My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 3 วันที่ 30 มิ.ย.61

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 3 วันที่ 30 มิ.ย.61

ป้านิดอธิบายเสริมแต่ดูเหมือนบ่าวสาวจะยังงงๆ พนัสต่อแถวเข้ามารดน้ำและอวยพรขอให้อิสร์โชคดีมีความสุข ขอให้ความรักชนะทุกอย่าง...

หลังพิธีรดน้ำสังข์เป็นช่วงรับประทานอาหาร

ป้านิดตาไวเห็นแผลที่ฝ่ามือพนัส...พนัสยอมรับว่าเกิดจากการปะทะกับคนร้ายเมื่อคืน จันทราเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกคน ถามว่าเจอแบบนี้บ่อยใช่ไหม

“ก็ไม่ได้บ่อยหรอกครับ ไม่มีใครอยากปะทะ ถ้าหนีได้ เขาก็หนี ถ้าเราตาม แล้วมันจะเสี่ยงเกินไป ผมก็ไม่เสี่ยง ผมจะดูความปลอดภัยลูกน้องก่อนอื่น”



“แต่พี่อิสร์ชอบค่ะ ขอให้เขาได้ทำอะไรที่มันลุยๆ เสี่ยงๆสะใจ ซาดิสต์ เขาจะชอบมาก”

ปอนด์พูดจริงจังแต่อิสร์ค้านว่าไม่จริง เลยกลายเป็นประเด็นให้พูดกันอีกยาวจนปอนด์ขุ่นมากขึ้น ถามพนัสว่า

“หัวหน้าคะ สัญญาณโทรศัพท์ในป่าน่ะมันหายากมากหรือคะ หนูก็เห็นทุกๆเครือข่ายเขาก็บอกว่าสัญญาณเขาดีมากทั่วไทยแล้วนี่คะ แต่รู้สึกในป่าของหัวหน้านี่ไม่มีสัญญาณตลอดๆ”

“ในป่าไม่มีสัญญาณจริงๆครับ อย่าว่าแต่จะโทร.คุยเล่นๆเลย ขนาดเวลาปะทะเราต้องการกำลังเสริมหรือความช่วยเหลือจากหน่วยอื่นยังหาสัญญาณยากมาก ถ้าติดต่อทางวิทยุไม่ได้ บางทีก็ต้องหาทางเอาตัวรอดกันเองไปตามลำพัง”

“ฟังแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยค่ะท่านหัวหน้า” จันทราแซวขำๆเพื่อคลี่คลายบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียด

“มันเป็นความจริงครับ ซึ่งบางทีทางครอบครัวก็ไม่ยอมเข้าใจ”

“แบบนี้ทางครอบครัวก็คงต้องทำใจ แล้วก็อดทนให้ได้สินะคะ ปอนด์ต้องเข้มแข็งมากๆนะลูก แล้วก็มองโลกในแง่ดีเข้าไว้”

“แค่วันแรกก็ซึ้งแล้วล่ะค่ะครู” ปอนด์ประชด อิสร์บอกว่านี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ปอนด์ไม่พอใจสวนเสียงขุ่น “อ๋อ งั้นเหรอ แสดงว่านายตั้งใจแล้วใช่ไหมที่จะแกล้งทำ

ให้ฉันประสาทเสีย เป็นบ้าตายในที่สุด”

“พี่จะเป็นอะไรปอนด์ก็ไม่แคร์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ใช่สิ ถ้าฉันไม่ต้องลุ้นว่าตัวเองต้องเป็นม่ายขันหมากหรือเปล่าให้อายชาวบ้าน นายจะเป็นอะไร ฉันก็ไม่สนใจหรอก”

“พี่ก็รู้อยู่แล้ว”

“ดี งั้นคราวหน้าก็เป็นคนเอามือรับมีดเองเลยนะ ไม่งั้นแปลว่าไม่แน่จริง”

“อยากให้พี่ตายใช่ไหม จะได้เป็นโสดอีกครั้ง ไปหาคนใหม่”

ครูจันทราทนไม่ไหวลุกมาตบกบาลปรามอิสร์ “อะไรเนี่ยนายอิสร์ ปากหรือนั่น เพิ่งรดน้ำเสร็จสดๆร้อนๆ ก็พูดกับเจ้าสาวแบบนี้เหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ”

“ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่ปล่อยนายอิสร์ให้ตายง่ายๆหรอก ขอแค่เจ้าสาวเข้าใจ ถ้าอิสร์ไม่มีเวลาให้ ก็อย่าเหงาจนทิ้งนายอิสร์ไปก่อนก็แล้วกัน”

“ทำไมหัวหน้าพูดแบบนี้ล่ะคะ ดูถูกน้ำใจผู้หญิงจัง พูดแบบนี้ภรรยาของหัวหน้าได้ยินก็เคืองแย่”

“เขาไม่เคืองหรอกครับ เพราะเขาไปแล้ว” พนัสพูดความจริงออกมาจนจันทราและทุกคนเงียบกริบ “อ้าว เลยนิ่งกันไปหมดเลย ไม่ต้องตกใจครับ ภรรยาผมเขาเลิกไปเพราะเขาทนที่ผมทำงานแบบนี้ไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง ซึ่งผมก็หวังว่าภรรยาของอิสร์จะไม่ใช่”

“ดิฉันขอโทษ...ดิฉันไม่ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว รับประทานกันครับ กินๆๆ อาหารน่าอร่อยทุกอย่างเลยนะครับ”

พนัสกลบเกลื่อนความรู้สึกลึกๆในใจ แต่จันทรากับปอนด์สบตากันอย่างไม่สบายใจนัก

ooooooo

สมควรแก่เวลาพนัสลากลับ อิสร์เดินมาส่งหัวหน้าที่รถและพูดกระซิบบางอย่างกันจนปอนด์สงสัย หลังจากพนัสออกรถไปแล้ว ปอนด์ถามอิสร์ว่าการปะทะกับคนร้ายมีปัญหาอะไรที่ยังไม่ได้เล่ามา

ใช่ไหม

อิสร์อึกๆอักๆ บอกว่านิดหน่อย มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆแก้กันไป ปอนด์ถามอีกก็ไม่ได้คำตอบชัดเจนเหมือนอิสร์จงใจปิดบังเลยประชดว่า

“ก็ได้ ดีแล้ว...ฉันก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรของคุณนักหนาหรอก ไม่ต้องมาทำเป็นกลัวดอกพิกุลจะร่วงเลย คอยดูนะ ฉันจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น อยากทำอะไรเชิญ”

“ปอนด์...มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก เรื่องงานทั้งนั้น ไม่มีอะไรสนุกซักนิดเดียว”

“พี่อิสร์ก็แบบนี้ตลอด เห็นปอนด์เป็นอะไร นึกว่าปอนด์เป็นคนไร้สาระมาก สนใจแต่เรื่องสนุกสนานงั้นเหรอ”

เรื่องราวทำท่าจะบานปลาย โชคดีที่เจนเข้ามาขวาง เตือนทั้งคู่ว่าเพิ่งรดน้ำแต่งงานมือยังไม่ทันแห้งทะเลาะกันทำไม

“อิสร์...ไหนดูซิ นี่หนวดก็ไม่ได้โกน ผมเผ้าก็ไม่ไหวนะ พิธีเช้าน่ะพอจะหยวนๆได้ แต่งานคืนนี้แขกเยอะนะ นายจะเข้าพิธีแบบคนป่าอย่างนี้ไม่ได้ มาๆๆ ฉันต้องรีบพาเธอไปจัดการด่วน”

อิสร์ทำท่าจะไม่ยอมแต่เจนแฟนของโอมลากเขาไปจนได้...ถึงเวลางานฉลองตอนกลางคืนซึ่งจัดที่ร้านอาหารในสวนสวย อิสร์จึงหล่อเหลาอยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบ

แน่นอนว่างานคืนนี้ขาดแก๊งเพื่อนสมัยเด็กของอิสร์ไม่ได้...โขง เตชัส อคิน และพัสกรหล่อเท่เข้ามาในงาน ทุกคนอยากเห็นหน้าเจ้าสาวที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ทำให้อิสร์มีแฟน อกหัก เข้าป่า และสุดท้ายก็ยอมออกจากป่ามาสละโสด เชื่อว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

“เนื้อคู่ชัดๆ ไม่งั้นโบราณเขาไม่พูดกันหรอกว่าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน”

“สาธุ...ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆทีเถอะ”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ เขาต้องรักนายมากนะอิสร์ ในที่สุดถึงต้องกลับมายอมนายได้”

“เขาอาจจะซวยไง ไม่มีทางเลือก เจอไฟลท์บังคับ”

“อ้าว...หมายความว่าไงวะ”

เพื่อนทั้งสี่คนชักทะแม่ง พลันเสียงดาวเรียกปอนด์มาถ่ายรูป ดาวและเพื่อนๆล้วนสวยงามในชุดราตรี

พาเจ้าสาวแสนสวยก้าวเข้ามา

“ปอนด์...มาถ่ายรูปกันก่อนมา นายอิสร์มาหรือยังเนี่ย”

“ถ้างานกลางคืนมาช้าอีก ฉันก็ไม่แต่งมันแล้ว”

เสียงปอนด์ดังมากจนทุกคนตรงนั้นหันมองเป็นตาเดียว แต่พอเธอหันไปอีกทิศก็เห็นอิสร์ยืนอยู่ ต่างคนต่างมองกันตะลึงในความสวยหล่อ แม่ปอนด์ตื้นตันใจ ชื่นชมบ่าวสาวสวยสมกันจริงๆ

“งั้นถ่ายรูปกันเถอะ เร็วเข้า เพื่อนๆฝ่ายชายมาก่อนเลย เพื่อนชะนีและญาติๆขอไว้ทีหลังนะคะ”

เจนเจ้ากี้เจ้าการอย่างสนุกสนาน แก๊งสี่หนุ่มเพื่อนของอิสร์และโอม อาร์ม ปิ๊ก เข้าไปยืนที่ซุ้มดอกไม้

ให้เจนเป็นตากล้องถ่ายกันรัวๆ

ถึงเวลาดื่มกินตามอัธยาศัย มีดนตรีเล่นเปียโนเพลงหวานๆไพเราะจับใจ แขกเหรื่อมีแต่รอยยิ้ม เตชัส โขง และพัสกรทำหน้าที่โฆษกบนเวที

“เนื่องในโอกาสอันดีงามสุดๆของพวกเราวันนี้ พวกผมขอมอบความบันเทิงให้ทุกคนครับ เชิญอิสระ รัชชพลกุล ขึ้นมาบนเวทีด่วนครับ”

อิสร์ปลีกตัวจากโอมและอาร์มขึ้นเวที แล้วโชว์ร้องเพลงรักไปพร้อมเพื่อนๆ และวาดลีลาประกอบเพลงกันอย่างสนุกสนาน

งานดำเนินไปอย่างราบรื่นและชื่นมื่น ช่วงหนึ่งที่ปอนด์เดินสะดุดเกือบล้มแต่อิสร์คว้าเอวเธอไว้ทัน ความใกล้ชิดนี้ทำให้ปิ๊กเกิดความคึกคะนองลุกขึ้นตะโกน

“หอมแก้มๆๆ”

คราวนี้คนอื่นๆเลยรับมุก ตะโกนอย่างเดียวกันลั่นงาน โดยเฉพาะแก๊งเพื่อนของอิสร์นั้นเชียร์กันคึกคัก

ปอนด์มองรอบทิศด้วยความตื่นเต้น ลุ้นๆว่าอิสร์จะทำหรือไม่ ปรากฏว่าเจ้าบ่าวทำให้ผู้ร่วมงานเสียอารมณ์ซะงั้น

“ขออนุญาตข้ามไปก่อนนะครับ ขั้นตอนนี้”

อิสร์พูดเสียงดังฟังชัด ปอนด์อึ้ง หน้าชา ปล่อยมือจากแขนเขาโดยอัตโนมัติ ขณะที่อิสร์ก็ปล่อยมือจากเอวปอนด์เช่นกัน แล้วมองหน้ากันเย็นชา ก่อนจะต่างเมินไปคนละทาง

พวกกองเชียร์ส่ายหัวส่ายหน้าด้วยความเซ็งและผิดหวัง...โขง พัสกร อคิน และเตชัสมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าอิสร์เป็นอะไร ทำไมถึงพูดแปลกอย่างนั้น

ooooooo

ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอซึ่งก็คือห้องนอนของปอนด์นั่นเอง พ่อแม่ของบ่าวสาวอวยพรแต่สิ่งดีงาม ให้ลูกครองรักอย่างราบรื่นมีความสุข พ่ออิสร์รู้จักนิสัยลูกชายดี ย้ำเตือนว่า

“สิ่งที่พ่ออยากบอกลูกก็มีอย่างเดียวคืออิสร์

ชอบเก็บความในใจไว้คนเดียว ไม่ค่อยบอกกล่าวใคร พ่อ แม่ พี่ น้องมักต้องคอยเดาใจอิสร์เสมอว่าเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เพราะอิสร์ไม่ค่อยพูด ดังนั้นพ่อขอให้อิสร์กับปอนด์พูดกันมากๆ สื่อสารกันเยอะๆ แบ่งปันความคิดความรู้สึกกัน แล้วทุกอย่างจะราบรื่น แค่นี้แหละ”

พ่อปอนด์พูดบ้างว่า “พ่อหวังว่าต่อไปนี้พ่อคง

จะสามารถไว้วางใจให้อิสร์มาช่วยดูแลปอนด์และแบ่งเบาทั้งทุกข์สุขกับปอนด์ ดูแลปอนด์แทนพ่อแม่ด้วย”

“แม่ขอให้อิสร์กับปอนด์รักกันตลอดไป เพราะถ้ามีความรักตัวเดียวทุกอย่างก็จัดการได้หมด แต่เมื่อไหร่ไม่มีความรักซะแล้ว ไม่ว่าอะไรก็จะอยู่นอกเหนือการควบคุมไปซะทั้งนั้น ดังนั้นขอให้รักกันอย่างเดียวเท่านั้นพอ”

อิสร์กับปอนด์ก้มกราบท่านทั้งสามด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

เมื่อพิธีสุดท้ายนี้ผ่านไป พ่อกับแม่ของปอนด์ซึ่งอยู่อเมริกาเสียนานถือโอกาสไปเที่ยวหัวหินกัน ภายในบ้านหลังนี้จึงเหลือแค่ปอนด์กับอิสร์และปิ๊กอีกคน

ขณะอยู่ในห้องหอด้วยกัน ปอนด์เห็นอิสร์ซุบซิบคุยโทรศัพท์เหมือนมีลับลมคมใน เธอไม่ค่อยชอบใจ แต่พอเขาบอกให้รู้ว่าแม่โทร.มาอวยพร สีหน้าของปอนด์เปลี่ยนทันที

“แม่บอกว่า...แม่ไม่อยากมาเจอพ่อ แต่เดี๋ยวแม่จะส่งของขวัญมา แล้วจะหาเวลามาเจอเราวันหลัง”

“ปอนด์ไม่เคยได้ยินพี่พูดถึงแม่มาก่อนเลย”

“แม่ไปตั้งแต่พี่ยังเล็กมาก แล้วไปอยู่ทางใต้ มีครอบครัวใหม่ มีลูกอีกสองคน”

“แล้วพี่อิสร์เสียใจหรือเปล่าคะที่แม่ไม่มา”

“แม่ไม่เคยมาอยู่แล้ว ตอนพี่เรียนจบรับปริญญาแม่ก็ไม่มา แค่ส่งของขวัญมาให้”

“พี่อิสร์บอกแม่เรื่องแต่งงานหรือคะ”

“พี่โอมบอก พี่ไม่ค่อยได้คุยกับแม่เท่าไหร่”

“พี่อิสร์โกรธแม่หรือคะ”

“เปล่า แต่พี่ไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ”

“แล้วเวลาพี่อิสร์มีปัญหาล่ะ”

“พี่ก็ไปหาครูจันทราไงปอนด์”

ปอนด์รู้สึกเห็นใจ จับมืออิสร์มาบีบปลอบและให้กำลังใจว่าจากนี้ไปเวลามีปัญหาให้คุยกับตน แต่พอ

ไม่เห็นแหวนแต่งงานที่นิ้วเขา เธอเสียงแหลมเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่ทันที

“ทำไมพี่อิสร์ถึงต้องถอดแหวนแต่งงานทันทีที่เสร็จพิธี หมายความว่าไง พี่อิสร์ไม่อยากให้ใครเห็นเหรอว่าแต่งงานแล้ว หรือพี่อิสร์คิดยังไงกับการแต่งงานครั้งนี้กันแน่”

“พี่ไม่ได้คิดอะไรเลย คือเวลาพี่ทำงานพี่ต้องแต่งเครื่องแบบแบบที่ปอนด์เคยเห็นเหมือนกับที่เพื่อนๆ พวกลูกน้องเขาแต่งกัน บางทีต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ต้องปีนไต่คลานไปในป่า ต้องใช้อาวุธ แล้วไปใส่ทองแบบนี้พี่ว่ามันไม่เข้ากัน แล้วเพื่อนๆพี่ๆน้องๆส่วนใหญ่ก็เป็นคนจน เป็นชาวบ้านที่ไม่มีข้าวของพวกนี้หรอก แล้วเราไปใส่มันจะดูแตกต่าง พี่ไม่อยากเป็นแบบนั้น อีกอย่าง จริงๆแล้วพี่แพ้เครื่องประดับที่เป็นโลหะ เวลาเหงื่อออกมันจะคันเป็นผื่นแดงเลย ขนาดนาฬิกาพี่ยังใส่สายโลหะไม่ได้เลย แพ้ตลอด สร้อยพระพี่ก็ไม่ใส่แล้วแหวนนี่ถ้าพี่เอาไปใส่ๆถอดๆ เดี๋ยวพี่ก็ทำหายจริงๆจนได้ พี่ก็เลยต้องถอดเก็บไว้ไง”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว”

“พี่เก็บไว้กับตัวในที่ที่สำคัญที่สุดเลยนะ ในนี้มีแต่ของสำคัญทั้งนั้น บัตรประจำตัวทุกบัตร เห็นไหมล่ะ” อิสร์แหวกกระเป๋าสตางค์ให้ดู ปอนด์อึ้ง สายตาที่มองเขาอ่อนโยนลง

ooooooo

บ่าวสาวยังอยู่ในชุดเดิม อิสร์เริ่มรื้อเสื้อผ้า

ในกระเป๋าออกมาเก็บในตู้ที่ปอนด์เตรียมไว้ให้เป็นสัดส่วน มีผ้าเช็ดตัวให้ใช้แทนผ้าขาวม้าของเขา และมีชุดนอนใหม่เอี่ยมเข้าชุดกับของปอนด์ด้วย

อิสร์ขัดเขินไม่น้อยเพราะคุ้นชินกับของใช้ง่ายๆ

ของตัวเอง เขาออกไปอาบน้ำที่ห้องพักแขก ส่วนปอนด์อาบในห้องนี้ เสร็จแล้วอิสร์กลับเข้ามาเห็นปอนด์นั่งเก็บกลีบกุหลาบบนเตียงง่วนอยู่

“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาโรยดอกไม้ไว้บนเตียงวิวาห์กันทำไม”

“เอาไว้ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยกันเก็บ”

“ความจริง...เจ้าบ่าวบางคนเขาก็อาจจะปัดๆ

มันกระเด็นไปเลยก็ได้”

ปอนด์มองเขาแวบหนึ่ง ทำหน้าเหมือนจะค้อนนิดๆ แต่อิสร์ยังพูดเล่นขำๆต่อไป

“หรือบางคนอาจจะ...แบบว่าทับให้บี้แบนไปเลย”

ปอนด์หน้ามุ่ยไม่อยากพูดด้วย ก้มหน้าก้มตารีบเก็บ อิสร์ขยับมาช่วยเก็บ เสร็จแล้วเอาไปวางหน้ากระจก อิสร์เห็นเทียนหอมสามแท่ง ปอนด์บอกว่าพี่เจนกับพี่โอมให้

“มีการ์ดด้วย” อิสร์พูดแล้วหยิบมาอ่านออกเสียง “ปอนด์และอิสร์ จุดเทียนนะจ๊ะ แล้วก็ปิดไฟในห้องซะ แล้วจะเห็นว่าห้องนอนห้องนี้สวยและหอมมาก ขอให้มีความสุขนะ...พี่เจนและพี่โอม”

อิสร์สนใจมาก ปอนด์ให้ลองจุดตามที่พี่สองคนบอก โดยทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เมื่อไฟในห้องดับมืดลงแต่มีแสงเทียนส่องสว่างสุดแสนโรแมนติก พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆอบอวลชวนฝันหวาน

“สวยและหอมจริงๆด้วย” พูดแล้วอิสร์มาโอบกอดปอนด์ที่นั่งบนเตียง

ปอนด์สะดุ้งตัวแข็งและขืนตัวนิดๆ อิสร์ต้องใช้กำลังมากขึ้นดึงเธอมาแนบชิดและจับศีรษะเธอพิงไหล่เขา

“ทำไมต้องขืนด้วย แต่ก่อนปอนด์ชอบพิงอิงซบพี่จะตาย”

“ไม่จริงซะหน่อย”

“ปอนด์ลืมหมดแล้วเหรอ”

“ก็พี่อิสร์นั่นแหละ ไม่ง้อปอนด์”

“อะไรนะ”

“ก็พอปอนด์บอกว่าเราเลิกกัน พี่อิสร์ก็หันหลังเดินจากไป ไม่หันกลับมาเลย พี่อิสร์ไม่เคยแม้แต่จะพยายามคุยหรืออธิบายอะไรเลย”

“หา! นี่พี่ผิดเหรอ”

“ใช่ พี่อิสร์ยอมเลิกกับปอนด์ง่ายมาก เหมือนพี่อิสร์รอให้ปอนด์บอกเลิกอยู่แล้ว แล้วพอปอนด์บอก พี่อิสร์ก็ได้โอกาสเผ่นไปเลย ผู้ชายที่เขารักผู้หญิง เขาไม่อยากเลิก เขาก็ต้องไม่ยอมเลิกสิ เขาต้องทำทุกวิถีทางให้ทุกอย่างเหมือนเดิม”

อิสร์อึ้งอย่างยอมรับ และพูดความจริงว่าตนเสียใจแทบเป็นบ้า แต่ทำไมถึงไม่ง้อ

“เพราะพี่อิสร์เป็นคนไม่ง้อใครไง”

“เพราะพี่ไม่รู้ว่าปอนด์รอให้ง้อ พี่ไม่รู้ว่าคนเราเขาต้องง้อกัน พี่คงจะเด็กเกินไป พี่ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงหรอกปอนด์ พี่โง่จะตาย” อิสร์จับมือเธอแล้วสอดนิ้วประสานกัน ปอนด์สั่นสะท้าน ท้วงเสียงแผ่ว

“นี่เหรอโง่”

“แต่พี่รักปอนด์นะ พี่รักปอนด์ตลอดมาเลย พี่ไม่เคยไม่รักปอนด์เลย”

ปอนด์มองตาเขาเหมือนจะค้นหาความจริง อิสร์ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจถามว่า

“พี่หอมปอนด์ได้ไหม” เธอไม่ตอบ เขายื่นหน้าเข้ามาหอมเบาๆแต่หลายครั้ง ก่อนจะถามต่อว่า “พี่จูบได้ไหม”

หญิงสาวก้มหน้าหลบด้วยความเขินอาย อิสร์

ตามจูบปากจนได้ แรกๆปอนด์เฉย แต่สักพักก็จูบตอบ... ได้ยินเสียงเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “พี่รักปอนด์นะ”

ในขณะที่ปอนด์กับอิสร์กำลังดื่มด่ำกับความสุข... กรรชิตอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของเขากับสาวเซ็กซี่สามนาง แต่ละนางนุ่งน้อยห่มน้อยคลอเคลียเขาริมสระน้ำ

จู่ๆกรรชิตลุกพรวดล้มโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มหกหล่นระเนระนาดแตกกระจายจนสาวๆกรีดร้องด้วยความตกใจ

“ใจเย็นค่ะพี่เก้า พวกเราทุกคนรักพี่เก้า รักคนเดียว พวกเราจะรักพี่เก้าตลอดไปนะคะ”

“ตอแหล!” กรรชิตด่าสวนจนสามสาวผงะ “ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น ฉันต้องการปอนด์คนเดียว...ปอนด์ทำกับพี่ได้ยังไง พี่ไม่ยอมๆ”

“แต่เขามีผัวไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ พี่เก้าจะไม่ยอมได้ไง”

“มีได้ก็เลิกได้โว้ย”

“พี่เก้า...อันนารีมีมากมายดังฝูงลิงนะคะ พี่จะไปแคร์ผู้หญิงที่มีเจ้าของทำไม มันผิดศีลธรรมนะพี่”

“ฉันเป็นใคร มันเป็นใคร มันจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่ มันกับผัวต้องเลิกกัน ฉันจะทำทุกอย่างให้มันเลิกกันให้ได้” กรรชิตประกาศอาฆาตแค้น แววตาวาวโรจน์บ่งบอกว่าพูดจริงทำจริง!

ooooooo

เข้าหอได้คืนเดียวอิสร์มีอันต้องระเห็จกลับไปอุทยานฯเพราะทราบข่าวคณาโดนยิงอาการน่าเป็นห่วง แต่เพราะเขารีบไปโดยไม่ได้บอกกล่าวปอนด์ที่กำลังอาบน้ำ ได้แต่เขียนโน้ตบอกไว้ว่ามีงานด่วน ทำให้เจ้าสาวหมาดๆขุ่นเคืองและน้อยใจจนไม่ยอมรับโทรศัพท์เมื่อเขาโทร.มา

คณาโดนยิงบริเวณท้องต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายวัน ขณะที่บรรจงโดนยิงมือบาดเจ็บตอนเหตุการณ์ปะทะกับคนร้ายลักลอบจับสัตว์ก็ยังรักษาตัวอยู่ที่นี่ แต่คณาโดนยิงทีหลังเพราะเสียท่าตอนไปพบสายข่าวในป่า ทำให้อิสร์และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกคนเดือดดาลมาก

หลังเยี่ยมคณาแล้วอิสร์แวะไปที่ห้องบรรจง เจอปุ้มเอาอาหารมาให้พ่อพอดี ปุ้มกระฟัดกระเฟียดเรื่องอิสร์ไปแต่งงาน มีแฟนอยู่แล้วแต่ยังมาโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นเท่ากับเป็นการหลอกลวง อิสร์ไม่ถือสาแต่บรรจงปรามเสียงเขียวเพราะเบื่อหน่ายในความไม่รู้กาลเทศะของลูกสาว

อิสร์กลับออกมาเจอพนัสที่หน้าโรงพยาบาล พนัสตำหนิลูกน้องว่าเมื่อคืนเพิ่งแต่งงานเข้าหอแล้ววันนี้ทำไมไม่อยู่กับเมีย

“ที่นี่มีเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ ผมก็ต้องรีบมาสิครับ”

“อ้อ เห็นงานสำคัญกว่าเมีย”

“ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”

“ไอ้ที่ทำอยู่นี่แหละเรียกว่าใช่ แต่งงานกันได้คืนเดียวแท้ๆ คุณก็ทิ้งเขามาแบบนี้ ไม่คิดถึงความรู้สึกของภรรยาบ้างรึไง”

“ไม่ได้ทิ้งนะครับ เขียนโน้ตบอกไว้แล้ว”

“อะไรนะ!! เขียนโน้ตบอกไว้ นั่นเมียนะ เมียไม่ใช่ลูกน้องจะได้เขียนโน้ตสั่งงาน”

“เขาก็น่าจะเข้าใจผมนะครับ ก็งานมันด่วนขนาดนี้ ผมก็ต้องรีบมา”

“อยู่กันมาเป็นสิบปียังไม่เข้าใจกันเลย นี่คิดได้ยังไงว่าแต่งงานกันแค่คืนเดียวแล้วเขาจะต้องเข้าใจคุณทุกอย่าง บ้าไปแล้ว”

อิสร์ซีดจ๋อย...ความจริงที่พนัสพูดไปนั้น ตัวเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน แต่บ่ายนี้เขาต้องไปธุระเรื่องลูกทั้งที่นัดไว้ตอนเช้า เลยโดนดวงตาแขวะต่อหน้าต้อมสามีใหม่ของเธอเรื่องหาโรงเรียนให้ลูก ซึ่งพนัสไปติดต่อให้แล้วแต่ไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นยังไง ลูกๆต้องสอบเข้าตามขั้นตอนเพราะเขาไม่ใช่คนใหญ่คนโตมีเส้นสาย

เช้าวันถัดมาอิสร์ไปที่บ้านคณา ปลอบใจแม่กับน้องของคณาและบอกให้รู้ว่าคณาปลอดภัยแล้ว เรื่องเงินค่ารักษาไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนเรื่องค่าลงทะเบียนเรียนของน้องสาวคณา อิสร์เอาเงินของตนให้ไป แม่ซาบซึ้งถึงกับยกมือท่วมหัวอวยพรเขาให้มีความสุขความเจริญและปลอดภัย

เรื่องเลื่อยยนต์ที่พวกอิสร์เจอในป่าแต่ยังหาตัวเจ้าของไม่ได้เพราะไม่มีการจดทะเบียน หัวข้อนี้เป็นประเด็นในที่ประชุมของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องช่วยกันวิเคราะห์และสืบหา โดยอิสร์ขันอาสาสืบด้วยตัวเอง

 อิสร์ใช้ช่วงเวลาเลิกงานเพียรโทร.หาปอนด์ตามคำแนะนำของผู้ร่วมงานที่ต่างเห็นพ้องว่าเจ้าบ่าวหมาดๆ ไม่ควรเพิกเฉยละเลยภรรยา

เย็นนั้นปอนด์เจอกรรชิตแล้วเขาอาสาขับรถมาส่งบ้านแต่เธอบ่ายเบี่ยง ทำให้เขาโกรธถึงกับพูดจาไม่ดีไปถึงอิสร์ ปอนด์สะท้อนใจนิดๆ แต่ก็ยืนยันคำเดิมไม่ยอมนั่งรถเขา โบกแท็กซี่กลับบ้านโดยไม่ได้ยินเสียงก่นด่าของกรรชิตที่ว่าเธอโง่มาก

ปอนด์ถึงบ้านพบแต่ความเงียบเหงา ปิ๊กไปเที่ยวกับเพื่อนบอกว่ากลับดึก มีเพียงบ๊อบบี้หมาน้อยมาคลอเคลีย เมื่อเธอเช็กโทรศัพท์มือถือเห็นอิสร์โทร.มาหลายสิบครั้ง ส่งข้อความไลน์มาอีกเพียบ แต่มีประโยคหนึ่งทำให้เธอคลายความขุ่นเคือง...เขาขอโทษ ลูกน้องบาดเจ็บสาหัสเลยต้องรีบกลับ

ในที่สุดปอนด์ยอมรับสายจากอิสร์ แต่คุยกันไม่กี่ประโยคเสียงอิสร์เงียบไปเพราะแบตหมด แล้วที่คุยกันนั้นส่วนใหญ่มีแต่คำพูดประชดประชัน ทำให้ปอนด์เสียใจนอนร้องไห้แทบทั้งคืน

ooooooo

อิสร์คว้าน้ำเหลวเรื่องสืบหาเจ้าของเลื่อยยนต์เพราะมันเป็นของเถื่อนตามหาต้นตอไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พนัสเคยเตือนแล้วแต่อิสร์ดันทุรังเอง

อิสร์และชาติเผชิญหน้ากับทัศน์ลูกน้องคนสนิทของไกรสร ทัศน์แขวะสองหนุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างคะนองปาก โดยมีสมุนกลุ่มใหญ่ผสมโรงหัวเราะเยาะกันครื้นเครงก่อนจะเดินจากไปพร้อมเลื่อยยนต์ใหม่เอี่ยมที่ซื้อมาแทนอันเก่า

เมื่อกลับมาถึงที่ทำการอุทยานฯ อิสร์กับชาติเล่าให้พนัสและทีมงานฟังด้วยความเจ็บใจ พนัสไม่ได้ตั้งใจซ้ำเติมอิสร์แต่พูดตรงๆว่า “ผมบอกคุณแล้ว”

“ครับ หัวหน้าบอกแล้ว ผมมันซื่อเอง”

“คุณก็ทำตามขั้นตอน มันก็ถูกต้องแล้ว”

“เราอาจจะไปสืบหาตามร้านที่ขายเลื่อยพวกนี้ว่าใครขายให้ใครไป”

“เอาสิ ทั้งละแวกนี้และจังหวัดใกล้เคียงเลยนะ ขออวยพรให้หาเจอ”

ชาติตีความคำพูดของพนัสได้ว่า “มันน่าจะซื้อมาจากจังหวัดไกลๆจนสืบไม่ได้เลยใช่ไหมครับ”

“มันซื้อมาจากประเทศอื่นต่างหากล่ะ เราจะเริ่มจากประเทศไหนก่อนดี”

ชาติถอนใจก่อนบอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมการจับพวกตัดไม้ทำลายป่าถึงยากนัก พวกเราเสียเปรียบมันทุกทาง เจิมเสริมว่าทั้งในแง่กฎหมาย กฎระเบียบ อาวุธที่ใช้ งบประมาณ จำนวนคนทำงาน ส่วนบุ้งแนะนำว่าเราต้องใช้สมองนั่งสมาธิ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล

พัฒน์คล้อยตามเพราะเชื่อความลี้ลับอยู่เป็นทุน บอกว่าต้นไม้ทุกต้นมีวิญญาณ เจ้าป่าเจ้าเขา นางไม้ผีไพร ผีโป่งผีป่ามีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องช่วยเรา

“โอม...ขอให้วิญญาณใดๆที่เคยสิงสู่ในบรรดาต้นไม้ที่เลื่อยอันนี้มันเคยไปตัด จงมาสิงสู่ในเลื่อยตัวนี้ แล้วเหาะไปตัดไอ้คนที่เป็นเจ้าของเลื่อยตัวนี้ทีเถอะ” พัฒน์พนมมือสวดงึมงำ ออดเอาด้วยช่วยให้ขลัง

“ตกดึก...ถ้าเราจับตาดูให้ดี เลื่อยอันนี้จะค่อยๆลอยสูงขึ้นๆ แล้วก็หันหน้าไปที่อำเภอ มุ่งหน้าไปสู่โลเกชันนั้น...คือบ้านหลังใหญ่อลังการของนายไกรสร”

พนัสเหลือทนกับสองหนุ่มลูกน้อง ตวาดลั่น “เฮ้ย! หยุดไร้สาระกันได้แล้ว แค่ยึดเลื่อยยนต์ได้อันเดียว ทำอะไรมันไม่ได้หรอก”

“แล้วปล่อยให้มันลอยนวล ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าใคร” อิสร์น้ำเสียงไม่พอใจ

“ถ้ายังทำอะไรไม่ได้ เราต้องอยู่เฉยๆ รอจังหวะไปก่อน เหมือนนักมวยบนเวทีมวยนั่นแหละ ถ้าบุกในเวลาที่ผิด เราเองจะแพ้น็อก ยกนี้เราเสียเปรียบ เดี๋ยวยกหน้าเราอาจจะได้เปรียบก็ได้ เอาเวลาวันหยุดกลับบ้าน

ไปหาเมียให้หายเครียดดีกว่าอิสร์ ทางนี้ผมดูแลเอง”

พนัสหัวเราะเบาๆ ตบบ่าอิสร์ แต่ชายหนุ่มเบี่ยงตัวเดินหนีไปทางศาลา ชาติเข้าใจความรู้สึกอิสร์ ตามมาพูดด้วยเหตุผลว่าหัวหน้าพนัสผ่านประสบการณ์มามาก ตนเชื่อว่าเขาพูดถูก

“กว่าจะถึงวันนั้นป่าคงหมดเมืองไทยพอดีแหละด็อกเตอร์ เวลานี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว”

“แต่คนพวกนั้นมันก็เหิมเกริมจริงๆ มันเห็นพวกเราเป็นตัวตลก”

“พวกเรามันไม่ใช่เสือกระดาษ แต่เป็นหมูกระดาษต่างหาก แล้วหัวหน้าก็เหมือนจะอยากให้เรากลายเป็นหมูจริงๆไปซะด้วยซ้ำ” อิสร์ยังขุ่นข้อง ชาติมองอย่างไม่สบายใจ

เวลาเดียวกันนั้นทัศน์มาพบไกรสรถึงบ้านหลังใหญ่โต เล่าเรื่องปะทะคารมกับอิสร์ก่อนจะเตือนเจ้านายให้เพลาๆเรื่องล่าสัตว์เพราะพวกมันรู้ว่าเป็นฝีมือเรา แต่ยังสาวมาไม่ถึง

“และมันไม่มีวันสาวมาถึงหรอกทัศน์ เรื่องล่าสัตว์หรือว่าตัดไม้ก็ไม่ต้องไปลดราวาศอกให้ใคร พวกเราไม่มีทางพลาดแน่ เราจะมีสายอยู่ในนั้นไปเพื่ออะไรล่ะ ถ้าจ่ายแล้วยังต้องมานั่งกลัวกันอยู่อีก”

“แต่เจ้านายใช้แค่เศษเงินจ่ายไปนิดหน่อยเอง แน่ใจเหรอครับว่าจะเอาอยู่”

ไกรสรหัวเราะหึๆ เดินไปนั่งเอกเขนกที่โต๊ะทำงานไม้สักสวยงาม

“มันเคยเห็นเงินขนาดนี้ที่ไหนล่ะ ไอ้กระจอกตัวนั้น ไม่มีคนกล้าคิดหรอกว่าเป็นมันที่เป็นสายของเรา” ไกรสรกล่าวมั่นใจ กวาดตามองทั่วห้องทำงานที่มีทั้งหนังสัตว์และเขาสัตว์ประดับอยู่เต็มไปหมดอย่างไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี

ooooooo

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ลมไพรผูกรัก ตอนที่ 3 วันที่ 30 มิ.ย.61

ลมไพรผูกรัก บทประพันธ์โดย อุธิยา
ลมไพรผูกรัก บทโทรทัศน์โดย ปราณประมูล
ลมไพรผูกรัก กำกับการแสดงโดย ตระกูล อรุณสวัสดิ์
ลมไพรผูกรัก ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
ติดตามชมละคร ลมไพรผูกรัก ได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ