห้โฮเลย สารวัตรถามว่าตอนเกิดระเบิดทำไมเธอไม่อยู่ที่โรงเรียนทั้งที่เธอควรอยู่ในงานด้วย
กุ๊งกิ๊งสะอื้นฮักบอกว่าตนอยู่ในรถแท็กซี่รถติดมากตนเลยมาไม่ทัน วันนั้นตนตื่นแต่เช้าแต่งตาเลอะเลยต้องแต่งใหม่เพราะวันสำคัญต้องแต่งเป็นพิเศษแต่แล้วตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรเลย พูดจบก็ร้องไห้ฟูมฟายจนนิรุตต์ต้องส่งทิชชูให้ ถามมีใครเป็นพยานให้เธอได้ไหม เต้เล่าหน้าขรึมเศร้าว่า
“ตอนนั้นผมขับรถอยู่คนเดียว วันนั้นพัสกรทราบอยู่แล้วว่าผมติดงาน...แต่ตอนอยู่บนทางด่วนเขาโทร.มายกเลิกกะทันหันผมเลยกลับ ตั้งใจจะกลับไปที่หงส์เหิน แต่...ไม่ทัน”
สารวัตรนิรุตต์ถามว่าพัสกรเคยพูดเรื่องปัญหาส่วนตัวหรือว่าเคยทะเลาะกับใครให้ฟังไหม กุ๊งกิ๊งบอกว่าไม่มี พัสกรเป็นคนดีมาก แต่แล้วก็นึกได้ “โอ๊ะ!! พอตรองๆดูก็นึกได้ มีคนที่ไม่ชอบพัสเขาเหมือนกันนะคะ”
นิรุตต์กับหมวดที่พิมพ์คำให้การอยู่สนใจทันทีว่าเป็นใคร??
ooooooo
อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.61
มนตราลายหงส์ บทประพันธ์โดย ศตรัศมิ์มนตราลายหงส์ บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
มนตราลายหงส์ กำกับการแสดงโดย ฉัตรชัย นาคสุริยะ,นัฐพงศ์ วงษ์กวีไพโรจน์
มนตราลายหงส์ ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี บราเธอร์ จำกัด
มนตราลายหงส์ ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ