อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย.61

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย.61

เอนรู้เรื่องที่ดวลทะเลาะกับพ่อจนต้องหนีมาหาตนเอง แทนที่จะเป็นกำลังใจให้เพื่อน กลับชวนให้เสพยาจะได้ลืมเรื่องพ่อ แถมพอเมาได้ที่ชวนเขาไปขโมยของในซุปเปอร์มาร์เกตสาขาหนึ่งของสวาทวิมล พอถูกจับได้เอนกลับหนีเอาตัวรอดทิ้งให้ดวลถูก รปภ.คุมตัวไปพบกับทูลซึ่งมาตรวจงานที่นี่พอดี...

ที่ห้องทำงานของผู้จัดการสาขา ทูลมองดวลที่เอาแต่นั่งก้มหน้าสลับกับดูบัตรประชาชนแล้วรู้สึกเวทนา เขาเพิ่งจะอายุ 17 ปีเท่านั้น ผู้จัดการฯสั่งให้เขาบอกทูลไปว่าเพื่อนที่มาด้วยกันซึ่งหนีรอดไปได้ชื่ออะไรบ้านอยู่ไหน ดวลไม่ตอบได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ผู้จัดการฯแนะให้ทูลแจ้งตำรวจมาจัดการ พอได้ยินคำว่าตำรวจ ดวลเริ่มเหงื่อซึมที่โคนผม ท่าทางกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ทูลรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา



“เธอใช้ยาเหรอ”

ดวลตกใจเหลือบมองทูลแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าต่อ ทูลมั่นใจว่าเขาต้องเสพยา เพราะเคยเห็นคนเล่นยามีอาการไม่ต่างกัน พลันภาพในอดีตเมื่อ 3 ปีที่แล้วผุดขึ้นมาในความคิดของทูล ตอนนั้นเที่ยงวันลูกชายของเขานั่งก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเขา มีเหงื่อซึมตามโคนผมกับหน้าผาก และมีแผลจากการขับรถชนเด็ก

สวาทวิมลโกรธมากที่ลูกทำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ ชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตป่นปี้หมดแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ไม่พูดเปล่าเธอเข้าไปตบหน้าเที่ยงวันไม่ยั้ง ลูกได้แต่นั่งนิ่งไม่ปัดป้อง ทูลสงสารลูกจับใจขอร้องให้พอได้แล้ว เธอพาลหาเรื่องเขาไปด้วยหาว่าไม่เอาไหนลูกถึงได้เป็นแบบนี้ นี่เธอคงต้องอยู่แต่ในบ้านออกไปสู้หน้าผู้คนไม่ได้ ทูลเสียงเข้มใส่ พูดจบหรือยัง ตกลงเธอแคร์ใครกันแน่ลูกหรือสังคม

“คิดดูดีๆนะคุณสวาท ถ้าคุณยังไม่เปลี่ยนความคิดไม่เปลี่ยนตัวเอง คุณอาจเสียลูกตลอดไปก็ได้”...

เสียงผู้จัดการฯเตือนให้เรียกตำรวจปลุกให้ทูลตื่นจากภวังค์ เขาสั่งไม่ให้ตาม เด็กคนนี้มีปัญหายาเสพติดถ้าถึงตำรวจจะโดนคดียาเสพติดไปด้วย สั่งให้ผู้จัดการฯเอาบัตรประชาชนไปค้นหาข้อมูลเบอร์โทร.บ้านเด็กคนนี้ดู ดวลร้องห้ามเสียงหลงว่าอย่าบอกที่บ้าน ทูลยืนกรานมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้

“ไม่จริง ไม่มีใครช่วยผมได้ ไม่มีใครรักผมเลย” ดวลคร่ำครวญน้ำตาคลอ

ooooooo

ในขณะเดียวกัน เดือนสิบซึ่งอยู่ที่แอฟริกาใต้ปรับทุกข์ให้เที่ยงวันฟังว่าดวลน้องชายของเธอชอบคิดว่าไม่มีใครรักแต่ไม่จริงเลย เที่ยงวันมั่นใจสักวันหนึ่งดวลจะเข้าใจว่าไม่มีใครรักเขาจริงๆนอกจากครอบครัว เธอสงสัยว่าเขาผ่านมันมาได้อย่างไรทั้งที่ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ตอนนี้การรักษาทางการแพทย์เจริญขึ้นมาก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนเก่าแล้ว แต่สำคัญที่สุดมันอยู่ที่ใจ การเลิกยาไม่ใช่เรื่องยากแต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการได้รับการยอมรับจากสังคม ครอบครัวเท่านั้นที่จะช่วยให้เราผ่านไปได้”...

โชคดีของเที่ยงวันที่พ่อกับแม่เข้าใจและพยายามปรับตัวเข้าหาลูก แต่ดวลไม่โชคดีอย่างนั้น ดำเกิงโกรธที่เขาสร้างแต่เรื่องเดือดร้อนให้ด่าหยาบๆคายๆ แถมยังต่อยหน้าเต็มแรงหงายหลังตึงหมดสติ...

ชีวาตม์ที่ยืนมองเที่ยงวันกับเดือนสิบคุยกันอยู่นานสองนานหันมาบอกสวาทวิมลว่าสงสัยเที่ยงวันเปิดประตูออกมาดูโลกภายนอกบ้างแล้ว ท่านพยักหน้าเห็นด้วย ยุพราที่ยืนอยู่ข้างๆได้ที

“ฉันว่าที่คุณเที่ยงไม่เปิดประตูออกมาสักทีก็เพราะโดนแม่ยายตัวแสบของคุณล็อกกุญแจขังเอาไว้นี่แหละ...มองอะไรคุณชีวาตม์ ฉันพูดความจริงคนอะไรร้ายกาจที่สุด”

“ยังไงเขาก็เป็นแม่ยายผมนะครับ จะพูดอะไรกรุณาให้เกียรติผมบ้าง” ชีวาตม์โวยกลับ สองคนเปิดศึกน้ำลายกันอย่างไม่มีใครยอมใคร สวาทวิมลต้องขอร้องให้เลิกเถียงกัน แล้วหันมองลูกชายอย่างมีความสุข...

ระหว่างที่สวาทวิมลเห็นแสงปลายอุโมงค์รำไรที่จะทำให้เที่ยงวันกลับสู่สังคมได้อีกครั้ง ลำธารซึ่งอยู่ที่เมืองไทยรู้สึกสะดุดใจกับรูปถ่ายที่เดือนสิบส่งมาให้ทางไลน์ เพราะมักจะติดรูปเที่ยงวันยืนมองเธออยู่ทุกรูป เงินยวงเองก็เห็นเช่นกัน แนะให้พี่ชายตอบไลน์เธอบ้าง ปล่อยแฟนตัวเองให้ไปอยู่กับหนุ่มหล่อแถมบรรยากาศโรแมนติกแบบนั้นระวังจะโดนฉกไป เขารำคาญไล่น้องสาวไปนอนได้แล้ว

“ไลน์ก็ไม่ตอบโทร.มาก็ไม่รับพี่เดือนเขาทนพี่ได้ยังไง เป็นยวงนะหนีไปเป็นแฟนกับพ่อรูปหล่อคนนั้นดีกว่า เออ...พี่ธาร ยวงอยากช่วยดวลค่ะที่มูลนิธิเราช่วยคนติดยาให้เลิกยาได้ปีนึงตั้งหลายคน ยวงช่วยได้นะคะเผื่อคุณแม่จะเปลี่ยนใจ” เงินยวงพูดไม่ทันขาดคำมีเสียงยี่สุ่นดังขึ้นว่าตนไม่มีทางเปลี่ยนใจและไม่มีทางยอมรับ เดือนสิบเด็ดขาด เงินยวงอ้าปากจะท้วงก็โดนแม่ไล่ให้ไปนอน ยี่สุ่นรอจนเธอไปแล้วจึงหันไปหาลำธาร

“ต่อให้ธารฝืนคบกับเดือนสิบไป ธารก็ไม่มีวันได้แต่งงานกับเขาจำเอาไว้”

ooooooo

นภางค์เริ่มตีตัวออกห่างจากรื่นเริงเนื่องจากเอียนกับนิสัยชอบนินทาว่าร้ายแถมยังพูดจาหยาบคาย เจ้าตัวเองก็รู้สึกได้ว่านภางค์เปลี่ยนไป ก้านวงศ์เองก็รู้สึกกับรื่นเริงเปลี่ยนไปเช่นกัน...

ที่หน้าโรงแรมที่พัก วาวาตูปูผ้าเอารูปที่ถ่ายพวกลูกทัวร์ใส่กรอบสวยงามมาวางขายเพราะวันนี้คณะทัวร์จะย้ายไปเมืองอื่นแล้ว รื่นเริงเดินออกมาเป็นคนสุดท้ายเห็นพวกลูกทัวร์กำลังมุงดูรูปภาพแล้วพากันหัวเราะ ปรี่เข้าไปร่วมดูด้วย แทรกคนอื่นเข้าไปอยู่แถวหน้าอย่างไร้มารยาททำให้เธอตระหนักว่าเรื่องที่ทุกคนขำกันนั้นคือภาพตัวเธอที่กำลังเต้นแร้งเต้นกาไล่วาวาตูซึ่งเห็นเธอเข้าก็ยื่นภาพถ่ายให้บอกว่าสวยๆไม่แพง

“รูปคุณรื่นเริงสวยมากเลยนะคะ รับไหมคะสวยๆไม่แพง” ยุพราเลียนแบบวาวาตู รื่นเริงฉุนขาดเตะแผงขายรูปของเขากระจุยกระจาย ชีวาตม์รีบเข้ามาดึงตัวแม่ยายออกไป

ไม่ใช่แค่ทำลายแผงขายภาพของวาวาตูเท่านั้น รื่นเริงยังไปฟ้องผู้จัดการโรงแรมให้มาไล่ไม่ให้เขาขายของอีกด้วย เที่ยงวันสงสารเขาจับใจจึงตามไปช่วยซื้อรูปหลายรูป เขาดีใจมากนี่เท่ากับครอบครัวของเขาจะมีเงินซื้ออาหารกิน และเพื่อเป็นการขอบคุณในความใจดีของเที่ยงวัน เขาแถมรูปภาพเดือนสิบให้ และยังบอกด้วยว่าเขามาที่นี่ไม่ได้มาหาเงินแต่มาหาโอกาสซึ่งมีค่ามากกว่าเงิน...

นภางค์ได้เห็นภาพถ่ายตัวเองฝีมือวาวาตูจากที่ทีมงานซื้อมาฝากก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...

แม้จะรู้สึกผิดที่โมโหจนลืมตัวทำร้ายลูกจนปากเป็นครุฑหน้าตาบวมปูด แต่ดำเกิงก็ไม่คิดจะขอโทษ ได้แต่แอบมองผ่านประตูห้องลูกที่เปิดค้างไว้ เห็นสกาวกำลังเอายาแก้ปวดให้ลูกกิน

จังหวะนั้นนาราซึ่งรู้ข่าวว่าดวลถูกดำเกิงทำร้ายก็ยกข้าวต้มฝีมือคุณยายมาให้ เจอดำเกิงยืนลับๆล่อๆอยู่หน้าห้องดวลก็ร้องทัก เขาไม่ทักตอบเดินหนีเข้าห้องตัวเองไปเลย เธอมองตามงงๆ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปเห็นสภาพของดวลแล้วตกใจมาก ถึงกับออกปากไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนเป็นพ่อสามารถทำแบบนี้กับลูกได้

“นารา ดวล ฟังนะลูกไม่มีพ่อคนไหนอยากทำแบบนี้หรอก” สกาวแก้ตัวแทนดำเกิง...

เมื่อคณะทัวร์มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโยฮันเนสเบิร์ก ชีวาตม์ปล่อยให้ลูกทัวร์เดินเที่ยวกันตามสบาย สวาทวิมลเห็นเที่ยงวันเดินคุยกับเดือนสิบอย่างสนิทสนมดีใจน้ำตาจะไหลที่เห็นเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ระหว่างเดินชมวิวกัน เที่ยงวันรับหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็นให้เดือนสิบกับยุพรา หลังจากถ่ายไปได้หลายภาพยุพราเรียกให้เที่ยงวันมาถ่ายกับเดือนสิบ เธอรับหน้าที่ตากล้องจำเป็นแทนเขาเอง

“คุณเที่ยงยิ้มเป็นไหม ไม่ได้ถ่ายรูปติดบัตรยิ้มได้”

เที่ยงวันหลุดขำออกมา ยุพราสบช่องรีบกดถ่ายภาพรัวๆ รื่นเริงเดินผ่านมาเห็นก็เบ้ปากใส่ก่อนจะเดินเชิดออกไป ยุพราของขึ้นจะตามไปเอาเรื่อง แต่เดือนสิบขอร้องไว้ให้เห็นแก่ชีวาตม์...

ทางด้านรื่นเริงตามเข้ามาสมทบกับนภางค์และก้านวงศ์จัดแจงด่าเดือนสิบว่าใฝ่ต่ำที่ไประริกระรี้กับไอ้ขี้ยานั่น คราวนี้เธอต้องผิดหวังเพราะนอกจากนภางค์จะไม่ร่วมสุมหัวนินทาด้วย ยังชมเที่ยงวันว่าไม่เห็นเหมือนขี้ยา หุ่นก็ดีหน้าตาก็มีเสน่ห์ ถ้าได้ขัดเกลาอีกหน่อยเป็นพระเอกได้เลยไม่แปลกที่จะมีสาวมาหลงรัก

ก้านวงศ์ได้ยินก็ไม่พอใจที่นภางค์ชมเที่ยงวัน ส่วนรื่นเริงยิ่งฟังก็ยิ่งขัดใจน้ำเสียงและท่าทีของนภางค์บ่งบอกชัดเจนว่าเธอเริ่มเปลี่ยนขั้ว...

สวาทวิมลต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อรู้จากชีวาตม์ว่าเดือนสิบมีแฟนแล้ว อดเป็นห่วงลูกไม่ได้ หากต้องผิดหวังจากผู้หญิงคนนี้อีก ไม่รู้ว่าเขาจะรับสภาพได้ไหม

ooooooo

สกาวเห็นนารามารับดวลไปเรียนหนังสือด้วยก็เบาใจ ลูกคงไม่ไปเถลไถลที่ไหน ทั้งคู่ยังเดินไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน เอนขับรถมาจอดเทียบ บีบแตรเรียกดวลให้มาขึ้นรถ เขายังโกรธไม่หายที่เอนหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้เขาต้องผจญกรรมตามลำพังจึงเร่งฝีเท้าหนีนาราเห็นดีด้วยชวนเขาให้รีบไปเดี๋ยวเข้าเรียนสาย

เอนไม่ยอมแพ้ขับรถไปขวางหน้า ลงไปขอร้องดวลให้ฟังตนก่อนแต่พอเห็นหน้าตาบวมบูดของเพื่อนก็ชะงักถามว่าไปโดนอะไรมา ครั้นรู้ว่าเขาถูกพ่ออัดก็โวยวายว่าท่านทำเกินไปขนาดพ่อของตนเลวๆยังไม่เคยทำกับตนขนาดนี้ เขาไม่สนใจเรื่องอื่นสนแค่ทำไมเอนถึงทิ้งเขาแบบนั้น เอนใช้ความเจ้าเล่ห์กล่อมจนดวลยอมให้อภัย แถมยังยอมขึ้นรถไปกับตัวเอง โดดเรียนหน้าตาเฉย นาราถึงกับเซ็งที่ไม่สามารถรั้งตัวดวลไว้ได้...

อ่านละคร ข้ามสีทันดร ตอนที่ 2 วันที่ 14 มิ.ย.61

ละคร ข้ามสีทันดร บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสิน
ละคร ข้ามสีทันดร บทโทรทัศน์โดย กู๊ดโฮป
ละคร ข้ามสีทันดร กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละคร ข้ามสีทันดร ผลิตโดย บริษัท จันทร์ 25 จำกัด
ละคร ข้ามสีทันดร ออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ