อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 6 มิ.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 6 มิ.ย.61

เนเมียวสีหบดีกลัวมากรีบคุกเข่ารายงานว่า ตนจัดทหารหนึ่งหมื่นคนไว้คอยควบคุมอโยธยา แต่ทหารหนึ่งหมื่นคนอาจไม่เพียงพอกับพื้นที่กว้างใหญ่ของอโยธยาก็เป็นได้

“ไม่กระมัง” อะแซหวุ่นกี้แย้ง “เราไม่ได้บุกยึด เพียงแต่คอยกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์สมบัติ หนึ่งหมื่นน่าจะเพียงพอแล้ว เจ้าเป็นทหารชาญศึกย่อมรู้ดี แต่ที่แพ้น่าจะเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามเก่งกาจกว่าที่คาดไว้มากกว่า เจ้าบอกมาตามตรงเถิดพระยาตากผู้นี้เป็นผู้ใด”

“พระยาตากผู้นี้เป็นทหารที่มารักษาอโยธยา แต่ระหว่างศึกได้หนีไป ข้าส่งคนออกตามล่าแล้ว แต่ก็ รบแพ้ทุกคราไป จนเห็นว่าไปไกลแล้วจึงไม่ได้สนใจอีกไม่คิดว่า...เอ่อ....”



“เจ้าประมาทน่ะสิถึงได้พลาดพลั้งเอาเช่นนี้ กว่าจะเอาชัยอโยธยาได้ เสียทั้งเวลา ทหาร แลทรัพย์สินไปเท่าใด ยังไม่คุ้มกับที่เสียไปก็ถูกเอาคืนกลับไปแล้ว” พระเจ้ามังระโมโหมาก

เนเมียวสีหบดีพนมมือไหว้ บอกว่าตนผิดไปแล้วทรงโปรดให้อภัยด้วย อะแซหวุ่นกี้ก็ช่วยพูดว่า

“ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า จะทรงโทษเนเมียวสีหบดีอย่างเดียวก็ไม่ควร ด้วยพระยาตากผู้นี้เลือกที่จะฉวยโอกาสตอนเราติดศึกจีนกู้อโยธยาก่อน แทนที่จะตั้งตนเป็นก๊กเป็นเหล่าเหมือนผู้อื่น แสดงถึงสายตาที่ยาวไกลนัก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการศึก สามารถเอาชัยทัพเราได้ คนเช่นนี้ใช่จะรับมือได้โดยง่าย”

พระเจ้ามังระคล้อยตามอะแซหวุ่นกี้ ถามทหารที่มารายงานว่าหลังจากยึดอโยธยากลับไป พระยาตากผู้นี้ได้ทำอย่างไรบ้าง ทหารรายงานว่าพระยาตากได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ คนทั้งปวงเรียกพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” พระเจ้ามังระฟังแล้วขบกรามทุบโต๊ะคำราม

“พระเจ้าตากสิน รอข้าเสร็จศึกกับจีนก่อนเถิด แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”

ooooooo

ในที่สุดพระยากำแหง ขุนรักษ์เทวา และเป้าก็มาถึงค่ายพระเจ้าตากในสภาพทรุดโทรมและเหนื่อยล้า

พระเจ้าตากต้อนรับด้วยความยินดี จะได้อยู่ช่วยกันบำรุงบ้านเมืองต่อไป พระยากำแหงที่เสียดวงตาไป

ข้างหนึ่งและชำนาญงานการในวังก็ให้ช่วยเป็นออกญาวัง ขุนรักษ์เทวาที่มีความรู้เรื่องทำบัญชีและภาษาก็ให้มาช่วยเรื่องค้าขาย เพราะเงินทองในราชสำนักร่อยหรอนัก

เป้าคิดถึงและเป็นห่วงแมงเม่ามาก รู้ว่าม่วงเป็นทหาร รับใช้พระเจ้าตากจึงขอพบม่วงเพื่อถามข่าวคราวแมงเม่า

“พูดขึ้นมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องที่อยากจะอธิบายให้เข้าใจกันเสียที” พระเจ้าตากเหลือบเห็นขันทองเดินมาพอดีก็ยิ้มขำๆ “เออ...ช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ”

“ออกพระศรี” พระยากำแหง เป้า และขุนรักษ์–เทวาอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นขันทองเต็มตา

“เป็นออกพระศรีจริง แต่ไม่ใช่พระศรีขันทิน หากแต่เป็นพระศรีสัจจาขอรับ” ขันทองบอก

พระยากำแหง เป้า และขุนรักษ์เทวาต่างแปลกใจว่าทำไมขันทองจึงมาอยู่กับพระเจ้าตากได้ จนเมื่อขันทองกับพระยากำแหงได้คุยกันจึงกระจ่างชัด ว่าขันทองไม่ได้เป็นขันทีและที่ต้องปลอมเป็นขันทีเพราะความจำเป็น และไม่ได้เป็นผู้ทุรยศอย่างที่พระยากำแหงระแวง

พระยากำแหงถามว่า แล้วเวลานี้คุณพระรับผิดชอบหน้าที่ใด

“กระผมมีหน้าที่ซ่อมแซมแลปรับปรุงทางบกทางน้ำทั่วแผ่นดินให้เดินทางโดยสะดวกยิ่งขึ้นขอรับ” พระยากำแหงแปลกใจว่าแต่โบราณมา ยิ่งหนทางทุรกันดารเพียงใดก็ยิ่งดีมิใช่หรือ เพลาข้าศึกยกทัพมาจะได้ลำบาก ขันทองบอกว่าตนเคยทูลถามแต่พระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสตอบว่าความคิดเช่นนั้นเก่าไปแล้ว การปรับปรุงเส้นทางให้ดีจะทำให้การค้าขายดีขึ้น เก็บภาษีได้มากขึ้น เมื่อร่ำรวยก็สร้างกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้นได้

พระยากำแหงชื่นชมว่าทรงมีสายพระเนตรยาวไกลนัก ตนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ทั้งยังชื่นชมว่า

“จะว่าไปพระองค์ท่านทรงแตกต่างจากเจ้าประคุณขุนนางอื่นที่ฉันเคยพบมานัก ไม่มีพระองค์ใดโปรดให้ไพร่เข้าใกล้เลย เพราะถือเป็นการเสื่อมพระเกียรติ แต่ฉันเห็นพระองค์ไม่เพียงโปรดให้ชาวบ้านเข้าเฝ้า บางครายังเสด็จไปตรัสกับชาวบ้านก่อนเสียด้วยซ้ำ”

“เพราะเช่นนี้อาณาประชาราษฎร์จึงรักใคร่ในพระองค์ท่าน ขนาดเพิ่งแตกกระสานซ่านเซ็นไป ก็ยังกลับมารวมกันได้ เพราะมีพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจ”

ขันทองนึกได้หน้าเจื่อนกราบขออภัยเรื่องแมงเม่า กำลังจะบอกว่าตนกับแมงเม่า...พระยากำแหงก็ตัดบทว่า ช่างเถิด ตนเห็นแมงเม่าอยู่ที่นี่ก็เข้าใจหมดแล้ว และบอกว่าตนก็แต่งงานกับเป้าแล้วด้วย ฉะนั้นไม่ติดใจอะไรแล้ว ขันทองตกใจนึกไม่ถึง พระยากำแหงพูดขำๆว่า

“พุทโธ่ ลำบากลำบนมาด้วยกันตั้งเจ็ดเดือน อยู่กันสามคน ช่วยกันเอาชีวิตรอด ถ้าไม่รักแม่เป้าก็คงรักท่านขุนรักษ์เทวาแล้วล่ะ จะแปลกใจทำไม” ขันทองฟังแล้วพลอยขำไปด้วย....

เมื่อแมงเม่ากับเป้าพบกัน คุยกันด้วยความดีใจ แมงเม่าตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าเป้าแต่งงานกับพระยา-กำแหงแล้ว ถามว่าแล้วไม่คิดถึงขุนจิตใจภักดิ์หรือแน่นบ้างหรือ เป้าบอกว่าตนคิดถึงเสมอ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกเดียวกับความรู้สึกกับท่านเจ้าคุณ แมงเม่าถามว่าอย่างไรรึ

“ท่านขุนจิตมีรักแท้ต่อฉัน ฉันเองถ้ารู้ว่าท่านขุนเป็นชายแต่แรกก็คงรักท่านตอบได้ไม่ยาก แต่มารู้เมื่อสายเกินไป ดังนั้นจะบอกว่า ‘รัก’ ก็ไม่เต็มปากนัก แต่กับท่านเจ้าคุณ เจ็ดเดือนที่ได้อยู่ด้วยกัน ฉันพูดได้เต็มปากว่าฉันรักท่านเจ้าคุณมากจริงๆ”

แมงเม่าแสดงความยินดีกับเพื่อนรัก เป้าบอกว่าให้เล่าเรื่องของแมงเม่ากับออกพระศรีขันทินให้ฟังบ้างสิ แมงเม่าจึงบอกว่า “ออกพระศรีขันทินที่ไหนกัน พระศรีสัจจาต่างหาก”

“ใครจะไปจดไปจำได้แม่นยำเท่ากับคนรักกันได้ล่ะจ๊ะ ได้ฤกษ์งามยามมงคลออกเรือนหรือยัง”

แมงเม่าได้แต่ยิ้มเขิน....

ooooooo

หกเดือนต่อมา...

ที่เรือนไทยใหญ่โตสวยงามของมิ่ง ที่สร้างขึ้นใหม่จากที่ไปขุดสมบัติที่ฝังไว้และทำโรงงานกระดาษร่ำรวยขึ้นเหมือนเดิม วันนี้จัดงานแต่งงานของแมงเม่ากับขันทอง แมงเม่าตื่นเต้นมากชะเง้อรอขันหมากอย่างกระวนกระวายใจ จนชื่นปลอบใจว่า

“ไม่ต้องร้อนใจไปดอก อีกนานนักกว่าจะถึงฤกษ์ แลงานแต่งครานี้เป็นงานพระราชทาน อีกไม่นานก็คงมีแขกเหรื่อมาเต็มเรือน ถึงอย่างไรพ่อขันทอง เอ๊ย...ออกพระศรีก็ต้องยกขันหมากมาขออยู่แล้วล่ะ”

ครู่เดียวติ่นกับผลก็มาบอกอย่างตื่นเต้นว่ามาแล้ว มาทางเรือขบวนใหญ่โตเชียว ทั้งชื่น ม่วง ผลและมิ่งต่างช่วยกันดูในครัวและเครื่องใช้ต่างๆว่าพร้อมหรือยัง ตื่นเต้นกันจนทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด

แขกเหรื่อที่มางานต่างกินดื่มกันอย่างคึกคักสนุกสนาน แต่กลับไม่มีขันทองกับแมงเม่าอยู่ในงาน

ที่แท้แมงเม่าตื่นเต้นจนลากเป้าเข้าไปในห้องหนึ่งปิดประตูขอให้ช่วยตนด้วยบอกว่าตนกลัวการเข้าหอ พระยากำแหงกับขันทองก็อยู่ที่มุมหนึ่งในเรือน พระยา–กำแหงตกใจไม่ต่างจากเป้า อุทานทึ่ง

“เกิดมาฉันไม่เคยได้ยิน มีกลัวแบบนี้ด้วยรึ มีอย่างที่ไหนจนทำพิธีเสร็จแล้วเพิ่งมากลัว”

ขันทองขอให้เห็นใจตนด้วย เพราะตนบวชแต่เล็กแต่น้อย สึกออกมาก็ปลอมตัวเข้าวังเป็นขันที หากชีวิตไม่พลิกผันคงบวชไม่สึก ยอมรับว่า “แต่คืนนี้ต้องมาเข้าหอ กระผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรจริงๆ”

พระยากำแหงซึ่งผ่านการแต่งงานมาแล้วสองครั้งยืดอกสอนอย่างผู้ชำนาญ

ทั้งพระยากำแหงและเป้าต่างสอนขันทองและแมงเม่าตามประสบการณ์และบทเรียนของตน

ฝ่ายมิ่ง ม่วง ร่วมกับพระยากำแหง มายืนลุ้นอยู่หน้าห้องหอ คอยจังหวะที่จะเคาะประตูทำให้ขันทองกับแมงเม่าที่อยู่ในห้องตกใจจะได้กอดกัน ครั้งแรกทำสำเร็จแล้วรอจังหวะที่จะทำอีก แต่พระยากำแหงถูกเป้ามาตามกลับบ้าน อินก็มาตามม่วงบอกว่าลูกร้องจะให้ตนดูคนเดียวหรือ ทั้งสองจึงกลับไป

ภายในห้องหอ...เมื่อได้กอดกันแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติโดยไม่ต้องมีใครสอน แมงเม่ายังเขินชวนขันทองมาแก้กลบทกันดีหรือไม่ ขันทองถามว่าแก้กลบทตอนนี้หรือ ยิ้มขำๆแล้วเอ่ย “แม้นกุศล เราสอง เคยร่วมสร้าง ขอร่วมห้อง อย่าได้ ห่างเสน่หา เสี่ยงผลที่ ได้เพิ่ม บำเพ็ญมา ขอร่วมชีวา ร่วมวางชีวาวาย”

แมงเม่าบอกว่านี่ไม่ใช่กลบทแต่เป็นเพลงยาวของเจ้าฟ้ากุ้งต่างหาก

“ความรักของพี่ไม่ต้องถอดกลบทดอกคนดี” ขันทองเชยคางแมงเม่าขึ้นมองด้วยความรักใคร่บอกว่าแค่เจ้ารู้สึกก็พอ ทำตากรุ้มกริ่มพลันก็บอกว่า “พี่จะปล้ำเจ้าแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีล่ะ”

ขันทองอุ้มแมงเม่าที่ทุบตนแก้เขินไปวางที่เตียง ก้มหอมแก้มอย่างแผ่วเบา...

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 วันที่ 6 มิ.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ