อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 14 วันที่ 2 มิ.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 14 วันที่ 2 มิ.ย.61

“แม้พ่อขันทองจะพูดคลุมเครือ แต่ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นคนสัตย์ซื่อ เพียงแต่ไม่รู้ตัวผู้ให้การช่วยเหลือ คงไม่ถือเป็นสำคัญดอกพระเจ้าค่ะ”

“ไม่ได้ เรื่องนี้จำต้องสะสางให้กระจ่างชัด” พระเจ้าตากตวาดสวนทันที ขันทองกับม่วงหน้าเสีย พระยาพลเทพดีใจจนออกนอกหน้า พระยาตากยิ้มบางๆพูดต่อไปว่า “เพียงแต่ผู้ให้การช่วยเหลือพ่อขันทองนั้นเป็นผู้ที่ฉันรู้จักดี ฉะนั้นคงสะสางได้ไม่ยากนัก”

“ผู้ใดหรือพระเจ้าข้า” ขันทองอยากรู้มาก



“คนที่ให้พ่อขันทองปลอมตัวเป็นขันที เพื่อหาคนทุรยศแลให้การช่วยเหลือตลอดมา...ก็คือฉันเอง”

ทุกคนตกใจมากเพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ขันทองถึงกับอึ้งงันไปเลย

พระเจ้าตากหน้านิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องราวครั้งกระโน้น...

ooooooo

พระเจ้าตากเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังเมื่อ 6–7 ปีก่อนว่า...

“พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าศึกพระเจ้าอลองพญา ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมสู้ศึกด้วย แต่เพลานั้นฉันเพิ่งเป็นเจ้าเมืองตาก ยังไร้บารมีไม่มีคนรู้จัก ทำให้มีผู้จดจำเรื่องนี้ได้ไม่มาก แลในศึกครั้งนั้นเองที่ฉันได้รู้จักกับเสือขุนทอง”

กลางวันวันหนึ่งขุนทองเอากลักลายผีเสื้อให้พระยาตากดู มีข้อสังเกตว่าลายนี้คงไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามแต่คงเป็นการบ่งบอกถึงใครบางคน และสิ่งที่อยู่ในกลักก็ต้องใช้ความรู้ในเชิงอักษรชั้นสูงจึงจะถอดได้ย่อมต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พระยาตากคาดว่าอาจเป็นได้ว่ามีผู้ทุรยศลอบส่งความลับทางทหารให้ฝ่ายอังวะ

ขุนทองบอกว่าท่านเจ้าคุณคิดตรงกับตน เสียดายที่ตนถอดกลอักษรไม่ได้ แต่ตนมีศิษย์ผู้พี่บวชเป็นพระอยู่รูปหนึ่งมีสติปัญญาความรู้มาก หากเสร็จศึกตนจะเอาไปให้หลวงพี่ท่านช่วยดู เราคงได้รู้ความลับเป็นแน่

พระยาตากถามว่าเรื่องนี้นอกจากตนแล้วมีใครรู้อีก ขุนทองบอกว่าท่านเจ้าคุณสีหราชเดชะ ท่านเป็นคนซื่อสัตย์แต่โผงผางไม่รอบคอบ ตนจึงมากราบเรียนเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าคุณรู้อีกคนเผื่อตนเป็นอะไรไปก็ไหว้วานท่านเจ้าคุณช่วยสานต่อ เมื่อพระยาตากพยักหน้า ขุนทองพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า

“แลกระผมมีลูกชายบวชเป็นเณรอยู่คนหนึ่ง ขอท่านเจ้าคุณโปรดเมตตาดูแลลูกชายกระผมด้วย”

“เสือขุนทองวางใจเถิด ฉันให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือลูกชายของเสือขุนทองสุดกำลังความสามารถของฉัน” พระยาตากเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น และเล่าต่ออย่างสลดใจว่า...

“แลในคืนนั้น เสือขุนทองก็ถูกฆ่าตาย แต่ฉันติดพันศึกอยู่กว่าจะรู้เรื่อง ออกญาสีหราชเดชะก็เอากลักหนีไปแล้ว ฉันเพียรติดต่อออกญาสีหราชเดชะให้ร่วมมือกัน แต่ออกญาก็ระแวงทุกคน ปกปิดร่องรอยจนฉันไม่สามารถติดต่อได้ ประจวบกับตอนนั้นพ่อขันทองสึกออกมา ฉันจึงให้คนไปติดต่อพันหาญกับพ่อขันทองเพื่อช่วยเหลือแลให้ช่วยสืบหาตัวคนผิด แต่การปลอมตัวเป็นขันทีนี้ เป็นผลบังเอิญที่ฉันไม่ได้คิดไว้แต่ต้น แต่กลับได้ผลดีเกินคาด”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้พระเจ้าค่ะ” ขันทองก้มกราบพระเจ้าตากอย่างซาบซึ้ง พระยาพลเทพเห็นทีตนจะไม่รอดเลยลุกขึ้นจะวิ่งหนีถูกทหารที่ล้อมอยู่จับตัวไว้ พระยาพลเทพดิ้นรนตะโกนด่า กระทั่งอ้างยศศักดิ์ของตนมาขู่เป็นที่สมเพช ส่วนขุนแผลงฤทธิ์เห็นจวนตัวจึงหนีเอาตัวรอดไป

“คุมตัวมันไป ตระเวนบกตระเวนน้ำสามวัน แล้วเอาไปตัดหัวประจานให้สมกับความผิด” พระเจ้าตากสั่งเฉียบขาด พระยาพลเทพหมดท่าร้องขอชีวิตโหยหวน

ขันทองมองทหารที่ลากพระยาพลเทพออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งถอนใจยาว...จบสิ้นกันเสียที

ooooooo

แมงเม่าได้มาเจอพ่อ น้าชื่น อินและม่วง ก็ดีใจจนร้องไห้ไปคุยไปหยอกล้อกันไป และดีใจที่สุดเมื่อรู้ว่าอินท้องแล้ว แมงเม่าถามว่าแล้วผีพี่อิ่มไม่มาหลอกอีกหรือ อินบอกว่านับแต่ย้ายมาที่นี่ไม่เคยเห็นพี่อิ่มอีกเลย แมงเม่าพึมพำว่าหรือจะย้ายมาไกลผีเลยมาไม่ถูก เลยถูกมิ่งดุว่าเอาผีสางมาพูดเล่นเป็นขำคืนนี้ระวังเถอะ

“พ่อจะพูดทำกระไรเนี่ย” แมงเม่ากระแซะเข้าเบียดพ่อ ทุกคนเลยยิ้มขำ มิ่งหน้าสลดบ่นอดคิดถึงสุ่นไม่ได้ พูดอย่างรู้สึกผิดว่า

“แม่สุ่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าพ่อไม่ได้แม่สุ่นช่วยเอาไว้ ป่านฉะนี้คงถูกอ้ายกล้ามันฆ่าตายไปแล้ว”

ทุกคนฟังแล้วเศร้าไปทันที ต่างเป็นห่วงสุ่นมาก

ooooooo

กล้าหนีไปอยู่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง มีชาวบ้านและสุ่นที่ถูกลูกน้องกล้าคุมให้ทำงานโดยมีกล้าวางมาดใหญ่นั่งเอกเขนกให้ลูกน้องกราบไหว้ แต่พอถูกทหารอังวะกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาลูกน้องกล้าก็พากันโยนดาบทิ้งยกมือไหว้ขอชีวิต

เมื่อลูกน้องโยนดาบหมด กล้าก็หมดท่ากลัวตัวสั่น ทหารอังวะเห็นกล้ามีสมบัติมากมาย กล้าก็รีบประจบว่าตนคิดรวบรวมสมบัติเหล่านี้เพื่อเอาไปให้ทัพอังวะแทนความจงรักภักดี

นายกองอังวะหัวเราะไม่เชื่อแต่พอเห็นสุ่นก็ชะงัก กล้าดูออกรีบเสนอว่าตนยินดีเต็มใจยกให้ไปรับใช้ท่าน สุ่นได้ยินก็เห็นเป็นโอกาสว่าถ้าตนรับใช้นายกองอังวะดีๆ ก็มีทางล้างแค้นกล้าได้ไม่ยาก

ที่ค่ายพระเจ้าตากที่ระยอง พระยาพลเทพถูกมัดแห่ประจานไปรอบค่าย แมงเม่ากับขันทองยืนมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แมงเม่าเอ่ยกับขันทองว่าแม้การล่มสลายของอโยธยาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนนี้แต่ผู้เดียวแต่ถือว่าเป็นตัวการสำคัญไม่น้อย เวรกรรมตามสนองแล้ว

“มันผู้นี้ทำให้พ่อของฉันต้องตาย แลนับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของแม่ด้วย ถือว่าเป็นศัตรูสำคัญในชีวิต แต่เมื่อได้รับผลกรรมเช่นนี้แล้ว ที่เหลือฉันก็อโหสิให้”

หลวงพิชัยกับพันหาญคุมตัวพระยาพลเทพมาถึงหน้าค่าย พันหาญให้ทหารคุมตัวไปแห่ประจานทางน้ำ ตนกับหลวงพิชัยจะเตรียมรับตัวไปแห่ประจานต่อที่เมืองระยองเอง

แต่ขณะทหารแห่ประจานทางน้ำนั้นขุนแผลงฤทธิ์มาชิงตัวพระยาพลเทพไปได้ พระยาพลเทพให้ขุนแผลงฤทธิ์พาหนีไปที่เมืองจันทบูร เพราะเมืองจันทบูรมั่งคั่งและเข้มแข็งที่สุดในหัวเมืองตะวันออก การที่พระยาตากมาปักหลักที่ระยองก็หวังได้จันทบูรมาเป็นกำลัง แต่สิ่งที่จะได้คือคมดาบคมหอกของจันทบูรเท่านั้น

หลวงพิชัยกับพันหาญถือว่าพระยาพลเทพหนีไปได้เป็นความประมาทของตน ขอให้พระเจ้าตากลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พระเจ้าตากเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ไม่คาดหมายและไม่มีใครคิดว่าคนอย่างพระยาพลเทพจะมีผู้ภักดีมาช่วยจึงขอคาดโทษไว้ก่อน อย่าให้มีเช่นนี้อีกก็แล้วกัน

ขันทองเชื่อว่าเป็นฝีมือของขุนแผลงฤทธิ์ที่หนีไปได้ในวันจับตัวพระยาพลเทพ เพราะฝีมือดาบ

ขุนแผลงฤทธิ์สูงมาก มิเช่นนั้นในเวลาอันสั้นย่อมไม่สามารถสังหารทหารและพาพระยาพลเทพหนีไปได้

พระเจ้าตากเห็นด้วยและถือว่าพระยาพลเทพเป็นเหมือนเสือที่หลุดเข้าป่า เห็นทีจะกลับมาเป็นภัย แต่เวลานี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องคิด พระเจ้าตากหันไปถามม่วงว่า เมืองจันทบูรตอบกลับมาว่าอย่างไรบ้าง ม่วงบอกว่ายังเฉยอยู่ เห็นทีจะไม่ยอมร่วมมือกับเราเป็นแน่

“ส่งทูตไปอีก อย่างไรก็ต้องดึงจันทบูรมาเป็นพวกให้จงได้ ด้วยเมืองนี้อุดมสมบูรณ์นัก แลยังว่างเว้นศึกมานานปี มีความพร้อมทุกด้าน เมืองระยองก็เล็กเกินกว่าจะคิดการใหญ่ หากไม่ได้จันทบูรก็ไม่มีทางกู้บ้านกู้เมืองได้”

พันหาญถามว่าเราส่งทูตไปติดๆกันเมืองจันทบูรจะไม่คิดว่าเราเข้าตาจนจนเสื่อมเสียพระเกียรติหรือ พระเจ้าตากชมว่าถามได้ดีและให้ขันทองตอบแทน ขันทองไหว้เหนือหัวแล้วหันไปตอบพันหาญว่า

“มันจำเป็นจ้ะน้าพันหาญ ด้วยเพลานี้เป็นโอกาสดีนักเพราะอังวะติดศึกจีน ทัพที่อยู่ในอโยธยาไม่นานก็ต้องถอนกลับ หากเราไม่เร่งมือ รอจนอังวะส่งทัพมาเสริม ก็ยากจะทำการได้สำเร็จแล้ว”

พระเจ้าตากยิ้มพอใจความฉลาดของขันทอง ก่อนจะหน้าเคร่งขรึมลง บอกว่า

“หากฉันคิดตั้งตนเป็นใหญ่ เพียงแค่สะสมกำลังในหัวเมืองตะวันออกก็พอแล้ว แต่เมื่อคิดกู้อโยธยาให้กลับคืนมาก็ต้องฉวยโอกาสที่อังวะรบกับจีนไว้ จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด”

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 14 วันที่ 2 มิ.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ