My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 13 มิ.ย.61

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 13 มิ.ย.61

สารวัตรนิรุตต์กับหมวดนะ ไปหาเต้ที่คอนโด ถามทันทีว่าเขามีเข็มกลัดขนนกอยู่กับตัวไหม เต้เปิดลิ้นชักหาวุ่นวาย สุดท้ายเอาเข็มกลัดขนนกมาให้  บอกว่าตนเพิ่งจัดห้องใหม่จำไม่ได้ว่าเอาไปไว้ที่ไหนเพิ่งหาเจอหมวดนะรับไปดู ที่เข็มกลัดมีชื่อย่อคณะและหมายเลขรุ่นถูกต้อง สารวัตรนิรุตต์จึงขอเก็บไว้ก่อน

เต้ยินดีถ้าจะช่วยให้จับคนร้ายได้

จากนั้นสารวัตรและหมวดนะไปหาทีมเต้นของพัสกรซึ่งล้วนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน เมื่อไปหากุ๊งกิ๊งที่ห้อง พบห้องรก ข้าวของเสื้อผ้าถูกถอดวางไปทั่ว เมื่อสารวัตรกับหมวดแจ้งวัตถุประสงค์ กุ๊งกิ๊งรื้อค้นหาวุ่นวายแต่ก็ไม่เจอ หมวดบ่นว่ารกขนาดนี้หาทั้งวันก็คงไม่เจอ สารวัตรดักคอว่า “หรือว่าจงใจรกจะได้อ้างว่าไม่เจอ”



สารวัตรนิรุตต์จึงไปที่หัองพักจันทิมาและให้หมวดนะอยู่ที่ห้องกุ๊งกิ๊ง พอสารวัตรมาถึงหน้าห้อง จันทิมาก็เปิดประตูออกมาพอดี บอกกำลังรออยู่เพราะกุ๊งกิ๊งโทร.บอกว่าสารวัตรจะมา

“งั้นคุณก็คงเตรียมสิ่งที่ผมตามหาไว้แล้วใช่ไหมครับ” สารวัตรถามดักคอ จันทิมาบอกว่าตนเก็บไว้ในกล่องนี้แต่ไม่รู้มันหายไปไหน หายไปได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่

ระหว่างนั้นเองหมวดนะก็โทร.มาบอกสารวัตรว่าของกุ๊งกิ๊งเจอแล้ว สารวัตรจึงบอกให้หมวดจัดการต่อเลย แล้วหันมาบอกจันทิมาว่า “เหลือแค่คุณแล้วล่ะ”

“นี่คุณสารวัตร ฉันพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างที่สุดแล้วนะ คุณอยากรู้อะไรฉันก็ตอบตามความจริงทุกอย่าง ฉันให้ความร่วมมือกับคุณ แต่คุณก็ยังสงสัยฉัน ฉันต้องยืนยันยังไงว่าฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ  และไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เป็นคนวางระเบิดหงส์เหินจริงๆ”

สารวัตรนิรุตต์จึงพาจันทิมากลับไปที่โรงพัก

ขวัญกมลกับเต้กดดูไลน์ที่สองสาวส่งมา ขวัญกมลตกใจมากถามว่าจันทิมาถูกตำรวจควบคุมตัวไว้หรือ

เต้พยักหน้าบอกว่าจันทิมาไม่มีเข็มกลัดขนนกอยู่กับตัว ขวัญกมลถามว่าพัสกรรู้เรื่องนี้หรือเปล่า เต้บอกว่าตอนนี้ยัง

“พัสไว้ใจจันมาก เขาคงผิดหวังถ้ารู้ข่าวนี้...เต้อย่าเพิ่งบอกเขานะคะ”

“ผมจะให้คุณเป็นคนบอกเขาเอง” ขวัญกมลยิ้มอย่างสะใจที่จะได้บอกข่าวนี้กับพัสกรเอง

ooooooo

เมื่อทนายวิโรจน์อ่านพินัยกรรมแล้วปรากฏว่าญาติๆและมนตรีไม่พอใจมากเพราะคนอื่นได้บ้านบ้าง ที่ดินบ้าง หุ้นในบริษัทบ้าง แบ่งๆกัน แต่พีรณาและพัสกรได้เงินสด ทองคำในตู้เซฟที่บ้านและธนาคารประมาณ 160 ล้าน แบ่งคนละครึ่ง ซ้ำบ้านที่อุบลฯก็ยังคืนให้พัสกรอีกด้วย

มนตรีที่เยาะเย้ยพัสกรตลอดเวลาถึงกับเต้นผาง แต่พัสกรก็ยังคงยืนยันว่าตนขอสละสิทธิ์ ส่วนบ้านที่อุบลฯตนขายไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน แม้คุณวิทยาจะเป็นคนซื้อไว้และคืนให้เขาก็ตาม ทนายวิโรจน์ยังอ่านหมายเหตุในพินัยกรรมว่า หากพีรณากับพัสกรไม่รับทรัพย์สินนั้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ให้มรดกส่วนนั้นตกแก่มูลนิธิหกแห่งตามที่ได้ระบุไว้ทางด้านหลัง

มนตรีและอาๆยิ่งไม่พอใจ ทนายวิโรจน์จึงเอาดีวีดีให้พัสกร บอกว่า

“คุณท่านฝากจดหมายนี้ให้ คุณพัสกรอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรจนกว่าจะได้เปิดดูเลยครับ”

มนตรียังอาละวาดไม่หยุด ขู่ว่าจะฟ้องศาล ทนายวิโรจน์บอกว่าคุณวิทยาคาดเหตุการณ์ไว้แล้วจึงให้ตนอัดวิดีโอที่ท่านเขียนพินัยกรรมไว้และให้แพทย์ประจำตัวเพื่อนสนิทอีกสองท่านร่วมเป็นพยาน ถ้ามนตรีจะฟ้องจริงๆก็ได้ แต่คดีจะจบเร็วกว่าที่เขาคิด มนตรีโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาว่าทนายกับพวกร่วมมือกัน

ทนายวิโรจน์ยื่นซองสี่เหลี่ยมให้พัสกรอีก กำชับว่าอย่าลืมจดหมายของคุณท่าน พัสกรไม่รับบอกว่าตนไม่ควรรับรู้อะไรอีกเรื่องจะได้จบๆเสียที แล้วเดินหนีไป ทนายวิโรจน์กับแหวนพลอยมองหน้ากัน  ในขณะที่มนตรีเอาแต่ตะโกนด่าไล่หลังพัสกรไม่เลิก ครู่เดียวแหวนพลอยก็วิ่งตามพัสกรไป

ที่แท้แหวนพลอยรับซองจากทนายวิโรจน์ คืนนี้ขณะพัสกรกำลังดูรูปครอบครัวอยู่นั้น เขาบอกทุกคนในรูปว่า “ผมต้องหาตัวคนร้ายให้ได้” แล้วหยิบหนังสือรุ่นขึ้นมาดูพึมพำ “ใช่เพื่อนร่วมรุ่นเราจริงหรือ”

ทันใดนั้นจอทีวีก็ปรากฏหน้าวิทยาขึ้น เขาทัก “เป็นไงบ้างพัสกร” พัสกรแทบช็อก ที่แท้ฝีมือของแหวนพลอยนั่นเอง พอเปิดดีวีดีแล้วก็คลานไปแอบดูพัสกรในเงามืด

วิทยายังคงทักทายพัสกรอย่างรักใคร่ พัสกรรู้ว่าเป็นฝีมือแหวนพลอยก็สั่งให้ปิดทีวี แหวนพลอยบอกว่าให้ดูไปก่อน พัสกรจึงจะไปปิด แต่พอดีวิทยาพูดขึ้นก่อนว่า

“พ่อแค่อยากมีชีวิตที่มีประโยชน์กับคนอื่นเหมือนคุณภากร คุณพ่อของพัสไง...ตอนแรกพ่อก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าคุณภากรจะทุ่มชีวิตอุทิศแรงกายแรงใจเพื่อเด็กที่ไม่ใช่ลูกหลานไปเพื่ออะไร จนกระทั่งพ่อได้มาเห็นพ่อของพัส...คนอื่นอาจมองว่าพ่อให้โอกาสพัส แต่จริงๆแล้วพัสต่างหากที่ให้โอกาสพ่อ...คิดดูสิ พ่อให้แค่พัสคนเดียวแต่พัสคนเดียวส่งต่อให้เด็กอีกสิบอีกร้อยคน แล้วเด็กๆ เหล่านั้นก็คงอยากทำอย่างที่พัสทำ...มันคือการแตกแขนงความดีเหมือนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่...พัสคือความภูมิใจของพ่อ ของครอบครัวเราจริงๆนะ...”

พัสกรฟังแล้วเศร้า บอกกับวิทยาในทีวี “ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ...” แต่วิทยาในทีวียังคงพูดต่อไปว่า...

“เรื่องเงินสดกับทองคำ พ่อรู้ว่าพัสไม่อยากได้ แต่พ่อไม่ได้ให้พัสเอาไปเที่ยวหรือกว้านซื้อคอนโด พ่ออยากให้พัสใช้เงินก้อนนี้แทนพ่อ ใช้เพื่อสร้างหงส์เหิน... อย่าลืมนะพัส หงส์เหินไม่ใช่ของพัสคนเดียว แต่เป็นความฝันของภากร เป็นความภูมิใจของพ่อ แล้วก็เป็นความหวังของเด็กๆที่รักการเต้นทุกคนในประเทศไทย...ไม่ว่าใครจะว่ายังไง หรือต่อให้มีอุปสรรคใดๆก็ตาม เข้มแข็งไว้นะพัส อย่าละทิ้งความฝัน อย่าลอยแพความหวัง แล้วก็อย่าให้ใครมาเหยียบย่ำความภาคภูมินี้เป็นอันขาด...”

พัสกรมองภาพวิทยาที่ยิ้มค้างปิดท้ายไว้ ซาบซึ้งจนอยากร้องไห้แต่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ เขายืนนิ่งอยู่หน้าจอทีวีที่มีรูปวิทยาค้างอยู่ ถามว่า

“ผมควรสอนเต้นให้เด็กๆต่อไปใช่ไหม...”

“ใช่ เพราะมันเป็นความฝัน ความหวังของทุกคน” แหวนพลอยที่ยืนลุ้นอยู่โพล่งขึ้น พัสกรนิ่งไปพักหนึ่งแล้วตัดสินใจประกาศอย่างมุ่งมั่นว่า

“ฉันจะเปิดโรงเรียนหงส์เหินอีกครั้ง!!!”

“เย้!!! แหวนพลอยนึกแล้วว่าคุณพัสกรต้องกลับมา ในที่สุดหงส์ก็ทะยานเหินขึ้นฟ้า เปิดเลย...เปิดเลยค่ะ แหวนพลอยขอช่วยเต็มที่ สุดใจขาดดิ้นไปเลย!!”

แหวนพลอยดีใจมาก พัสกรมองแล้วยิ้มอย่างมีกำลังใจขึ้น

ooooooo

วันต่อมาพัสกรคุยกับขวัญกมลที่คอนโดของเธอ ขวัญกมลพูดกลัวๆว่า

“หงส์เหินเป็นจุดหมายของพัส เป็นความฝันเป็นทุกอย่าง ขวัญควรสนับสนุน ส่งเสริม ให้กำลังใจ แต่พัสก็รู้ว่าขวัญทำแบบนั้นไม่ได้เพราะอะไร เพราะขวัญไม่อยากให้พัสเจ็บอีก” ขวัญกมลจับมือพัสกรบีบแน่น “พัสต้องเจ็บเวลาที่มีคนอื่นต้องมารับเคราะห์แทนพัสไม่ใช่เหรอคะ”

พัสกรถามว่า เธอคิดว่าจะมีใครมาทำร้ายเราอีกใช่ไหม ขวัญกมลพูดอย่างรักและห่วงใยว่า

“สำหรับขวัญ ขวัญกล้าพูดแบบเห็นแก่ตัวที่สุดว่า ใครหน้าไหนจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่พัสของขวัญต้องปลอดภัย แต่ประเด็นคือ...มีคนไม่อยากให้พัสไปถึงจุดหมายอันนี้นะคะ มันจะเป็นใครก็ตาม เป้าหมายมันคือชีวิตพัสนะคะ ...ไม่ใช่ใครอื่น”

แม้จะฟังความห่วงใยจากขวัญกมลที่ตนเองอาจถึงแก่ชีวิต แต่พัสกรก็มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหว

ในจำนวนเด็กที่มาเรียนเต้น แตงกวาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ พัสกรจึงไปชักชวนให้มาเรียนอีก แต่แม่ของแตงกวาไม่ยอมให้มาเรียนกลัวลูกจะได้รับอันตราย

แหวนพลอยที่ไปกับพัสกรพยายามหว่านล้อมให้แม่ถามแตงกวาดูก่อนดีไหมว่าอยากเรียนหรือไม่ แต่แม่ตัดบทว่ายังไงก็ไม่ปล่อยให้ลูกไปเสี่ยงอันตรายอีก ถึงให้เรียนฟรีก็ไม่เอา

พัสกรเครียด แหวนพลอยให้ความหวังว่ายังมีเด็กอีกหลายคน แต่เมื่อพัสกรไปติดต่อคนแล้วคนเล่าก็ถูกปฏิเสธ รายชื่อเด็กที่จดมาก็ถูกฆ่าไปจนเกือบหมด แต่แหวนพลอยก็ยังให้กำลังใจว่ายังเหลืออีกหนึ่งคน...ก็ยังมีความหวัง

ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้า เห็นน้ำฝนยืนแจกใบปลิวโฆษณาร้านเปิดใหม่ลด 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ค่อยมีคนรับใบปลิวเลย พอดีทางห้างเปิดเพลงคึกคักเร้าใจ น้ำฝนเส้นกระตุก ขยับแล้วก็เต้นอย่างสนุกสนาน พัสกรเข้าไปจะชวนไปเรียนเต้นอีก แต่พอน้ำฝนเห็นหน้าพัสกรก็ทำท่าสยองแล้วถอยหนี

ฉัตรชัยกับเจบีและพวกมาเจอก็พูดเยาะเย้ยพัสกรว่าโรงเรียนถูกระเบิดจนเด็กกลัวกันหมด แหวนพลอยทนไม่ได้สะอึกเข้าไปเผชิญหน้าแทน พัสกรบอกให้น้ำฝนกลับไปทำงานต่อเสีย เดี๋ยวจะโดนนายจ้างดุเอา แล้วหันบอกแหวนพลอยให้กลับได้แล้ว

“คุณพัสกรไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือใช่ไหม เดี๋ยวแหวนพลอยแลกให้”

ฉัตรชัยเยาะเย้ยพัสกรไม่พอ ยังเยาะเย้ยล้อเลียนเรื่องพ่อเขาเป็นตุ๊ดอีก มันแทงใจดำพัสกรจนทนไม่ได้โผเข้าชกหน้าฉัตรชัยทันที

“อย่างนี้สิวะมันถึงจะมัน ไอ้พัสมันคลั่งใหญ่แล้ว ช่วยกันจับมันไว้เร็ว” พอพวกช่วยกันจับพัสกรไว้ฉัตรชัยก็พุ่งเข้าต่อยพัสกรแต่พัสกรหลบทัน แหวนพลอยโดดเข้าล็อกตัวฉัตรชัยไว้ แต่พรรคพวกฉัตรชัยช่วยกันดึงออกมาจึงเกิดมะรุมมะตุ้มกัน

น้ำฝนแอบดูอยู่ไกลๆรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. พอดีจันทิมากำลังอยู่ที่โรงพักกับสารวัตรนิรุตต์ หมวดนะเข้ามาบอกว่าหมายศาลขอค้นห้องคุณจันทิมาพร้อมแล้ว จันทิมาอ่านข้อความเสร็จผุดลุกขึ้นเหมือนจะออกไป

แต่พอสารวัตรบอกว่าเธอยังไปไหนไม่ได้ เธอบอกว่าตนต้องไปช่วยพัสกรเดี๋ยวนี้ พัสกรกำลงแย่

พอพวกฉัตรชัยลากแหวนพลอยออกมา ฉัตรชัยก็พุ่งเข้าหาพัสกรเตะเข้าที่เข่าพัสกรจนล้ม  แล้วตะโกน “มึงไม่มีทางชนะกูอีกต่อไป” ขยับจะกระทืบซ้ำที่เข่า แหวนพลอยตกใจร้องลั่น

“ไม่!!!!”

ooooooo

ขณะที่ฉัตรชัยกำลังจะกระทืบเข่าของพัสกรนั้น เท้าหนึ่งก็พุ่งเข้ามาถีบสีข้างฉัตรชัยเต็มแรงจนกระเด็นไป แหวนพลอยเห็นร้องออกมาอย่างดีใจสุดขีด

“คุณเต้...”

เจบีพึมพำ มาจากไหนวะเนี่ย ส่วนเต้พอถีบฉัตรชัย ลงไปกลิ้งแล้ว ตวาดถามว่ามึงบ้าอะไร เล่นแรงไปแล้วนะแล้วพุ่งเข้าต่อย แต่ฉัตรชัยหลบพ้นตวาดว่า “มึงไม่ใช่คู่แบตเทิลกู” แล้วมองไปทางนักเต้นสองสามคน พวกนั้นกรูกันเข้าไปล็อกเต้แล้วดึงออกไป เต้พยายามดิ้น ในขณะที่ฉัตรชัยเข้าไปปรามพัสกรว่า

“ล้มแล้วห้ามลุก” เมื่อพัสกรพยายามจะลุก ฉัตรชัยสำทับ “กูไม่ให้ลุก”

ฉัตรชัยประกาศอย่างลำพองว่า ต่อไปจะไม่มีใครรู้จักชื่อพัสกรอีก เต้ถามว่า “มึงคิดว่าจะชนะหรือวะ... ลำพังมึงไม่มีปัญญาสู้พัสหรอก...ฝึกให้ตายก็สู้พัสไม่ได้ ต่อให้ไม่มีพัสมึงก็เป็นแค่ที่สอง ไอ้รองชนะเลิศ”

ฉัตรชัยด่าเต้ว่าเขาก็เป็นได้แค่ลิ่วล้อของพัสกรเหมือนกัน พัสกรแทรกขึ้นว่าถ้าฉัตรชัยแค้นตนก็ทำตนคนเดียวอย่ายุ่งกับเต้

“กูทำอยู่แล้ว” ฉัตรชัยพุ่งเข้าเตะพัสกร เต้ดิ้นจนหลุดถลาเข้าไปขวางหน้าเลยโดนฉัตรชัยเตะเข้าเต็มๆที่หางคิ้วคว่ำไป ทันใดนั้นจันทิมาพรวดเข้ามาตะโกน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ตำรวจมาแล้ว”

ขณะสารวัตรนิรุตต์กำลังแปลกใจว่าจันทิมาร้องทำไมนั้น ก็ยิ่งแปลกใจเมื่อเห็นเธอเข้าไปดึงแขนฉัตรชัยวิ่งหนีไป สารวัตรงงๆไหนบอกว่ามาช่วยเพื่อน ที่แท้มาช่วยพาคนร้ายหนี เจบีเห็นดังนั้นวิ่งตามฉัตรชัยไป พวกนักเต้นต่างวิ่งหนีตัวใครตัวมัน

“จันทิมา...หมายความว่ายังไง?” พัสกรพึมพำทั้งที่ตัวเองบอบช้ำมาก สารวัตรนิรุตต์บอกแหวนพลอยให้รีบพาพัสกรไปโรงพยาบาลแต่พัสกรไม่ยอมไป แหวนพลอยจึงจะถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและจะโทร.บอกทนายวิโรจน์ พัสกรห้ามไว้ว่าอย่าให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้เลย ขอให้ช่วยเงียบสักพักตนต้องการความสงบ

แหวนพลอยถามว่าเขาเสียใจใช่ไหมที่คู่เต้นของตัวเองไปกับศัตรู จับมือปลอบใจว่า

“คุณพัสกรอย่าคิดมากนะคะ คุณจันทิมาอาจจะมีเหตุผล...ที่จริงคุณจันทิมารักคุณพัสกรจะตาย”

ขวัญกมลมาเห็นพอดี แหวนพลอยซีด เด้งตัวออกแทบไม่ทัน ขวัญกมลถามว่าเกิดอะไรขึ้น เต้บอกว่าฉัตรชัยพาพวกมากระทืบพัสกร เธอทำท่าช็อกบ่นว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปทำอย่างนี้ได้ยังไง ตำหนิแหวนพลอยว่าทำไมไม่พาพัสกรไปโรงพยาบาล เขาอาจกระดูกหักก็ได้ ถ้าพัสกรเป็นอะไรไปตนจะทำยังไง เข้าไปลูบไล้พัสกรและมองแหวนพลอยอย่างตำหนิ แหวนพลอยน้ำตาไหลขอโทษ พัสกรบอกขวัญกมลว่า

“แหวนพลอยพยายามจะให้ผมไปโรงพยาบาลแล้ว แต่ผมไม่ไปเอง อย่าไปโทษแหวนพลอยเลย”

ขวัญกมลเห็นหางคิ้วเต้แตกก็จับหน้าเต้หันมาดู ถามว่านี่มันอะไรกัน พวกเราจะโดนรังแกไปถึงไหน ทำไมไม่มีใครมาคุ้มครองเราเลย ทำไมพวกเราจึงตกเป็นเหยื่ออย่างนี้ แล้วปิดหน้าร้องไห้อย่างสิ้นหวัง พัสกรดึงขวัญกมลไปกอดปลอบ แล้วพากันขึ้นไปที่ห้องนอน แหวนพลอยจึงทำแผลให้เต้ เต้มองแหวนพลอยแววตาอ่อนโยน บอกว่าอย่าโกรธขวัญกมลที่ดุเมื่อกี๊เลย ช่วงนี้สภาพจิตใจเขากำลังย่ำแย่มาก แหวนพลอยบอกว่าตนไม่ถือหรอก มองไปที่ห้องนอนพัสกร ถามว่าตกลงสองคนใครเป็นคนพยาบาลใครกันแน่หายเงียบไปเลย

“ต่างคนก็คงต่างพยาบาลให้กันนั่นแหละ อย่าไปสนเลย ตกลงจะทำแผลให้พี่ได้ไหมเนี่ย” เต้ถามอ้อนๆ

“ได้สิคะ” แหวนพลอยฮึดหายใจลึกๆตั้งใจทำแผลให้เต้จนเสร็จ เต้มองแหวนพลอยแววตาลึกซึ้ง...

พัสกรบอกขวัญกมลว่าจันทิมาเป็นทีมฉัตรชัย ฉัตรชัยอาจเป็นคนวางระเบิดเราก็ได้ แล้วจันทิมารู้อะไรด้วยหรือเปล่า ขวัญกมลถามว่าจันทิมาเคยบอกเขาไหมว่ารู้จักฉัตรชัยหรืออยากไปทำงานกับฉัตรชัย

พัสกรบอกว่าไม่เคย ขวัญกมลวิเคราะห์ว่าอาจเป็นปัญหาส่วนตัวของจันทิมาที่ต้องการเงินเร่งด่วนหรือมีภาระทางบ้าน พอดีฉัตรชัยก็พร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อตัวซื้อใจเธอ พัสกรตำหนิตัวเองว่าเป็นเพื่อนที่แย่มากไม่เคยรู้เรื่องของจันทิมาเลย เขาอาจต้องการความช่วยเหลือแต่ตนก็ไม่เคยสนใจ

พัสกรเสียใจมากที่จันทิมาไม่ไว้ใจตน แต่กลับไว้ใจฉัตรชัย ขวัญกมลปลอบว่าอย่าโทษตัวเองเลยเขาทำดีที่สุดแล้ว พัสกรกอดขอบคุณเธอ

“ก็เรามีกันแค่นี้นี่คะ ขวัญจะไม่ทิ้งคุณ แล้วก็จะไม่โกหกคุณเหมือนคนอื่น คุณก็กอดขวัญไว้แน่น ๆ อย่าปล่อยขวัญไปนะคะ” ขวัญกมลกอดพัสกรไว้แน่น

ooooooo

นิรุตต์กับหมวดนะโทรศัพท์คุยกัน นิรุตต์บอกว่าทางพัสกรไม่มาแจ้งความ หมวดนะบอกว่าทนายของฉัตรชัยก็บอกให้เราไปดูประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย มีพยานยืนยันว่าพัสกรเป็นคนเริ่มก่อน

“เลว รวย แถมหัวหมอซะด้วย แต่ยังไงมันต้องมีช่องโหว่ให้เรามุดเข้าไปได้บ้างแหละวะ” นิรุตต์เดินเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ร้านกาแฟพอดี สั่งพนักงานว่าเหมือนเดิมเอากลับ

“ทานที่นี่แหละค่ะ” เสียงจันทิมาแทรกขึ้น มองนิรุตต์เหมือนอยากคุยด้วย จึงเดินไปหาที่นั่งในมุมสงบ

จันทิมาบอกนิรุตต์ว่าตนไม่ได้ทรยศ แต่ฉัตรชัยมีบุญคุณกับตน นิรุตต์เดาว่าเรื่องเงินใช่ไหม จันทิมาบอกว่าใช่ ตนเป็นผู้หญิงมีค่า คือค่าใช้จ่ายมากมาย ค่าน้ำมันรถ ค่ากับข้าว ค่าแชร์ให้แม่ ค่าเทอมให้น้อง กระทั่งค่าบัตรเครดิตให้พ่อ เธอเล่าถึงอดีตว่า

“แต่ก่อนให้ฉันร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมบอยแอนด์–เกิร์ลจะลำบากยังไงฉันก็ทนได้ แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว...เพราะเราต่างโตขึ้น แต่ละคนก็มีโลกส่วนตัวของตัวเองต่างกัน แล้วก็มีเป้าหมายชีวิตใหม่ที่ต่างกันไง ฟังดูดีไหม” แล้วจันทิมาก็ถามว่าจะตั้งข้อหาอะไรให้ตน ตนจะได้เตรียมตังค์ไว้สู้คดี พูดแล้วลุกขึ้นออกไปขำๆ

นิรุตต์มองทางที่จันทิมาเพิ่งออกไป นิ่งคิดพึมพำ “ผู้หญิงมีค่า ค่าบัตรเครดิตให้พ่อ...น่าสนใจจัง”

ooooooo

ขวัญกมลออกจากห้องพัสกรเจอแหวนพลอยบอกว่าตนกล่อมพัสกรหลับไปแล้ว อย่าทำเสียงดังเพราะพัสกรคงไม่อยากตื่นมาเห็นตัวเองอยู่คนเดียว

ขวัญกมลออกไปแล้วก็ตรงไปหาเต้ บอกว่าเอาของโปรดมาให้ เต้มองขวัญกมลอย่างหลงใหล ขวัญกมลลูบแก้มเขาเบาๆบอกว่า “คุณต้องเจ็บตัวเพราะไปช่วยพัส”

“ผมขอโทษนะขวัญ มันไม่เป็นไปอย่างที่คิดเลย”

“คุณทำดีที่สุดแล้วนี่คะ...ไม่เป็นไรค่ะเต้...ขวัญเชื่อมั่นในตัวเต้เสมอค่ะ”

ขวัญกมลมองหน้าเขาและยิ้ม เต้มองรอยยิ้มเธอแล้วเริ่มคิด...

ooooooo

คืนนี้แหวนพลอยก็เจอเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว เมื่อได้ยินเสียงคนเดิน จึงลุกมาเปิดไฟคิดว่าพัสกรจะมาเอาอะไร แต่พอเปิดไฟก็แทบช็อกเมื่อเห็นตุ๊กตาผ้าเหมือนคนติดตรึงที่ผนัง มีมีดปักและเลือดไหลเป็นทาง!

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 13 มิ.ย.61

มนตราลายหงส์ บทประพันธ์โดย ศตรัศมิ์
มนตราลายหงส์ บทโทรทัศน์โดย ปลายสี
มนตราลายหงส์ กำกับการแสดงโดย ฉัตรชัย นาคสุริยะ,นัฐพงศ์ วงษ์กวีไพโรจน์
มนตราลายหงส์ ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี บราเธอร์ จำกัด
มนตราลายหงส์ ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ