อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 27 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 27 ธ.ค.60

เพื่อนงงรีบเปิดคลิปที่ทวิตตี้ส่งมาดู ทันใดก็ต้องหน้าเจื่อน กันลองเห็นและได้ยินเสียงแม้จะเบลอหน้าแต่เสียงที่ได้ยินมันชัดเจน

ด้านวรัชช์หงุดหงิดโมโหจิตจีรังที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่อง จิตจีรังจะไปเอาเรื่องแตงโมที่เป็นคนปล่อยคลิป นนท์ปรามและให้คิดเสียว่า วรัชช์ทำกับสาวๆไว้มากจึงโดนเอาคืน วรัชช์โวย

“เออ ผมก็รู้ตัว! ก็พยายามกลับตัวอยู่นี่ไง แล้วแม่งก็เป็นเงียะ...ฉันทำมันพัง พังหมด”



ทั้งนนท์และจิตจีรังช่วยกันห้ามวรัชช์ทำร้ายตัวเอง พลันนิวัติโทร.เข้ามาเรียกวรัชช์ไปพบที่ช่อง เขารับคำหน้าเครียด

ooooooo

เพื่อนกับกันลองรีบขึ้นเครื่องกลับ ผู้คนบนเครื่องซุบซิบเรื่องแพงกันใหญ่ กันลองคอยปลอบใจและปกป้องแพง โดยไม่ถามสักคำว่าคลิปนั้นใช่เธอหรือไม่ เพื่อนซึ้งใจน้ำตาคลอ เขาส่งมะขามซองที่แพงชอบให้แต่เพื่อนไม่รับ ได้แต่ซุกหน้าร้องไห้กับไหล่เขา

พอถึงกรุงเทพฯ แพงโดนเรียกเข้าไปที่ช่อง กันลองขอตามไปเป็นเพื่อนและเตือนให้ส่งข่าว รื่นจิตจะได้ไม่เป็นห่วง เพื่อนจึงส่งข้อความไปว่า...แพงขอโทษที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ แล้วแพงจะอธิบายทุกอย่างให้แม่ฟังค่ะ... รื่นจิตเปิดอ่านข้อความน้ำตารื้น แต่เชื่อมั่นในตัวลูก

มาถึงหน้าสถานี นักข่าวกรูเข้ามาซักถามแพง กันลองพาแพงเลี่ยงมาขึ้นลิฟต์ เขากอดให้กำลังใจพยายามพูดปลอบใจให้รู้ว่ายังมีเขาอยู่ไม่ต้องกลัวอะไร ทวิตตี้รออยู่หน้าลิฟต์ พอเห็นแพงก็รีบพาเข้าไปพบผู้ใหญ่

กันลองแยกไปฝากกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ เพื่อนมองวรัชช์ที่นั่งรออยู่ก่อนอย่างเย็นชาเพราะคิดว่าเขาเป็นคนปล่อยคลิป พอราณีถามว่าในคลิปใช่ทั้งสองไหม เพื่อนตอบว่าใช่แต่วรัชช์ตอบว่าไม่ใช่ ราณีถอนใจคิดหาทางแก้ไข...ในขณะที่กันลองเจอกลุ่มนักข่าวซักถาม เขาขอไม่ตอบอะไร บอกได้เพียงว่า เขาเชื่อใจแพงเสมอ

ราณีกับญาณีสั่งตั้งโต๊ะแถลงข่าว และเปิดคลิปแบบไม่เบลอหน้าให้ทุกคนดู ระหว่างนั้นกันลองเดินเข้ามาเห็นภาพแพงเต็มจอก็เสียใจกลับออกไปทันที ราณี เฉลยว่าคลิปที่หลุดออกไปถูกทำขึ้นเพื่อโปรโมตละครฟอร์มยักษ์ เดือนประดับดาว คลิปยังอยู่ในกระบวนการตัดต่อ แต่มีการผิดพลาดถึงได้หลุดออกมา ต้องขออภัยสื่อมวลชน แฟนๆละครและนักแสดงทั้งสองคน

นักข่าวฮือฮากันใหญ่ว่าละครยังไม่เปิดกล้องทำไมทำคลิปโปรโมตก่อน และว่า “เมื่อกี้พวกผมพบคู่หมั้นคุณแพงที่ข้างล่าง ทำไมเขาถึงดูเหมือนไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเลย”

“แล้วฉากที่เห็นในห้องก็เป็นห้องของวรัชช์จริงๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

เพื่อนหน้าเสีย วรัชช์ตอบแทนว่า ตนเป็นคนเสนอให้ใช้ห้องตน จะได้ดูแนบเนียนและก็เป็นกระแสจริงๆ นักข่าวถามแพงว่าคงต้องมีการเคลียร์นอกรอบกับคู่หมั้น เพื่อนตอบว่าเขาต้องเข้าใจตนดี นักข่าวล้อเมื่อไหร่มีจะข่าวดี เพื่อนบอกถ้ามีแพลนจะรีบบอก รับรองไม่ทำให้ตกใจหรือสร้างกระแสใดๆ วรัชช์หน้าตึงทันที

เสร็จการแถลงข่าว นักข่าวตามแพงมาขอถ่ายรูปกับกันลอง และซักถามกันลองว่าข่าวนี้กระทบความสัมพันธ์ของเขากับแพงไหม กันลองย้ำคำเดิมว่า เชื่อใจแพงเสมอ ทวิตตี้เข้ามาดึงแพงไปให้สัมภาษณ์อีกทาง กันลองจึงบอกว่าจะไปรอข้างล่าง

พอเดินมาที่ลิฟต์เจอกับวรัชช์ กันลองใส่ทันที “สงสัยละครเรื่องนี้ท่าจะดังเปรี้ยงสมกับที่ลงทุนโปรโมตจริงๆ คุณว่าไหม”

วรัชช์แค่พยักหน้า ลิฟต์มาพอดี ทั้งสองเข้าไปพร้อมกัน พอลิฟต์ปิดวรัชช์ยิ้มเยาะถากถาง

“คุณนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่นะ”

ขาดคำวรัชช์ถูกกันลองชกหน้าลงไปกองกับพื้น เลือดกบปาก กันลองถาม...คิดว่าอย่างไร วรัชช์ทำหน้าผยองกลับ ไม่ขอโทษ ไม่แก้ตัวใดๆ กันลองแทบอยากต่อยอีกหมัด

“ผมรู้จักแพงมานาน รู้ว่าแพงนิสัยแบบไหน เป็นคนยังไง ผมมั่นใจในตัวแพง”

“โลกสวยไปไหม มั่นใจเหรอว่าที่คุณรู้มามันเป็นเรื่องจริง คิดเหรอว่ารู้จักตัวตนจริงๆของแพงเท่ากับผม”

“คนอย่างคุณ นอกจากช่วยอะไรแพงไม่เคยได้ยังเป็นตัวปัญหาออกมาสร้างเรื่องไม่จบไม่สิ้น แค่นี้สินะ ที่มีปัญญาทำได้ คุณอยู่เฉยๆเถอะ อย่าทำตัวน่าสมเพชไปมากกว่านี้เลย!”

วรัชช์ต่อยกันลองบ้าง แล้วจะซ้ำอีกหมัด กันลองยกมือปัดแล้วดันวรัชช์ติดผนัง กระแทกมือกับผนังเฉียดหน้าเขานิดเดียว เข่นเขี้ยวใส่

“ถ้ายังเป็นลูกผู้ชายพอ ก็ควรจะจบเรื่องทุกอย่างตั้งแต่นาทีนี้ แพงเป็นผู้หญิงของผม และผมจะปกป้องเธอเอง” กันลองจ้องหน้า วรัชช์จ้องกลับแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

ประตูลิฟต์เปิด ทั้งสองเดินออกมา ทวิตตี้เห็นหน้าทั้งสองฟกช้ำก็ตกใจ วรัชช์เดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำ เพื่อนมาถึง ทวิตตี้รีบฟ้องว่าวรัชช์หาเรื่องกันลอง เพื่อนเห็นหน้ากันลองมีแผลมุมปาก วรัชช์เดินออกมายิ้มเย้ย เพื่อนโกรธมาก เดินไปดันวรัชช์กลับเข้าไปในห้องน้ำชายตบหน้าเขาฉาด จ้องหน้าตาแดงเหมือนจะร้องไห้ วรัชช์ใจหายจะอธิบาย เพื่อนไม่ฟังสะบัดตัวออกไป

จังหวะนั้น นักข่าวทยอยเดินมา กันลองรีบพาแพงหลบ ทวิตตี้โทร.เรียกรถมารอรับที่ประตูทันที วรัชช์ขี่เวสป้าประกบรถตู้ที่เพื่อนนั่ง มองหน้าเพื่อนอย่างเสียใจ

ooooooo

รื่นจิตมาโวยวายมธุรสว่าคลิปหลุดเป็นฝีมือวรัชช์ รุ่นพี่ทอมปลอบให้ใจเย็นค่อยๆพูดกัน รื่นจิตหาว่ามธุรสปิดบังไม่บอกเรื่องความสัมพันธ์ของวรัชช์กับแพง มธุรสอธิบายว่าวรัชช์รักแพงจริง แต่ตนจะพูดอะไรมากได้เพราะรื่นจิตพูดกรอกหูให้ฟังทุกวันเรื่องแพงหมั้นกับกันลอง

มธุรสบอกว่าตนไม่ใช่คนที่จะเข้าข้างหลาน ตนรู้ว่ารื่นจิตชอบกันลองไม่น้อย รื่นจิตยังว้าวุ่นใจที่มีข่าวเสียหายกับลูก จึงโทษวรัชช์ทำผิดมาวุ่นวายกับคนที่เขามีเจ้าของแล้ว มธุรสสวน

“ก็แล้วคนที่มายุ่งกับไอ้นุกนิกเขาไม่มีเจ้าของหรือไง...แกเคยสังเกตลูกตัวเองบ้างไหมว่าไอ้ที่เขามีความสุขน่ะเพราะใคร เพราะไอ้นุกนิกมันหรือเพราะไอ้หนุ่มรูปหล่อข้างบ้าน”

“นี่พี่กำลังหมายความว่ารื่นเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องสินะ!”

มธุรสรีบปลอบแค่อยากเตือน อย่ามองโลกด้านเดียว ถึงแม้เธอจะเลี้ยงลูกตัวคนเดียว แต่เธอยังมีตนเป็นพี่เป็นเพื่อนเหมือนคนในครอบครัว รื่นจิตโกรธปัดกองต้นฉบับบนโต๊ะหล่นกระจาย พลันเห็นต้นฉบับเดือนประดับดาวที่เป็นลายมือแก้วขวัญ มธุรสบอกว่าเพิ่งหาเจอกำลังจะเอาไปคืน รื่นจิตดึงต้นฉบับมากอดเดินกลับไปอย่างขุ่นเคือง มธุรสอ่อนใจวิ่งตาม

วรัชช์เดินเข้าบ้านมาพอดี ยกมือไหว้รื่นจิตแล้วบอกเรื่องคลิปเป็นแค่การโปรโมตละคร ถ้ามีเรื่องอะไรตนขอรับผิดชอบทั้งหมด รื่นจิตสะดุดหูจ้องหน้าเขม็งก่อนจะเดินไปขึ้นรถขับออกไป มธุรสเดินมาตบหัวหลานรัก

“คลิปโปรโมตบ้าอะไรของแก หลอกใครก็หลอกได้ แต่อย่าคิดจะมาตบตาฉันกับน้ารื่น”

“ใช่ ผมมันตัวปัญหา ผมมันน่าสมเพช พอใจหรือยัง” วรัชช์ประชดด้วยความน้อยใจ

มธุรสอยากจะซัดอีกผัวะแต่สงสารบอกให้เริ่มแก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ เล่าความจริงมาให้หมด พระเอกหนุ่มสบตาป้า สารภาพว่าตนรักแพงและจะไม่ยอมเสียเธอไป...

ด้านรื่นจิตกลับมาถึงบ้าน เห็นสีหน้าท่าทางลูกแล้วไม่อยากซักไซ้อะไร ได้แต่เลียบเคียงถามถึงสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไป เพื่อนรู้แก่ใจดีว่าแม่อยากพูดอะไร จึงพูดออกมาเองว่าให้เชื่อใจ คลิปนั่นเป็นคลิปโปรโมตละครของช่องจริงๆ รื่นจิตน้ำตาคลอไม่อยากคาดคั้นใดๆ

ขณะเดียวกัน กันลองเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้ามีรอยช้ำมุมปาก ชลลดานั่งดูข่าวคลิปหลุด พอเห็นหน้าเขาก็โวยไม่เชื่อว่าคลิปนั้นเป็นคลิปโปรโมต กันลองหน้าเครียดกดรีโมตปิดทีวี แล้วออกมายืนสงบสติอารมณ์หน้าบ้าน เขาเจ็บปวดมากกับเรื่องนี้ โรยบุญถือกล่องยามาทำแผลให้บอกชลลดาสั่ง กันลองถามดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรือครับ โรยบุญได้ยินเป็นเขาถามถึงคัพไซส์ จึงหน้าแดงตอบอายๆว่า เห็นแบบนี้คัพอีเชียวนะ เป็นเพราะสูตรยาไก่ฟ้าจริงๆ

กันลองขำแต่เหนื่อยใจ จึงเปรยออกมา “พักหลังมานี้แพงดูแปลกไปจากเมื่อตอนเด็กที่รู้จักกัน แตกต่าง จนเหมือนเป็นคนละคนเลยนะครับ แต่มันก็เปลี่ยนไปทั้งในทางที่ดี แล้วก็ไม่ดี”

โรยบุญถกแขนเสื้อโวย ถึงตนจะคัพอีแต่ก็อกไม่ห่าง กันลองหัวเราะออกมา บอกตนพูดว่าแตกต่าง ไม่ใช่ห่าง โรยบุญทำหน้าเก้อๆหันไปโทษเครื่องช่วยฟังว่าไม่ได้เรื่อง กันลองให้เธอไปนอน ตนขอนั่งดูดาว

อีกสักพัก หญิงสูงวัยจึงพูดเตือนสติอย่างผู้ใหญ่ที่มองโลกกว้างกว่า

“หนุ่มๆสาวๆก็แบบนี้ นั่งมองฟ้าแล้วนับดาวนับไปได้สิบดวงก็บอกว่าสวยนักสวยหนา พอทะเลาะกันก็มองฟ้าแล้วบอกว่าเหงา ทั้งๆที่มีดาวจนนับไม่ถ้วน...

อย่าเศร้าให้มากนะเจ้าคะ เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะเป็นห่วง คุณพะลองอย่าลืมห่วงความรู้สึกของคนอื่นที่รักและเป็นห่วงเราด้วยนะเจ้าคะ เพราะวันนึงในตอนที่พะลองมัวแต่นั่งมองจันทร์ คุณพะลองอาจจะไม่รู้ตัวว่า ดาวมันหายจากฟ้าไปแล้ว...” โรยบุญเดินเข้าบ้านไป

กันลองยืนมองท้องฟ้าอึ้งๆโดยไม่รู้ว่าชลลดา ยืนมองจากระเบียงห้อง ครุ่นคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง... ระหว่างนั้นวรัชช์ยืนอยู่หน้าบ้านแพง เขาโทร.เรียกให้เธอลงมาหา แต่เธอไม่รับสาย ส่งข้อความไปเธออ่านแต่ไม่ตอบ เพื่อนว้าวุ่นใจเพราะมีคนด่าในเพจว่าแพงอาภรณ์เห็นหงิมๆ ตัวจริงแรดอย่าบอกใคร และมีคำด่าอื่นๆอีกมากมาย

เพื่อนน้ำตาไหลมองตัวเองในกระจก พร่ำขอโทษแพงที่ทำให้ชื่อเสียงพัง ตนโง่เองที่เชื่อคาสโนว่าอย่างวรัชช์ เขาแค่อยากเอาชนะตนเท่านั้น เพื่อนฟุบหน้าร้องไห้อย่างปวดใจ

ooooooo

เช้าวันใหม่ เพื่อนลงมาเห็นรื่นจิตนั่งดื่มกาแฟ ก็โล่งใจที่แม่ไม่ซักไซ้อะไร แต่พอเทนมใส่แก้วจะทิ้งกล่อง ก็เห็นหนังสือพิมพ์ถูกทิ้งในขยะทุกฉบับ และสังเกตเห็นว่าแม่ไม่เปิดทีวีก็ใจแป้ว คว้ากระเป๋าเดินออกจากบ้านบอกแม่ว่ารีบไปมีงานถ่ายโฆษณา

เพื่อนเดินมาหน้าบ้านโทร.บอกทวิตตี้ว่าไม่ต้องมารับ จะนั่งแท็กซี่ไปเลย พลันเห็นวรัชช์นอนหลับอยู่ในรถก็เดินหนี แต่เขาตื่นขึ้นมาเสียก่อน รีบลงรถมาดักหน้า ขอให้คุยกันดีๆ เพื่อนไม่ยอมคุย เกิดการยื้อกัน กันลองออกมาเจอเข้ามาต่อว่าวรัชช์ให้เลิกยุ่งกับแพง วรัชช์ตอบโต้กวนๆ เพื่อนกลัวเขาพูดอะไรออกมาจึงตัดสินใจไปกับกันลอง

แต่พอนั่งรถมากับกันลอง เพื่อนอึดอัดใจที่เขาไม่ถามอะไรสักคำ จึงขอบคุณที่เขาอยู่เคียงข้างมาตลอด จู่ๆกันลองจอดรถข้างทางแล้วบอกว่า วันนี้มีประชุมแต่เช้า ขอโทษที่ต้องให้เธอนั่งแท็กซี่ต่อไปเอง เพื่อนหน้าเจื่อนแต่รับคำว่าไม่เป็นอะไร แล้วลงจากรถเรียกแท็กซี่นั่งไป มาถึงกองถ่าย เพื่อนเห็นกองทัพนักข่าวและฝูงแฟนคลับที่ถือป้ายวัชราภรณ์ก็เดินเลี่ยง ทวิตตี้ดึงไปห้องแต่งตัวที่แยกเดี่ยว แล้วซักถามเรื่องคลิป ถ้าเป็นการโปรโมตจริง ทำไมตนไม่รู้เรื่องก่อน เพื่อนอึดอัดใจบวกกับอารมณ์คุกรุ่น พอได้ยินทวิตตี้บ่นก็ระเบิดออกมา

“ถ้าปัญหามันเยอะนัก งั้นเจ๊อยากเลิกเป็นผู้จัดการหนูเลยไหมคะ”

“ฉันจะถือว่าไม่ได้ยินละกันนะ” ทวิตตี้อึ้งระคนเสียใจ พยายามกลั้นน้ำตาไว้เพื่อนเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ จู่ๆน้องเอแฟนคลับโผล่มาตบหน้าฉาดใหญ่ เพื่อนงุนงง น้องเอโวยที่ทำร้ายจิตใจวรัชช์ มีคนอื่นอยู่แล้วยังมายุ่งกับพระเอกในดวงใจตน เพื่อนตกใจวิ่งกุมแก้มออกมา วรัชช์เห็นรีบถามใครทำอะไรเธอ เพื่อนสะบัดตัวออกวิ่งน้ำตาไหลไป ทวิตตี้กับทีมงานเดินมา เห็นแพงร้องไห้วิ่งไปก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น วรัชช์วิ่งตามแล้วกลับมาบอกทุกคน

“แพงหนีขึ้นแท็กซี่ไปทางด้านหลังสตู ผมตามไม่ทัน เจ๊ครับ ผมคิดว่าแพงโดนทำร้าย”

ทวิตตี้ตกใจรีบโทร.หาแพง แต่ปรากฏว่าทั้งมือถือและกระเป๋าวางอยู่ในห้องแต่งตัว เอเจนซีโวยวายจะเอาเรื่องทวิตตี้ที่แพงอาภรณ์ทำงานไม่เป็นมืออาชีพ

ข่าววงในไม่พ้นหูชลลดา เธอสั่งภูดิศให้ทำเอกสารยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์กับแพง กันลองเข้ามาได้ยินไม่พอใจ ขอให้แม่เลิกยุ่งเรื่องนี้เสียที ชลลดาว่าทำเพื่อบริษัท

“ผมถามอะไรแม่อย่าง แม่เคยคิดจะเลิกกับพ่อบ้างไหมครับ ทั้งๆที่พ่อทำอะไรให้แม่ไม่พอใจจนถึงขั้นทนแทบไม่ได้ตั้งหลายอย่าง” ชลลดาสวนว่าไม่เคย “แม่ให้อภัยพ่อเพราะแม่รักพ่อใช่ไหมครับ...ลูกชายแม่ไม่ได้หูหนวกตาบอดหรอกครับ แต่ถ้าแม่คิดว่าการที่ผมพยายามให้อภัยแพงคือความโง่ ผมก็คงต้องยอมรับ เพราะว่าผมเองก็ไม่ได้ต่างกับแม่เลย สักนิดเดียว”

ชลลดานั่งอึ้งมองลูกชายเดินออกไปด้วยความรู้สึกหนักใจ...ในขณะที่รื่นจิตกำลังเปิดต้นฉบับเดือนประดับดาวไปเรื่อยๆ เห็นมีบันทึกท้ายเรื่องกำลังจะอ่าน เพื่อนวิ่งมากอดร้องไห้ จึงเอาที่คั่นหนังสือคั่นหน้าไว้ ถามลูกอย่างห่วงใยว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนรำพันว่าคนที่ตนไว้ใจได้คงมีแต่แม่คนเดียว รื่นจิตปลอบว่าแม่ไม่มีวันทิ้งลูก เพื่อนสะท้านใจสบตารบเร้าถาม

“เมื่อก่อนบ้านเราจนมากเหรอคะ แม่ลำบากมากเหรอคะ ถึงเลือกจะมีหนูแค่คนเดียว...เราไม่มีกินเหรอคะแม่ ทำไมแม่ถึงไม่คิดจะมีน้อง”

รื่นจิตส่ายหน้า บอกแค่แพงคนเดียวก็เติมเต็มให้พ่อกับแม่แล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องมีน้องให้ เพื่อนเอาเล็บจิกหน้าขาตัวเองด้วยความน้อยใจ หดหู่ที่แม่ไม่รู้สึกผิด และยังถามทำไมถึงพูดเรื่องนี้ เพื่อนกลบเกลื่อนแค่ถามเฉยๆแล้วผละขอตัวไปพัก

เพื่อนผิดหวังสับสนเข้ามาในห้อง มองรูปแก้วขวัญแล้วรำพัน “หนูคงไม่ต้องถามอะไรพวกคุณอีก เพราะคำตอบมันชัดเจนหมดแล้วว่า หนูเป็นลูกที่พวกคุณไม่เคยต้องการ”

ไม่เพียงแค่นั้นเพื่อนได้รับของขวัญจากแฟนคลับ ปรากฏว่าเป็นกิ้งกือไส้เดือนก็ตกใจ มีกระดาษโน้ตแนบมาด้วยว่า...เอาหัวไปมุดดินซะ ยัยแรดหน้าไม่อาย เพื่อนพยายามเก็บอารมณ์ พอดีใจเอาโทรศัพท์ไร้สายมายื่นให้ บอกว่าทวิตตี้โทร.มา เพื่อนรับมาแล้วยื่นกล่องให้ใจไปทิ้งกำชับห้ามรับของจากคนแปลกหน้าอีก แล้วหันมาคุยโทรศัพท์ ทวิตตี้บอกว่าเธอลืมกระเป๋าไว้จะเอาไปคืนให้ เพื่อนให้เก็บไว้ก่อน แล้วตัดสายไป

คืนนั้นเพื่อนตัดสินใจเอาไดอารี่ของแพงมาเขียนต่อ...แม่คะ หนู เพื่อนอาภา ลูกสาวที่แม่ไม่เคยต้องการ...

น้ำตาเพื่อนหยดลงบนกระดาษ แล้วโทร.หาฤดี แต่เธอไม่รับสายจึงฝากข้อความไว้ว่า...แพงติดต่อแม่โฮปได้ อาจจะเข้าไปเยี่ยมที่บ้าน ช่วงนี้แพงยุ่งมาก ฝากดูแลโฮปด้วย...

เพื่อนลงมานั่งเล่นหน้าบ้าน กันลองมาต่อว่าที่ไม่รับสาย เธอจึงบอกว่าลืมกระเป๋าและมือถือไว้ที่ทวิตตี้ กันลองเห็นหน้าแพงแดงข้างหนึ่งก็รีบถามใครทำ เพื่อนส่ายหน้าเปลี่ยนเรื่องมาขอโทษที่ทำให้เขาหงุดหงิดหลายเรื่อง และขอบคุณที่เขาดีกับแพง กันลองลูบหัวเธอ

“แพง...ช่วงนี้พี่รู้ว่าแพงมีเรื่องให้คิดมาก แต่บางอย่างมันก็ต้องยอมปล่อยวางบ้าง แค่เราเชื่อใจกันก็พอ เอาเป็นว่าพี่จะเป็นเด็กดี ไม่ให้แพงต้องปวดหัวอีกดีไหมคะ...เหนื่อยก็พักนะคะ”

กันลองดึงแพงมาซบไหล่ จับมือขึ้นมาจูบที่แหวนหมั้น บอกแหวนวงนี้ไม่รับคืน เพื่อนน้ำตาไหลริน อกจะระเบิดอัดอั้นไปด้วยความจริงที่พูดไม่ได้...วรัชช์ยืนถือช่อดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เห็นภาพบาดตาพยายามควบคุมอารมณ์ พอกันลองเดินออกมาจากบ้าน วรัชช์พูดใส่หน้า

“คุณคงไม่คิดแค่อยากเอาชนะผมใช่ไหม เพราะถ้าใช่ ผมจะไม่มีวันถอยหลัง”

“ตั้งแต่ผมรู้ใจตัวเองเมื่อสิบปีก่อน ผมก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือแพงไป”

“หลอกใจตัวเองไปให้ได้ตลอดนะ ผมจะคอยดู” วรัชช์เสียงกร้าวขึ้น ใจได้ยินเสียงเอะอะเดินออกมา วรัชช์ฝากของให้แพง แล้วขึ้นรถขับกลับไป

ใจเอาช่อดอกไม้และยามาให้แพงบนห้อง เพื่อนรับไว้แล้วโยนลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี ส่วนวรัชช์กลับไปนั่งดื่มที่โรงแรมตัวเอง มีนนท์คอยปลอบใจ

เช้าวันใหม่ เพื่อนชวนจิตจีรังออกมาทานอาหารใต้ และซื้อของชอบไปฝากทวิตตี้...เพื่อนขอให้จิตจีรังช่วยทำให้วรัชช์ไปจากตนเสียที เขาทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต จิตจีรังเตือน

“ฉันรู้ว่าเธอรักวรัชช์ ความรักไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องเสมอไปหรอกนะ แพงอาภรณ์ที่ฉัน
สนิทด้วยเป็นคนที่ชอบใช้ใจตัดสินไม่ใช่หรือ เธอที่เป็นแบบนั้นน่ะเจ๋งกว่าใครเลยรู้รึเปล่า”

“ฉันคนที่เธอว่าน่ะ ไม่ใช่แพงอาภรณ์ตัวจริงหรอก” เพื่อนพูดเป็นนัยๆ จิตจีรังหาว่าอินกับบทในละครมากเกินไป สองสาวเพิ่งรู้สึกว่าคนในร้านมองและซุบซิบ รวมทั้งพนักงานในร้านที่ออกอาการไม่ชอบแพง เพื่อนไม่อยากมีปัญหาดึงจิตจีรังให้กลับ และแวะเอาแกงที่ซื้อไปแขวนที่หน้าห้องทวิตตี้...พอทวิตตี้กลับมาเจอก็ใจอ่อนลง ส่งข้อความไปหา

“รักษาตัวให้ดีล่ะ ต่อไปนี้ต้องตั้งใจทำงานมากกว่าเดิมร้อยเท่าเลยนะยะ”

วันต่อมา ชลลดาได้ยินโรยบุญทะเลาะกับใครที่โทร.เข้ามาเครื่องบ้าน จึงดึงโทรศัพท์มาคุยเอง แล้วต้องแปลกใจเมื่อปลายสายบอกว่า ขอนัดเซ็นโอนสิทธิ์บ้าน จึงเลียบเคียงถามสถานที่

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 27 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ